บทที่ 4 ฝาแฝด (ตอนปลาย)
“เอ่อ... ดีน... มือน่ะมือ” ริงซี่โยกมือไปมาเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อย แต่เขากลับจับมือแน่นขึ้น ดวงตาสีเทาหม่นของเด็กหนุ่มจ้องมองเธอด้วยสายตาประหลาดที่อ่านไม่ออก
“น่าแปลกใจ ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับมือนี่” ดีนพึมพำออกมาเบา ๆ
“เหรอ... ไม่มั้ง เราเพิ่งจะจับมือกันครั้งแรก” ริงซี่เอ่ยบ่ายเบี่ยงใบหน้าเฉยชาตามเดิมแต่ในใจกลับตกใจมากที่อีกฝ่ายก็รู้สึกแบบนั้นด้วยเหมือนกัน
แต่ความจริงที่ว่าจับมือกันครั้งแรกก็ทำให้พวกเขาสับสนมาก... แล้วทำไมคุ้นเคยเฉพาะมือกันล่ะเนี่ย
“นั่นสิ จับมือกันครั้งแรก... แต่ทำไมคุ้นเคยนักนะ?” ดีนเหลือบมองมือของริงซี่เล็กน้อย ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายยกขึ้น และทำสิ่งที่ไม่คาดคิดลงไป
ริมฝีปากเล็กบรรจงจูบลงที่หลังมือขาวของริงซี่ ก่อนจะไล่ลงมาที่ปลายนิ้วอย่างช้า ๆ ท่าทางที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเคารพและภักดีอย่างที่เขาอาจไม่รู้ตัว ทำให้ริงซี่ตัวแข็งทื่อ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างขึ้น สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาซะเฉย ๆ น้องชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ด้วยก็มีอาการไม่แตกต่างกัน ดวงตากลมตาโตแทบจะถลนออกจากเบ้า
“คุ้นเคยมากจริง ๆ” หลังจูบเสร็จแล้วดีนก็เงยหน้าขึ้นมองริงซี่สีหน้าของเด็กหนุ่มดูจริงจังเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าทำไมถึงคุ้นเคย แต่ฉันจะหาเหตุผลให้ได้ลูกพี่วางใจได้เลย”
“ไม่ต้องโว้ย!!” ริงซี่ได้สติกลับมาสะบัดมืออีกฝ่ายออกในทันที ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้มีอาการเขินอายเลยสักนิด ที่มีตอนนี้มีแต่ความสยดสยอง “แล้วคิดบ้าอะไรเนี่ยมาจูบหลังมือกันเฉยเลย!”
“ก็แค่พิสูจน์เฉย ๆ” ดีนตอบกลับหน้าตายียวนและไม่แยแส
“ตอแหล!”
“ตามนั้น”
ยังจะยอมรับหน้ามึนๆ อีก!
“ไอ้... ไอ้เด็กหื่นกาม ตัวแค่นี้หัดรู้จักลวนลามผู้หญิงแล้วเรอะ!” ริงซี่ถลึงตาใส่เด็กหื่นกามทันที ดีนเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า
“อย่าพูดอะไรโง่ ๆ ไปหน่อยเลย เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกเรา มาจากพื้นที่เสื่อมโทรมนะ แค่เรื่องลวนลามน่ะไม่เท่าไรหรอก อะไร ๆ ที่มันเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ก็ทำได้ หึ ๆ”
“!!!”
อะไรที่มันเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ที่ว่าคืออะไรกันหา! แล้วสีหน้าชั่วร้ายกับเสียงหัวเราะมีเลศนัยนั่นอีก คิดว่ามันเข้ากับเด็กอายุสิบสองเหรอ!!
แก่แดด! เด็กนี่แก่แดดแบบสุดๆ เลย!!
