CHANGE YOU PART 1 (1/3) มิตรภาพจากคู่กัด
กรุงเทพ ประเทศไทย
ณ บ้านของฉัน
หลังจากกลับมาจากงานมหกรรมหนังสือที่ปารีส ฉันก็ใช้ชีวิตตามแบบที่ได้บอกกับคุณอรเอาไว้เด๊ะเลย
ฉันนอนตื่นสายมาก มากแบบกอไก่ล้านตัวเลยก็ว่าได้ เรียกว่าสายก็ดูจะไม่ค่อยจะตรงสักเท่าไหร่ ต้องบอกว่านอนตื่นบ่ายดูท่าจะตรงเสียมากกว่า
ตื่นมาก็ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำ หมกตัวเองให้กลิ่นเหม็นตุอยู่อย่างนั้น กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง โดยในมือก็ถือไอแพดเลื่อนดูอะไรไปเรื่อย ทั้งมีสาระและหาสาระไม่ได้
หิวก็ลุกไปขนขนมกรุบกรอบสารพัดชนิด ที่ซื้อตุนเอาไว้มากองบนที่นอน แล้วก็นอนกินจนเศษขนมร่วงเกลื่อนเตียงเต็มไปหมด
เปลือกถุงที่กินหมดแล้วก็ขยำๆ โยนลงตะกร้า ที่อยู่ลิบๆ ข้างโต๊ะทำงาน ลงบ้างไม่ลงบ้าง แต่ก็ไม่มีความคิดจะลุกไปเก็บให้มันเข้าที่เข้าทาง
เวลาอาบน้ำคือตอนตะวันตกดินไปแล้ว ถึงจะได้ฤกษ์งัดตัวเองขึ้นจากที่นอน เดินไปเข้าห้องน้ำชำระล้างความโสโครกที่หมักหมมมาทั้งวัน เสร็จแล้วถึงจะออกไปหาอาหารมีประโยชน์กินที่ร้านข้างนอก
ก่อนกลับบ้านก็แวะดูหนังเข้าใหม่ที่เมเจอร์สักเรื่อง และก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยซากขนมที่กินทิ้งไว้ ดีเท่าไหร่แล้วที่น้องมดน้องแมลงสาบไม่ปีนขึ้นมานอนเป็นเพื่อน
นี่คือการพักผ่อนที่ฉันปรารถนา แต่มันกลับไม่ช่วยให้ ‘ความว่างเปล่า’ ที่กำลังรู้สึกอยู่จางหายไปเลยสักนิดเดียว จนบางทีเกิดความสับสน ว่าการที่ฉันหยุดเขียนนิยายนั้นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
คืนนี้ฉันจึงตัดสินใจออกไปลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง จะว่าใหม่มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรียกว่าสิ่งที่ไม่ได้ทำนานแล้วจะดีกว่า
หลังจากลงจากอูเบอร์ที่เรียกใช้บริการ มายืนบนพื้นหินอ่อนเงาวับของไนต์คลับหรู สายตาของฉันก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ เพื่อมองดูชายหญิงต่างวัยจำนวนมากมาย ที่กำลังยืนออรอคิวเข้าใช้บริการสถานที่แห่งนี้อยู่
แน่นอนว่าฉันไม่จำเป็นต้องไปต่อแถวยาวเหยียดนั่น เพราะปึกธนบัตรที่อยู่ภายในกระเป๋าคลัตช์ในมือ สามารถเบิกทางให้ฉันได้เดินนวยนาดเข้าไปอย่างสวยๆ
แสงสีเสียงครบครันดูตระการตา บรรยากาศให้ความรู้สึกสนุกสนานอย่างที่ควรจะเป็น นักท่องราตรีต่างพากันกระดกเครื่องดื่ม และโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม จนหัวใจเต้นตามเสียงเบสหนักๆ ไปด้วย
“น้องคะ พี่ขออะไรก็ได้ เอาแบบเข้มๆ เลย”
ทันทีที่เข้ามาถึงด้านใน ฉันก็ดิ่งตรงมายังเคาน์เตอร์บาร์ ที่มีบาร์เทนเดอร์หน้าตาหล่อเหลา แถมหุ่นยังขยี้ใจสาวๆ ยืนให้บริการลูกค้าอยู่
ดีนะที่ฉันไม่ใช่พวกบ้าผู้ชาย ไม่งั้นเด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ คนนี้ คงถูกฉันหิ้วกลับไปด้วยแน่ๆ วัยกำลังน่าขบกินแบบนี้
อร๊าย~ นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่?
