6 อยากเลี้ยงแมว
6
อยากเลี้ยงแมว
เมื่อถึงเวลานัดหมาย แผ่นดินจึงมารับว่าที่คู่หมั้นอย่างเป็นทางการที่บ้าน คืนนี้เขาตั้งใจพาแก้มหอมไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อน แม้เมื่อคืนจะได้เจอหน้ากันไปแล้วก็ตาม
“สวัสดีครับคุณน้า”
คนมาเยือนเอ่ยทักทายเจ้าของบ้าน ซึ่งกำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่นกับสามีของเธอ
“อ้าว สวัสดีจ้ะแผ่นดิน มาทำอะไรจ๊ะเนี่ย มาหาน้องเหรอ?”
กชกรละสายตาจากหน้าจอทีวี และหันมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะหลังกลับจากดูฤกษ์กับดาริณแล้ว เธอก็ไม่เห็นหน้าลูกสาวตัวเองอีกเลย เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องไม่ยอมลงมา จึงไม่รู้ว่าเย็นนี้ทั้งคู่นัดกันไว้
“ครับ พอดีจะพาแก้มหอมไปแนะนำให้เพื่อนๆ ผมได้รู้จัก”
“อ่อ งั้นนั่งรอก่อนนะลูก เดี๋ยวน้าให้คนรับใช้ขึ้นไปตามน้องให้”
“ครับ”
“ป้าอิ่มจ๊ะ ขึ้นไปตามยัยแก้มให้ฉันหน่อย บอกว่าคุณแผ่นดินรออยู่”
นายหญิงใหญ่ของบ้านหันไปเอ่ยสั่งคนรับใช้ ก่อนผู้หญิงมีอายุคนนั้นจะน้อมรับคำสั่ง และเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อตามคุณหนูของเธอลงมา
ตึก ตึก ตึก
เวลาผ่านไปไม่นานนัก สองขาเรียวยาวบนรองเท้าบู๊ทส้นสูงห้านิ้วสีดำสนิท ค่อยๆ ก้าวลงมาจากบันไดด้วยท่วงท่าสง่างาม
แก้มหอมอยู่ในชุดเสื้อโค้ตกันหนาวตัวยาวใหญ่จนเกือบถึงข้อเท้า ถูกติดกระดุมทุกเม็ดไว้อย่างมิดชิด ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นดูแปลกใจกับสไตล์การแต่งตัวของเธอพอสมควร
ก็ช่วงนี้มันเป็นฤดูร้อน แถมอุณหภูมิยังสูงกว่าทุกๆ ปี ใครที่ไหนเขาจะบ้าใส่ชุดกันหนาวเกือบครบเซ็ทแบบนี้กันล่ะ
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะลูก?”
กชกรย่นคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย เธอเองก็อดแปลกใจกับสิ่งที่ลูกทำไม่ได้
“แก้มกลัวอากาศกลางคืนมันจะหนาวน่ะค่ะ เพื่อกลับดึกด้วย ก็เลยเตรียมพร้อมไว้ก่อน”
แก้มหอมตอบผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันไปหาแผ่นดิน ซึ่งกำลังนั่งมองเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
“ไปกันหรือยังคะพี่แผ่นดิน?”
“อืม”
แม้จะแปลกใจกับสไตล์การแต่งตัวของเธอที่ดูขัดกับสภาพอากาศในขณะนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะมันไม่ได้ทำให้เธอดูประหลาดจนเขาไม่กล้าที่จะเดินด้วย
“งั้นแก้มไปก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่”
“โอเคจ้า อย่ากลับดึกมากละกันนะลูก”
“อาฝากดูแลน้องด้วยล่ะแผ่นดิน”
ดนัยซึ่งนั่งสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ มาสักพัก เอ่ยบอกคนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน
“ครับ คุณอา”
ร่างสูงเดินไปแตะด้านหลังของแก้มหอมเบาๆ เพื่อพาเธอเดินออกมาขึ้นรถซุปเปอร์คาร์ที่จอดรออยู่บริเวณหน้าบ้าน ใช้เวลาไม่นานคนทั้งคู่ก็กลับมาเยือนสถานบันเทิง ที่มาใช้บริการกันครั้งที่แล้วอีกครั้ง
แผ่นดินขับรถเข้ามาจอดยังที่ประจำ หลังเครื่องยนต์ถูกดับสนิท สายตาคมก็ตวัดมองบุคคลที่นั่งข้างๆ อีกครั้งอย่างรู้สึกไม่สบายใจ
“ทำตัวดีๆ อย่าก่อเรื่อง เข้าใจไหม?”
