บทที่ 7 บอดี้การ์ดจำเป็น
เชอแตมเดินไปนั่งที่เตียง ที่จริงเธอกะจะอ่านหนังสือทำรายงานต่อนะ แต่เขายังนั่งที่โต๊ะของเธอ เธอก็ไม่กล้าไล่เขาลุกขึ้นซะด้วยสิ ไม่ใช่สิ เธอไม่อยากไล่เขาต่างหาก
"ก็คุณไม่คิดจะทำร้ายฉัน ฉันก็ไม่รู้จะกลัวคุณทำไม"
เธอตอบคำถามเขา เขามองไปที่ประตูกระจกที่กำลังปิดสนิท เชอแตมลอบเห็นเขายิ้มนิด ๆ จากด้านข้าง
"แต่ผมทิ้งดิ่งคุณจากชั้นห้าลงไปด้านล่างนะ"
เชอแตมนึกถึงเรื่องนั้นแล้วถอนหายใจ เธอยอมรับว่าโกรธเขามาก แต่มันก็หายแล้ว
"แต่คุณก็ช่วยฉันไว้นี่" เธอบอกเหตุผล
"แล้วถ้าผมช่วยคุณไม่ทัน" เขาถามหันมามองหน้าเธอ แววตามีความนัย
เชอแตมอ้าปากค้าง เขาถามแบบนี้หมายความว่าไง เขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าช่วยเธอทันหรือเปล่างั้นเหรอ
"ฉันคิดว่าคุณไม่ทิ้งดิ่งฉันหรอก ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะช่วยฉันทัน"
อะไรสั่งให้เธอพูดออกไปแบบนี้ก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงเธอควรจะด่าหรือตำหนิเขา
อีธานยิ้มกริ่ม หันไปมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย
"เชื่อในตัวผมขนาดนี้ แสดงว่าหลงผมจนหัวปักหัวปำ"
เชอแตมอ้าปากค้าง เขาหลงตัวเองอีกแล้ว "นี่คุณ เลิกหลงตัวเองสักทีเถอะ น่ารำคาญจริง ๆ "
"ที่จริงตอนนั้นผมไม่มั่นใจหรอก แต่โมโหมากไป ได้สติก็ตอนที่คุณเกือบถึงพื้นแล้ว"
"อะไรนะ!" เชอแตมอ้าปากเหวอ เธอมั่นใจในตัวเขา แต่เขากลับบอกว่าแค่โมโหมากไปงั้นเหรอ "คุณมัน...ฉันเอาคำไหนด่าคุณดีเนี่ย มันคือความตายเลยนะนั่น"
อีธานยิ้มมุมปากให้เธอแบบไม่แยแส
"ถ้าคุณไม่ได้สติ แล้วฉันตายขึ้นมาจริง ๆ ทำไง" เชอแตมพูดด้วยความรู้สึกคุกรุ่น
"ผมก็แค่โดนจองจำ" เขาตอบ เชอแตมปล่อยเสียงเฮอะออกมา
"จองจำ คิดว่าตำรวจจะจับคุณได้งั้นเหรอ"
"ผมหมายถึงจองจำโดยเผ่าพันธ์ของผม"
เชอแตมเอียงคอสงสัย "แวมไพร์มีกฏหมายด้วยเหรอคะ"
"ใช่ กฎหมายแวมไพร์ห้ามทำร้ายมนุษย์ ห้ามดูดเลือดจนตาย โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่มีประวัติการทำความชั่ว แต่หากเผลอทำลงไปและมนุษย์คนนั้นบังเอิญมีประวัติเลว กฎหมายสามารถละเว้นโทษได้"
เชอแตมกำลังคิด "งั้น แสดงว่า คุณต้องไม่เคยทำร้ายมนุษย์งั้นสิ"
"เคย" เขาตอบ เชอแตมสะดุ้ง "แต่เป็นคนเลว"
"แต่ถึงเขาจะเป็นคนเลว คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตเขานะ"
"ผมไม่ได้ตัดสิน แต่ผมจำเป็นเพราะผมต้องช่วยคนดีจากคนเลวคนนั้น"
เชอแตมพยักหน้าเข้าใจ "แล้วอย่างนี้ คุณกินอะไรเป็นอาหารในเมื่อคุณดูดเลือดมนุษย์ไม่ได้"
"พลังชีวิตของมนุษย์และสัตว์ บางทีก็เลือดสัตว์"
เชอแตมจำได้ว่าเรื่องราวที่เขาบอกนี้มันปรากฏอยู่ในหนังสือตำนานแวมไพร์ที่เธอเคยนอนอ่านเล่นในห้องของเขา แต่ตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาให้อ่านสนุก ๆ แต่ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง
"แต่แวมไพร์อีกตัวมันจ้องจะทำร้ายฉันนะ มันไม่กลัวโดนจองจำเหรอ"
อีธานเงียบไป เธอรับรู้ได้จากสีหน้าของเขาว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างที่เคร่งเครียด