“ได้แล้วครับคุณผู้หญิง”
แก้วทรงสวยถูกมือใหญ่เลื่อนมาตรงหน้าฉัน พร้อมกับที่เขาส่งรอยยิ้มหวานบาดใจแถมให้มาด้วย เล่นเอาใจฉันสั่นไหวแปลกๆ ทั้งที่มีภูมิต้านทานด้านผู้ชายอยู่พอตัว
แต่กับเด็กคนนี้ เพียงแค่เขายิ้มและส่งสายอ้อนๆ ให้ ฉันกลับใจอ่อนระทวย
โอ๊ยตายแล้ว~ เด็กมันอ่อยเดี๋ยวก็อร่อยป้าหรอก
“ไม่ต้องทอน ที่เหลือทิป”
ฉันโชว์ทรงเจ๊ใส่ ด้วยการล้วงหยิบแบงก์พันขึ้นมาวางให้บนโต๊ะ ทั้งที่ค่าเครื่องดื่มราคาไม่ถึงครึ่งของจำนวนเงิน ก่อนหยิบแก้วเหล้าที่เขายื่นให้ขึ้นถือ และเดินกรีดกรายไปหามุมสงบๆ นั่งจิบชิวๆ
ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ฉันคงได้มอบความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษาเอาไว้มาร่วม 28 ปีเต็ม ให้หนุ่มรุ่นน้องคนนี้แน่ๆ
ไม่ได้! ฉันจะเก็บซิงไว้ชิงโชค
“ทักครับ”
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งตรวจความเรียบร้อยของเครื่องสำอาง ซึ่งประโคมใส่ใบหน้ามาอย่างจัดเต็ม ผ่านเงาตัวเองในกระจกถือบานเล็กที่พกติดกระเป๋ามาด้วย ก็ได้มีเสียงบุรุษปริศนาดังขึ้นจากทางด้านขวามือ เรียกความหงุดหงิดให้ก่อกำเนิดขึ้นในใจเล็กน้อย
ฉันเบนสายตาหันไปมองช้าๆ แต่ไม่ได้หันหน้าไปจนสุด เพียงแค่ชำเลืองหางตามองอย่างรำคาญเท่านั้น
เจ้าของประโยค ‘ทักครับ’ เมื่อครู่ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวดี หุ่นดี ว่าง่ายๆ ดูดีไปซะทุกส่วน
ยกเว้นแต่...สีผม มันจะเหลืองไปไหน อย่างกับเอาขมิ้นยีหัวมายังไงยังงั้น จากตอนแรกที่ดูน่าสนใจ กลายเป็นว่าดูโลคลาสไปโดยปริยาย
“เป็นจิ้งจกเหรอ?”
“ครับ?”
คนที่ได้ยินประโยคคำถามซึ่งหลุดออกจากปากฉัน ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกว่าฉันกำลังถามอะไร หรือต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
“หูหนวกหรือสมองพิการ ฉันถามว่านายเป็นจิ้งจกเหรอ มันตอบยากนักหรือไง?”
เป็นเรื่องปกติอย่างที่เคยบอกไปตอนแรก ฉันไม่ด่าใครมั่วซั่ว ถ้าใครคนนั้นมันไม่มาสร้างความรำคาญ หรือทำอะไรให้ฉันไม่พอใจก่อน และตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังทำมันอยู่ ฉันกำลังรู้สึกรำคาญเขา!!
“เอ่อ...เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“แล้วจะทักทำไม รู้จักฉันเหรอ?”
“ก็…เปล่าครับ แค่ตอนแรกผมอยากรู้จักคุณ”
แต่ตอนนี้ดูได้จากสีหน้าแล้ว เขาน่าจะกำลังรู้สึกไม่อยากรู้จักฉันแล้วล่ะ มันแสดงออกมาชัดเจนมาก
“ถามฉันยัง ว่าอยากรู้จักนายไหม?”
“โอเคครับ ผมขอโทษที่เสียมารยาท ผมว่า…ผมไปดีกว่า”
ยังดีที่รู้จักมารยาท รู้ว่าฉันไม่อยากเสวนาด้วยแล้วยอมจากไปแต่โดยดี ถ้ายังดื้อดึงจะอยู่ทำลายบรรยากาศสุดหรรษาของฉันต่อ แม่ได้ด่าไฟแล่บแน่
