ประกาศครั้งที่สอง เสียงในห้องน้ำ [2/3]
ประกาศครั้งที่สอง
เสียงในห้องน้ำ [2/3]
ผีที่ไหนจะพูดออกมาได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้กัน
แบบนี้มันคนชัด ๆ แล้วดูท่าว่าจะถูกแกล้งขังในห้องน้ำด้วย!
ความหวาดกลัวเลือนหายไปเหลือเพียงความโกรธที่ค่อย ๆ ปะทุแทนที่ หากสิ่งที่ผมคิดคือเรื่องจริงก็ถือได้ว่าแม่งเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้
“เธอ! อยู่ห้องไหนอะ” เมื่อเดินเข้ามาห้องน้ำหญิงแล้วผมก็ตะโกนเรียกอีกครั้ง
ไม่รู้ว่านับเป็นความโชคดีได้หรือเปล่าที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำสักคน ไม่อย่างนั้นการที่ผู้ชายอย่างผมเข้ามาอยู่ในห้องน้ำหญิงคงทำให้คนอื่น ๆ แตกตื่นกันหมดแน่
“เราอยู่ห้องนี้ ช่วยเปิดประตูให้เราที”
เสียงผู้หญิงตะโกนตอบพร้อมกับการเคาะที่ประตูเพื่อบอกว่าตัวเองอยู่ห้องไหน ผมรีบเดินไปที่หน้าห้องนั้นทันที บริเวณที่จับประตูมีเชือกมัดคล้องกับช่องใส่แม่กุญแจ ปมเชือกถูกพันกันจนเป็นก้อนใหญ่ มองแค่นิดเดียวก็รู้ว่ามีคนตั้งใจไม่ใช่อุบัติเหตุที่ทำให้ประตูล็อกจากข้างนอกได้เองแน่
“แม่งยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่อีกเหรอวะ…รอแป๊บนะ มันมีเชือกผูกไว้อะ ขอแกะก่อน” ผมก่นด่าเป็นพรวนแต่ก็ไม่วายบอกกับคนด้านในถึงการช่วยเหลือ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากไม่มีคนผ่านมาได้ยินแล้วเรื่องมันจะเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าเธอคนนี้จะติดอยู่ในห้องน้ำไปทั้งคืนเลยหรอกหรือ
“แกะได้หรือยัง” คนด้านในเอ่ยถามเมื่อเห็นผมเงียบไป ซึ่งจังหวะนั้นผมก็แกะปมเชือกออกได้พอดีเลยทำให้ประตูเปิดออกแทนการให้คำตอบด้วยคำพูดที่เธออยากรู้
“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงทำหน้าตื่น ปากก็อ้าค้างด้วยความตกใจเมื่อประตูเปิดออกเผยให้เห็นผู้โชคร้ายที่ติดอยู่ข้างใน
“ติณณ์!”
“มุก! เกิดอะไรขึ้น!”
ใช่! คนที่ติดอยู่ข้างในคือม่านมุกพี่สาวของไอ้เมฆเพื่อนสนิทผมยังไงล่ะ!
นอกจากจะตกใจกับคนที่อยู่ข้างในแล้วก็เห็นจะเป็นสภาพเนื้อตัวของเธอที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเปียกซกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!
“ใครทำ!”
“ขอบคุณมากนะที่ช่วย พี่กลับก่อนนะ” มุกไม่ได้ตอบคำถาม เธอขอบคุณผมจากนั้นก็รีบก้าวเร็ว ๆ เดินออกจากห้องน้ำโดยวงแขนก็กอดกระเป๋าตัวเองไว้แนบอกเนื่องจากชุดนักเรียนของเธอเปียกไปทั้งหมด
ผมพยายามข่มกลั้นอารมณ์แล้วเดินตามเธอไป หยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองที่พับเก็บในกระเป๋าออกมาแล้วจัดการสวมร่างกายของเธอเอาไว้ จากนั้นก็รีบดึงกระเป๋าเธอมาถือไว้อย่างรวดเร็ว
“รูดซิปปิดไปเลย ส่วนกระเป๋าเดี๋ยวถือให้”
มุกหันมองผมคล้ายกับว่าลังเลใจ แต่มันก็เกิดขึ้นไม่นานเพราะหลังจากนั้นเธอก็ใส่เสื้อของผมคลุมร่างกายเอาไว้แล้วรูดซิปขึ้นมาบนสุด
“เดี๋ยวพี่ซักคืนให้นะ”
“ใครแกล้ง แล้วติดอยู่ในนั้นนานหรือยัง โดนแกล้งแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว” ผมไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เธอบอกแม้แต่นิดเดียว เพราะสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องที่เธอถูกแกล้งต่างหาก
นี่ไม่ใช่การแกล้งกันเล่น ๆ แต่มันรุนแรงมากเกินไป ขังคนคนหนึ่งไว้ในห้องน้ำแบบนั้นแถมร่างกายยังเปียกปอนไปทั้งตัวอีก และดูเหมือนว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่มุกโดนแกล้งด้วย
ดูจากสายตาก็รู้ว่าเธอตื่นกลัวมากแค่ไหน แต่ผมก็มองออกว่าเธอเจ็บช้ำเสียใจราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เธอเก็บสะสมไว้คนเดียวมานานแล้ว
“คงไม่ได้ตั้งใจน่ะ ช่างมันเถอะ ขอบคุณอีกครั้งนะ พี่ต้องรีบ...”
“งั้นก็ไปบอกไอ้เมฆ แล้วก็ไปบอกครูว่าโดนแกล้ง” ผมคว้าหมับจับที่ข้อมือของเธอแล้วออกแรงดึงเพื่อให้เธอเดินตามผมไป แต่ด้วยแรงต้านจึงทำให้ผมยอมปล่อย ซึ่งมันก็ไม่ผิดจากสิ่งที่ผมคิดไว้เพราะมั่นใจว่าเธอคงไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร
“ไม่เอา ไม่ไป อย่าบอกเมฆเลยนะ ปล่อยไปเถอะ”
“มุกจะปล่อยไปแบบนี้อะนะ เป็นอะไรอะมุก จะปล่อยให้ตัวเองถูกแกล้งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหรอ” ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอหรอกแต่จากท่าทางที่เห็นก็พอมั่นใจว่าเรื่องที่ถูกแกล้งคงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว
“ไม่อยากให้เมฆรู้ เดี๋ยวเมฆก็เป็นห่วง”
“แล้วไงอะ เป็นน้องก็ต้องเป็นห่วงพี่มันก็ถูกแล้วป้ะ ไปเดี๋ยวนี้ ไปบอกไอ้เมฆกัน” ผมจับข้อมือของมุกอีกครั้ง หมายมาดตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับเมฆ ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนจะทำอะไรได้บ้าง แต่มันก็ดีกว่าการที่เธอปล่อยเรื่องนี้ไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องอะไร
อย่างตอนที่เธอโดนลวนลามบนรถเมล์เธอก็ยังปล่อยเรื่องเงียบเก็บไว้คนเดียว ผมยังสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเธอมีปัญหาอะไรกันแน่ถึงไม่ยอมบอกใคร
“ไม่นะติณณ์ บอกแล้วไงว่าปล่อยไป พี่ไม่อยากให้เมฆรู้จริง ๆ ติณณ์ก็รู้นี่ว่าพี่กับเมฆอยู่ดูแลกันแค่สองคน พี่ไม่อยากให้เมฆต้องเป็นห่วง”