“พวกนาย... จะไปไหนก็ไปเลยไป!” ริงซี่โบกมือไล่อย่างปวดหัว เธอไม่อยากพูดคุยกับสองฝาแฝดอีกแล้ว
“งั้นขอตัวก่อน ส่วนแท็บเล็ตนี่ถ้าใช้เสร็จแล้วจะเอามาคืน”
“ฝากคืนกับพ่อบ้านแล้วกัน เขารู้ว่าต้องเก็บไว้ที่ไหน”
“อืม” สองหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ส่วนริงซี่ก็เหยียดตัวนอนกับโซฟาเต็มตัวไปแล้ว
เมื่อออกมาจากห้องแล้ว เด็นก็ไม่รีรอที่จะถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเองทันที
“พี่คิดยังไงถึงไปจูบมือลูกพี่แบบนั้น”
“ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอก” ดีนตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ดวงตาและมือทำงานประสานกันบนจอแท็บเล็ตอย่างชำนาญไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย
“แค่ความรู้สึกเหรอ?” เด็นขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ แค่นั้นแหละ” ดีนปรายตามองน้องชายแวบหนึ่งแล้วยกยิ้ม “จิตใต้สำนึกบอกฉันว่าเธอคนนี้แหละที่เรากำลังตามหา ความคิดคำนึง ความโหยหา ตอนเห็นหน้ายังไม่รู้สึกอะไรเท่าไรคิดว่าเป็นแค่อารมณ์รำคาญในอก พอได้จับมือแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นเธอ... แต่ถ้าได้จับมากกว่ามือก็จะดีหรอกน้า~”
“พี่เนี่ย... สมควรแล้วที่เขาจะชี้หน้าด่าว่าหื่นกาม” เด็นส่ายหน้าไปมาอย่างขบขัน
“ฉันทำอะไรที่ไหน ก็แค่พูดความจริง”
“แต่คงเป็นความจริงที่ลูกพี่ไม่น่าจะชอบฟัง ผมว่าซ่อน ๆ ไว้บ้างก็ดีนะ ถ้าลูกพี่กลัวแล้วไม่อยากเข้าใกล้ขึ้นมาแล้วจะแย่... ทั้งที่หาเจอในที่สุดแล้วนี่นา”
“หึๆ ใช่ ในที่สุดก็หาเจอ” ดีนยิ้มขบขัน “ไปเถอะ จัดการข้อมูลเรียบร้อย ที่เหลือก็ให้พ่อบ้านช่วยจัดการเรื่องที่พักให้ด้วยเลย”
“ครับ”
สองฝาแฝดรีบเดินไปอย่างอารมณ์ดี
ในห้องอาหารอันหรูหราที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี เพื่อเลี้ยงฉลองสำหรับคุณนายของตระกูลบาเรสเทียร์ที่ตั้งครรภ์อีกครั้ง บรรยากาศภายในนั้นอบอวลไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ... โดยเฉพาะเสียงหัวเราะของลูกสาวเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้
ริงซี่กำลังนั่งหัวเราะเสียงดังลั่นไม่ไว้หน้าท่านพ่อบังเกิดเกล้าเลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะใบหน้าหล่อที่มีรอยแดง ๆ ปรากฏอยู่ และเมื่อคุณนายหลินซีเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอออกไปรับสามีให้กับลูกสาวฟังยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะ
รัสเทลที่มาถึงคฤหาสน์เมื่อพบเจอภรรยาผู้แสนงดงามก็ออกอาการตื่นเต้นและกระดี๊กระด๊าออกหน้าออกตารีบเปิดประตูรถออกไปโดยไม่รอคนรับใช้ แต่เพราะรีบมากเกินไปไม่ทันระวัง สะดุดขอบประตูรถล้มหน้าฟาดพื้นในทันที แต่นั่นยังไม่ฮาเท่ากับอีกฝ่ายรีบคลานด้วยความเร็วสูงไปเกาะขาหลินซีแล้วถูไถด้วยความออดอ้อน ทำเอาลูกน้องในตอนนั้นอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
โธ่~ หมดกันภาพลักษณ์ของนักธุรกิจแสนเลื่องชื่อ...
“นี่แกจะหัวเราะอีกนานไหมริงซี่!” รัสเทมถลึงตาใส่ลูกสาวที่นั่งหัวเราะมานานกว่าสิบนาทีแล้วอย่างขุ่นเคือง อะไรจะหัวเราะมากมายขนาดนั้นกัน
“หูย~ ท่านพ่อไม่เข้าใจ นี่มันช่วงนาทีทอง ต้องหัวเราะให้สะใจเท่าที่มีโอกาส” ริงซี่ยังคงหัวเราะอย่างต่อเนื่องไม่ได้สำนึกเลยสักนิด ทำให้รัสเทมกัดฟันกรอด
“แล้วหลังจากนี้ฉันจะเป็นฝ่ายหัวเราะแกบ้าง”
“หา? หัวเราะเรื่องอะไร”
“เรื่องที่แกจะโดนฉันตื้บนี่ไงเล่า!” รัสเทมขว้างช้อนใส่ริงซี่อย่างรวดเร็ว แต่ช้อนนั้นไม่แม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ริงซี่เลยสักนิด ขว้างไปทางช้อนไปอีกทาง ลอยไปโดนหัวบอดี้การ์ดที่ยืนติดประตูพอดีอีก
“...”
ริงซี่เงียบ หลินซีเงียบ รัสเทมยิ่งเงียบสนิท...
