บท
ตั้งค่า

INTRO…CHANGE YOU (3/3) ความในใจของนักเขียน

“ข่าวไปไวจังเลยนะคะ” ฉันแค่นเสียงหัวเราะออกมา ทั้งๆ ที่ตอนนี้กำลังรู้สึกอยากร้องไห้อย่างไร้สาเหตุ

[บอกเหตุผลฉันหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร?]

“บอกไม่ได้หรอกค่ะ เพราะอิมเองก็ยังไม่ทราบเหตุผลของตัวเองเหมือนกัน อาจจะเหนื่อยแล้วมั้งคะ” ฉันหลุบตามองลงต่ำ ยกปลายรองเท้าเขี่ยพื้นซีเมนต์ที่โล่งสะอาดไปมา

[เฮ้อ~ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเดาใจเธอไม่ออก ยัยตัวแสบ]

น้ำเสียงคล้ายกำลังหนักใจของคุณอร ทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างน้อยๆ ในช่วงเคร่งเครียดแบบนี้ เธอก็ยังสร้างความสุขเล็กๆ ให้กับฉันได้

[แล้วยกเลิกสัญญาไปแล้ว คิดจะทำอะไรต่อ?]

“ใช้เงินสิคะ เงินตั้งหลายร้อยล้าน อิมยังไม่มีเวลาได้ใช้มันเลย มัวแต่ปั่นต้นฉบับส่งคุณ”

ฉันพูดติดตลกออกไป แต่ความจริงแล้วก็มีความคิดแบบนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่ฉันไม่อยากทำอะไรแล้ว

มันรู้สึกเหนื่อยมากกับช่วงชีวิตที่ผ่านมา อยากพักผ่อน อยากอยู่เฉยๆ กินนอนเที่ยว ไปในที่ที่อยากไป และก็อ่านนิยายของนักเขียนหน้าใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด

[ที่หยุดเป็นนักเขียนนี่ เพราะว่าเหนื่อยจริงๆ เหรอ?]

“คงงั้นมั้งคะ หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าหมดแพสชั่นแล้วก็เป็นไปได้เหมือนกัน”

[ลองพักไปก่อนสักระยะ แล้วค่อยกลับมาใหม่ดีไหม เธอเลิกเป็นนักเขียนไปดื้อๆ แบบนี้ แฟนคลับที่รออ่านผลงานของเธอเขาจะรู้สึกยังไง?]

คำว่า ‘แฟนคลับ’ กระตุกหัวใจเข้าอย่างจัง ตอนที่เริ่มเป็นนักเขียนใหม่ๆ ฉันโหยหาพวกเขาเหล่านี้มาก และเมื่อได้มีแฟนคลับกลุ่มแรก ก็รู้สึกหัวใจพองฟูอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ได้เพราะรู้สึกดีใจ

นั่นน่ะสิ ถ้าอยู่ๆ ฉันหายไปแบบนี้ พวกเขาจะทำยังไงนะ? เขาจะเฝ้ารอผลงานของฉันหรือเปล่า?

“ขอเวลาอิมคิดหน่อยนะคะ แล้วเดี๋ยวอิมจะโทรบอกคุณอรคนแรกเลย”

พูดจบก็กดวางสายทันที เพราะตอนนี้พี่เอกวิ่งหน้าตาตื่นตามหาฉันอยู่ และเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าฉันอยู่ตรงนี้ เพราะร่างสูงกำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้

ความจริงฉันเห็นตั้งนานแล้วแหละ แต่ติดคุยโทรศัพท์อยู่ไง ก็เลยปล่อยให้นางวิ่งเล่นไปก่อน มีสายซ้อนเข้ามาหลายสาย แต่ฉันก็ไม่คิดจะละโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอด้วยซ้ำ เพราะเดาได้ว่าต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่โทรเข้ามา

“ตายแล้ว! คุณน้องอิมคะ พี่เอกกี้บอกให้คุณน้องรอคุณพี่อยู่ที่ตรงนู้น ทำไมถึงไม่เชื่อฟังกันบ้างห๊ะ แล้วโทรมาก็ไม่ยอมรับสาย รู้ไหมพี่เอกกี้วิ่งตามหาคุณน้องทั่วฮอลล์เลยนะคะเนี่ย!”

เมื่อเปิดประตูออกมาเจอหน้าฉันได้ เสียงแป๋นๆ ก็บ่นยาวเหยียด พร้อมกับเท้ามือลงบนราวเหล็กและหอบหายใจถี่ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย

“รู้ค่ะ อิมเห็นอยู่ ไม่ได้ตาบอด กระจกก็ใสมองทะลุเห็นข้างในได้ขนาดนี้” ฉันผายมือไปทางกระจก เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายมองตาม ซึ่งเขาก็มองตามมือฉัน ก่อนจะหันกลับมาทำตาดุใส่

“น้องอิมใจร้ายกับพี่เอกกี้มากเลยนะคะ! พี่ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ!!”

พี่เอกยืดตัวตรงพร้อมทั้งยกมือเท้าเอว ก่อนขึ้นเสียงใส่ฉันด้วยท่าทางโกรธจัด

“ทำไมคะ พี่เอกจะไปขอลาออกกับคุณอรเหรอ? ดีเลยค่ะ อิมรำคาญพี่จะแย่อยู่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้จุ้นจ้านชะมัด”

พูดจบฉันก็ก้าวเท้าเดินผ่านร่างเขากลับเข้าไปภายใน ไม่ได้สนใจท่าทีวี๊ดว๊าย และคำต่อว่าอย่างเหลืออดที่แสดงใส่ฉันตามหลัง

“เธอมันนังมารร้าย ยัยน้องอิม!”

ถึงเราจะดูไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังดูแลฉันอย่างดีมาโดยตลอด ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาทำมันเป็นแค่หน้าที่ หรือความจริงลึกๆ แล้วเขาตั้งใจทำมันจริงๆ

ส่วนตัวฉันเอง ถึงปากจะหมาคอยกัดคอยแทะเขาสารพัด แต่ก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงไปมากกว่าคำพูดร้ายๆ แถมยังชอบมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปให้เขา เวลาออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้วเจอของที่ถูกใจ

เวลาเขาแอบอู้ มาสาย หรือทำตัวเหลวไหลบ้างเป็นบางหน ฉันก็ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องคุณอรให้เขาต้องเดือดร้อนเลยสักครั้ง

ก็ถือว่าเป็นผู้ดูแลกับคนที่ต้องดูแลที่ดูแล้วจะสมน้ำสมเนื้อกันดี อย่างกับป่าช้าและเจดีย์บรรจุกระดูก

ฉันพอจะเดาได้ว่าพี่เอกน่าจะเจอคนขับรถแล้ว และรถน่าจะกำลังจอดรออยู่ด้านหน้า จึงเลือกที่จะไม่รอให้เขาเดินนำ และสาวเท้ายาวๆ เดินตรงดิ่งไปยังประตูทางออก โดยมีเขาวิ่งจ้ำตามหลังมาไม่ห่าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel