3 ยั่วยวน
3
ยั่วยวน
หลังจากผ่านเหตุการณ์ชวนให้อารมณ์เสียมาแล้ว แก้มหอมก็รีบบึ่งรถตรงมายังสถานบันเทิงเลื่องชื่อ ที่ซึ่งเพื่อนๆ ของเธอได้ส่งโลเคชั่นนัดเจอกันเอาไว้ในแชทกลุ่ม
ใบหน้าสวยเฉี่ยวง้ำงอด้วยความหงุดหงิดจากเรื่องที่พึ่งผ่านมา กวาดสายตามองหากลุ่มเพื่อนของตนเองว่าปักหลักกันอยู่มุมไหน
ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับกลุ่มหญิงสาวประมาณสามคนที่ดูคุ้นเคย กำลังนั่งเม้าท์มอยกันอย่างเมามัน ตรงโซฟาตัวใหญ่รูปตัวยูที่ตั้งอยู่กลางผับหรู ไม่รอช้าร่างบางรีบพาตนเองพุ่งไปยังบริเวณนั้นในทันที
ตึง!
แก้มหอมกระแทกกระเป๋าสะพายราคาแพงระยับลงบนโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ก่อนหย่อนสะโพกกลมกลึงนั่งลงบนโซฟาด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ เพื่อนๆ ของเธอจึงหันมามองพร้อมเพรียงกันด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปแก? มาถึงก็หน้างอคอหักเป็นปลาทูเชียว”
‘จ๊ะจ๋า’ เอ่ยถามเพื่อนของเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น พึ่งกลับมาจากเมืองนอกแท้ๆ แต่กลับอารมณ์บูดขนาดนี้ ใครกันนะที่เป็นคนทำเพื่อนของเธอ
“ไหน? ใครทำให้เพื่อนสาวของเราอารมณ์เสีย บอกมาสิ เดี๋ยวแม่จะไปจิกหัวตบให้”
‘จริงใจ’ เสริมทัพเพื่อหวังจะให้เพื่อนอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน พอกลับมาเจอกันอีกครั้งแทนที่จะมีแต่รอยยิ้มกลับหน้างอมาเชียว
“ก็แม่ของฉันน่ะสิ ให้ฉันบินกลับมาหมั้นกับผู้ชายที่ฉันเคยแอบชอบสมัยเด็ก”
เรียวแขนเล็กยกขึ้นกอดอกขณะตอบคำถามเพื่อน ขณะสายตาคมมองจ้องเขม็งไปด้านหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอแก ได้หมั้นกับผู้ชายที่ชอบอ่ะ?”
‘เพลง’ เพื่อนสาวที่ดูออกจะค่อนไปทางเพื่อนหนุ่มเสียมากกว่า แสดงความคิดเห็นย้อนแย้งกับความต้องการของแก้มหอม
“นั่นดิ ดีออก ว่าแต่ผู้ชายที่แกเคยแอบชอบนี่... ใช่พี่แผ่นดินคนดีคนเดิมของแกหรือเปล่า?”
จ๊ะจ๋าซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ และสนิทที่สุดของแก้มหอมเอ่ยถาม พลางทำสีหน้าหยอกล้อใส่เพื่อนของตน
“ใช่ แต่เขาไม่ใช่คนดี!”
คนถูกกระเซ้าเย้าแหย่กระชากเสียงตอบด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“อ๋อ…เรื่องราวฝังใจในวัยเด็ก”
“อย่ามาล้อฉันนะ!”
“เรื่องอะไรอ่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แกสองคนมีเรื่องอะไรปิดบัง แล้วยังไม่ได้เล่าให้พวกฉันฟังใช่ไหม?”
