-3- ได้พบเจอ..
@บนสะพายลอย..
DARAKA TALK
“ร่วมทำบุญกับคนยากไร้หน่อยนะคะ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีเงินกินข้าวแล้วค่ะ หนูต้องเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยอีกด้วย..” ฉันตะโกนพูดด้วยน้ำเสียงโศรกเศร้าเรียกคะแนนสงสารจากคนที่เดินผ่านไปมา
“ขอให้แม่หายไว ๆ นะจ๊ะหนู” คุณป้าวัยกลางคนคนนึงเดินเข้ามาตรงหน้าฉันพร้อมกับใส่แบงค์ยี่สิบลงในขันที่วางอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะป้า ขอให้ป้าเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับพูดประโยคหากิน คุณป้าเพียงยิ้มเล็ก ๆ ให้ฉันก่อนจะเดินผ่านไป
นี่แหละชีวิตของฉัน ฉันทำงานเป็นขอทานเพราะยังเรียนไม่จบ ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ สุดท้ายก็ต้องดิ้นรนขอทานเอาเงินไปให้แม่ มันเหมือนจะสบายแต่เอาเข้าจริง ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่เหมือนกัน
ฉันต้องคอยย้ายที่ไปหาที่ใหม่เสมอ ถ้าหากนั่งที่เดิมเกิน2ชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เงิน แต่ใช่ว่าพอย้ายแล้วจะได้นะ มันก็มีบ้างที่ได้แต่ก็ยังน้อยอยู่ดี บางวันฉันขอไม่ได้เลยสักบาทเลยก็มี...
ส่วนนึงเพราะฉันมีแขนขาครบด้วยแหละมั้งคนเลยไม่ค่อยสงสาร บางคนมองเหยียดฉันด้วยสายตารังเกียจด้วยซ้ำ เวลานั้นฉันได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นด้วยความละอายใจ ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าฉันเลือกได้ฉันคงไม่มาทำอะไรแบบนี้
ฉันเคยมีชีวิตที่สุขสบาย มีเงินทองใช้ไม่เคยขาด แต่ทำไม..วันนี้ชีวิตฉันถึงต้องตกต่ำขนาดนี้ ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้นักหนา..
พรึ่บ! เพี๊ยะ!!
ขณะที่ฉันกำลังนั่งน้อยใจในชะตาชีวิตของตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีขอทานผู้ชายคนนึงเข้ามาจิกหัวตบหน้าฉันอย่างแรง แล้วหยิบเงินในขันของฉันวิ่งหนีไป
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!!” ฉันตะโกนขอให้คนช่วยขณะที่กำลังวิ่งตามวิ่งตามมันไป ฉันร้องคอแทบแตกแต่ก็ไม่มีใครช่วยฉันเลย
“หยุดนะเว้ยไอโจร!!!” ฉันรีบวิ่งให้เร็วขึ้นจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว แต่ก็ตามมันไม่ทันเลย
ถึงอย่างงั้นฉันก็เลือกที่จะวิ่งต่อ เพราะนั่นมันเงินค่าข้าวค่าน้ำของฉันกับแม่เลยนะ พวกเราจะอดตายกันอยู่แล้ว ฉันปล่อยให้มันเอาไปไม่ได้จริง ๆ
“หยุดนะไอจะ..โจร กรี๊ดดดดดดด” ฉันกรีดร้องออกมาดังลั่นเพราะฉันเอาแต่วิ่งตามโจรไป โดยไม่ทันมองเลยว่ากำลังมีรถยนต์ขับออกมาจากซอยจะชนฉัน ฉันคงไม่รอดแล้วแน่ ๆ
นี่ชีวิตฉันกำลังจะจบลงด้วยการถูกรถชนตายงั้นเหรอ
ปี๊ดดดดด! เอี๊ยดดด! ตุ้บบบ!!
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะยังไม่อยากให้ฉันตาย รถคันนั้นเบรคเอาไว้ได้ทัน ฉันไม่ได้ถูกชนแต่อย่างใด แต่ก็ล้มลงแรงมากอยู่เหมือนกัน
แกร็ก!
“หนู หนูจ๊ะเจ็บตรงไหนรึเปล่า” หญิงวัยกลางคนที่นั่งในรคันนั้นรีบเปิดประตูลงมาดูฉันด้วยความเป็นห่วง
“หนะ..หนูไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบติด ๆ ขัด ๆ เพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า พร้อมกับค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยที่มีหญิงวัยกลางคน ๆ นั้น กับผู้ชายวัยกลางคนอีกคนที่เพิ่งเดินตามลงมาจากรถ
“นั่นที่หัวเข่าหนูมีแผลนิ ข้อเท้าบวมอีกต่างหาก เมื่อกี้คงล้มแรงน่าดู ให้พวกฉันพาไปหาหมอเถอะนะ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ท่าทางของทั้งสองคนนี้ดูใจดีจัง..
“คือหนูไปไม่ได้หรอกค่ะ ต้องรีบไปตามโจรที่มันขโมยเงินหนูไป” ให้ตายสิ ไม่รู้ป่านนี้มันหนีไปไหนแล้ว ฉันยังมีหวังที่จะได้เงินคืนอยู่ไหมนะ..
“เอาเป็นว่าหนูไปโรงพยาบาลกับพวกฉันก่อนเถอะนะจ๊ะ แล้วหลังจากนั้นฉันจะให้เงินหนูที่ถูกขโมยไปเอง” ประโยคนี้ของผู้หญิงวัยกลางคนทำให้ฉันรู้สึกสนใจขึ้นมา มันคงจะดีไม่น้อยถ้าฉันไปหาหมอรักษาอาการบาดเจ็บโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเอง แล้วแถมยังได้เงินที่ถูกขโมยไปคืนมาอีก
“กะ..ก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบตกลงไปทำเหมือนกับว่ารู้สึกเกรงใจ จริง ๆ ฉันก็เกรงใจนั่นแหละ แต่ก็รู้สึกดีใจที่อย่างน้อย ๆ โลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายกับฉันไปเสียทุกอย่าง
@โรงพยาบาล
ฉันมาถึงที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ละแวกนั้น มันค่อนข้างหรูหราพอสมควรเลย ค่าใช้จ่ายคงไม่ใช่ถูก ๆ แต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคนนี้น่าจะรวยอยู่นะ ดูจากการแต่งตัวและรถที่เขาใช้ เศรษฐีเก่าอย่างฉันมองออก
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ มีตรงไหนผิดปกติร้ายแรงไหมคะ” หญิงคนนั้นถามขึ้นด้วยท่าทีกระวนกระวาย เมื่อคุณหมอพาฉันออกมาจากห้องตรวจเรียบร้อยแล้ว
“เบื้องต้นคนไข้คงแค่ข้อเท้าเคล็ดกับมีแผลที่บริเวณหัวเข่า ไม่มีอะไรร้ายแรงนะครับ แค่พักการใช้เท้าและล้างแผลทุกวันไม่นานก็หายเป็นปกติแล้วครับ”
ฉันฟังอาการพวกนี้มารอบนึงแล้วล่ะตอนที่อยู่ในห้องตรวจ แต่ฉันคงจะพักเท้าไม่ได้หรอก ฉันต้องหาเงินไม่อย่างนั้นฉันกับแม่ก็ต้องอดข้าวอดน้ำ
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ”
“ขอบคุณครับหมอ”
หญิงและชายคนนั้นยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอด้วยท่าทางดีใจยกใหญ่ คุณหมอเพียงยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะขอตัวเดินออกไป
“คุณไปจ่ายค่ารักษาแล้วโทรตามตาแดนเทพมาทีนะคะ เดี๋ยวฉันว่าจะคุยกับแม่หนูคนนี้สักหน่อย”
“ครับ เดี๋ยวผมมานะ”
“เงินที่หนูถูกโจรขโมยไปเป็นเงินเท่าไหร่จ๊ะ” คุณน้าคนนี้ถามฉัน เมื่อชายคนนั้นเดินไปจ่ายเงินแล้ว
“150บาทค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง แม้ฉันจะสามารถโกหกเพื่อเรียกเงินให้เยอะกว่านี้ได้ก็เถอะ จะให้ฉันหลอกเอาเงินเขาฉันทำไม่ลงหรอก แค่นี้เขาก็ดีกับฉันมากแล้ว
“ฉันให้หนู1000นึงเลย เป็นค่าจ้างให้หยุดอยู่บ้าน ฉันรู้ว่าหนูน่ะคงจะไม่ยอมหยุดทำงานหรอกใช่ไหม เอาเป็นว่า1000นี้ฉันจ้างหนูแล้วกันนะจ๊ะ” คุณน้าพูดกับฉันอย่างรู้ทันก่อนจะยื่นแบงก์พันมาให้ฉัน
“ตะ..แต่ว่า..”
“ถ้ามันน้อยไปฉันเพิ่มให้เป็น2000เลยก็ได้นะ”
“พะ..พอแล้วค่ะ แค่1000ก็พอค่ะ หนูขอบคุณคุณน้ามากนะคะที่ช่วยเหลือหนู ทั้งที่หนูเป็นคนไม่ระวังเอง แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลาค่ะ” ฉันทั้งขอบคุณและขอโทษเธอในเวลาเดียวกัน ฉันแอบรู้สึกผิดอยู่นะที่เธอต้องมาเสียทั้งเงินทั้งเวลาเพื่อช่วยฉันน่ะ
“งั้นก็รับไว้นะจ๊ะ” เธอยัดแบงก์พันนั้นใส่มือของฉันเอาไว้ พร้อมกับส่งยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณแล้วยิ้มตอบเธอเช่นกัน
จากนั้นทั้งสองท่านก็บอกให้ฉันอยู่รอก่อน เพราะเดี๋ยวจะไปส่งฉันที่บ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ารออะไร แต่เหมือนจะมีใครมาที่นี่อีกคนอย่างงั้นล่ะมั้ง
“อ้าวนั่นไง ตาแดนเทพมาพอดี” ฉันหันมองตามคุณน้าคนนั้นที่พูดแล้วมองไปยังร่างสูงของใครบางคน
แล้วฉันก็ต้องรู้สึกหัวใจเต้นแรงผิดปกติ เมื่อได้เห็นเขาคนนั้น..
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังเดินตรงมาทางนี้ ท่าทางของเขาดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ฉันรู้สึกได้แค่ว่าเขาหล่อเอามาก ๆ สงสัยจะเป็นลูกชายของทั้งสองคนนี้แหละมั้ง
“พ่อกับแม่เรียกผมมาทำไมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดนิด ๆ
“พอดีพ่อกับแม่ขับรถชนหนูคนนี้เข้าน่ะจ๊ะ แต่แม่รับผิดชอบดูแลค่าเสียหายหมดแล้วนะจ๊ะ จะเหลือก็แค่พาไปส่งที่บ้าน แต่พ่อกับแม่ต้องไปงานต่อ ยังไงรบกวนแดนไปส่งน้องหน่อยนะ”
“หน้าตาผมเหมือนคนขับแท็กซี่เหรอครับ” เขาพูดประชดประชันใส่คุณน้า ก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาคมกริบ
ฉันรีบก้มหน้ามองต่ำลงทันทีเพราะไม่กล้าสบตาเขา..
