บทที่ 1 ริซูเลเนท บาเรสเทียร์ (ตอนต้น)
“อ้าว ยังอยู่อีกเหรอท่านพ่อ?”
ริงซี่ในชุดนักเรียนสีขาวร้องทักเมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้วเจอกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อคมเข้มไร้หนวดเครา มีเค้าโครงหน้าคล้ายเธออยู่หลายส่วน แต่แสดงออกว่าเป็นคนอารมณ์ดียิ้มง่าย ผิวขาว ผมสีน้ำตาลทอง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองคนเอ่ยทักพลางยิ้มกว้าง
“ไงริงซี่ เพิ่งตื่นเหรอ”
“ก็ใช่... แล้ววันนี้ท่านพ่อไม่มีงานเหรอ ถึงอยู่สายขนาดนี้ได้เนี่ย” ริงซี่เดินมานั่งที่เก้าอี้ ชายหนุ่มโบกมือครั้งหนึ่งอาหารเช้าก็มาเสิร์ฟให้กับ ผู้ร่วมโต๊ะคนใหม่
“มี แต่วันนี้อารมณ์ดีเลยอยากไปทำงานสาย” ท่าทางของท่านพ่อดูกระตือรือร้นอย่างประหลาด ริงซี่กลอกตาไปมา
“อารมณ์ดีอะไรทำไมถึงอยากไปทำงานสาย?”
“ก็ฉันอยู่รอเพื่อจะบอกข่าวดีกับแกเลยนะริงซี่ลูกรัก!”
“ข่าวอะไร?”
“แกกำลังจะมีน้อง!!”
“โอ้...”
“อะไรกัน ท่าทางเอื่อยเฉื่อยแบบนั้นน่ะ ไม่ดีใจเรอะ!?” ท่านพ่อขมวดคิ้วอย่างฉงน
“ก็ดีใจอยู่หรอก แต่ท่านบอกช้าไปหรือเปล่า” ริงซี่หยิบ สมาร์ทโฟนขึ้นมากดอะไรบางอย่างลงไปครู่หนึ่งก็ยื่นไปตรงหน้าของ ท่านพ่อ “ท่านแม่ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนน่ะ แล้วอย่างนี้จะให้ไปตื่นเต้นอะไรกับท่านพ่อได้”
“โหย! อะไรกัน ไม่สนุกเลย” สีหน้าของพ่อบังเกิดเกล้าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่สบอารมณ์ กะเซอร์ไพร์สเสียหน่อยแต่เจ้าลูกสาวตัวดีดันรู้ก่อนเสียอย่างนั้น
“ไม่เตี๊ยมกันให้ดีก็อย่างนี้แหละ” ริงซี่ไหวไหล่แล้วหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ
“เออ ครั้งนี้ฉันพลาดเองแหละ...”
“ท่านรัสเทมครับ ได้เวลาแล้วครับ” เสียงของเลขานุการคนสนิทของท่านพ่อดังขึ้นจากหลังประตู เขาไม่ได้เข้ามาภายในห้อง รัสเทมถอนหายใจเฮือกแล้วลุกขึ้นยืน
“เข้าใจแล้ว... งั้นฉันไปก่อนนะริงซี่ลูกรัก ตอนเย็นเจอกัน”
“เย็นวันไหนล่ะ วันนี้หรืออีกหลายวันข้างหน้า” ริงซี่มองหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาข้างล่าง มุมปากกระตุกเล็กน้อย
“วันนี้สิ แม่ของแกจะกลับมาเย็นนี้ ขืนฉันไม่อยู่มีหวังเป็นศพแน่” รัสเทมพูดด้วยสีหน้าสยองขวัญ ลูบแขนตัวเองไปมา “ไปแล้วนะ วันนี้แกก็กลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยล่ะ แม่กลับมาคราวนี้เตรียมของฝากมาให้แกด้วยนะ”
“อืม...”