จริงใจที่เพิ่งได้มารู้จักและสนิทกันทีหลังพูดพลางทำหน้าน้อยใจ เพราะตนไม่เข้าใจในสิ่งที่แก้มหอมและจ๊ะจ๋ากำลังพูดคุยกันอยู่
“อย่าเล่าเชียวนะจ๊ะจ๋า”
เจ้าของหัวข้อสนทนาทำท่าลุกลี้ลุกลน กลัวว่าความลับอันน่าอับอายของเธอจะถูกเปิดเผย
“ขอนิดนึง เดี๋ยวเพลงกับจริงใจมันนอยด์”
“โห่…เออก็ได้ แต่นิดเดียวพอนะ”
ไหนๆ เรื่องนี้มันก็ถูกพูดถึงออกมาแล้ว ให้ปิดบังต่อไปเห็นทีคงจะไม่ได้ ก็อย่างที่จ๊ะจ๋าพูดนั่นแหละ เพลงกับจริงใจคงจะรู้สึกไม่ดีหากรู้ว่าระหว่างพวกเธอมีความลับ
“ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน มาๆ สุมหัวมาฟัง”
“แหม…ทีเรื่องแบบนี้ล่ะดูจริงจังเป็นการเป็นงานขึ้นมาเลยนะ ยัยเพื่อนบ้า!”
เจ้าของเรื่องที่กำลังจะถูกพูดถึง เอ่ยเหน็บจ๊ะจ๋าซึ่งดูตั้งอกตั้งใจจะเล่าเรื่องของเธอจนเกินงาม คนถูกต่อว่าจึงหันไปยิ้มแห้งๆ ให้แก้มหอมเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาหาเพื่อนสาวอีกสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังอยู่
“เมื่อก่อนตอนสมัยเรียนมัธยมต้น แก้มหอมมันเคยแอบชอบผู้ชายข้างบ้านคนหนึ่ง”
จ๊ะจ๋าเริ่มเปิดฉากเล่าเรื่องราวความรักสมัย Puppy love ของแก้มหอมอย่างออกรสออกชาติทันที โดยที่จริงใจและเพลงก็ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“ใครอ่ะ?”
“ก็พี่แผ่นดิน ลูกชายคนเดียวของคุณเจนภพนักการเมืองใหญ่ไง”
“อ่อ”
“บ้านแก้มหอมกับพี่เขาอยู่ติดกัน แถมพวกแม่ๆ ดันเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยนะ นางก็เลยได้ไปเที่ยวบ้านนั้นบ่อยๆ จนอยู่มาวันหนึ่งดันไปตกหลุมรักลูกชายเขาเฉย”
“ฉันแค่แอบชอบ!!”
แก้มหอมรีบแก้ต่างให้ตนเองอย่างทันควัน เพราะแค่นี้เธอก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้าจะแย่แล้ว
“เออๆ น่ะแหละ แค่ชอบก็ได้”
“…”
“ทีนี้มีอยู่วันหนึ่ง แก้มหอมมันรวบรวมความกล้าจะไปสารภาพความในใจกับพี่เขา แต่ดันไปได้ยินพี่เขากำลังพูดถึงตัวเองให้เพื่อนอีกคนฟัง ในทำนองที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก มันก็เลยอกหักดังเป๊าะและก็เกลียดพี่แผ่นดินไปเลย”
“พี่เขาพูดว่าอะไรอ่ะ?”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ะ แก้มมันไม่เคยเล่าให้ฟังลึกขนาดนั้น”
“แก้ม พี่เขาพูดว่าอะไรเหรอ? ถึงทำให้แกเปลี่ยนจากชอบกลายเป็นเกลียดไปได้ เล่าให้ฟังบ้างดิ”
จริงใจเป็นฝ่ายหันไปถามแก้มหอม ด้วยสีหน้าที่มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างชัดเจน
“ฉันจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมา มันทำให้ฉันเกลียดเขาเข้าไส้เลยทีเดียวล่ะ”
เธอเลือกที่จะโกหกออกไป เพราะไม่อยากพูดถึงถ้อยคำร้ายๆ ของผู้ชายคนนั้นที่เคยได้ยิน และยังจำฟังใจจนปัจจุบันนี้ก็ไม่มีวันลืมได้ลง
ใครมันจะไปลืมลงได้ล่ะ เด็กผู้หญิงขี้อายคนหนึ่งกว่าจะรวบรวมความกล้า ไปสารภาพรักกับคนที่ชอบได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่กลับโดนคำพูดร้ายๆ ของผู้ชายคนนั้นทำลายมันจนย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี…
‘ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ’
‘จืดชืดสนิท’
‘ให้ฟรียังไม่เอาเลย’
‘ไม่เห็นจะมีอะไรดึงดูดใจสักนิด’
