-4- ทิ้งไว้กลางทาง
“หน้าตาผมเหมือนคนขับแท็กซี่เหรอครับ” ขับแท็กซี่เหรอครับ” เขาพูดประชดประชันใส่คุณน้า ก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาคมกริบ
ฉันรีบก้มหน้ามองต่ำลงทันทีเพราะไม่กล้าสบตาเขา..
“ตายจริง! ตาแดนทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะลูก” คุณน้าเริ่มโวยวายเธอคงไม่พอใจกับคำพูดของลูกชาย..
“นั่นสิ พ่อกับแม่ต้องไปงานต่อ ถ้าว่างคงไม่ต้องเรียกให้แกมาช่วยหรอกนะ” คุณลุงที่น่าจะเป็นคุณพ่อของเขาตำหนิด้วยท่าทีที่ดูน่าเกรงขาม
“เหอะ!” คุณแดนเทพสบถในลำคอออกเบา ๆ สายตาของเขาจ้องมองใบหน้าของฉันไม่ยอมละไปไหน
ฉันเริ่มรู้สึกกลัวแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันกลับเองก็ได้ไม่ได้ลำบากอะไรเลย
“หนะ..หนูขอกลับเองดีกว่านะคะ” ฉันค่อย ๆ เงยหน้ามองคุณน้าและคุณลุงอย่างเกรงอกเกรงใจ ฉันมันตัวปัญหาทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนกันไปหมด
“ตาแดน!”
“โอ๊ย! จะไปก็ไปยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ได้!” ว่าจบคุณแดนเทพก็หมุนตัวเดินออกไป แบบนี้มันหมายความว่ายังไงนะ.. เขาให้ฉันตามไปเหรอ
“เฮ้อ..ลูกคนนี้นี่มันจริง ๆ เล้ย ขอโทษหนู..หนู..เอ่อว่าแต่หนูชื่ออะไรนะจ๊ะ” คุณน้ายิ้มเก้อ ๆ ให้ฉัน
“หนูชื่อดารากาค่ะ เรียกว่าน้องดาก็ได้”
“โอเคจ๊ะน้องดา นี่นามบัตรฉันมีอะไรโทรหาได้ตลอด” คุณน้ายัดนามบัตรหรูหราใบนึงใส่มือของฉันไว้
“คุณครับ ผมว่าให้น้องดารีบตามเจ้าแดนไปดีกว่านะ”
“อ่าจริงสิ! ฉันเกือบลืมไปเลย เรากลับกันดีกว่านะจ๊ะ”
“อะค่ะ ๆ”
คุณน้าพูดกับฉันพร้อมกับเดินนำหน้าไป ฉันไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมเดินตามไปเพื่อให้ลูกชายของเขาไปส่ง
แม้ฉันจะบอกในตอนแรกว่ากลับเองได้ แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้ากลับเองฉันคงต้องกลับแท็กซี่ เวลานี้รถเมล์คงหมดรอบวิ่งแล้ว
ค่าแท็กซี่จากที่นี่ไปถึงบ้านฉันคงเป็นเงินหลายร้อยบาทอยู่ มันรู้สึกเสียดายขึ้นมาเพราะเงินนั่นมันสามารถต่อชีวิตฉันกับแม่ไปได้อีกหลายวัน
@หน้าโรงพยาบาล..
“ฉันส่งแค่นี้นะจ๊ะน้องดา ขี้เกียจไปอารมณ์เสียกับลูกชายเจ้าอารมณ์” คุณน้ามองไปทางคุณแดนเทพที่ตอนนี้กำลังยืนหน้าบึ้ง เอามือกอดอกอยู่ข้าง ๆ รถของเขา
“ค่ะ ไม่เป็นไร ยังไงหนูขอบคุณคุณน้ากับคุณลุงอีกครั้งนะคะ” ฉันยกมือไหว้ท่านทั้งสองคนด้วยความทราบซึ้งใจจริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกหนู งั้นเดี๋ยวพวกฉันไปก่อนนะ ระวังปากเจ้าแดนดี ๆ ถ้ามันพูดอะไรที่ไม่เข้าหูก็อย่าไปใส่ใจเลยนะ” สีหน้าของคุณลุงเหนื่อยหน่ายและลำบากใจกับคุณแดนเทพมาก
“ค่ะ หนูจะพยายาม” ฉันยกมือไหว้พวกเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ยืนรอจนกว่ารถของเขาจะเคลื่อนตัวออกไป
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามคิดบวกแล้วเดินตรงไปที่รถของคุณแดนเทพด้วยความรู้สึกเกร็ง ๆ
“จะให้คนอื่นไปส่งแล้วยังปล่อยให้เขารอนานอีก ไร้มารยาท!” เมื่อฉันเดินมาถึงคุณแดนเทพก็ตำหนิฉันอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
ฉันได้แต่ยืนหน้าชาอยู่ตรงนั้น ที่เขาพูดมันก็จริงอยู่หรอก แต่ฉันต้องอยู่ส่งคุณลุงกับคุณน้าก่อนนิ ไม่งั้นจะดูเสียมารยาทกับผู้ใหญ่เอา..
ปี๊ด!
ฉันตกใจสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ คุณแดนเทพก็บีบแตรใส่ฉันเสียงดังลั่น แล้วเขาก็บีบอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด
“ขึ้นมาสิวะยืนบื้ออยู่ได้ เธอแม่งเป็นคนประเภทไหนวะ!!”
เขาเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนว่าฉันเสียงดัง มันทำให้ฉันคิดขึ้นได้แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถฝั่งข้างคนขับทันที
“ขะ..ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรอนาน” ฉันก้มหน้าก้มตาพูดเสียงสั่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา ตอนนี้เขาคงกำลังมองฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจอยู่แน่ ๆ
“ไร้มารยาทจริง ๆ ถ้าฉันไม่บีบแตรเรียกชาติไหนจะยอมขึ้นรถ”
“คะ..คือ..”
“หรือว่าเธอเป็นผู้สูงส่งแบบที่ต้องมีคนคอยตัดริบบิ้นให้ก่อนเดินงี้เหรอ?” คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมกับคำพูดที่ยียวน แต่ฉันไม่โกรธเขาหรอกก็ฉันมันผิดจริง ๆ นี่
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” ฉันไม่อยากให้เขาโมโหไปมากกว่านี้เลยเลือกที่จะขอโทษเอาดีกว่า ขืนเถียงหรืออธิบายอะไรไป คุณแดนเทพคงไม่พอใจอีกแน่ ๆ
“พูดเป็นอยู่คำเดียวรึไงวะ!!”
“.....”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย ขนาดฉันขอโทษคุณแดนเทพก็ยังไม่พอใจ..
ไม่สิ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรเขาก็คงจะไม่พอใจทั้งนั้นนั่นแหละ..
“เธอแม่งโคตรเป็นคนที่น่ารำคาญมากจริง ๆ รู้ตัวเอาไว้ด้วยนะ!”
“ค่ะ” คุณแดพเทพถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนสตาร์ทรถขับออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้
ภายในรถตอนนี้มีแต่ความเงียบงันและความน่าอึดอัดเต็มไปหมด ทั้งฉันทั้งคุณแดนเทพต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
ใจคอเขาจะขับรถไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ถามฉันเลยเหรอว่าบ้านของฉันไปทางไหนน่ะ...หรือว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว..
เอี๊ยด!
จู่ ๆ คุณแดพเทพก็จอดรถที่บริเวณข้างทางตรงริมฟุตบาท เขาหันมาจ้องหน้าฉันแล้วกระตุกสายตามองไปที่ป้ายรถเมล์
“.....” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงง เขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่
“ลงไป”
“อะไรนะคะ” ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะกล้าปล่อยฉันกลางทางแบบนี้..
“ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเธอบอกว่าเธอกลับเองได้นิ ใช่ไหม”
“มะ..มันก็ใช่ค่ะ” แต่ตอนนี้ฉันอยากให้เขาไปส่งมากกว่า ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณแดนเทพหรอกนะ แค่อยากประหยัดเงินเฉย ๆ
“นั่นแหละ เอาเป็นว่ากลับเองละกันนะ ฉันมีธุระต่อ” สายตาของคุณแดนเทพบ่งบอกออกมาชัดเจนว่าเขาดูสะใจที่จะได้ปล่อยฉันเอาไว้ที่ตรงนี้
เขาคงจะไม่ชอบหน้าฉันมากสินะ
“ลงไปสิ หน้าด้านนั่งอยู่ได้ ฉันไล่ขนาดนี้แล้วนะ” น้ำเสียงแข็งกร้าวพ่นคำที่ทำให้คนฟังเจ็บปวดออกมาไม่หยุด
ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถของเขาทันทีเพราะรู้สึกละอายใจมากจริง ๆ คราวนี้ฉันคงต้องยอมเสียเงินขึ้นแท็กซี่จริง ๆ แล้วล่ะ
“อะเอาไปซะ ค่ารถเธอ” คุณแดพเทพเลื่อนกระจกรถลงพร้อมกับโยนแบงก์พันออกมาให้ฉัน จากนั้นเขาก็เลื่อนปิดกระจกแล้วรีบขับรถออกไปทันที
“เฮ้อ..” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเดินไปหยิบเงินที่ตกอยู่บนพื้นเพราะกลัวมันจะปลิวหายไปเสียก่อน
ทำไมฉันถึงได้น่าสมเพชขนาดนี้นะ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองมีค่าเลย ยิ่งพอได้มาเจอกับคุณแดนเทพมันยิ่งรู้สึกมากเข้าไปใหญ่..