“ทำไมพี่แผ่นดินต้องพูดเหมือนว่าแก้มเป็นตัวปัญหา ชอบก่อเรื่องตลอดเวลาอะไรแบบนี้ด้วยล่ะคะ? เสียใจนะ”
แก้มหอมทำหน้าตาน้อยใจ แววตาตัดพ้อของเธอแผ่นดินมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันเป็นแค่การเสแสร้ง ไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยสักนิด
“หึ!”
เขาแค่นเสียงต่ำในลำคอ ก่อนเปิดประตูรถลงไปยืนรอข้างล่าง แต่ขณะกำลังจะปิดประตูกลับที่เดิม เสียงใสก็ลอยสวนออกมาเสียก่อน
“พี่เข้าไปก่อนเลยค่ะ แก้มขอเติมหน้าแป๊บนึง เดี๋ยวตามเข้าไปค่ะ”
มือบางคว้าตลับแป้งพัฟราคาแพงออกมาจากกระเป๋า และทำท่าให้ความสนใจกับการเสริมเติมแต่งใบหน้างามของตนเอง
“อืม อย่าช้าละกัน”
แผ่นดินไม่ได้ขัดอะไร เขาพอเข้าใจว่าผู้หญิงต้องห่วงรูปลักษณ์ภายนอกเป็นปกติ มือหนาจึงโยนกุญแจรถให้กับเธอ ก่อนปิดประตูและสาวเท้าเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร โดยหารู้ไม่ว่ากำลังจะมีเรื่องวุ่นวายให้เขาปวดหัวอีกแล้ว
“หึ! ทำตัวดีๆ? อย่าก่อเรื่อง? เดี๋ยวแก้มจัดให้ค่า”
“ไง ไหนคู่หมั้นที่มึงบอกจะพามาเปิดตัว?”
ทันทีที่ครามเห็นหน้าเพื่อนสนิท ซึ่งกำลังสาวเท้าเดินเข้ามาหาพวกเขา ก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้เพราะเห็นว่าเจ้าตัวมาคนเดียว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายโทรนัดและให้เหตุผลว่าจะพาคู่หมั้นหมาดๆ มาเปิดตัว
แผ่นดินหย่อนสะโพกนั่งลง ท่อนแขนแข็งแรงวาดไปทางด้านหลังเพื่อพาดพนักพิงด้วยท่วงท่าสบายๆ ก่อนเอ่ยตอบ
“เติมหน้าอยู่ในรถ เดี๋ยวก็คงตามเข้ามา”
“คนเด็ดๆ เมื่อคืนใช่ปะวะ?”
นาวินดูสนอกสนใจไม่น้อย เมื่อคืนเขาอยากทำความรู้จักกับเธอใจจะขาด แต่กลับถูกเพื่อนสนิทลากตัวหญิงสาวไปเสียก่อน
“อืม”
“โห…กูแม่งโคตรอิจฉามึงเลยว่ะ ถ้ากูได้คู่หมั้นสวยเด็ดเข็ดฟันแบบนี้นะ กูคงละสายตาไปมองผู้หญิงคนอื่นไม่ได้อีกแน่ๆ”
นาวินเอ่ยด้วยสีหน้าออกรสออกชาติ พลางหยิบแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นมาจิบ
“หึ! งั้นๆ ไม่เห็นจะเท่าไหร่”
“งั้นๆ ห่าอะไร กูเห็นเมื่อคืนมึงมองเขาตาไม่กะพริบ”
ครามเสริมด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ทำไมจะดูไม่ออก ท่าทางเสียอาการชัดเจนขนาดนั้น ให้ไปยืนมองจากดวงจันทร์ยังรู้เลยว่ามันโดนตกไปแล้ว
“…”
คนถูกรุมนิ่งเงียบเมื่อถูกเพื่อนๆ จับพิรุธได้ เขายกแก้วแอลกอฮอล์ที่มีสาวๆ PR มาทำหน้าที่ชงให้ขึ้นจิบแก้เก้อ
“ว่าแต่มึงจะอำลาวงการเลยหรือเปล่าเนี่ย? ใกล้จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนละนี่”
“ฝันเหอะ คนอย่างกูไม่ทิ้งเขี้ยวเล็บง่ายๆ แน่ แล้วอีกอย่างใครบอกว่ากูจะแต่งงาน?”
