ประกาศครั้งที่หก ความจริง [3/3]
ประกาศครั้งที่หก
ความจริง [3/3]
“ก็ตามดิครับ! ไปเร็วมุก เร็วดิเดี๋ยวไม่ทัน!” ติณณ์ลุกขึ้นและกระตุกแขนเสื้อของฉันเร็ว ๆ
เขากำลังมีท่าทีร้อนรนกระวนกระวายยิ่งกว่าฉันซะอีก และอาการเหล่านั้นมันก็ทำให้ฉันยิ่งกระตือรือร้นตามเขาไปด้วยจนแทบยืนนิ่งไม่ไหวอยู่แล้ว
“ฉันไปก่อนนะตาล ได้เรื่องยังไงฉันจะรีบโทรหาแกเป็นคนแรกเลย รอรับสายฉันด้วยนะ!”
“เออ ๆ รีบไปเลยแก”
ฉันรีบหยิบกระเป๋านักเรียนตัวเองก่อนจะสับฝีเท้าเดินตามติณณ์ออกไป อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องประสาทมันจะจบลงยังไง แต่ลึก ๆ ภายในใจก็ได้แต่หวังว่าขอให้ข้อความพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง...
ตัวรถมอเตอร์ไซค์ขับขี่ไปตามถนนใหญ่ด้วยความเร็วปกติ หากแต่มันกำลังขี่ตามหลังรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เนย์ซึ่งเว้นระยะห่างกันมากพอสมควรเพื่อไม่ให้เขาจับได้
หลังจากที่ตามพี่เนย์มาก็ถึงได้เห็นว่าเขาขี่รถตัวเองออกมาจากโรงเรียน และโชคดีมากที่วันนี้ติณณ์เอารถมอเตอร์ไซค์มา ไม่อย่างนั้นคงได้คลาดกันก่อนรู้ว่าพี่เนย์ออกไปไหน
ระหว่างนั้นฉันก็กดเข้าแอปนำทางไปด้วย ซึ่งจุดหมายที่ฉันกดค้นหาก็คือโรงเรียนที่คนในข้อความส่งมา และหนทางที่ติณณ์กำลังขับตามพี่เนย์อยู่นั้นคือทิศทางเดียวกัน
“เธอหลบหน้าหน่อยก็ดี เผื่อมันดูกระจกแล้วเห็นเข้า” ติณณ์หันหน้ามาบอกกันฉันเลยรีบเอนตัวกลับมานั่งหลังตรงใช้ร่างกายของเขากำบัง
ติณณ์มีหมวกกันน็อกเลยไม่ต้องกังวลเท่าไหร่ว่าพี่เนย์จะจำได้ แต่ฉันที่เอนตัวโน้มใบหน้าเพ่งมองรถของเขานี่สิอาจจะทำให้พี่เนย์สังเกตเห็น
“ติณณ์ พี่เนย์เขากำลังไปที่โรงเรียนนั้นจริง ๆ นะ พี่เปิดแมพไว้อยู่”
“อย่าเพิ่งคิดไปเอง ไปดูให้เห็นกับตาก่อน”
ประโยคนั้นของติณณ์ไม่ได้ทำให้ฉันคลายกังวลได้หรอก แต่ฉันกลับรู้สึกดีไม่น้อยที่มีเขาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน
“เราเหมือนพวกสายลับเลยอะ ตลกดีนะว่าไหม” ฉันยกยิ้มและหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้หัวใจของฉันกำลังเต้นกระหน่ำจนผิดจังหวะ มันคาดเดาและเผลอคิดไปต่าง ๆ นานา แล้วก็มีอีกห้วงความรู้สึกหนึ่งที่ฉันคิดอยากเปลี่ยนใจหันหลังกลับเพราะไม่อยากเห็นภาพที่ตัวเองต้องเจ็บ
แต่ความเร็วของตัวรถกลับมาถึงจุดหมายได้ไวกว่าที่คิด ความคิดส่วนหนึ่งเลือนหายไปหลงเหลือเพียงการจำยอมที่ฉันไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว
ติณณ์เลือกจอดรถที่ข้างกำแพงใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เดินตามไปแอบสอดส่องพี่เนย์ที่จอดสนิทอยู่บริเวณรั้วโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูมากนัก
“เหมือนกำลังรอใครอยู่เลย” ฉันชะโงกหน้าออกจากกำแพงเพื่อสอดส่องสายตามองพี่เนย์ที่เหมือนกำลังยืนรอใครอยู่
“รอเพื่อนเปล่า” ติณณ์เองก็อยู่ในท่าทางเดียวกัน เขายืนด้านหลังฉัน แต่ก็เอนตัวโผล่หัวออกมาให้มองเห็นได้ชัดเจน
“อ๊ะ...เสื้อเปื้อนเลยอะ” จังหวะที่ก้มมองก็เห็นว่าเสื้อนักเรียนตัวเองเปื้อนด้วยสีเดียวกับกำแพง เมื่อกี้นี้ฉันเผลอตัวเกินไปเลยพิงแนบไปเต็ม ๆ ทั้งสีและฝุ่นที่ติดก็กันติดมากับเสื้อของฉันไปด้วย
“ฉิบหายละ!”
ทว่าเสียงสบถของติณณ์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันเชยใบหน้าขึ้นมองคนที่สูงกว่า แต่สายตาของติณณ์ยังนิ่งค้างอยู่ในจุดที่ฉันเพิ่งละมา ฉันเลยหันหน้าไปมองเพราะอยากรู้ว่าเขาตกใจอะไร
จนกระทั่ง...
“พี่เนย์...” คำพูดบางเบาเอ่ยออกมาพร้อมกันกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลหลั่ง
ภาพเบื้องหน้าเป็นภาพที่พี่เนย์กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนมอปลาย ท่าทางดูสนิทสนมกันมาก หากแต่ฉันพยายามคิดว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นน้องสาวของเขาก็ได้ แต่แล้วภาพถัดมาก็ทำให้ความจริงกระจ่างทุกอย่าง เพราะนอกจากความสนิทสนมนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นยังเขย่งปลายเท้าหอมแก้มพี่เนย์อีกด้วย
อืม...ชัดเจนมากจริง ๆ
“เอ่อ...แต่น้องสาวหอมแก้มพี่ชายก็ปกตินะเธอ” เสียงของติณณ์ตะกุกตะกักมาก เขาคงพูดให้ฉันสบายใจทั้งที่ท่าทางเขาดูตกใจกว่าฉันซะอีก
ปกติกับผีน่ะสิ!
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาเนื่องจากมีเสียงแจ้งเตือน คราวนี้ไม่ต้องดูรายชื่อก็รู้ว่ามันมาจากข้อความของใคร
MESSAGE – Unknown (2)
: คงเห็นชัดเจนแล้วสินะว่าเขาไม่ได้มีเธอคนเดียว
: หรือถ้ายังไม่เชื่อจะตามมาก็ได้นะ เพราะเรากำลังไปโรงแรมกัน
ฉันรีบปิดโทรศัพท์แล้วเก็บไว้ที่เดิม ไม่ต้องตามไปก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นลึกซึ้งกันมากแค่ไหน
พี่น้องที่ไหนจะหอมแก้มกันหน้าโรงเรียน ไหนจะกอดเกี่ยวแนบชิดจนแทบรวมเป็นหนึ่งเดียวนั่นอีก
พอกันที ไอ้พี่เนย์...ไอ้คนเฮงซวย!
Marnmuk’s Part ; End