“โธ่ ที่รัก...” หลินซีมองสามีตัวเองอย่างอาดูร
“ก๊าก! ท่านพ่อโคตรกากอ่ะ!” ริงซี่มองอย่างขบขัน หัวเราะลั่นยิ่งกว่าเก่า ความแม่นยำของรัสเทมต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ยังจะขว้างช้อนออกไปอีก ไม่อายบ้างเลย
ส่วนคนความแม่นยำต่ำเตี้ยเรี่ยดินก็อยากจะมุดลงใต้โต๊ะด้วยความอับอาย สมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก โดนลูกสาวหัวเราะเยาะตั้งสองครั้งในหนึ่งวัน เจ็บใจจริง ๆ
“เอาล่ะ ๆ เลิกเล่นกันได้แล้วมาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่านะคะคุณ” หลินซีเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่รัสเทมจะมุดลงใต้โต๊ะไปจริง ๆ “เรื่องของเด็กฝาแฝดที่รับมาเป็นผู้ติดตามของริงซี่น่ะ คิดเห็นว่ายังไงกันคะ?”
“เรื่องนี้ผมยังไงก็ได้หลินซี ถ้าริงซี่โอเคผมก็โอเค” รัสเทมตอบ ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบไปมองลูกสาวที่กำลังทำหน้าปุเลี่ยน ๆ อยู่ “แกว่ายังไงล่ะริงซี่”
“ก็โอเคนะท่านพ่อ พวกเขาก็มีศักยภาพที่ดี”
...ถึงนิสัยจะแก่แดดไปหน่อยเธอก็โอเค๊~ จริงจริ๊ง~!
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่ได้ข่าวว่าเพิ่งสิบสองเองนี่นา... แกจะเลี้ยงต้อย?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ หญ้าอ่อนน่ะมันเคี้ยวง่าย” ริงซี่ยักคิ้วให้อย่างยียวน
“เจริญล่ะลูกตู หัดเคี้ยวหญ้าซะแล้ว” รัสเทมยกมือขึ้นกุมขมับ ท่าทางดูปวดใจเหลือเกินที่เลี้ยงลูกออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตเคี้ยวหญ้า...
“เดี๋ยว ๆ ท่านพ่อเข้าใจไปไหนนั่น”
“เข้าใจว่าริงซี่ชอบกินหญ้า... แต่ไม่เป็นไร ในสวนบ้านเรามีหญ้าเยอะแยะเชิญกินได้เลย”
“กินเองเถอะท่านพ่อ!” ริงซี่กลอกตาไปมากับท่าทางของรัสเทม ก่อนจะถอนหายใจเฮือก จากนั้นก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องงานในบริษัทแทนเสียอย่างนั้น เธอไม่อยากจะหาเรื่องตบมุกกับคุณพ่อสุดที่รักแล้ว... ยิงมุกใส่กันทีไรเธอก็แพ้เป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้น
มื้อเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ริงซี่ขอตัวกลับห้องหลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อย วันนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่ก็มีเรื่องให้คิดและทำมากมาย นี่ยังไม่นับรวมการบ้านที่ต้องทำส่งอีกนะ... มันช่างเหนื่อย...
“หืม?” ริงซี่ขมวดคิ้วทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องไปบนเตียงอย่างฉงนเมื่อเห็นสองร่างไม่พึงประสงค์บนเตียงสุดที่รักของเธอ “พวกนายมาทำอะไรในห้องของฉัน?”
“ก็มานอนน่ะสิ” ดีนตอบกลับอย่างยียวน เด็กหนุ่มนอนเอกเขนกบนเตียงราวกับเป็นเจ้าของเสียเอง ฝาแฝดคนน้องพยักหน้าสนับสนุน ในมือเปิดหนังสือเรียนของริงซี่อ่านผ่าน ๆ ตา
“ทำไมมานอนห้องฉัน พ่อบ้านน่าจะจัดเตรียมห้องนอนให้พวกนายแล้วนี่”
“จัดเตรียมแล้วแต่อยากมานอนกับลูกพี่มากกว่าไงครับ” เด็นตอบก่อนจะยิ้มหวานให้อย่างน่ารัก แต่คนได้รับรอยยิ้มกลับไม่เอ็นดูเลยสักนิด
“คิดยังไงถึงอยากนอนด้วยกันล่ะเนี่ย”
“ทำความคุ้นเคยยังไงล่ะ” ดีนยิ้มกว้าง “ไหน ๆ ก็ต้องเป็นผู้ติดตามคนสนิทแล้วก็ต้องทำความคุ้นเคยกับเจ้านายเอาไว้จริงไหม”
“แต่มันต้องไม่ใช่ในเวลานอนอย่างนี้สิ” ริงซี่ขมวดคิ้วแน่น
คิดว่าที่อ้างมานั่นเธอจะเชื่อเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะเฟ้ย
“พวกเรา... นอนกับลูกพี่ไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เด็นมองด้วยสายตาน่าสงสาร ท่าทางเหมือนลูกหมาน้อยที่กำลังจะถูกเจ้าของทิ้ง ริงซี่คิ้วกระตุกแวบหนึ่งแล้วหันหน้าหนี
“ไม่ได้!”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ ทำไมล่ะ?”
“ก็... พวกนายเป็นผู้ชายส่วนฉันเป็นผู้หญิงไง”
“หน้าอย่างนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอีกเรอะ” ดีนค่อนขอด ริงซี่หันขวับไปมองทันที
“ว่าไงนะ!”
“เปล่าครับ!!” แฝดคนพี่ตอบกลับเสียงดัง เกร็งลำตัวราวกับหวาดกลัวการลงโทษจากสาวหล่อตรงหน้า ทั้งที่ใบหน้าของเขานั้นมีรอยยิ้มยียวนประดับอยู่ไม่ได้แสดงความกลัวเลยสักนิด
จะเอายังไงแน่พ่อคุณ กลัวหรือไม่กลัวนั่น
“จะยังไงก็เถอะ พวกนายกลับไปนอนห้องของตัวเองกันได้แล้ว” ริงซี่เอ่ยไล่ ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาพาดบ่าเตรียมจะอาบน้ำ
“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากนอนกับลูกพี่นี่นา” เด็นพูดอย่างเอาแต่ใจ ท่าทางงอแงเป็นเด็ก ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้วางมาดเป็นผู้ใหญ่กันเสียดิบดี ริงซี่ปรายตามองแล้วถอนหายใจ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้...”
“น่า~ นะ~ ลูกพี่ ครั้งนี้ครั้งเดียวก็ได้ แล้วผมกับพี่จะเชื่อฟังลูกพี่ทุกอย่างเลย”
“เฮ้ย ๆ” ดีนสะกิดน้องชายที่เอ่ยปากบอกไปแบบนั้น เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีในอนาคต ซึ่งมันถูกต้อง... ริงซี่หันมาฉีกยิ้มให้กับพวกเขาทันที ใบหน้าหล่อเหลาทะลุเพศที่แท้จริงดูชั่วร้ายขึ้นมาในพริบตา
“พวกนายแน่ใจนะ?”
“ครับ” เด็นตอบอย่างกระตือรือร้น
“ไม่!” ดีนปฏิเสธอย่างฉับไว
“งั้นสรุปเอายังไง? ตกลงกันให้ดีก่อนพูดสิ”
“...เธอแกล้งเด็กนี่”
“หา?” ริงซี่กะพริบตาปริบ ๆ เธอโดนประณามทั้งที่เด็กมันเข้ามาให้แกล้งเองเนี่ยนะ มันใช่เหรอ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ...
“แกล้งเด็กอย่างนี้ต้องชดใช้ให้ด้วยนะครับลูกพี่ ไม่งั้นไม่ยุติธรรม!” เด็นรีบสนับสนุนคำของพี่ชาย “เพราะงั้นยอมให้พวกเรานอนด้วยเลยนะครับ”
“ใช่ ต้องยอมให้นอนกอดด้วยนะถึงจะยุติธรรม!” พี่ชายก็ไม่น้อยหน้า ตักตวงผลประโยชน์ได้อย่างยอดเยี่ยม
สองฝาแฝดได้คืบเอาศอก เออ เดี๋ยวเธอจะแถมแข้งให้ด้วย!!
“อยากจะนอนด้วยกันนักใช่ไหม? ...ได้! จัดไป!!” ริงซี่พูดเสียงเข้มมือกดลงบนนาฬิกาข้อมือสีดำขนาดเล็ก เสียง 'คลิก' ดังขึ้นใต้เตียง ไม่ทันที่สองฝาแฝดจะได้ขยับตัว พื้นใต้เตียงก็พลิกในทันที คนก็ล่วงลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ส่วนเตียงนั้นยึดติดกับพื้น
“ว้าก!!” เสียงร้องของสองฝาแฝดดังขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงคนตกลงพื้น
“เด็กโง่เอ๊ย” สาวหล่อกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเฉยชา
คิดจะนอนกับเธอเรอะ ฝันไปเถอะ!
ริงซี่ไม่ได้มองว่าพวกเขาจะเป็นอะไรไปบ้าง แต่ข้างล่างนั่นไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะปูด้วยเบาะยางอย่างดี เมื่อพื้นพลิกกลับด้านขึ้นมาก็เป็นเตียงแบบเดิม แต่ไม่มีหมอนหรือผ้าห่ม ริงซี่ไม่ได้สนใจอะไรนัก เธอหยิบโทรศัพท์ที่ยึดไว้กับกำแพงขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาพ่อบ้านเพื่อจัดการให้เอาเครื่องนอนมาให้ใหม่ ส่วนสองฝาแฝดที่ห้องข้างล่าง ก็จับมัดกลับห้องของพวกเขาไป
คืนนี้เธอคงได้นอนอย่างสงบสุขเสียที~
