บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ริซูเลเนท บาเรสเทียร์ (ตอนปลาย)

เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นแล้ว นักเรียนทั้งหมดก็นั่งที่ของตนเองเพื่อรอให้อาจารย์เข้ามาสอน ริงซี่เตรียมหนังสือขึ้นมารอแล้วนั่งหาวจากการนอนไม่เพียงพอ ริงซี่คิดว่านี่อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝันไม่ดีเลยทำให้รู้สึกไม่สดชื่นเท่าไร...

'แต่ว่าเมื่อคืนฝันว่าอะไรกันนะ? ฝันที่รู้สึกไม่ดีเลย หรือจะเป็นลางบอกเหตุ...'

ริงซี่นั่งคิดมาตั้งแต่เช้า บทเรียนต่างๆ ก็ผ่านหัวไปเรื่อยแบบจำได้บ้างไม่ได้บ้าง จนกระทั่งเลิกเรียน ริงซี่ก็เก็บสิ่งของใส่กระเป๋าแล้วเดินลงจากอาคารไปยังลานจอดรถที่มารอรับเหมือนทุกครั้ง

ร่างสูงโปร่งเดินเอื่อย ๆ ลงบันไดไป ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดานักเรียนหญิงทั้งหลายจากชั้นหนึ่ง ริงซี่ขมวดคิ้วก่อนจะเร่งฝีเท้าลงไปดูด้วยความสนใจ

“ขอทางหน่อย” ริงซี่กล่าวกับเด็กสาวที่ยืนขวางกันหลายคน พอพวกเธอหันมาพบว่าคนขอทางเป็นใครทุกคนก็พร้อมใจกันเปิดทางให้เธออย่างง่ายดาย ใบหน้าของเด็กสาวเหล่านั้นดูเคลิ้มฝันเมื่อได้มองเธอในระยะประชิด พอริงซี่เดินผ่านไปก็ร้องวี้ดว้ายกันยิ่งกว่าเก่า ทำราวกับเจอดาราดังขวัญใจในระยะประชิดก็ไม่ปาน

“ออกมาแล้วเหรอ?” เสียงหงุดหงิดเจือหยิ่งยโสดังขึ้นด้านหน้า ริงซี่เลิกคิ้วแล้วมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างพิจารณา

เด็กหนุ่มน่ารักสองคนอายุไม่น่าจะเกินสิบสองปีในชุดไปรเวทสีดำล้วน พวกเขาทั้งคู่เหมือนกันมากจนดูรู้เลยว่าเป็นฝาแฝด ใบหน้าดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก ผมสีดำสั้นดูยุ่งเหยิง ผิวค่อนไปทางคล้ำเล็กน้อยราวกับคนที่อยู่กับแสงแดดมากกว่าในร่ม รูปร่างเหมือนนักกีฬา ส่วนสูงนั้นอยู่เพียงอกของเธอเท่านั้น ดวงตาสีเทาหม่นสองคู่มองเธออย่างประเมิน

ทั้งคู่ทำให้เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างประหลาดเพียงแค่มองหน้า ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่แย่แต่กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก...

แต่เธอมั่นใจว่าเพิ่งเจอพวกเขาเป็นครั้งแรก

“พูดกับฉันเหรอ?” ริงซี่ถามพวกเขาเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อกี้คุยกับใคร พลางปัดความรู้สึกก่อนหน้านี้ทิ้งไปอย่างไม่เห็นว่าสำคัญ

“ถามโง่ ๆ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครได้” แฝดที่ยืนอยู่ด้านซ้ายตอบ ใบหน้าของเด็กคนนี้ดูละมุนกว่าอีกคนเล็กน้อยท่าทางคุยง่าย แต่ฝีปากนี่ช่าง...

ริงซี่จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่มันหยาบคายมาก

“ท่าทางก็เอ๋อซะ อย่างนี้จะเป็นเจ้านายของพวกเราได้แน่เหรอ” แฝดคนขวาพูดเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด ละสายตาจากริงซี่หันไปมองทางอื่นอย่างไม่ค่อยแยแส “ถ้าเป็นนายหญิงหลินซีฉันยังยินดีรับใช้มากกว่าเลย...”

“พูดเรื่องอะไรกัน? ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด” ริงซี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ อยู่ ๆ มาบอกใครเป็นเจ้านาย แล้วนั่นพูดชื่อแม่ของเธอทำไม เธอจำไม่ได้ว่ามีลูกน้องหยาบคายแบบนี้เลยนะ

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ว่า 'แม่' ของคุณส่งเรามาเป็น 'ผู้ติดตาม' ให้กับคุณยังไงล่ะ”

“ฮะ?”

