บทที่ 6 ฝึกสอน (ตอนปลาย)
“อาจจะไม่ได้มีปัญหานะครับพี่ แต่เพราะลูกพี่อยู่กับคนหน้าตาดีกว่าพวกเรามากเกินไปเลยไม่รู้สึกอะไรหรือเปล่า... อย่างนายหญิง หลินซีกับนายท่านรัสเทมน่ะ” เด็นเอ่ยแย้ง ซึ่งมีเหตุผลมากทีเดียว
ดีนพอเข้าใจในเรื่องที่น้องชายจะสื่อ จึงได้พยักหน้ายอมรับง่าย ๆ
ถ้าพูดถึงหน้าตาของคนตระกูลนี้แล้วล่ะก็... หน้าตาดีเลิศหาคนเทียบได้ยากจริง ๆ ถ้าได้มองพวกเขาทุกวันจนชินตา แล้วไปมอง คนอื่น ๆ ก็คงให้ความรู้สึกที่ว่าคนเหล่านั้นช่างหน้าตาธรรมดาเสียนี่กระไร ยิ่งหน้าตาเด็ก ๆ ยังไม่โตเต็มที่อย่างพวกเขาคงถูกหญิงสาวสุดหล่อคนนั้นเมินสนิทล่ะ
แต่เอาเถอะ ถึงตอนนี้จะยังดึงดูดความสนใจของริงซี่ไม่ได้ แต่ถ้าตามตื๊อต่อไปนาน ๆ เธอคงหันมาสนใจพวกเขาเองแหละน่า
การเรียนของเด็กมัธยมเป็นไปตามหลักสูตร ริงซี่ก็ตั้งใจเรียนเหมือนอย่างทุกวัน แม้หน้าตาจะดูไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่าไรนักก็ตาม เมื่อถึงช่วงพักกลางวันก็มีคนมาถามเรื่องของเด็กฝาแฝดที่มารอเธอเมื่อวาน จนกลายเป็นข่าวลือแปลก ๆ ออกไป
ริงซี่เล่าอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่ด้นสดออกไปทั้งสิ้น ตั้งแต่ที่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นลูกของลูกน้องคนหนึ่งของแม่ที่จะถูกคัดมาเป็นผู้ติดตาม สัญชาติที่บอกไปว่าเป็นลูกครึ่งลูกเสี้ยวจากหลายประเทศแถวชายแดนทวีป ชื่อจริงไม่รู้นามสกุลจำไม่ได้ สุดท้ายก็บอกว่าแค่เด็กธรรมดาหาได้ทั่วไป...
โม้ซะอีกฝ่ายธรรมดาสามัญจนไม่น่าสนใจเลยทีเดียว ทำให้คนอื่นล้มเลิกที่จะถามต่อและไม่คิดจะสืบค้นอีก ซึ่งนับว่าเป็นผลตามที่ริงซี่คาดหวัง
จัดการกับความอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ที่เหลือก็แค่ให้เด็กฝาแฝดสองคนทำตัวดี ๆ และเนียน ๆ เป็นอันใช้ได้ สองฝาแฝดเองก็ดูเป็นเด็กฉลาดพวกเขาน่าจะเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
เรียนเสร็จก็กลับคฤหาสน์เหมือนอย่างเคย แน่นอนว่าเด็กแฝดไม่ได้ไปรับอย่างที่ริงซี่สั่งเอาไว้ พวกเขาตั้งใจเรียนกันเป็นอย่างดี ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนจะมีการฝึกซ้อมการใช้อาวุธ ริงซี่ก็ไปดูเขาซ้อมด้วย
“ตอบสนองได้เร็ว แต่ยังไม่แม่นยำพอ!” เสียงของครูฝึกที่ถูกจ้างมาดังขึ้นขณะต่อสู้อยู่กับดีนด้วยมือเปล่า แฝดคนพี่กัดฟันกรอดตั้งใจต่อสู้กับอีกฝ่ายมากขึ้น การต่อสู้รวดเร็วและรุนแรง แต่ความแม่นยำของเด็กอายุสิบสองยังไม่อาจเทียบเท่าผู้ใหญ่ที่อายุสามสิบกว่า ๆ ที่มากด้วยประสบการณ์และการฝึกฝนได้
“ยังคาดเดาการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ไม่ดีพอ ถ้าทำไม่ได้ก็ใช้สัญชาตญาณและสายตาต้องคอยจับสังเกตให้ดีและทั่วถึง” เสียงของครูฝึกอีกคนดึงความสนใจของริงซี่ไป เด็นยืนหอบหายใจอยู่ห่างจากครูฝึกหลายช่วง ใบหน้าน่ารักนั่นซีดลงไปถนัดตา เหงื่อไหลซึมออกมาเกือบทั่วทั้งตัว แต่ดวงตาสีเทาหม่นคู่นั้นกลับแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้
“ขออีกครั้ง!” ร่างเล็กนั้นพุ่งเข้าใส่ครูฝึกอีกหนอย่างไม่กลัวตาย ครูฝึกเองก็ตอบรับอย่างกระตือรือร้นราวกับสนุกเหลือเกินที่ได้แกล้งเด็ก... แค่ก ๆ ได้ฝึกสอนเด็กที่มีศักยภาพที่ดี
ริงซี่หัวเราะหึในลำคอก่อนจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดดูข้อมูลของครูฝึกแต่ละคน พอได้เห็นข้อมูลแล้วก็คิ้วกระตุกไม่หยุด เพราะพวกเขาเหล่านี้เคยเป็นครูฝึกที่มาสอนริงซี่เมื่อตอนยังเด็กทั้งนั้น
ครูฝึกที่คัดเลือกมานั้นเป็นครูเฉพาะทางในแต่ละสาย ทุกคนมีความเก่งกาจอยู่ในระดับอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะทั้งสิ้น ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะเข้มงวดขนาดนี้
“โอ้คุณชาย! กลับมาแล้วหรือครับ” ครูฝึกของเด็นหันมามองเธอ รอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนประดับบนใบหน้าของเขา ริงซี่ผงกศีรษะรับเบา ๆ
“ก็มาได้สักพักแล้วล่ะ”
“ลูกพี่ครับ ยินดีต้อนรับกลับ” เด็นที่นอนแผ่หลาอยู่หันมามอง รอยยิ้มน่ารักขยับกว้างขึ้น
“อืม กลับมาแล้ว ฝึกเป็นไงบ้าง?”
“โหดมาก... ผมโดนอัดไปตั้งหลายทีแน่ะ หลบยากชะมัด ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนเก่ง ๆ แบบนี้อยู่อีก”
“อ้อเหรอ...” ริงซี่พูดอย่างเฉยชา ส่วนใบหน้าของครูฝึกก็แอบบิดเบี้ยวเล็กน้อยโดยที่เด็นไม่ทันสังเกตเห็น เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องริงซี่ตาใสแป๋ว
“ลูกพี่มาฝึกด้วยกันไหมล่ะครับ?”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจและไม่จำเป็น”
“เอ๋?”
“เพราะคุณชายเคยฝึกแล้วน่ะสิเจ้าหนู” ครูฝึกเป็นผู้ตอบคำถามให้ ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนใจอย่างประหลาด เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของเด็กหนุ่มเขาก็อธิบายเพิ่ม “คุณชายเคยฝึกกับพวกเรามาก่อนเมื่อตอนอายุเจ็ดขวบน่ะ ตอนนี้ก็เลยไม่จำเป็นแล้ว”
“ฝึกตั้งแต่เจ็ดขวบ! งั้นตอนนี้ลูกพี่ก็เก่งมากเลยสินะครับ” เด็นมองลูกพี่ด้วยสายตาเป็นประกายชื่นชม
“เอ่อ... ก็ไม่เชิง...” ครูฝึกมีท่าทางอ้ำอึ้ง
“ลูกพี่ฝึกมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นเหรอ?” ดีนที่เลิกฝึกแล้วเดินมารวมกับพวกเขา ริงซี่หันไปมองแล้วผงกศีรษะตอบรับครั้งหนึ่ง
“ใช่ เคยฝึกตอนเด็ก... เพียงแต่มีปัญหานิดหน่อยเลยไม่ได้ฝึกแล้ว”
“ปัญหาอะไร?”