“เฉื่อยอีกแล้ว รู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกันล่ะสิ”
“เปล่า จะบอกว่าท่านพ่อลืมรูดซิบกางเกง...” มือเรียวสวยชี้ต่ำลงไป ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงมุมปากกระตุกไม่หยุด คนเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้รูดซิบสะดุ้งโหยงทันที
“แล้วทำไมไม่รีบบอก! ปล่อยให้ท่านพ่อยืนโชว์ตั้งนานทำไมฟะ!!” รัสเทมรีบรูดซิบกางเกงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกสาวหันมาถลึงตาใส่เธอ “ไปจริง ๆ ล่ะเว้ย! แกน่ะเดินทางระวังด้วยล่ะ”
“ท่านพ่อก็เหมือนกัน ตั้งใจทำงานนะ” ริงซี่โบกมือให้กับรัสเทมที่เดินออกไป ก่อนตัวเองก็นั่งกินอาหารต่อไปอย่างไม่รีบร้อน
ใช้เวลากินไม่นานนักริงซี่ก็กลับห้องมาเตรียมตัวไปเรียน โรงเรียนลูกคุณหนูที่แสนโด่งดังในบริเวณนี้มากที่สุด ในระหว่างนั่งรถริงซี่อ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย ดวงตาสีน้ำเงินมองออกไปนอกหน้าต่าง มองรถยนต์สีดำที่ตามประกบอย่างแน่นหนาป้องกันภัยให้กับคุณหนูคนสำคัญ
พอมองเลยไปยังสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายที่รถแล่นผ่าน สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นมีโครงสร้างแตกต่างกันมากและไม่มีความเข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคนในเขตนี้
ที่ที่เธออาศัยอยู่นี่คือหนึ่งในเขตปกครองของทวีปกลาง ทวีปขนาดเล็กที่อยู่คั่นกลางระหว่างทวีปตะวันออกและทวีปตะวันตก แบ่งการปกครองออกเป็นเขต ทั้งหมด 99 เขตด้วยกัน ทุกเขตจะมีผู้ปกครองหนึ่งคน ซึ่งการจะเป็นผู้ปกครองได้นั้นจะต้องเป็นผู้มีอิทธิพลมากจากทวีปฝั่งตะวันออกหรือทวีปฝั่งตะวันตกเท่านั้น
ท่านพ่อของเธอ หรือที่รู้จักทั่วในนามของ 'รัสเทม บาเรสเทียร์' นักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่งในทวีปฝั่งตะวันตกก็เป็นหนึ่งในผู้ปกครองเขตเช่นเดียวกัน เขาไม่ได้ปกครองแค่หนึ่งแต่มีด้วยกันถึงห้าเขต ซึ่งเขตเหล่านี้ได้มาจากการใช้ฝีมือ พลังอำนาจและเงินตราในการครอบครอง ทำให้ในทวีปกลางนี้รัสเทมก็ถือว่ามีอิทธิพลมากเหมือนกัน
นี่ยังไม่นับรวมทางท่านแม่ก่อนแต่งงานหรอกนะ...
และที่พิเศษกว่านั้นคือตระกูลบาเรสเทียร์ไม่ใช่ตระกูลนักธุรกิจธรรมดา คนสายเลือดนี้มีความพิเศษอยู่ ด้วยความสามารถที่ตกทอดกันมาทางสายเลือดทำให้พวกเขายังคงดำรงตำแหน่งเป็นผู้มีอำนาจอันดับ ต้น ๆ ของโลกได้เสมอมา ริงซี่เองก็เช่นกัน... แม้เวลานี้จะอายุเพียง สิบเจ็ดปี แต่ก็มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับและโด่งดังในฐานะ 'เจ้าชายจอมเฉื่อยแห่งบาเรสเทียร์'
...มันน่าขัดใจจริง ๆ ที่ถูกเรียกเป็นเจ้าชายเนี่ย นี่สับสนเพศเธอกันหรือยังไง?
