ประกาศครั้งที่หนึ่ง แรกเจอ [5/5]
ประกาศครั้งที่หนึ่ง
แรกเจอ [5/5]
“ไม่เรียกพี่ได้ป้ะ ห่างกันแค่ปีเดียวเอง” ประโยคนี้หลุดมาจากปากของติณณ์ ซึ่งฉันก็ถึงกับขมวดคิ้วมองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ก็ได้รับรอยยิ้มกวน ๆ พร้อมกับการยักคิ้วส่งมาให้แทน
“มึงเด็กกว่ากูตั้งห้าเดือนไอ้ติณณ์”
“นี่ขนาดเดือนมึงยังนับว่ากูเป็นน้องอีกเหรอไอ้เมฆ”
“ก็แปลว่ามึงห่างจากมุกหนึ่งปีหกเดือนไง ตั้งปีครึ่ง มึงจะเรียกมุกเฉย ๆ ไม่ได้” เมฆเป็นคนให้คำตอบ แต่ในความจริงแล้วฉันไม่ได้ถือสาเรื่องการเรียกนักหรอก แต่เมฆคงเห็นว่าติณณ์ตั้งใจจะกวนประสาทฉันล่ะมั้งเขาถึงได้แย้งขึ้นมาน่ะ
“มึงยังเรียกพี่มึงว่ามุกเฉย ๆ ได้เลย”
“ก็กูเรียกจนชินแล้ว”
“กูก็อยากเรียกแบบนั้นบ้างอะ กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะเว้ย ต้องเรียกให้เหมือน ๆ กันดิ เดี๋ยวเขาสับสน”
“แต่กูอยากเรียกพี่มุกนะ” นี่เป็นเสียงขององศาที่พูดขึ้น สีหน้าของเขาเรียบนิ่งมาก มากชนิดที่ว่าช่างไร้อารมณ์จนฉันสามารถเดานิสัยของเขาออกได้เลยว่าน่าจะเป็นคนพูดน้อย
ผิดกันกับ...
“มึงเรียกไปคนเดียวไอ้งองศา ก็กูอยากเรียกเหมือนไอ้เมฆอะ”
“ไม่ได้ เรียกพี่นี่แหละ พี่ให้แค่น้องชายเรียกมุกเฉย ๆ คนเดียว” ฉันเอ่ยแทรกเพื่อยุติข้อโต้เถียง ขืนปล่อยเฉยเลยผ่านมีหวังพูดประเด็นนี้กันไม่จบแน่
“อ้าว ได้ไงอะ เธออย่าลำเอียงกับน้องชายตัวเองดิ”
“ก็นี่น้องชายพี่ พี่ก็ต้อง...”
“ก็เราไม่อยากเรียกเธอว่าพี่อะ”
ฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออกสักคำ รู้สึกคันไม้คันมือยุบยิบอยู่ในอก ไม่รู้ว่าติณณ์รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรือว่าตั้งใจแกล้งกันแน่ แต่ก็ชักจะหมั่นเขาซะแล้วสิ
“แล้วรู้จักกันด้วยเหรอ” เมฆมองหน้าฉันกับติณณ์สลับไปมา
“รู้ดิ”
ไม่ทันที่จะตอบ ติณณ์ก็แทรกขึ้นและพยักหน้ารับหงึก ๆ ว่าเรารู้จักกัน
“รู้จักได้ไงอะ”
“ก็เมื่อเช้าอะ พี่สาวมึงเขาโดน...”
“เมื่อเช้าบังเอิญเจอกันบนรถเมล์น่ะ!” ฉันกดน้ำเสียงให้ดังขึ้นเพื่อกลบคำพูดของติณณ์ไม่ให้เมฆได้ยินว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ฉันไม่ต้องการให้ติณณ์พูดถึงเรื่องที่ฉันถูกลวนลามเมื่อเช้านี้ ฉันไม่อยากให้เมฆเป็นห่วง แล้วฉันก็ตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไปตลอดชีวิตด้วย
“บังเอิญ? แล้วไปคุยกันได้ไง” เมฆยังคงถามต่อ
“ก็ติณณ์เขาเสียสละที่นั่งให้ฉันไง ฉันก็เลยขอบคุณเขาไปแล้วก็ได้คุยกันนิดหน่อย นี่ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นเพื่อนกันนะเนี่ย” ฉันให้คำตอบด้วยท่าทางปกติ สายตาก็ลอบมองติณณ์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดส่งความสงสัยมาให้กันไม่เลิก ซึ่งฉันก็ทำเพียงส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อบอกใบ้ไม่ให้เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้
“อ๋อ แล้วนี่มารอเพราะจะกลับพร้อมกัน?”
“อื้อ ไม่อยากกลับรถเมล์แล้วอะ เปลืองเงิน รอกลับพร้อมแกดีกว่า”
ปกติแล้วเมฆจะขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเรียนน่ะ บางวันฉันก็มาพร้อมกัน แต่ส่วนมากจะขึ้นรถเมล์มากกว่าเพราะเมฆต้องมาโรงเรียนไวกว่าปกติเนื่องจากเป็นตัวแทนที่จะต้องทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า ส่วนฉันที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรและไม่อยากตื่นเช้าเลยเลือกที่จะนั่งรถเมล์มาเองดีกว่า ส่วนตอนกลับก็เลือกที่จะกลับก่อนเพราะเมฆมักจะชอบอยู่เล่นบอลกับเพื่อนจนถึงเย็นค่ำนู่นแหละ
ถึงเราจะเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่นิสัยและความชอบล้วนแตกต่างกันสิ้นเชิง
“แล้วนี่เล่นเสร็จยังอะ อากาศหนาว ๆ แบบนี้ก็ยังมีอารมณ์จะเล่นกีฬากันอีก” พูดแล้วก็ยกมือลูบแขนตัวเองไปด้วย ตอนเย็นลมแรงกว่าช่วงกลางวัน ไม่เข้าใจพวกผู้ชายเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบเล่นอะไรแบบนี้กันนัก
“ยัง เรายังไม่ได้เล่นเลย” นี่ไม่ใช่เสียงของเมฆแต่เป็นเสียงของติณณ์ที่ให้คำตอบ
“ก็มึงมัวแต่โอ้เอ้ นี่ก็ไปจีบสาวอีกแล้วดิ”
“จีบสาวอะไร ไม่เคยอะ! มึงอย่าพูดมั่ว ๆ นะไอ้เมฆ ไป ๆ ลงสนามเลย ไปไอ้องศา กูพร้อมละ”
“งั้นนั่งรอตรงนี้นะ เสร็จแล้วก็เดินมาแล้วกัน” ฉันบอกพลางทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะ สายตาก็ทอดมองไปยังน้องชายที่เพิ่งกอดคอเพื่อนที่ชื่อองศาเดินลงไปยังสนามหญ้าพร้อมด้วยลูกบอลที่ถือไว้ในวงแขน
“ฝากโทรศัพท์กับกระเป๋าหน่อยนะ” ติณณ์เป็นคนเดียวที่ยังไม่เดินไป เขาวางกระเป๋าและมือถือลงไว้บนโต๊ะตรงหน้าของฉันพร้อมกับฝากฝังให้ฉันช่วยดูแล
“อื้อ ได้สิ”
“มุกคอยดูนะ เดี๋ยวเราเอาสามแต้มมาให้”
“สามแต้ม?”
“ก็เตะเข้าสามลูกไง เราเล่นเก่งมากขอบอก ฝีมือระดับโค้ชเลยก็ว่าได้ ส่วนไอ้สองคนนั้นน่ะตัววิ่งเก็บลูก มุกรอดูได้เลย”
อีกหนึ่งอย่างที่ฉันสังเกตจากติณณ์ นอกเหนือจากที่เขาเป็นคนใจดีช่วยฉันให้พ้นจากไอ้โรคจิตก็คือเขาเป็นคนพูดมากแถมยังขี้โม้อีกด้วย
“มาได้แล้วไอ้ติณณ์ ลีลาที่หนึ่งเลยนะมึงอะ!”
“เออ! ไปแล้ว ๆ มุกรอดูเลยนะ สามแต้มนะมุกสามแต้ม” ติณณ์ตะโกนตอบและรีบวิ่งตามเพื่อนไป แต่ก็ไม่วายหันมาหาฉันพร้อมกับการคุยโวถึงสามแต้มที่เขาอวดโอ้ทั้งที่ขายังไม่แตะสนามเลยด้วยซ้ำ
“บอกให้เรียกพี่ไง เรียกมุกเฉย ๆ ไม่ได้นะ!”
ฉันไม่ได้สนใจกับสามแต้มอะไรของเขาหรอก สนใจแค่คำเรียกที่เขาเรียกกันมากกว่า ขอย้ำว่าไม่ได้ถือสาอะไร แต่ฉันแค่รู้สึกว่าการเรียกของติณณ์เหมือนเป็นการยียวนตีเนียนยังไงก็ไม่รู้
แต่ก็นั่นแหละ เสียงที่ฉันตะโกนบอกออกไปไม่ได้ทำให้เขาสนใจ กลับกันยังส่งยิ้มและยักคิ้วกวน ๆ ส่งมาให้อีกต่างหาก
“ก็บอกแล้วไงว่าจะเรียกแบบนี้ มุก มุก มุก!”
ไอ้บ้านี่...
Marnmuk’s Part ; End
