บทที่ 2
ดุจดวงดาวได้รู้ข่าวหญิงสาวพุ่งตรงกลับมาที่บ้านด้วยใจที่ร้อนรน ทันทีที่รถจอดเธอก็รีบตรงเข้าไปยังห้องทำงานที่เป็นของสามี และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปหัวใจของคนเป็นแม่ก็แทบจะสลายเมื่อเห็นลูกสาวที่เธอรักกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น และยิ่งร้องหนักขึ้นเมื่อหันมาเห็นเธอ
“คะ คุณแม่คะ ฮึกก ฮื่อ” ดุจดวงดาวเดินเข้ามาโอบกอดลูกสาวที่กางมือเพื่อรอให้เธอเข้าไปโอบกอด
“ไม่เป็นไรลูกฟ้า ไม่เป็นไรนะลูก มีอะไรกันคะคุณ” ท้ายประโยคดุจดวงดาวเอ่ยถามสามีเสียงแข็ง และหางตาก็เหลือบเห็นว่าชาร์ลก็อยู่ที่นี่ด้วย
“คุณก็ถามฟ้าพราวพรรณเอาแล้วกัน ถามดูเอาเอง” ดุจดวงดาวสูดลมหายใจเข้าปอดมองแผ่นหลังกว้างของสามี
ถ้าชาร์ลอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้เรื่องคงเกี่ยวกันกันทั้งหมด…และมันจะต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเพราะดุจดวงดาวจับน้ำเสียงของศรศิลป์ได้ว่ามันมีทั้งความโมโหและเสียใจอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้น
“ผมขอตัวนะครับ” ร่างสูงของชาร์ลหยัดกายลุกขึ้นหยิบสูทที่เก้าอี้ด้านข้างมาพาดแขน เขารวบรวมเอกสารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบและเคาะนิ้วลงไปบนแฟ้มหนึ่งโดยสายตามองไปที่ศรศิลป์ผู้เป็นลุง
“บอกให้อยู่นี่ก่อน” ศรศิลป์ตวัดเสียงแข็งใส่หลานชาย
ชาร์ลหันหน้าไปอีกทางเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ท่าทีของผู้ชายต่างวัยที่ยืนคล้ายประจันหน้ากัน ดุจดวงดาวคิดว่าตัวเธอเองควรจะทำอะไรเสียหน่อยแล้ว
“ชาร์ล…รอป้าข้างนอกได้ไหมทานข้าวเย็นกันนะ” ชายหนุ่มรุ่นลูกมีท่าทีอ่อนลง แต่ก็ยังคงเงียบไม่พูดหรือรับคำอะไร
“นะชาร์ล…ทานข้าวด้วยกันกับป้าก่อน เดี๋ยวชาร์ลก็จะกลับรัสเซียแล้วไม่ใช่เหรอ”
เสียงสะอื้นหลุดรอดจากลำคอเล็กออกมา หยดน้ำสีใสไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยที่บวมปิดของลูกสาว ดุจดวงดาวเข้าใจทุกอย่างชัดเจนในทันที
ฝ่ามืออบอุ่นผู้เป็นแม่กุมมือฟ้าพราวพรรณไว้ ดวงตากลมโตบอกอะไรหลายสิ่งหลายอย่างเพียงแ่สบตากัน ดุจดวงดาวมั่นใจว่าคนที่ทำให้ฟ้าพราวพรรณร้องไห้ไม่ใช่ชาร์ลอย่างแน่นอน
“ก็ได้ครับ ผมจะไปรอป้าดาวข้างนอก”
ดุจดวงดาวไม่รู้ว่าในตอนนี้เกิดเรื่องอะไร แต่ถ้าศรศิลป์ให้ชาร์ลอยู่ทั้งที่เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ดุจดวงดาวคิดว่าเธอควรรั้งหลานชายคนนี้เอาไว้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ จะต้องเกี่ยวกับลูกสาวของเธออย่างแน่นอน