“คุณชายครับ ถึงโรงเรียนแล้วครับ” คนขับรถกล่าว ริงซี่คิ้วกระตุกมองหน้าคนขับรถที่เป็นชายวัยกลางคน เธอถอนหายใจเฮือกแล้วเปิดประตูลงจากรถ
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกคุณหนู ทำไมไม่จำกันเลยนะ”
“คุณชายใส่ชุดนักเรียนชายอย่างนี้ ผมคงเรียกคุณหนูไม่ลงหรอกครับ”
ริงซี่อยู่ในชุดชุดสูทสีขาวของนักเรียนชาย เนกไทสีขาวพาดเส้นสีน้ำเงินสองเส้นบ่งบอกชั้นปี รูปร่างและท่าทางที่เหมือนกับคุณชายผู้เพียบพร้อมอย่างนี้ ไม่กล้าเรียกคุณหนูจริง ๆ แต่ถึงใส่ชุดนักเรียนหญิงเขาก็ไม่กล้าเรียกเหมือนกัน ใครใช้ให้เจ้านายน้อยของเขาหล่อเกินหน้าเกินตาผู้ชายอย่างนี้เล่า
“ก็ใส่อย่างนี้มันคล่องตัวกว่านี่นา” ริงซี่ขมวดคิ้วพลางเบ้ปากใส่กระโปรงตามมาตรฐานโรงเรียนแล้วมันเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักเธอเลยใช้อำนาจนิดหน่อยทำให้สามารถใส่เครื่องแบบนักเรียนชายได้อย่างนี้ไงล่ะ
แล้วนี่ก็เหมาะกับหน้าตาเธอจะตายไป
“ก็เพราะทำตัวไม่สมหญิงอย่างนี้ คนรับใช้ทั้งหลายถึงไม่มีใครเรียกว่าคุณหนูสักคนไงล่ะครับ” คนขับรถถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมาอย่างปลงแทน “และคุณชายควรจะชินได้แล้วนะครับ เขาเรียกต่อ ๆ กันมาตั้งหลายปีแล้ว”
“แล้วจะไปเรียกตามกันมาทำไมล่ะเฮ้ย!” ริงซี่มองค้อน ปิดประตูรถเสียงดัง “ให้ตายสิ พวกคนรับใช้นี่ เห็นเราไม่ว่าหน่อยล่ะเอาใหญ่เลยนะ!”
“เพราะรู้ว่าคุณชายใจดีไงครับถึงได้พูดกันอยู่ถึงทุกวันนี้” คนขับรถยังอุตส่าห์เลื่อนกระจกรถเพื่อมาตอบริงซี่อีกต่างหาก เธอยิ้มขันอย่างไม่ถือสาแต่ก็มองค้อนไปเล็กน้อย
“ใครใจดีกัน พวกนายนี่มั่วชะมัด... ไปล่ะ มารับให้ตรงเวลาด้วยล่ะตอนเย็น”
“ครับคุณชาย”
รถสีดำขับออกไปแล้ว ริงซี่ก็เดินเข้ามาภายในโรงเรียนที่มีความหรูหราอลังการราวกับพระราชวัง เพราะเป็นโรงเรียนของเศรษฐีและเหล่าเชื้อพระวงศ์จากทั้งในเขตปกครองทวีปกลาง ทวีปฝั่งตะวันออกและทวีปฝั่งตะวันตก
ร่างสูงโปร่งเดินผ่านคนเข้าไปในโรงเรียนมากมาย ไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบทั้งหลายที่มีชื่อของเธอเป็นหัวข้อหลักเลยสักนิดเดียว มีคนส่งเสียงทักทายมาบ้างริงซี่ก็เพียงแค่ยิ้มทักทายพอเป็นพิธีเท่านั้น
“รุ่นพี่ริซูเลเนทคะ ฉันทำขนมมาให้ค่ะ เชิญรับไปด้วยนะคะ!” เด็กสาวใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาทักพร้อมกับยื่นคุกกี้มาให้ ริงซี่รับไปด้วยสีหน้ากึ่งลำบากใจแต่ก็เอ่ยขอบคุณ
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ!!” พูดจบเด็กคนนั้นรีบวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ริงซี่หัวเราะแห้ง ๆ เก็บขนมใส่กระเป๋าที่ได้รับมาทุกวัน จากคนนู้นบ้างคนนี้บ้าง... แต่ไม่กล้ากินสักอัน กลัวขนมเหล่านี้จะทำให้อาหารเป็นพิษ ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ริงซี่เดินต่อไปจนถึงห้องเรียน เธอเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 2 แล้ว แถมยังเรียนอยู่ในห้องที่หนึ่งของชั้นปีด้วย ถึงเธอจะไม่ได้จัดว่าเรียนเก่งที่สุด แต่คะแนนของเธอก็อยู่ในลำดับต้น ๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านริซูเลเนท!” เสียงร้องทักทายจากสาว ๆ ดังขึ้นเมื่อริงซี่ก้าวเข้ามาในห้อง ริงซี่โบกมือทักทายพร้อมยิ้มให้เล็กน้อย
“สวัสดีทุกคน”
“สวัสดีค่ะ!”
