บทที่ 3
สิ่งที่ได้รับรู้จากบาสเตียนคือกิติพงษ์ประสบเกิดอุบัติเหตุขับรถลงคลองแถวชานเมืองในตอนรุ่งเช้า ตอนนี้ที่บ้านนั่นวิ่งวุ่นกันยกใหญ่
“อุบัติเหตุหรือคะ” ฟ้าพราวพรรณเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว ขนอ่อนที่แผ่นหลังลุกชันด้วยความหวาดหวั่น หัวใจของเธอคล้ายว่าหยุดเต้นไปแล้ว
“ครับ เป็นตายเท่ากัน” บาสเตียนเอ่ยตอบคุณหนูของเขาและสบตากับผู้เป็นนายราวกับรู้กันในสิ่งที่ไม่ต้องพูดออกมา
“คุณดูลูก ผมจะออกไปคุยกับชาร์ล” ศรศิลป์ดันร่างเล็กของลูกสาวไปหาแม่ของเธอ แต่มือเล็กของลูกกลับจับมือผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น
“พี่ชาร์ลโกรธฟ้ามาก ฟ้าเข้าไปห้ามเขาเลยทำให้เขาโดนพงษ์เอาขวดไวน์ตีบ่าค่ะ” ศรศิลป์ถอนหายใจยาวและจ้องมองแพขนตาที่เปียกชุ่มของลูกสาว
“แต่เขาสัญญาแล้วว่าจะไม่ฆ่าพงษ์” ศรศิลป์จับปลายคางลูกขึ้นมาสบตากัน
“ฟ้า…ลูกรู้แล้วใช่ไหม ไม่ใช่พ่อไม่ให้ฟ้าคบเพื่อนคนอื่น แต่กับไอ้พงษ์มันไม่ใช่คนดี พี่ชาร์ลต้องโกรธมากแน่นอน” ฟ้าพราวพรรณช้อนสายตาที่คลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตามองผู้เป็นพ่อ เธอพยักหน้ารับอย่างสิ้นท่าและรู้ซึ้งในความผิดของตัวเอง
“ลูกเคยบอกว่าเขานั่นแหละไม่ใช่คนดี ฮึกก คุณพ่อคะ พี่ชาร์ล ฮึกก ขอตัดขาดกับฟ้าค่ะคุณพ่อ” ศรศิลป์หน้าเกร็งเครียดขึ้นมา เขากุมมือลูกที่สะอึกสะอื้นบอกเล่าไม่เป็นคำ
“แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะฟ้า” ดุจดวงดาวเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเครียดเหมือนกัน
หัวใจดวงน้อยหวิวไหวและเจ็บปวด คำพูดที่เธอเคยพูดใส่หน้าพี่ชายคนสนิท ฟ้าพราวพรรณสะอื้นไห้ออกมาสุดแรง มันเหมือนว่าเธอกำลังจะสูญเสียเขาไป
“หลังจากเกิดเรื่อง ฟ้าไปอยู่ที่ไหนมาเมื่อคืน” คำถามของพ่อทำให้ฟ้าพราวพรรณยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวเอง เป็นเพราะเธอไม่เชื่อคำเตือนของทุกคน ทุกคนที่รักและหวังดีกับเธอ
“ยะ อยู่เอกมัยค่ะ ฮึกก” ดุจดวงดาวจ้องมองหน้าสามีและลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของลูก
“ทั้งคืน?” คนเป็นพ่อถามย้ำเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ” ลูกสาวพูดไปก็กำมือตัวเองไป
ฟ้าพราวพรรณร้องไห้เสียใจที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ลูกสาวของเราเสียใจที่สุดเห็นทีจะเป็นคำพูดของหลานชายตัวดีอย่างแน่นอน…
ชาร์ลเป็นคนแบบไหนทำไมพวกเราจะไม่รู้ ชาร์ลเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต…พูดน้อย ต่อยหนัก และเก็บงานสะอาดจนตามรอยไม่เจอ
ภายใต้ความเฉยชาที่แสดงออกมาก็เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ผู้ใหญ่อย่างเราต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ดาวพาลูกไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล คุณจัดการให้ส่วนของคุณไป” ดุจดวงดาวเอ่ยปากพูดกับสามีแต่ลูกสาวกลับส่ายหน้าไม่ยอมไป
“คุณแม่คะ ลูกขอไปพรุ่งนี้ได้ไหม ลูกไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ พี่ชาร์ลให้พี่หมอมาตรวจแล้วค่ะ” ฟ้าพราวพรรณยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาและเอ่ยบอกพ่อแม่เสียงอ่อย
“ฟ้า…ลูกรู้หรือยัง ลูกจะรู้ตัวได้หรือยัง” ฟ้าพราวพรรณกะพริบตาถี่ ๆ และน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“ระ รู้แล้วค่ะ ลูกรู้แล้วค่ะคุณพ่อ” ดุจดวงดาวพยักหน้าให้สามีก่อนที่ดึงลูกสาวเข้ามาโอบกอดไว้ ศรศิลป์เดินออกไปแล้วเหลือเพียงเราแม่ลูกที่กอดกันตัวกลมอยู่
“แม่ขอโทษที่เสียงดังใส่ลูกนะฟ้า เจ็บตรงไหนมากไหม ลูกอย่าโกรธคุณพ่อเลยนะ เขารักและห่วงลูกมากเท่านั้น” ดุจดวงดาวยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยและออกไปยังประตูห้องทำงานที่สามีเดินออกไปเมื่อครู่
“ลูกก็ขอโทษคุณแม่เหมือนกันที่ไม่เคยเชื่อในคำเตือนเลย” หญิงสาวซุกใบหน้าเข้ากับอกอวบอิ่มของมารดา
“พี่ชาร์ลไล่ลูกและเขาจะไม่กลับมาไทยอีกแล้วค่ะคุณแม่ ฮึกก” หยดน้ำตายังคงรินไหลออกมาไม่ขาดสาย หัวใจเธอเหมือนว่ามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงเมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาบอกจะตัดขาดกับเธอ
ดุจดวงดาวถอนหายใจยาวเหยียด…ครั้งนี้ฟ้าพราวพรรณได้บทเรียนเรื่องการคบคนบ้างแล้ว
คนเป็นแม่ยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาวตัวเอง เธอหวังว่าสามีคงจะพูดให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งมันก็คงยากเหลือเกินแล้ว
