ประกาศครั้งที่ห้า เจ้าชู้ [3/3]
ประกาศครั้งที่ห้า
เจ้าชู้ [3/3]
วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งปกติแล้วฉันกับน้องชายมักจะใช้วันนี้เป็นวันทำความสะอาดบ้าน หากแต่ฉันดันมีนัดกับพี่เนย์เลยทำให้กิจกรรมทำความสะอาดต้องถูกยกเลิกไป
ฉันตื่นมาแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและแต่งหน้า บรรจงตั้งใจแปลงโฉมตัวเองอย่างดีเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เราสองคนไปเดตกัน
ฉันคบหากับพี่เนย์มาได้หนึ่งเดือนแล้ว แต่เราสองคนยังไม่เคยออกไปไหนมาไหนด้วยกันเลย นอกจากร้านค้าข้างโรงเรียนและร้านนมปั่นใกล้ ๆ ก็มีแค่โดมกีฬาที่พี่เขาชอบเล่นบาสกับเพื่อนนี่แหละที่เห็นว่าเป็นสถานที่เดตของเรา
และพี่เนย์คงจะเห็นว่าเราไม่เคยออกไปไหนมาไหนด้วยกันแหละมั้งเขาเลยชวนฉันไปดูหนัง ฉันเองก็รีบตอบตกลงทันทีเพราะอยากใช้เวลากับเขานอกเหนือจากที่โรงเรียนเหมือนกัน
วันนี้ก็เลยตั้งใจแต่งหน้าตัวเองสักหน่อย อยากให้เดตแรกของเราสองคนเกิดความประทับใจ พี่เนย์จะได้ภูมิใจที่มีฉันเป็นแฟน ส่วนเขาน่ะไม่ต้องทำอะไรฉันก็แทบยกขึ้นหิ้งอยู่แล้ว รายนั้นทั้งฮอตทั้งดัง มีแต่คนรอเสียบทั้งนั้น ฉันเองก็ต้องทำตัวให้น่ารักสักหน่อยพี่เนย์จะได้ไม่เบื่อกัน
“โห กลิ่นน้ำหอมฟุ้งมาเลย อะไรขนาดนั้นมุก”
ทันทีที่เดินลงบันไดมาเสียงของน้องชายที่บ่งบอกถึงความระอาก็ดังขึ้นจนฉันเกือบสะดุดหน้าทิ่ม แต่โชคดีที่คว้าจับกำแพงได้ทัน
ไอ้น้องคนนี้...ชมกันหน่อยก็ไม่ได้!
“พี่มุกสวยไหมน้องเมฆ ไหนชมให้ฟังหน่อยเร็วว่าพี่มุกสวยมากแค่ไหน” ฉันฉีกยิ้มสู้พร้อมกับหมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อให้น้องชายมองเห็นชุดเต็มตา ไม่อยากแสดงความหงุดหงิดในวันดี ๆ สุดแสนโรแมนติกแบบนี้ เกิดเผลอหลุดสีหน้าเหวี่ยงใส่พี่เนย์แล้วจะยุ่ง
“ก็สวยดี แต่เวอร์ไปหน่อย เอ่อ...ไม่หน่อยอะ ฉีดน้ำหอมเยอะเกิน ต่างหูที่ใส่ก็ใหญ่เกิน ปากก็แดงเกินไม่เข้ากับสีชุด”
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหุบฉับพัลวัน จากที่ตั้งใจจะเป็นผู้หญิงสวยหวานยิ้มเก่งกลายร่างเป็นนางมารได้เพียงเสี้ยววินาทีจากคำพูดตรงไปตรงมาของน้องชาย
“ไอ้เมฆ!” นี่แหละ พอหงุดหงิดฉันก็มักจะเรียกน้องชายแบบนี้ แต่ปกติแล้วฉันไม่ค่อยขึ้นไอ้หรอกนะ มันเป็นแค่บางช่วงบางอารมณ์น่ะ “แค่ชมว่าสวยคำเดียวมันยากนักหรือไง แกไม่เคยชมฉันสักครั้งเลยนะ”
“ก็พูดตามความจริงไหมล่ะ ฉันบอกก็เพราะหวังดี ลิปสติกแกมีตั้งหลายแท่งทำไมไม่เลือกให้มันเข้ากับชุด สีนี้มันแดงไป ส่วนเรื่องน้ำหอมมันก็ฉุนไป เวลานั่งใกล้กันหรือตัวติดกันพี่เนย์เขาจะได้ไม่ฉุนไง”
พูดดีมีเหตุผลแฮะ
ฉันก้มหน้ากดจมูกสูดดมกลิ่นทันที จากนั้นก็รีบเดินไปที่หน้ากระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยแล้วก็ถึงได้พบว่าสิ่งที่ม่านเมฆบอกนั้นเป็นจริงทุกอย่าง
น้องชายของฉันคนนี้ถือว่าละเอียดใช้ได้
ม่านเมฆเป็นผู้ชายที่รู้จักสีลิปสติก ดูการแต่งตัวของผู้หญิงเป็น ก็คงต้องบอกได้เลยว่าเป็นคนที่ใส่ใจมากคนหนึ่งเลยล่ะ
“ฉันเปลี่ยนสีลิปละ คราวนี้เป็นไงมั่ง” ฉันใช้ทิชชูเช็ดปากและหยิบลิปสติกสีอื่นมาทา ก่อนจะไปก็ไม่วายขอให้เมฆช่วยดูอีกครั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็เป็นการพยักหน้ากลับมา “เจ๋ง! ขอบคุณนะเมฆ ฉันไปล่ะ เดี๋ยวจะรีบกลับ”
ฉันบอกพลางเดินไปเลือกรองเท้าที่จะสวมใส่ ซึ่งจังหวะนั้นโทรศัพท์ของฉันก็สั่นจากการแจ้งเตือนพอดี กระทั่งมองไปยังนอกตัวบ้านถึงได้เห็นว่าพี่เนย์ขับมาจอดรอแล้ว
“อุ๊ย! พี่เนย์มาแล้ว ไปก่อนนะเมฆ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก บาย”
ฉันรีบวิ่งออกจากบ้านไปหาพี่เนย์เพราะไม่อยากให้เขารอ จุดหมายปลายทางที่เราจะไปกันนั้นเป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ความจริงแล้วฉันตั้งใจจะนั่งรถไฟฟ้าไปเจอพี่เนย์ที่ห้างเพราะระยะทางมาบ้านฉันค่อนข้างห่างกันพอสมควร แต่พี่เนย์เองก็ยังยืนยันจะมาให้ได้ ฉันเลยไม่ได้ขัดข้องอะไร
พอมาถึงที่หมายเราสองคนก็ไปซื้อตั๋วหนังเป็นอันดับแรก แน่นอนว่าพี่เนย์ออกตัวว่าจะขอเลี้ยง ส่วนฉันก็ชิงจ่ายค่าป๊อบคอร์นและน้ำอัดลมแทนซะเลยเพราะรู้ว่าเขาจะต้องจ่ายมันอีก
ฉันเดินแยกออกมาเพื่อเลือกรสป๊อบคอร์นในขณะที่พี่เนย์กำลังกดซื้อตั๋วหนังผ่านจอ แต่จังหวะนั้นแรงสั่นครืดของโทรศัพท์กลับดังขึ้นทำให้ฉันหยิบมันออกมาดูแล้วเห็นว่าเป็นข้อความจากคนไม่รู้จักที่ส่งเข้ามา
ใครกัน...
MESSAGE – Unknown (4)
: ขอเตือนด้วยความหวังดี
: เนย์เขาไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
: ลับหลังเธอเขาก็ไปมั่วกับผู้หญิงคนอื่น
: เลิกกับเขาซะ ถ้าไม่อยากโง่ไปมากกว่านี้
มือของฉันสั่นเทาเฉกเช่นเดียวกับดวงตาที่ไหวระริก ฉันอ่านทุกตัวอักษรของคนในช่องแชตที่ส่งมา ไม่รู้ว่าคือใครและส่งมาบอกกันทำไม แต่ใจความของข้อความเหล่านั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกวูบไหวทั้งที่ยังไม่รู้ความจริง
จริงหรือเปล่า...
หรือจริง ๆ แล้วเขาอาจจะส่งมาปั่นหัวกันก็ได้ เพราะตั้งแต่ที่คบกับพี่เนย์มาฉันก็พอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น
ใช่แน่ ๆ คนที่ส่งมาตั้งใจจะปั่นหัวและเสี้ยมให้ฉันเลิกกับพี่เนย์แน่นอน
ฉันควรเชื่อแฟนของฉันมากกว่าคนแปลกหน้าไม่ใช่หรอกหรือ
และฉันก็ไม่ควรหูเบาหรือปักใจเชื่อกับสิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นด้วยตัวเอง