“ถามครูฝึกสิ” ริงซี่โยนเรื่องไปให้ครูฝึกทั้งสอง พวกเขามีสีหน้ากล้ำกลืนบางอย่าง แต่พอถูกสายตากดดันของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วยอมตอบออกมา
“คุณชายน่ะมีความสามารถยอดเยี่ยม ในระหว่างฝึกฝนร่างกายก็ทำได้ดี แต่ในการฝึกต่อสู้จริงนั้นกลับมีปัญหา... คุณชายไม่เคยออกแรงโจมตีกลับสักครั้งเดียว สิ่งที่คุณชายทำมีเพียงแค่... หลบ”
“ฮะ? หลบ?” สองฝาแฝดมองอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ หลบ... ไม่ว่าจะโจมตีไปมากแค่ไหนคุณชายก็เพียงขยับตัวหลบไปมาเท่านั้น อาจจะมีเผลอยกมือขึ้นปัดบ้าง แต่ก็เท่านั้นล่ะ... ทำเพียงแค่ป้องกันตัวเองอย่างเดียวล้วน ๆ ต่อให้พยายามโจมตีให้สวนกลับยังไงก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด ไม่ยอมสวนกลับมาเลยสักครั้ง”
“แล้วลูกพี่ไม่เจ็บตัว?” ดีนขมวดคิ้วครุ่นคิด ถ้าตั้งรับอย่างเดียวมันจะไม่เจ็บได้เหรอ
“ดูถูกคุณชายเกินไปแล้วเจ้าหนู คุณชายน่ะมีความเร็วที่สุดยอดมากและสัญชาตญาณระวังภัยก็ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด ไม่ว่าการโจมตีใด ๆ คุณชายก็หลบได้ทั้งนั้น ไม่แม้แต่เฉียดเข้าใกล้เลย” ครูฝึกของเด็นที่เคยฝึกริงซี่มาแล้วถอนหายใจ ยิ่งนึกถึงที่เคยฝึกกับคุณชายยิ่งอยากถอนหายใจให้ปอดหลุด
“แม้แต่การโจมตีด้วยปืนยังหลบได้เลย คุณชายหลบหลีกได้สมบูรณ์แบบเข้าขั้นยอดมนุษย์เลยล่ะ” ครูฝึกของดีนเอ่ยสนับสนุน
“หลบได้ทุกการโจมตี... แม้กระทั่งกระสุนปืน?” ดีนหันไปมองริงซี่อย่างไม่เชื่อสายตา
“สุดยอดไปไหม?” เด็นอึ้งจนไม่รู้จะอธิบายยังไงดีแล้ว
“หลบมันก็สุดยอดอยู่หรอก แต่ก็อย่างที่บอกไปแต่แรกว่ามันมีปัญหา” ริงซี่ตอบกลับเอือมระอา อย่ามาสรรเสริญเยินยอเธอมาก เดี๋ยวพอรับรู้ความจริงแล้วจะกลับคำไม่ทัน
“มันมีปัญหาอะไรเหรอครับ?” เด็นหันไปถามครูฝึกที่น่าจะรู้เรื่อง
“ปัญหาคือคุณชายไม่ได้ซึมซับทักษะการต่อสู้เลยน่ะสิ อย่างที่บอกไปว่าคุณชายไม่เคยสวนกลับเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่อยากจะตอบโต้ แต่เป็นเพราะคุณชายสู้ไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะสู้ด้วยมือเปล่า ใช้มีด ดาบ ปืน ระเบิดหรือกระทั่งมีดปอกผลไม้ก็ยังใช้ได้แค่แทงตรง ๆ สวนกลับเชื่องช้าและเงอะงะมาก เรียกให้เข้าใจที่สุดคือความสามารถในการต่อสู้... ติดลบ”
“หา!?”
การหลบหลีกสมบูรณ์... แต่การต่อสู้ติดลบ... นี่มันอะไรกันเนี่ย!
คนแบบนี้ก็มีในโลกเรอะ!!
“แต่... แต่ก่อนหน้านี้ลูกพี่ก็ขว้างสิ่งของได้นี่ ถ้าให้ซัดอาวุธลับ ล่ะก็ไม่มีทางพลาดเป้าง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอ” ดีนที่เคยถูกยางลบขว้างใส่ถามอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ
“มันก็แค่การเหวี่ยงแขนธรรมดา ถ้าซัดแบบพวกนินจานี่ไม่ไหวแน่นอน แล้วสิ่งของนั้นต้องไม่ใหญ่เกินกว่ากำปั้นและต้องอยู่ในระยะสามเมตรด้วยนะ ถ้าเกินกว่านั้นก็ง่อยกินทันที” ริงซี่ตอบอย่างไม่มีปิดบัง เรื่องความสามารถต่อสู้อันห่วยแตกของเธอ คนสนิทรู้ไว้เป็นการดี อย่างน้อยจะได้เรียนรู้ว่าควรปกป้องเธอยังไง
“แล้วความสามารถด้านกีฬาอื่น ๆ ล่ะครับ” เด็นถามอย่างคาดหวัง ถึงจะสู้ไม่เป็นแต่ร่างกายที่เคยฝึกฝนมาก็ไม่น่าจะเล่นกีฬาได้ ห่วยตามไปด้วยใช่ไหม แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อริงซี่ตอบกลับมา
“นอกจากว่ายน้ำกับวิ่งแข่งแล้วฉันเล่นอะไรไม่ได้สักอย่าง อ้อ! ปั่นจักรยานได้นะ”
“...”
