ประกาศครั้งที่หก ความจริง [2/3]
ประกาศครั้งที่หก
ความจริง [2/3]
“มาว่าน้องคนอื่นให้พี่สาวเขาฟังอีกนะ” ฉันส่ายหน้าระอาและบอกออกไปอย่างไม่จริงจังนัก ไม่ได้ถือสาอะไรหรอกเพราะติณณ์ชอบบ่นไปเรื่อยอยู่แล้ว
“ตั้งแต่ขึ้นมอสี่แยกแผนการเรียนก็ไม่ค่อยได้เตะบอลด้วยกันแล้ว ยิ่งไอ้องศายิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นเรียนพิเศษเกือบทุกวัน”
“จริงสินะ พี่จำได้ว่าองศาบอกว่าอยากเป็นหมอนี่นา”
พอขึ้นมอสี่แล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันเลือกแผนการเรียนตามความชอบและความถนัด อย่างม่านเมฆน้องชายฉันเลือกเรียนไทย-สังคม แถมยังบอกอีกด้วยว่าจะเรียนนิติศาสตร์ และอย่างองศารายนั้นชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาอยากเป็นหมอ รู้มาบ้างว่าพ่อขององศาเป็นหมอเหมือนกัน ส่วนคนที่นั่งข้าง ๆ อย่างติณณ์ก็เลือกเรียนศิลป์-คำนวณ ติณณ์บอกว่าไม่ชอบเรียนวิทย์ และไม่ถนัดวิชาสังคม เขาก็เลยเลือกแผนการเรียนนี้แทน
“ส่วนไอ้เมฆรายนั้นพอเพื่อนเตะบอลไม่ครบก็ขอตัวกลับก่อน ติณณ์ถึงต้องไปเล่นเกมกับมันที่บ้านบ่อย ๆ ไง”
“แล้ววันนี้ไม่ไปเล่นเกมกับเมฆล่ะ”
“เบื่อหน้ามัน ชอบนิ่งใส่ มันขี้เก๊ก เห็นแล้วหมั่นไส้”
“เดี๋ยวเถอะ มาว่าน้องชายพี่แบบนี้ได้ไง พี่จะฟ้องเมฆนะ” ฉันถลึงตาใส่ติณณ์ที่พูดว่าน้องชายของฉันไม่เลิก และแน่นอนว่าก็ได้รับท่าทีเมินเฉยไม่สนใจกลับมาอย่างเช่นทุกครั้ง
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังแทรกขึ้นทำให้ฉันชะงักบทสนทนาระหว่างติณณ์ชั่วคราว ฉันเปิดโทรศัพท์และกดเข้าดูที่การแจ้งเตือนนั้นก็ถึงกับตัวสั่นเพราะมันมาจากคนคนเดิมที่ส่งมาเตือนให้ฉันเลิกยุ่งกับพี่เนย์
MESSAGE – Unknown (3)
: ถ้าเธอไม่เชื่องั้นก็ตามมาดูสิจะได้รู้ความจริง
: เนย์จะมาหาฉันที่โรงเรียน A
: มาดูให้เห็นกับตาว่ามันไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
“เป็นอะไรมุก” น้ำตาลจับที่มือสั่น ๆ ของฉันไว้ คงเห็นว่าฉันมีท่าทีแปลกไปถึงได้จับสังเกตออก
“เขาส่งมาอีกแล้ว” ฉันเชยใบหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตากำลังไหวระริกเอ่อคลอด้วยน้ำใสที่เต็มไปด้วยความสับสน
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะร้องไห้ทำไม แต่รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันกำลังกลัว
“ส่งอะไร ไหนดู” ติณณ์มองหน้าฉันและน้ำตาลสลับไปมาก่อนที่เขาจะถือวิสาสะหยิบมือถือของฉันไปกดอ่านข้อความ
ฉันไม่ได้ห้ามอะไรเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันตื้อตันไปหมด ส่วนน้ำตาลเองก็ลุกขึ้นและโน้มใบหน้าเข้ามาอ่านข้อความไปพร้อมกับติณณ์
“ใครวะเนี่ย!” ติณณ์สบถออกมาทันที ฉันก็พอเดาได้แล้วว่าเขาน่าจะเลื่อนอ่านข้อความก่อนหน้านั้นด้วย
“แกว่าฉันควรไปดีไหม” ขอความเห็นจากเพื่อนแต่ใจของตัวเองตอนนี้ตัดสินใจไปแล้วว่าฉันควรจะไป
“ฉันว่าไปก็ดีนะมุก เอาให้รู้ชัด ๆ ไปเลยว่าสรุปเรื่องเป็นไง”
“อืม ฉันก็คิดแบบนั้น แล้วถ้า...” คำพูดหายไปดื้อ ๆ เมื่อนึกถึงสถานการณ์ถัดไปที่จะเกิดขึ้น “แล้วถ้าพี่เนย์เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ล่ะ”
นี่คือสิ่งที่ฉันกลัว กลัวว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงแล้วฉันจะต้องทำยังไงต่อ…
“เลิกดิ จะคบต่อให้โง่ทำไม!” เป็นเสียงของติณณ์ที่พูดโพล่งขึ้นเจือปนด้วยความหงุดหงิดที่สัมผัสได้
“จริงแก เลิกเลย แต่ก่อนเลิกแกต้องด่าพี่เขาก่อนนะ จะเลิกเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องด่าไอ้พี่เนย์ให้หายโมโหก่อน”
ครืด...ครืด...