‘แค่เห็นก็รู้สึกหงุดหงิด’
‘น่ารำคาญ’
คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ถูกพ่นออกมาจากปากของผู้ชายที่เธอมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา
ส่งผลให้เด็กสาวตัวน้อยๆ เสียใจและเจ็บ จนเก็บมาเป็นแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ให้เป็นไปในแบบที่เขาชอบและรอวันที่จะได้กลับมาเอาคืน
หลังจากเรียนจบมัธยมต้น แก้มหอมก็ได้ขอแม่ของเธอบินไปเรียนต่อที่เมืองนอกในทันที เธอใช้เวลาและคำพูดดูถูกเหยียดหยามจากแผ่นดิน ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตนเองทีละนิดๆ
จากการค่อยๆ ออกกำลังกายดูแลผิวพรรณตัวเอง และเริ่มแต่งตัวในลักษณะแบบที่ผู้หญิงสวยๆ แซ่บๆ เขาชอบทำกัน เริ่มปรับบุคลิกให้ดูเป็นคนมั่นใจในตนเองมากขึ้น กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ
จนในที่สุด เด็กสาวหน้าตาจืดชืดขี้อายคนเดิมก็ได้หายไป และมีแก้มหอมคนใหม่ที่ทั้งสวยเลิศเชิดหยิ่งคนนี้มาแทน
และแล้วเวลาแห่งการเอาคืนก็ได้มาถึง เมื่ออยู่ๆ แม่ของเธอโทรตามให้กลับมา หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
แก้มหอมตั้งใจว่าจะกลับมาทำให้ผู้ชายที่ดูถูกเธอเอาไว้ต้องรู้สึกเจ็บใจ และเสียศักดิ์ศรีเหมือนอย่างที่เธอเคยโดน และเมื่อทุกอย่างเป็นไปดังใจแล้ว เธอจะบินหนีกลับไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนเหยื่อของเธอก็มีท่าทีว่าจะหลวมตัว เดินเข้ามาในกับดักที่เธอสร้างเอาไว้ด้วย
แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าแม่จะเรียกตัวเธอกลับมาให้มีพันธะกับผู้ชายคนนี้ แล้วอย่างนี้แผนการที่ตั้งใจเอาไว้เธอจะทำอย่างไรต่อ
ถ้าหากว่าเธอได้หมั้นกับเขา แน่นอนว่าต่อไปก็คงต้องแต่งงานกัน และเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในอาณัติของเขาไปโดยปริยาย เธอจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด!
“แก้มๆ นั่นใช่พี่แผ่นดินของแกหรือเปล่าน่ะ?”
ในขณะที่แก้มหอมกำลังจมดิ่งไปในห้วงความคิดของตนเอง จ๊ะจ๋าที่กำลังจิบแอลกอฮอล์และนั่งโยกย้ายร่างกายไปมาตามเสียงเพลงอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น พลางสะกิดและชี้ไปยังร่างสูงกำยำของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาภายในผับ
ใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวรีบเงยขึ้นไปมอง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาคมสีดำสนิท ทั้งสองจ้องตากันไม่กะพริบ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ของกันและกันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนสุดท้าย แผ่นดินจะเป็นฝ่ายละสายตาตนเองออกจากดวงตาสีเทาหม่นดูมีเสน่ห์นั่น และเดินผ่านโต๊ะเธอไปยังโซนวีไอพีซึ่งมีกลุ่มเพื่อนๆ ของเขานั่งรออยู่
แก้มหอมทำได้เพียงเหลือบสายตามองตาม แต่ไม่ยอมหันไปมองว่าร่างสูงกำลังจะเดินไปทางไหน เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังสนใจในชีวิตของเขาอยู่
แต่กลุ่มเพื่อนๆ ของเธอเหมือนจะรู้งาน เพราะได้ทำหน้าที่นั้นแทนเธอเรียบร้อยแล้ว
“เขาเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนๆ เขาที่โซนวีไอพีน่ะ แกไม่เดินไปทักหน่อยเหรอ?”