ติดตาม?

'เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ ขอเวลาประมวลผลสักครู่... นี่หมายความว่าของฝากที่ท่านแม่เอามาจากที่ทำงานในทวีปตะวันตกก็คือ 'เด็กแฝด' เนี่ยนะ?'

เอามาทำไม! ใครต้องการห๊า!!

“ทำหน้าเหวออีกแล้ว ใช้ไม่ได้ ๆ” แฝดซ้ายส่ายหน้าไปมาราวกับผิดหวัง คนทำให้ผิดหวังถอนหายใจเฮือกแล้วเดินผ่านไปอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่สนใจจะชายตาแลคนที่ผิดหวังเลยสักนิด

'ก็แค่ 'ของฝาก' เท่านั้นจะรับหรือไม่รับ คนที่ตัดสินคือเธอนี่นา ไม่รับก็แค่เมิน'

ริงซี่มองหารถของตนเอง ในเวลานี้คนขับรถน่าจะจอดรถรออยู่แล้ว แต่มองหาเท่าไรก็ไม่เจอสักทีทำให้เธอต้องขมวดคิ้วแล้วหยิบเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมากดโทรออก

“ไม่ต้องโทรให้เสียเวลาหรอก คนขับรถนายไม่มาแล้ว” เสียงจากแฝดขวาดังขึ้น ริงซี่หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกฝ่าย เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามออกไป ยังคงกดโทรออกไปตามปกติ

[ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก]

เสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติดังขึ้น ร่างสูงโปร่งถอนหายใจเฮือก แล้วเดินออกจากโรงเรียนไปหารถแท็กซี่เพื่อกลับคฤหาสน์ในทันทีโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ท่าทางที่ดูราวกับไม่แยแสใครเลยสักนิดของเด็กสาวหน้าหล่อทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองออกอาการหงุดหงิดกันไม่น้อย

“นี่แก! ไม่ฟังที่พวกเราพูดเลยหรือไง”

“อะไรอีกเจ้าเด็กอวดดี” ริงซี่หันมาพูดเรียบ ๆ ใบหน้าหล่อฉายแววเบื่อหน่าย

“ใครเด็กอวดดี! นายนั่นแหละที่อวดดี รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังเจออะไรอยู่” เด็กฝาแฝดชี้หน้าของเธออย่างขุ่นเคือง ดูท่าว่าท่าทางของเธอจะไม่เป็นที่พอใจสำหรับพวกเขาเท่าไร

“ก็ปกติดีทุกวันนี่ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”

“ปกติบ้านนายสิ! ในสถานการณ์อย่างนี้มันต้องตื่นตัวไม่ใช่หรือไง!!” แฝดขวาตวาดอย่างสุดทน ในสถานการณ์ที่ติดต่อคนขับรถของตัวเองไม่ได้ก็น่าจะรู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้วไม่ใช่หรือไง มันควรจะระแวงระวังอะไรบ้างสิ!

แต่นี่อะไร เฉื่อยชาราวกับเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้วันละสองหนแบบนั้น

“นี่เด็กน้อย... มันมีอะไรให้ตื่นตัว ก็แค่คนขับรถไม่มารับน่ะ” ริงซี่ถามกลับ “มีมือมีขา มีปากพูดและมีตาดู เดินออกไปโบกรถแท็กซี่กลับบ้านสิ รออะไรล่ะ อยู่ต่อไปก็ไม่ได้อะไรนี่”

“...” สองแฝดถึงกับพูดไม่ออก เถียงไม่ถูกเลยทีเดียว

นี่มัน... จะเรียกว่าปกติหรือไม่ปกติดีล่ะเนี่ย?

ในสถานการณ์อย่างนี้ลูกคุณหนูเขาเป็นอย่างนี้กันหมดเหรอ! มันใช่เหรอ!?

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? งั้นไปล่ะ” ริงซี่หมุนตัวเดินออกไปจากโรงเรียนโดยไม่สนใจอะไรอีก มือก็กดสมาร์ทโฟนไปมาไม่หยุด เธอต้องเดินออกไปไกลจากโรงเรียนหน่อยถึงจะพอเรียกรถแท็กซี่ได้บ้าง เพราะหน้าโรงเรียนคุณหนูไม่มีพื้นที่ให้แท็กซี่เข้าไปแทรกได้

ดวงตาสีน้ำเงินมองทางสลับกับหน้าจอสมาร์ทโฟน ไม่ได้สนใจแวะที่ไหน ด้านหลังก็มีเด็กฝาแฝดเดินตามหลังมาด้วย แต่ไม่ได้เข้ามาตามประกบแต่อย่างใด

“นี่” เสียงเรียกจากแฝดคนหนึ่งดังขึ้น

“...” ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากริงซี่เลยสักนิด

“นี่นาย”

“...”