โทรศัพท์สั่นด้วยสายที่โทรเข้ามา ติณณ์ส่งคืนกลับมาให้ฉันและก็เห็นว่าบนหน้าจอปรากฏรายชื่อของพี่เนย์ที่โทรหากัน
ฉันมองหน้าน้ำตาลและติณณ์ด้วยความลังเล แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าฉันควรจะรับสายและทำทุกอย่างให้เป็นปกติมากที่สุด
“ค่ะพี่เนย์”
[มุกอยู่ไหน พี่ไม่เห็นที่โดมเลย ไม่มาเฝ้าพี่เล่นบาสเหรอครับ]
“เอ่อ...มุกลืมบอกพี่เนย์เลยค่ะว่าวันนี้มุกต้องรีบกลับบ้าน ขอโทษด้วยนะคะ” รีบยกเรื่องโกหกขึ้นมาพูด ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่าแต่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากที่สุด
[ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ว่าอะไร]
“แล้วนี่พี่เนย์อยู่ไหนเหรอคะ อยู่ที่โดมเหรอ”
[ครับ อยู่ที่โดมนี่แหละ แต่คงแย่เลยไม่มีแฟนมานั่งรอเหมือนทุกวัน พี่คงไม่มีกำลังใจเล่น]
คำพูดหวานหูของเขายังน่าฟังชเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ทำไมฉันกลับไม่ได้หลงใหลหรือชื่นชอบมันแล้ว
แย่จัง...นี่ฉันตัดสินพี่เนย์ไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ความจริงงั้นหรอกหรือ
“ไว้พรุ่งนี้นะคะพี่เนย์ นี่มุกเองก็กำลังกลับ กลับพร้อมน้องชายน่ะค่ะ”
[โอเคครับ ไว้พี่ถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ]
“ค่ะพี่เนย์” ฉันทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะกดวางสาย จากนั้นก็กดเข้าจีพีเอสเพื่อค้นหาโลเคชันของโรงเรียนตามที่ข้อความนั้นส่งมาเพราะอยากพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าเรื่องทั้งหมดเป็นยังไงกันแน่
“เดี๋ยวติณณ์พาไป”
คำพูดนั้นทำฉันละสายตาจากหน้าจอมือถือ ตอนแรกก็เกือบจะปฏิเสธนั่นแหละ แต่คิด ๆ ดูแล้วถ้าหากติณณ์ไปด้วยก็คงดีไม่น้อย
เพราะถ้าพี่เนย์มีคนอื่นจริงฉันก็ยังมีคนอยู่ข้าง ๆ
“ฉันไปด้วยได้ไหม ฉันเองก็อยากรู้ว่าพี่เนย์เขาทำจริงหรือเปล่า”
“แกไม่ต้องรีบกลับบ้านเหรอตาล” ความจริงแล้วฉันก็อยากให้ตาลไปด้วย แต่ก็รู้ว่าที่บ้านของตาลให้คนขับรถมารับทุกวัน บางวันกลับช้าก็มักจะโดนดุ ฉันเลยไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหาเพิ่มน่ะ
“ก็จริง...”
“เดี๋ยวฉันโทรบอกแกเองตาล ไม่ต้องกลัว แกไม่พลาดเรื่องแน่นอน”
“แกอ่า เห็นฉันเป็นคนชอบเสือกเรื่องชาวบ้านไปได้ แต่ก็...จริงแฮะ ฉันอยากรู้มาก!”
“นั่นไอ้พี่เนย์นี่หว่า ดูนั่นดิมุก” ติณณ์พยักพเยิดไปยังทางเดิน ฉันเลยหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่เนย์ที่กำลังเดินไปทางนั้นซึ่งเป็นทางประตูหน้าของโรงเรียน แถมเขายังสะพายกระเป๋าเป้ไปด้วย
“พี่เนย์ไปไหนวะ เอากระเป๋าไปด้วยคงไม่ได้ออกไปซื้อน้ำหน้าโรงเรียนแหง!”
“นั่นสิ”
“ก็ตามดิครับ! ไปเร็วมุก เร็วดิเดี๋ยวไม่ทัน!”