“อ้าว แล้วมึงยอมหมั้นทำไม?”
“กูแค่อยากลองเลี้ยงแมวดูสักพัก”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนริมฝีปากหยักสุดเซ็กซี่ แววตาสีดำสนิทแพรวพราวอย่างคนมีแผนการ
“มึงจะทำอะไรวะ?”
ครามรู้สึกไม่ไว้วางใจในสายตาและรอยยิ้มของเพื่อนสนิท ราวกับเจ้าตัวกำลังมีแผนการร้าย
“เล่นกับแมวไง เล่นเบื่อเมื่อไหร่ค่อยเอาไปปล่อย”
“แมวที่ว่า คงหมายถึงน้องเขาสินะ?”
“ตามนั้น...”
“มึงแม่งโคตรเลวเลยว่ะ”
นาวินพูดขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวังที่ดูไม่จริงจังมากนัก ก็พวกเขามันเผ่าพันธุ์เดียวกัน ด่ามันก็เหมือนด่าตัวเอง
“ชมกู?”
“ฮ่าๆ เล่นเบื่อเมื่อไหร่ก็โยนมาหากูละกัน คนนี้ของมึงเดี๋ยวกูรับช่วงเล่นต่อเอง”
“ไม่ได้! ลูกสาวเพื่อสนิทแม่กู”
จู่ๆ แผ่นดินกลับรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินประโยคที่เพื่อนเอ่ย สายตาคมกริบตวัดมองนาวินด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“โห่ อะไรวะ เสียดายว่ะ สเปคกูเลย”
แผ่นดินไม่เข้าใจตัวเอง ที่ดันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร ทั้งๆ ที่นาวินก็มักจะพูดจาทีเล่นทีจริงแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
ทว่าเมื่อแก้มหอมกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาในทางเสียหาย ถูกเพื่อนๆ พูดจาล่อแหลมใส่ เขากลับหงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างนั้น
ฝ่ามือใหญ่คว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนกระแทกลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธที่ค่อยๆ ก่อตัวเพิ่มมากขึ้น ครามและนาวินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อย่างไม่เข้าใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิท
แต่เพียงไม่นานนัก ความไม่สบอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นก็หยุดชะงักลงกลางอากาศ และแทนที่ด้วยความตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า
แผ่นดินอ้าปากค้าง ตาทั้งสองข้างเบิกโพลงด้วยความตะลึงงัน ขณะที่เพื่อนของเขาค่อยๆ หันมองตาม
ร่างผอมเพรียวได้รูปราวกับนางแบบระดับโลก เดินสับขาบนรองเท้าบู๊ทส้นสูงห้านิ้วสีดำเข้ามาใกล้ ดั่งตนเองกำลังเฉิดฉายอยู่บนแคทวอล์ค บนเรือนร่างสมส่วนมีเสื้อผ้าซึ่งไม่เข้ากับสถานที่สวมใส่อยู่
เสื้อโค้ตกันหนาวตัวใหญ่ยาวได้อันตรธานหายไปแล้ว บัดนี้มีเพียงผ้าถุงลายดอกไม้สีชมพูแปร๋น ความยาวเกือบถึงตาตุ่ม และเสื้อคอกระเช้าสีฟ้าอ่อน เหมือนที่พวกคุณยายชอบนุ่ง สวมใส่อยู่บนร่างกายของเธอแทน
ผมยาวสลวยละกลางหลัง ถูกรวบขึ้นอย่างลวกๆ โดยตัวหนีบขนาดใหญ่ตรึงเอาไว้ ไม่ให้มันร่วงลงมาปกใบหน้างาม
เครื่องสำอางที่อุตส่าห์ประโคมแต่งเติมมาเต็มที่ถูกลบออกจนหมดจด แต่การที่ใบหน้าของเธอไร้เครื่องประทินผิว กลับทำให้ดูน่ามองไปอีกแบบ
“ขอโทษนะคะที่ให้รอนาน”
แก้มหอมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสามหนุ่ม ก่อนรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ จะปรากฏขึ้นบนกลีบปากบางสีชมพูระเรื่อไร้ลิปสติกแต่งแต้ม
“…”
ไม่มีสัญญาณการตอบรับใดๆ จากคู่สนทนา ทั้งสามคนนิ่งอึ้งตะลึงงัน กับสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นในผับแห่งนี้
“ตะลึงอะไรกันอยู่เหรอคะ? หรือว่าแก้มสวยเกินไป”
“เธอแต่งตัวบ้าอะไรของเธอเนี่ย?”
เป็นแผ่นดินที่ดึงสติของตนเองกลับมาได้ก่อนเพื่อน เขากำลังรู้สึกอับอาย เมื่อสายตาทุกคู่ของผู้คนในผับหันมามองเป็นตาเดียว
“ลองเปลี่ยนแนวการแต่งตัวดูบ้างไงคะ สวยออก”
คนก่อปัญหาว่าพลางจับผ้าถุงที่สวมใส่ขึ้น และหมุนตัวไปมาอย่างโปรโมทตนเอง ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นใสซื่อ ไม่ได้หักล้างความผิดที่ก่อเลยสักนิด
“คู่หมั้นมึงแม่งได้ว่ะ กูชอบ ฮ่าๆ”
เป็นนาวินที่หัวเราะพรืดอย่างชอบใจ เขารู้สึกถูกชะตากับคู่หมั้นเพื่อนสนิทคนนี้มาก เพราะไม่เคยมีผู้หญิงในสต๊อกคนไหนของแผ่นดิน ที่กล้าหักหน้าเพื่อนเขาได้อย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้
แผ่นดินนิ่งเงียบเพราะพูดอะไรไม่ออก มือใหญ่ยกขึ้นกุมศีรษะตนเองพลางหลับตาลงด้วยความรู้สึกหนักใจ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไล่ตะเพิดไปแล้ว แต่นี่เธอเป็นคู่หมั้นเขา แถมยังเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทแม่อีก
“พี่แผ่นดินไม่ชอบเหรอคะ?”
แก้มหอมแสร้งทำเป็นน้อยใจ ร่างบางค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปนั่งข้างร่างใหญ่ ก่อนเรียวแขนเล็กจะยกขึ้นคล้องลำแขนของแผ่นดิน และวางคางเกยบนบ่ากว้างอย่างออดอ้อน
แผ่นดินละมือที่กุมศีรษะตนเองออก ก่อนหันหาหญิงสาวข้างกายเพื่อต้องการตำหนิ ทว่าตอนนี้ใบหน้าของคนข้างๆ กำลังเกยอยู่บนบ่าเขา ซึ่งระยะห่างที่มีมันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ
จังหวะในการหันคงจะเร็วเกินไปหน่อย แก้มหอมจึงไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ส่งผลให้ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกันเบาๆ ความใกล้ชิดเกือบแนบสนิท จนหญิงสาวได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ ที่ลอยออกมาตามลมหายใจของแผ่นดิน
ดวงตาสวยเฉี่ยวเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ขณะหัวใจเธอเต้นเร็วและแรงขึ้น ทว่าไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาสีดำสนิทที่จ้องกลับมาได้ ยิ่งมองใกล้ๆ แบบนี้ มันดูลึกล้ำน่าค้นหาดั่งก้นมหาสมุทรอันมืดมิด
“ชอบ…”
ยิ่งคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหยักสุดเซ็กซี่ ยิ่งทำให้แก้มหอมสูญเสียการควบคุม ใจของเธอสั่นไหวระรัว แต่เพียงไม่นานนักความรู้สึกเสมือนตนเองพึ่งถูกสารภาพรักนั่น ก็ถูกกระชากกลับลงมาอย่างรวดเร็วด้วยคำพูดประโยคถัดไป
“ก็บ้าละ ใช้สมองส่วนไหนคิด”
ใบหน้างดงามอย่างเป็นธรรมชาติตึงขึ้นในทันใด เธอรีบเคลื่อนขยับร่างกายหนีกลับมานั่งทิ้งระยะห่าง ยกสองแขนเรียวกอดอก สายตามองตรงไปยังพื้นที่ด้านหน้า ราวกับประโยคสนทนาเมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
ทั้งๆ ที่เขาย้ำแล้วแท้ๆ ว่าให้ทำตัวดีๆ อย่าก่อเรื่องหรือสร้างปัญหา แต่คู่หมั้นตัวแสบก็ดูเหมือนจะไม่ฟังในสิ่งที่เขาขอแม้แต่นิดเดียว
“มึง แนะนำสักทีกูอยากรู้จัก”
นาวินที่เฝ้ารอการถูกแนะนำทำความรู้จักรีบท้วงแผ่นดินขึ้น เพราะขี้เกียจมานั่งดูการกระทำพ่อแง่แม่งอนเสียเต็มประดาแล้ว
“แก้ม นี่เพื่อนพี่ชื่อนาวิน ส่วนนั่นครามเป็นเจ้าของผับ”
เขาจึงหันไปเรียกแก้มหอมที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เพื่อให้เธอหันกลับมาสนใจ และเริ่มแนะนำให้ได้รู้จักกันอย่างส่งๆ เพราะเวลานี้แผ่นดินกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แก้มหอมค่ะ”
ใบหน้าบึ้งตึงคลี่ยิ้มอย่างมีมารยาทให้ชายหนุ่มทั้งสอง แต่เพียงชั่วครู่รอยยิ้มนั้นก็หุบลงและเจ้าตัวรีบเสมองไปทางอื่น ราวกับว่าสิ่งอื่นน่าสนใจกว่าบุคคลทั้งสาม
“เราอยากดื่มอะไรไหม? เดี๋ยวพี่สั่งให้”
นาวินรู้ว่าสาวสวยเพียงหนึ่งในโต๊ะกำลังอารมณ์บูด เขาจึงพยายามชวนเธอคุย เพื่อให้ความหงุดหงิดลดระดับลงบ้าง
“อะไรก็ได้ค่ะ”
แก้มหอมหันกลับไปเอ่ยตอบ ก่อนที่เขาจะสั่งเด็กๆ ให้มาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับเธอ
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ แก้มหอมเริ่มสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ในชุดเดรสลาเท็กซ์สีส้มซึ่งยืนเต้นอยู่กลางฟลอร์ กำลังเต้นอย่างยั่วยวนและส่งสายตาเชิญชวนมาทางโต๊ะที่เธอนั่ง
และเมื่อเธอหันกลับมามองทางกลุ่มโต๊ะ ก็พบว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองจ้องผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ใบหน้าสวยบูดบึ้งเริ่มตึงขึ้นกว่าเก่า ด้วยความหงุดหงิดแก้มหอมจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และตั้งท่าจะเดินไปจากตรงนี้
“จะไปไหน?”
คนที่พึ่งให้ความสนใจหญิงสาวชุดลาเท็กซ์ส้ม เบนสายตากลับมาหาคู่หมั้นที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“ห้องน้ำค่ะ จะตามไปด้วยไหมคะ?”
คนถูกถามกระชากเสียงตอบอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าและแววตาของแก้มหอมไม่ปิดบังความรู้สึกที่กำลังมีอยู่ เธอต้องการให้แผ่นดินรับรู้ว่าเวลานี้เธอพร้อมหยุมหัวเขามาก
“รีบไปรีบมา”
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่แยแสในท่าทีกระเง้ากระงอดของเธอแม้แต่น้อย สายตาคมกลับไปในความสนใจหญิงสาวคนเดิม ทั้งๆ ที่ปากเขากำลังคุยกับเธออยู่แท้ๆ
มือใหญ่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองสาวสวยคนนั้นอย่างไม่ปิดบังความสนอกสนใจ ทำให้แก้มหอมรู้สึกอารมณ์ขึ้นหนักเข้าไปใหญ่
สองเท้าเล็กรีบสาวกระแทกเดินออกจากตรงนั้น ดิ่งตรงไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านในสุดของผับ ร่างบางหยุดยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ จับจ้องเงาสะท้อนของตน ที่บัดนี้ใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางกำลังเต็มไปด้วยโทสะ
เพียงชั่วครู่ได้มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเธอ ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองแก้มหอมเล็กน้อยด้วยความสนอกสนใจ ซึ่งคนถูกมองก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายสนใจสิ่งใด ก็คงไม่พ้นสไตล์การแต่งตัวแนวคุณยายนั่นแหละ
เหมือนหญิงสาวแปลกหน้าจะรับรู้ว่าแก้มหอมรู้ตัวว่าเธอกำลังมองอยู่ จึงเฉไฉเบนสายตากลับมาสนใจเงาตัวเองในกระจก เธอหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางขึ้นมาเติมใบหน้าที่ยังคงแน่น พลันแก้มหอมก็มีความคิดพิเรนทร์ผุดขึ้นในหัวสมอง
ชอบนักใช่ไหมผู้หญิงแบบนั้น เดี๋ยวแม่จัดให้!!