“ไอ้โง่! หันมาเดี๋ยวนี้... โอ๊ย! อะไรเนี่ย?” แฝดขวายกมือขึ้นกุมหน้าฝากเมื่อมีวัตถุปริศนาพุ่งมากระแทกหน้าผากของเขาเต็ม ๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อมองดูวัตถุชิ้นนั้นดี ๆ ก็พบว่ามันเป็นยางลบขนาดเล็กก้อนหนึ่ง

“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ใครคือไอ้โง่กัน หยาบคายชะมัด ฉันชื่อ ริซูเลเนท จะเรียกริงซี่ก็ได้ไม่ว่ากัน” ริงซี่พูดเสียงขุ่นเล็กน้อย แล้วหันไปสนใจสมาร์ทโฟนต่ออีกครั้ง

“ริงซี่... ชื่ออย่างกับตุ๊ด เฮ้ย!” สองแฝดกระโดดหลบวูบด้วยความตกใจเมื่อมีวัตถุพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ของทั้งสองอย่างนั้นไม่โดนตัวพวกเขา ความแม่นยำไม่มากแต่ความรวดเร็วในการขว้างนั่นทำให้พวกเขาแอบทึ่งกันไม่น้อยเลย

'เห็นดูเฉื่อย ๆ อย่างนี้... แต่มีความเร็วไม่ธรรมดาเลย...'

“ไม่ได้เป็นตุ๊ด ฉันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ เฟ้ยไอ้เด็กแฝดหยาบคาย!”

“หา?” สองฝาแฝดหน้าเหวออีกครั้งเมื่อมองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่า 'ผู้หญิง' ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพ่งพินิจหน้าตาและรูปร่างของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนก็ยิ่งเบิกตากว้างอ้าปากค้างไปกันใหญ่

“เนี่ยนะผู้หญิง!?”

ริงซี่พ่นลมหายใจอย่างขุ่นเคือง “เออสิ มองเป็นผู้ชายหรือไง”

'ก็ใช่น่ะสิ!!'

สองฝาแฝดร้องตอบในใจ หน้าตาหล่อเกินชายขนาดนี้ใครตอบว่าเป็นผู้หญิงได้มันก็ตาเหล่หมดแล้ว

“ว่าแต่พวกนายเดินตามมานานแล้วนะไม่คิดจะแนะนำตัวเหรอ หรือไม่มีชื่อ... ตั้งชื่อให้เอาไหม เป็นแฝดซ้ายกับแฝดขวา” ริงซี่ปรายตามองทั้งสองคนแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

“ไม่เอาเฟ้ย!” สองฝาแฝดปฏิเสธทันที

“งั้นก็แนะนำตัวสิ”

“ฉันชื่อดีน” แฝดขวาแนะนำตัวเองเสียงขุ่น “นี่น้องชายของฉัน ชื่อเด็น”

“นามสกุลล่ะ?”

“ไม่มี”

“ทำไม? เป็นพวกต่างด้าวนอกกฎหมายเรอะ”

“เออ”

“งั้นเดี๋ยวฉันตั้งนามสกุลให้ เอาเป็น...”

“ไม่ต้อง!!” เด็กหนุ่มทั้งสองปฏิเสธความหวังดีนั้นทันที

ริงซี่หันมายิ้มให้อย่างขบขันก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ท่าทางหยอกล้อยียวนนั่นทำให้สองแฝดขุ่นเคืองไม่น้อย

พวกเขาอยากจะลงไปนั่งกุมขมับกับพื้น ทำไมผู้หญิงหล่อแบบนี้ เซนส์การตั้งชื่อก็ห่วยแตก แถมยังเดาใจได้ยากเป็นที่สุด เป็นคุณหนูที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา จนทำให้พวกเรารู้สึกว่าโลกนี้มันชักจะอยู่ยากขึ้นซะแล้วสิ...

นายหญิงหลินซี... ส่งพวกเขามาเจออะไรกันแน่!?

“ดีนกับเด็นสินะ เอาล่ะ พวกเราก็กลับกันเถอะ” ริงซี่เปลี่ยนเรื่องไป ก่อนจะหันไปมองรถสีดำสนิทที่แล่นมาจอดรอรับอย่างพอเหมาะพอดี ทำให้สองฝาแฝดมองอย่างตกตะลึง นั่นเพราะรถสีดำคันนี้มีตราของตระกูลบาเรสเทียร์ติดอยู่ด้วย!

'ก็ไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ส่งคนมารับยังไงล่ะ?'

สองฝาแฝดขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง

“มัวตะลึงอะไรอยู่ รีบขึ้นรถสิเด็กน้อย เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ที่นี่หรอก” ริงซี่หันมาเร่งขณะก้าวขึ้นรถ สองฝาแฝดเดินตามขึ้นมาทั้งที่มีสีหน้างุนงงอยู่ คนหนึ่งนั่งหน้าอีกคนนั่งข้าง ๆ ริงซี่

“เธอ... ตามรถมารับได้ยังไง” ดีนที่นั่งข้าง ๆ ถามออกไปอย่างอดไม่ได้

“ก็แค่กดส่งข้อความเข้าหาเครือข่ายเท่านั้น” ริงซี่ตอบพลางเอนตัวลงกับเบาะรถอย่างผ่อนคลาย ดวงตาสีน้ำเงินปิดลงราวกับกำลังพักผ่อน

“แต่มันไม่น่าจะติดต่อคนขับรถได้นี่นา...”

“นายคิดว่าฉันเป็นใครกัน?”

“เอ่อ... ก็...”

“ฉันคือลูกสาวนักธุรกิจที่หล่อและรวยมาก! ด้วยอำนาจบารมีอันมาจากพ่อล้วน ๆ ก็มีมากมายมหาศาล แค่การตามใครสักคนที่ขับรถเป็นให้ออกมารับน่ะไม่ใช่เรื่องยากหรอกจะบอกให้”

ริงซี่ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ คนรับใช้ของเธอมีเป็นร้อย ๆ กับแค่คนขับรถประจำไม่มารับ ใช่ว่าคนอื่นจะมาไม่ได้

อีกอย่างคนนี้ไม่ใช่คนของคฤหาสน์ตระกูลหรอก เขามาจากเขตอื่นที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเทมต่างหาก แค่ห้ามคนในคฤหาสน์แต่ไม่ได้ห้ามคนต่างเขตมันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ห้ามเลยด้วยซ้ำ เธอก็ยังเรียกใช้ได้อย่างปกติอยู่ดีนั่นล่ะ

เพราะงั้นถึงได้บอกไงว่ามันปกติดีไม่ใด้มีอะไรให้ตื่นตัวเลย

สองฝาแฝดหันมาสบตากันแวบหนึ่งด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวแสดงอารมณ์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะตกใจ ทึ่ง อึ้งหรือควรจะโกรธดี...

ลูกสาวเศรษฐีทั้งหลายที่เคยพบเห็นมา หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะต้องวิตกและทำอะไรไม่ค่อยถูกไม่ใช่เหรอ แต่นี่กลับมองปัญหาอย่างเฉื่อยชา จัดการได้อย่างรวบรัด ปิดท้ายด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้ระแวงระวังอะไรเพิ่มเติมเลยสักนิดเดียว ราวกับว่าเรื่องแค่นี้ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ

นี่มันแปลกเกินไปไหม!?

“กลับไปแล้วคงต้องส่งตัวคืนล่ะนะ ของฝากแบบนี้ไม่ได้ต้องการซะหน่อย” ริงซี่พูดขึ้นลอย ๆ ขณะมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างชินชา สองฝาแฝดหันขวับไปมองทันที

“ใครเป็นของฝากกัน พวกเรามาเป็นผู้ติดตามต่างหาก”

“นั่นแหละ ไม่ได้อยากได้ซะหน่อย แค่คนรับใช้ที่มีอยู่ตอนนี้ก็มากเกินพอแล้ว”

“เราไม่ได้มาเป็นคนรับใช้ ก็บอกว่าเป็นผู้ติดตามยังไงเล่า!”

“จะอะไรก็ช่าง ไม่เอาหรอก...”

“ตัดสินใจแล้ว พวกเราเลือกเธอนี่แหละ”

“หา?” ริงซี่หันกลับไปมองบ้าง เห็นสองแฝดยิ้มกริ่มแล้วก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบแบบไม่ทราบสาเหตุ

“พวกเราเลือกเธอเป็นเจ้านาย... นับจากนี้ไปฝากตัวด้วยนะลูกพี่” สองฝาแฝดกล่าวออกมาพร้อมกัน ริงซี่เอ่ยประท้วงในทันที

“เดี๋ยว ๆ ใครเป็นลูกพี่กัน ต้องเรียกพี่สาวไม่ก็คุณหนูสิเฟ้ย!”

“...”

ขนาดจะประท้วงยังห่วงภาพพจน์คุณหนู... ถามจริงเถอะ เคยส่องกระจกบ้างไหมว่ารูปลักษณ์ของตัวเองมันมาดแมนขนาดไหนน่ะ ริซูเลเนท!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel