13
สองสามเดือนมานี้ที่เธอออกมารับจ๊อบข้างนอกซึ่งก็ไม่บ่อยนักหรอกและก็ไม่ได้คิดจะปิดบังแต่มันไม่มีจังหวะให้พูดในเมื่อเขามาหาเธอเดือนละสองสามครั้ง เจอหน้ากันแต่ละทีก็แทบไม่ได้หายใจหายคอ.......จะเอาเวลาที่ไหนไปเล่าให้ฟัง
“มานี่เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กพยายามจะลากตัวเด็กสาวออกไปแต่เพราะเธอขืนตัวเอาไว้และด้วยแรงโทสะจึงทำให้เกิดอยากเอาชนะกลายเป็นการยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ตรงนั้น
“จะไปไหนอ่ะ....” มีนาเห็นท่าทางแข็งกร้าวกว่าทุกทีจนนึกหวั่นใจและรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ บรรยากาศในร้านค่อนข้างมืดแต่รู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่มองมาแต่ไม่มีใครขยับเข้ามาช่วยสักคน อาจจะเป็นเพราะไม่อยากยุ่งเรื่องของชาวบ้านกระมัง
“กลับห้อง หรือจะให้ฉันพูดตรงนี้ ไม่อายคนอื่นหรือไง” ชายหนุ่มกระชากเสียงถามอย่างโกรธจัด
“มีนไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยนะ”
กันต์ดนัยไม่ปล่อยแต่ออกแรงลากสาวน้อยอย่างเอาแต่ใจ นาทีนี้เขาโกรธจนหูอื้อตาลายไม่สนสายตาของใครทั้งนั้น
“ปล่อยเธอซะ!”
หญิงสาวเหมือนเห็นแสงสว่างรำไรเพราะเฮียกายพาเรือนร่างใหญ่โตมายืนขวางไว้อย่างพร้อมที่จะปกป้อง แต่พอคิดดูอีกทีเรื่องราวจะบานปลายเพราะคนนี้คือสามีส่วนอีกคนคือพี่ที่นับถือเธอไม่ควรดึงเขาเข้ามาเดือดร้อนด้วย
“เอ่อ....ไม่มีอะไรค่ะเฮีย....” เธอบอกเสียงอ่อยพร้อมกับยิ้มแห้งให้เฮียกายที่แสนดี....... เธอไม่รู้จะบอกคนอื่นว่ายังไงใคร ๆ ก็เข้าใจว่าเธอโสดครั้นจะบอกความจริงก็ไม่ได้เพราะโดนกำชับให้เก็บเรื่องราวระหว่างเขาและเธอเป็นความลับ จะมีก็แต่พี่รินที่เคยเห็นว่าเธอมีผู้ชายมาหาเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่เคยซักถามให้อึดอัดใจ
“ผมว่าคุณปล่อยเธอดีกว่า” เฮียกายเอ่ยปากอย่างสุภาพเพราะอีกฝ่ายคือลูกค้าและดูท่าว่ายังมีสติครบถ้วนไม่ใช่ประเภทเมามายแล้วระรานไปทั่ว
“อย่ายุ่งกับเด็กของผม”
“หืม?” ผู้จัดการร่างหมีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจพลางมองสองคนสลับไปมาแล้วจึงพยักหน้า......เข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างคู่รักจึงเปิดทางให้.....สงสัยแฟนยัยเด็กแสบจะหวง....
“เฮีย....ฝากบอกพี่รินด้วยนะคะว่ามีนกลับก่อน” มีนามีแก่ใจหันมาตะโกนบอกผู้จัดการเพราะกลัวว่าพี่รินของเธอจะเป็นห่วงแต่คนที่ตั้งหน้าตั้งตาดึงก็เดินจ้ำเอาจ้ำเอาไม่สนใจใครทั้งนั้น
“เข้าไป” เมื่อถึงที่จอดรถชายหนุ่มแทบจะเหวี่ยงร่างเล็กเข้าไปด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นพร้อมทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า....
เขาถือว่าการที่เธอทำแบบนี้ลับหลังเป็นเรื่องที่ยากจะให้อภัย....….นิสัยตลบตะแลงนี่แก้ไม่หายจริง ๆ หลายเดือนมานี้เขาเกือบจะเชื่อแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองมองเธอผิดไปแต่ที่ไหนได้เพิ่งตาสว่างวันนี้นี่เอง.....
มีนาหัวคะมำแต่ก็ไม่ร้องสักคำ ครั้งนี้เหมือนว่าเขาจะโกรธมาก ๆ .....เธอก็แค่ออกมาทำงานพิเศษไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียสักหน่อย แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอเลือกที่จะเงียบก่อนตอนนี้ขืนพูดอะไรออกไปก็ไม่ต่างจากสาดน้ำมันเข้ากองไฟ…….
ทางด้านเจษฎาเห็นเพื่อนรักยื้อยุดฉุดน้องมีนออกจากร้านไปเขาเห็นว่าเป็นเรื่องของผัวเมียจึงไม่ได้เข้าไปยุ่ง ไอ้กันต์มันคงไม่ถึงกับฆ่าแกงกันหรอก หลัง ๆ มานี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ทั้งคู่จะดีขึ้นด้วยซ้ำแต่การที่จู่ ๆ ดันมาเจอเมียอยู่ที่ร้านเหล้าเข้าใจว่ามันคงหึงจนหน้ามืดนั่นแหละ เดี๋ยวพอได้ทำความเข้าใจกันทุกอย่างคงจะดีขึ้นเอง.......
“นายกันต์กลับไปแล้วเหรอ” ภาริณเพิ่งกลับจากห้องน้ำ เขาเห็นด้านหลังคล้ายกันต์ดนัยเดินจูงผู้หญิงออกไปไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า
“ครับพี่.......สงสัยโมโหเมีย”
“หืม? .....นายกันต์มีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่......” ภาริณที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ เพราะรุ่นแม่เป็นเพื่อนรักกันมากจึงคบหาคลุกคลีกันตั้งแต่เด็ก เขารู้ดีว่าน้องชายคนนี้นั้นเป็นประเภทเกลียดกลัวการสร้างความสัมพันธ์โดยเฉพาะผู้หญิงมันทำเหมือนทิชชูที่ใช้แล้วทิ้ง แม้แต่ซื้อกินยังไม่ยอมซื้อซ้ำนับประสาอะไรกับการมีเมียเป็นตัวเป็นตน…เชื่อยากเต็มที.....
“หลายเดือนแล้วพี่ เมียถูกต้องตามกฎหมายด้วยนะ” เจษฎาถือว่าภาริณเป็นข้อยกเว้นในเรื่องเก็บความลับ เพราะพี่น้องคู่นี้ไม่เคยมีความลับต่อกัน
“ห๊า! ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
“ก็แน่ล่ะเพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ถึงได้รู้ แถมมันยังสั่งให้ปิดปาก”
“งั้นรีบเล่ามา......” ภาริณไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายยอมเปิดเผยความลับกับเขายังเร่งเร้าให้อีกฝ่ายเล่าให้ฟังอย่างละเอียด