ดีนกับเด็นมองริงซี่อย่างสมเพชและสิ้นหวังสุด ๆ นี่พวกเขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ตกลงใจติดตามเธอคนนี้ไปตลอดชีวิตกันน่ะ
ครูฝึกตบบ่าของพวกเขาอย่างเห็นใจ และเข้าใจความรู้สึกของสองฝาแฝดเป็นอย่างดีเพราะพวกเขาก็เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน คุณหนูสุดหล่อของตระกูลบาเรสเทียร์นั้นเป็นตัวตนที่ยากจะเข้าใจจริง ๆ
“ลูกพี่เอาชีวิตรอดมาถึงสิบเจ็ดปีได้ยังไง” เด็นอยากเอาหัวโขกกำแพงอย่างจนใจ
“ถ้าไม่มีความสามารถหลบหลีกสมบูรณ์... ป่านนี้คงตายไปนานแล้วแหง” ดีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ถ้าริงซี่ไม่มีสัญชาตญาณที่ดีกับความสามารถในการหลบหลีกที่ยอดเยี่ยม ป่านนี้ถูกคู่แข่งทางการค้าหรือบรรดาญาติที่หวังทรัพย์สินของเธอลอบสังหารไปแล้ว
ตอนแรกพวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรของหญิงสาวคนนี้เลยสักนิด แม้แต่ประวัติที่ได้อ่านยังเป็นประวัติทั่วไปเท่านั้นไม่ได้เจาะลึกความสามารถใด ๆ แต่จากนิสัยที่พบเจอกันวันแรกก็ทำให้รู้สึกว่าน่าสนใจมากแล้ว... พอได้มาเจอเบื้องลึกเบื้องหลังจริง ๆ เกินกว่าคำว่าน่าสนใจไปไกลลิบเชียวล่ะ
รวมกันแล้วให้ความรู้สึกหลากหลายมากเกินไปจนเกือบรับไม่ได้
“ฉันรู้ตัวเองดีหรอกน่า” ริงซี่มองสองเด็กแฝดที่น่าจะแอบต่อว่าเธอในใจไปหลายยก ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง “ก็คิดอยู่หรอกว่าแค่นี้น่ะมันไม่พอเอาชีวิตรอดได้ตลอดไป เพราะอย่างนั้นท่านแม่ถึงหาคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นคมดาบของฉันยังไงเล่า”
“แล้วเธอก็เลือกพวกเรา?” ดีนถาม
“ใช่ ในบรรดาคนที่ท่านแม่แนะนำมา ฉันคิดว่าพวกนายเข้าตาพอสมควรทีเดียว อย่างน้อยก็เจริญหูเจริญตาที่สุดล่ะนะ” ริงซี่ยกยิ้มมุมปาก คิดไปถึงบรรดาคนที่ถูกแนะนำมาก่อนหน้านี้แล้วก็ละเหี่ยใจอย่างบอกไม่ถูก
ที่แนะนำมาถ้าเป็นผู้ชายหน้าตาแต่ละคนราวกับมหาโจรหรือไม่ก็ใบหน้าเหี่ยวย่นเกินจะรับได้ อายุไม่ต้องพูดถึงเพราะทำร้ายจิตใจสาวน้อย (?) อย่างมาก ถ้าเป็นผู้หญิงก็สาวทรงโตที่เห็นแล้วต้องปาดเลือดกำเดา ทุกครั้งไปก็ไม่ไหวอีกเหมือนกัน ที่สำคัญคือพวกเธอเหล่านั้นเห็นหน้าเธอก็น้ำลายไหลแทบจะพุ่งหลาวเข้าใส่ราวกับเธอเป็นเนื้อสันชั้นดีอีก...น่าสะพรึงยิ่งนัก
เพราะงั้นสองหนุ่มฝาแฝดนี่แหละดีที่สุด ถึงจะแก่แดดไปบ้างก็พอรับได้
สองหนุ่มที่ไม่ได้รับรู้ความจริงเบื้องหลังก็ได้แต่ยิ้มอย่างเก้อเขินนิด ๆ คิดว่าเธอกำลังชมเขาแบบอ้อม ๆ อยู่
“ยังไงก็เถอะ ตั้งใจฝึกให้ดี ฉันคาดหวังในตัวพวกนายนะ” เธอพูดให้กำลังใจพอเป็นพิธี ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องฝึก “ฉันไปทำการบ้านล่ะ แล้วเจอกัน”
แล้วเธอก็เผ่นออกไปจากรวดเร็ว คืนนี้หลังจากทำการบ้านเรียบร้อยก็จะไปปรับแต่งประตูห้องด้วย ป้องกันไม่ให้มีหนูแฝดเข้าไปมุดเตียงกลางดึกอีก
ดีนหรี่ตาลงแล้วมองไปยังทิศทางที่ริงซี่เดินจากไป รอยยิ้มแสยะเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเขา ก่อนจะดึงน้องชายให้ลุกขึ้นมา
“ไปฝึกกันต่อเถอะเด็น”
“ครับพี่” เด็นตอบอย่างกระตือรือร้น
ในเมื่อถูกคาดหวังพวกเขาก็จะตอบสนองความคาดหวังของเธอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้ พวกเขาจะคอยเป็นคมดาบไว้ฟาดฟันศัตรูแทนเธอให้เอง
