4
เรือนร่างเพรียวบางสะพายกระเป๋าเดินก้มหน้าน้อย ๆ ตามหลังเรือนร่างสูงสง่าที่ดึงดูดสายตาของเธอตั้งแต่เมื่อวานแต่เพียงชั่วข้ามคืนเขากลับกลายเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนคนโกรธเกลียดกันและที่สำคัญ.....สถานะสามีภรรยาทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยมันเกิดขึ้นรวดเร็วเหนือความคาดหมายจนปรับตัวปรับใจไม่ทัน......
มีนาตามติดเขาราวกับหุ่นยนต์เข้าลิฟต์ออกจากลิฟท์กระทั่งเกือบจะชนแผ่นหลังกว้างเมื่อจู่ ๆ เขาก็หยุดหน้าห้อง 604 มีนายังมีแก่ใจจำเลขห้องก่อนจะตามเขาเข้าไปด้านใน แม้จะเป็นห้องเล็ก ๆ แต่ก็ตกแต่งเอาไว้น่าอยู่ดูดีกว่าหอพักที่เธอเช่าเอาไว้ไม่ไกลจากที่นี่นักเพราะใกล้มหาวิทยาลัยยังไงก็เดินทางสะดวก เอาไว้ค่อยหาเวลาไปเก็บข้าวของมาที่นี่ก็แล้วกัน.......
เด็กสาวทำตัวไม่ต่างจากไม้เลื้อย มีหลักให้ยึดเกาะเธอก็พร้อมจะเกี่ยวพันอาศัยเพราะคิดไม่ออกว่าจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยตัวเองได้อย่างไร
“เอาของไปเก็บในห้องนั้น” ชายหนุ่มออกคำสั่งเสียงห้วนพลางชี้นิ้วไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิทเพียงหนึ่งเดียว
“แล้วคุณ....เอ่อพี่กันต์ล่ะคะ” เขาอายุมากกว่าเธอเรียกว่าพี่น่าจะดีเผื่อจะลดความหมางเมินลงได้บ้าง มีนาเงยหน้าถามพร้อมกับมองเขาตาแป๋วแต่แล้วก็แทบจะกัดลิ้นตายเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไป จากเย็นชาที่ว่าแย่แล้วตอนนี้เขามองเธอราวกับเป็นผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ น่ารังเกียจแค่จะใช้เท้าเขี่ยยังขยะแขยง…….
“ทำไม...อยากแยกห้อง? ......” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก คนอย่างเธอคงจะมีลูกเล่นอีกเยอะงัดออกมาโชว์เลยแม่คุณ หรืออยากจะเล่นบทสาวน้อยไร้เดียงสาเรียกราคาเพิ่มกระมัง.......
ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเขาที่แสดงออกมาเหมือนท้ารบ ประหนึ่งว่ามีนาคือคนที่สร้างเรื่องราวแย่ ๆ นี้ขึ้นมาไหนยังจะคำประณามหยามหยันจากผู้คนที่พากันด้อยค่ามีนา.....หากพ่อกับแม่ยังอยู่คนพวกนี้ยังจะปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ไหม......
หัวใจของเธอไหววูบ แม้จะเคยผ่านการสูญเสียอันเลวร้ายที่สุดในชีวิตมาเข้าใจว่าหัวใจด้านชาไปแล้วแต่เปล่าเลย.......สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้มันหนักหน่วงไม่แพ้กัน ต่อให้ร้องไห้ออกมาจนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่มีใครมาเห็นใจ เธอต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง
“เปล่าค่ะ....” เด็กสาวกล้ำกลืนความอาดูรลงไปไม่อยากให้ใครมาซ้ำเติม
“ถ้าอยากแยกจริง ๆ ก็โน่นโซฟาหรือไม่ก็ห้องครัว” ความหงุดหงิดทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นท่าทางเฉยเมยไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย...แม่งเอ้ย! กูอยากจะบ้าตาย.....
“ไม่เป็นไรค่ะ มีนอยู่ได้.....” มีนารีบหิ้วกระเป๋าเข้าไปในห้อง เรื่องอะไรจะต้องทำตัวเองให้ลำบากในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียอย่างน้อยเธอก็เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตัวก็เสียไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นเหมือนวันวานได้อีก นี่คือความจริงที่เธอต้องยอมรับให้ได้หากไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองแล้วจะรอให้ใครมาปกป้อง......ไม่มีคนคนนั้นเหลืออยู่บนโลกนี้อีกแล้ว.........เด็กสาวเฝ้าเตือนตัวเองไม่คิดจะฟูมฟายตั้งใจเดินหน้าต่อไป....ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...........
กันต์ดนัยคับข้องใจ......ยัยบ๊องส์นี่เป็นคนยังไงกันแน่แค่เห็นท่าทางหงิม ๆ ก็ขวางหูขวางตา......กูบ้าหรือโง่กันแน่วะที่รับยัยเด็กนี่เข้ามาเป็นภาระในชีวิต.....
“อ้าว! นั่นพี่กันต์จะไปไหนหรือคะ” เด็กสาวถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นเขาเข้ามาเก็บเสื้อผ้าและข้าวของบางส่วนใส่กระเป๋าเหมือนกำลังจะไปค้างที่ไหนสักแห่ง
“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำอาจจะมาค้างบ้างเป็นบางวันเท่านั้นและนี่......ค่าใช้จ่ายของเธอ ฉันจะจ่ายให้เป็นรายเดือน”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับเงินปึกนั้นมาจากมือของเขาไม่เกี่ยงงอน.....ขืนไม่รับเธอจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง น้าวัตรแกคงไม่ส่งให้อีกแล้วทั้งที่เงินจำนวนนั้นมันเป็นของเธอ แต่เป็นเพราะความไว้ใจไม่เคยเอ่ยปากถามให้ชัดเจนจึงไม่รู้ว่ายังเหลืออยู่หรือเปล่า....แต่มองจากรูปการณ์แล้วเธอคงโดนตัดหางปล่อยวัดแล้วมั้งไม่อย่างนั้นคงไม่โดนผลักไสอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้.....
“พี่กันต์จะกลับเมื่อไหร่คะ” เธอก็แค่อยากรู้ในฐานะที่ต้องอยู่ด้วยกัน
“ทำไมต้องถาม ฉันไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิก” กันต์ดนัยออกอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง....ทำไมถึงทำเป็นไม่เดือดร้อนอย่างน้อยก็ออดอ้อนให้อยู่ด้วยกันสิวะ......
มีนาฟังแล้วได้แต่กลืนคำถามอีกหลายคำกลับลงไป เห็นทีสามีของเธอจะขี้โมโหมาก ๆ หากซักถามทุกอย่างตามที่ตั้งใจ เธออาจจะไม่มีลมหายใจไปถึงพรุ่งนี้จึงเลือกที่จะหุบปากสนิทรอจนกระทั่งเขาออกจากห้องไปแล้ว จึงก้มลงมองเงินในมือที่มีนามบัตรของเขารวมอยู่ด้วย