ทักทายเพียงประโยคเดียวหญิงสาวทั้งหลายก็ทำหน้าเคลิ้มฝันเหม่อลอยไปไกล มันเป็นอย่างนี้มานาน ริงซี่ชินกับปฏิกิริยาของพวกเธอไปแล้ว เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน
“วันนี้ก็ยังฮอตเหมือนเดิมเลยนะท่านริซูเลเนท ฮ่า ๆ” เพื่อนชายหลายคนเอ่ยแซว ริงซี่หันไปค้อนให้แล้วยิ้มขำ
“เรียกริงซี่สักทีเถอะ เรียกด้วยชื่อเต็มแล้วแอบขนลุกนะ จะต้องให้บอกกี่ครั้งกัน”
“เรียกด้วยชื่อริงซี่นี่ขนลุกยิ่งกว่าอีกเถอะครับท่าน” ชายหนุ่มทั้งหลายกลอกตาไปมาให้กับคนที่ไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าชื่อเล่นของตัวเองนั้นไม่เข้ากับหน้าตาขนาดไหน
'ริงซี่' หรือชื่อเต็ม 'ริซูเลเนท บาเรสเทียร์' เป็นผู้หญิงที่หล่อมากจนผู้ชายแท้ ๆ ยังต้องยอมแพ้ ภายในโรงเรียนนี้หาคนที่จะหล่อเทียบรัศมีของเธอได้มีน้อยจนแทบนับได้ด้วยนิ้วมือ จะให้เรียกชื่อเล่นที่ฟังเหมือนผู้หญิงกับคนที่หน้าหล่อเหลา...
เหมือนเรียกตุ๊ดเลยจริง ๆ นะ ถึงเจ้าตัวจะเป็นผู้หญิงแท้ๆ ก็เถอะเพราะอย่างนั้นหญิงสาวทั้งหลายจึงลงมติว่าห้ามเรียกชื่อเล่นเธอโดยเด็ดขาด เรียกด้วยชื่อเต็มที่ฟังแล้วแยกไม่ออกว่าเพศอะไรดีกว่า ส่วนผู้ชายทั้งหลายก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี เพราะออกจะรับไม่ค่อยได้ว่ามีผู้หญิงหล่อกว่าตัวเอง แต่ถ้าคิดว่าเป็นผู้ชายซะก็สิ้นเรื่อง และนี่เองคือต้นเหตุความสับสนของผู้คนมากมายเกี่ยวกับเพศที่แท้จริงของริงซี่
“วันนี้ดูง่วง ๆ นะท่านริซูเลเนท?”
เพื่อนชายคนหนึ่งเอ่ยทัก ริงซี่โคลงหัวไปมาพลางตอบ
“ก็นิดหน่อยน่ะ”
“ทำอะไรจนดึกครับนั่น กิจของผู้ชาย?”
“กิจของผู้ชายอะไร ฉันผู้หญิงเฟ้ย!!” ริงซี่ถลึงตาใส่อย่างรวดเร็ว นี่ก็เหมารวมเธอเป็นผู้ชายไปกันหมดแล้วใช่ไหม
“แหม ท่านริซูเลเนทก็อย่าหล่อเกินหน้าเกินตาสิครับ จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิดอย่างนี้ไง”
“มันทำได้ที่ไหนล่ะนั่น”
ความหล่อมันเป็นพันธุกรรม ถ้ามันลดได้จริงเธอลดไปนานแล้ว