จ๊ะจ๋าหันมาเอ่ยถามแก้มหอมที่ยังคงนั่งจิบเหล้า และทำท่าทางไม่สนใจสิ่งใดๆ รอบกาย ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะรู้การเคลื่อนไหวของแผ่นดินใจจะขาด
“ทำไมฉันต้องไปทัก?”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง พร้อมเชิดหน้าใส่อย่างถือตัว
“คู่หมั้นแกไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะหมั้นสักหน่อย อย่ามาพูดมั่วซั่วสิ”
เธอรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน อะไรใช้ให้ยัยพวกนี้คิดว่าเธอจะตอบตกลงหมั้นกับผู้ชายพรรค์นั้นกันนะ
“อ่อ…แต่ที่โต๊ะมีผู้หญิงเยอะเลยนะ”
“ก็เรื่องของเขาสิ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
ด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ ที่ดันบังเอิญมาพบเจอบุคคลซึ่งทำให้เธออารมณ์เสีย ทำให้แก้มหอมคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเอาๆ และพอหมดก็ชงเพิ่มก่อนจะดื่มใหม่ จนเพื่อนๆ นั่งมองกันตาค้าง
“เฮ้ยหอม เดี๋ยวก็เมาหรอก”
เพลงรีบยกมือรั้งข้อมือบางของเพื่อนสาวเอาไว้ ไม่ให้ยกแก้วแอลกอฮอล์ใส่ปากได้อีก สภาพของเพื่อนเธอในตอนนี้เริ่มดูท่าจะไม่ดีแล้ว
“ฉันเมาพวกแกก็พาฉันกลับบ้านไง ยากตรงไหน?”
แก้มหอมปัดมือของเพื่อนออก ตั้งท่ายกแก้วเครื่องดื่มกระดกต่อ
“ปล่อยมันเถอะ มันคงจะเครียด”
จริงใจหันไปบอกเพลงที่ดูจะเป็นห่วงแก้มหอมพอสมควร เธอจึงพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับเล็กน้อย และหันกลับไปสนใจบรรยากาศรอบข้างต่อ
เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มากพอสมควรและเริ่มจะออกฤทธิ์ ความกล้าบ้าบิ่นในหัวใจของคนตัวเล็กก็เริ่มเผยตัวตนออกมา
แก้มหอมหยัดการลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ท่ามกลางสายตาและความสงสัยของเพื่อนๆ ก่อนที่เธอจะหมุนตัวและเดินออกไปเต้นกลางฟลอร์ ซึ่งมีกลุ่มผู้คนมากหน้าหลายตา กำลังโยกย้ายร่างกายกันอยู่อย่างสนุกสนาน
แผ่นดินนั่งมองคู่หมั้นที่ยังไม่เป็นทางการของตัวเอง วาดลวดลายเต้นอยู่กลางฟลอร์ด้วยท่วงท่ามีเสน่ห์ยั่วเย้า และดึงดูดความสนใจได้มากเป็นพิเศษ
ไม่ใช่แค่กับเขาเท่านั้น แต่บรรดาผู้ชายมากมายรวมถึงกลุ่มเพื่อนของเขาด้วย ล้วนถูกร่างอวบอิ่มสะกดสายตากันถ้วนหน้า
ชั่วขณะหนึ่งที่สายตาของทั้งคู่ได้สบกันอีกครั้ง พลันหัวใจของแผ่นดินก็เต้นผิดจังหวะเป็นครั้งที่สอง เสียงของมันดังก้องอยู่ในหูของเขา ทั้งๆ ที่เสียงเพลงรอบนอกดังกระหึ่มอยู่แท้ๆ
จู่ๆ ผู้คนมากมายเลือนลับไปจากสายตา มีเพียงร่างระหงที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ฉับพลันเสียงรอบข้างกลับเงียบสนิท มีแค่เสียง ‘ตึกตัก ตึกตัก’ ที่ดังออกมาจากหัวใจของตนเอง
ดวงตาสีเทาหม่นดูลึกล้ำคู่นั้น มันดึงดูดจนทำให้แผ่นดินหายใจคร่อมจังหวะและเกิดอาการติดขัด สายตาคมจึงรีบหลุบมองต่ำลงที่พื้นทันใด เพื่อหลีกหนีความรู้สึกแปลกๆ ซึ่งกำลังก่อเกิดขึ้นในหัวใจตัวเอง
แก้มหอมมองเห็นถึงความผิดปกติของเขา ตอนนี้อีกฝ่ายดูเกร็งและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ได้สบตากับเธอเมื่อชั่วครู่
หญิงสาวมีความคิดเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจผุดขึ้นในหัวสมอง เธอจึงตัดสินใจเดินตรงไปยังกลุ่มของเป้าหมาย ซึ่งมีบรรดาพีอาร์แต่งตัวโชว์เนื้อหนังนั่งขนาบข้าง เอาหน้าอกอวบยานถูไถแขนของบุรุษเพศไปมาไม่ห่าง
เพียงไม่นานร่างบางก็เดินโซซัดโซเซจนมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะของแผ่นดิน ทำให้สายตาหลายคู่ของคนที่นั่งกันอยู่บริเวณนั้น จับจ้องมายังเธอด้วยความสนอกสนใจ
“ไงคะ พี่แผ่นดิน…”
แก้มหอมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหวานละมุน อีกทั้งสายตาที่ทอดมองไปยังเขาเชื่อมช้อย เล่นเอาเจ้าของชื่อถึงกับขนลุกเกรียว
“ใครวะมึง?”
‘คราม’ เจ้าของผับผู้พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทคนหนึ่งของแผ่นดินเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจในตัวแก้มหอมไม่ต่างจากคนอื่นๆ
“เด็กข้างบ้าน”
คนถูกถามหันกลับไปตอบเพื่อนตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงกลับมีแววความหงุดหงิดเจืออยู่
“โหย… กูพึ่งรู้ว่ามึงมีเด็กข้างบ้านที่เด็ดขนาดนี้ ไม่เห็นบอกกูมั่งเลยวะ แนะนำหน่อยดิ”
‘นาวิน’ เพื่อนสนิทอีกคนของแผ่นดินพูดด้วยสายตาที่ดูเป็นประกาย เขาก็เป็นอีกคนที่อยากรู้จักสาวสวยสุดเซ็กซี่ตรงหน้า
“แค่เด็กข้างบ้านเองเหรอคะ?”
จากตอนแรกที่ยืนอยู่เพียงด้านหน้าโต๊ะเฉยๆ ตอนนี้แก้มหอมค่อยๆ แทรกกายเดินลัดเลาะคนอื่นๆ เข้ามา ก่อนหย่อนสะโพกกลมกลึงนั่งลงบนตักแกร่งของแผ่นดิน พร้อมยกเรียวแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาเอาไว้หลวมๆ สร้างความตกตะลึงให้กับคนถูกกระทำ และกลุ่มเพื่อนสาวของเธอที่นั่งมองดูอยู่ห่างๆ ไม่ใช่น้อย
“พี่แผ่นดินคะ จ๊ะจ๋าต้องขอโทษแทนแก้มหอมด้วยนะคะ เพื่อนหนูมันเมามากแล้ว”
สามสาววิ่งถลามายังโต๊ะของพวกหนุ่มๆ ทันที พวกเธอรีบก้มหัวขอโทษขอโพยแผ่นดินเป็นการใหญ่ ก่อนพยายามจะฉุดรั้งเรียวแขนของตัวก่อปัญหาให้ลุกขึ้นจากตักแกร่ง
“พวกเราขอตัวเพื่อนของเราคืนได้ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ดูแลเอง พวกเรากลับไปสนุกกันต่อเถอะ”
แผ่นดินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูเป็นมิตร ทำให้ทั้งสามคนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ก่อนจ๊ะจ๋าจะยอมปล่อยแขนเพื่อนของตนให้เป็นอิสระอีกครั้ง
พวกเธอค่อยๆ เดินกลับไปนั่งยังโต๊ะเดิมที่พึ่งลุกออกมา ด้วยความรู้สึกที่ยังคงเป็นห่วงเพื่อนอยู่พอสมควร แต่ในเมื่อคนถูกกระทำเขายังไม่ว่าอะไร พวกเธอก็คงจะไปมีปัญหาแทนไม่ได้
“แก้มไม่ได้เมานะคะ แก้มยังรู้สึกปกติดีอยู่เลย”
ฝ่ามือเล็กที่วางราบบนบ่าแกร่งในตอนแรก ค่อยๆ ยกขึ้นมาลูบไล้สันกรามคมของบุรุษตรงหน้าอย่างยั่วยวน พลางบดเบียดสะโพกอวบอิ่มลงบนหน้าขาเขาไปมาอย่างจงใจจะยั่วเย้า และมันก็ประสบผลสำเร็จ
ความเป็นชายที่อยู่กึ่งกลางกาย กำลังตอบสนองสัมผัสของแก้มหอม มันเริ่มพองตัวขยายขนาดจนคับแน่นไปหมด สร้างความอึดอัดปวดร้าวให้แผ่นดินไปทั้งร่าง
สันกรามคมขบกันจนขึ้นเป็นสันนูน ดวงตาสีดำสนิทหลับลงอย่างพยายามข่มกลั้นพายุอารมณ์เอาไว้ ไม่ให้มันลุกโหมไปมากกว่านี้
“ไอ้ดิน ไหนมึงบอกแค่เด็กข้างบ้าน ทำไมมันดูมีอะไรมากกว่านั้นวะ?”
คนที่นั่งมองด้วยความสนอกสนใจมาสักระยะอย่างนาวิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เริ่มแปลกใจกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ มันดูเกินกว่าคำบอกเล่าที่เพื่อนของเขาพูดเอาไว้ไปมากโข
“ก็บอกพวกเพื่อนๆ พี่ไปสิคะว่าแก้มเป็น…คู่หมั้น คิก!”
เมื่อไร้การห้ามปรามต่อต้านของคนใต้ร่าง แก้มหอมยิ่งรู้สึกได้ใจและเริ่มเล่นใหญ่มากขึ้น เธอเอ่ยอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกเย้าแกล้งเขามากขึ้นกว่าเดิม
“คู่หมั้น!?”
ครามและนาวินประสานเสียงกันถามในทันทีด้วยความตกใจ ปกติเพื่อนเขามันเสือผู้หญิงจะตายไป อยู่ๆ แอบมีคู่หมั้นได้อย่างไรโดยที่พวกเขาไม่รู้ นี่มันผิดวิสัยสุดๆ
“มึงแอบไปมีคู่หมั้นมาตอนไหนวะ?”
“นั่นดิทำไมพวกกูตกข่าว?”
“เรื่องมันยาว เอาไว้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง คืนนี้กูขอกลับไปจัดการคู่หมั้นตัวดีของกูก่อน”
พูดจบสองแขนแข็งแรงก็สอดเข้าไปใต้ร่างเล็กเพื่อโอบอุ้มหญิงสาวขึ้นไว้ในอ้อมอก แล้วเดินดิ่งออกไปจากพื้นที่ตรงนี้ทันที ขณะที่คนถูกอุ้มเริ่มมีสีหน้าหวาดหวั่น เพราะจู่ๆ อีกฝ่ายก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดและไม่ทันได้ตั้งตัว