"มันคงไม่กลัว" เขาตอบ คล้ายพึมพำกับตัวเองมากกว่า
"ทำไมมันถึงไม่กลัว การจองจำไม่น่ากลัวงั้นเหรอ"
"เปล่า การจองจำน่ากลัว แวมไพร์ที่ไม่กลัวคือแวมไพร์ที่อาจจะเหนือกว่าแวมไพร์ทั้งหมด"
เชอแตมนิ่งเงียบ รู้สึกหดหู่ในทันที "นี่ฉันได้รับเกียรติถึงขนาดแวมไพร์ที่เหนือกว่าแวมไพร์ต้องการตัวเลยเหรอเนี่ย"
อีธานหัวเราะหึ "ดูดีมีระดับ"
เชอแตมหันขวับไปมองเขา ตีหน้างอน "ทำไมมันต้องการตัวฉันขนาดนี้ ฉันมีอะไรที่มันสนใจเหรอคะ ฉันเป็นคนนะ คนธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ"
"มันคงได้กลิ่นบางอย่างจากตัวคุณ"
เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น "หืม กลิ่น กลิ่นอะไร"
"กลิ่นคุณไม่อาบน้ำมั้ง"
เชอแตมถอนหายใจทางปาก สีหน้าระอา "นี่คุณ มันใช่เวลาเล่นมั้ย"
"ผมไม่ได้เล่น" เขาตอบหน้าตาย เชอแตมหมั่นไส้กับคำตอบเขานัก แต่เธอไม่อยากให้บทสนทนานี้มันวนเวียนซ้ำ ๆ เธอต้องพาไปเรื่องที่เธอต้องการให้ได้
"ทำไมคุณว่ามันได้กลิ่นอะไรจากฉัน ถ้ามันได้กลิ่นแสดงว่าคุณได้กลิ่นด้วยสิ งั้นแสดงว่าคุณต้องรู้สิว่ามันได้กลิ่นอะไร" เชอแตมเอ่ยสีหน้าเบิกบานในตอนท้าย
แต่อีธานกลับส่ายหน้าเบา ๆ ปฏิเสธ "เปล่าเลย ผมไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น"
"อ้าว! แล้วคุณรู้ได้ไงว่ามันได้กลิ่นจากฉัน"
"มันชื่อออสการ์..." เชอแตมเบิกตาโต เขาเริ่มเผยเรื่องราวให้เธอฟังแล้ว "เป็นลูกครึ่งแวมไพร์ พ่อเป็นแวมไพร์ แม่เป็นมนุษย์ ลูกครึ่งแวมไพร์จะมีความพิเศษเรื่องสัมผัสทั้ง 5 ตา หู จมูก ปาก สัมผัส และกลิ่นคงเป็นอย่างเดียวที่ทำให้มันสนใจในตัวคุณ"
"ออสการ์ ชื่อเพราะดีนี่" เธอพึมพำ
"หน้าตาก็หล่อวัวตายควายสะดุดขากันเองด้วย" เขาเสริม เชอแตมมองหน้าเขาตาดุ เขาพูดอย่างกับประชดประชันเธอ
"หล่อกว่าคุณแหละ" เธอประชดเขา แต่ในใจมันต่างกันลิบลับ "ตัวเองหล่อกว่าไม่รู้ตัวหรือไง"
อีธานยิ้มมุมปาก แต่คราวนี้เธอไม่สังเกตเห็น
"เขาเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ แล้วคุณล่ะ เป็นลูกครึ่งหรือเปล่า" เชอแตมถาม
"เปล่า ผมเป็นแวมไพร์เลือดแท้"
เชอแตมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ "ในเมื่อคุณเป็นแวมไพร์เลือดแท้ ฉันคิดว่าคุณน่าจะมีความพิเศษมากกว่าลูกครึ่งแวมไพร์สิ แต่ทำไมคุณถึงไม่มี"
อีธานทำท่าทางเหมือนพ่นลมหายใจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หายใจ "ผมมีความพิเศษมากกว่านั้นอีก" เขาคิดในใจ
"แวมไพร์เลือดแท้จะมีพลังมากกว่าแวมไพร์ลูกครึ่ง ส่วนความพิเศษของแวมไพร์เลือดแท้ก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องสัมผัสทั้งห้า"
"แล้วมันคืออะไร" เชอแตมตั้งตารอคอย
"ผมว่าคุณรู้เยอะไปแล้วนะ" อีธานแขวะเธอ เชอแตมทำจมูกบานไม่พอใจ
"ก็ไหน ๆ คุณก็เล่าแล้ว ทำไมไม่เล่าให้หมดล่ะ"
"บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นะ"
"เป็นความลับอะไรนักหนานะ" เธอโวยวายในใจ ตัดสินใจไม่เซ้าซี้ เพราะเธอค่อยถามเขาใหม่ในเวลาที่เขาอยากเล่าก็ได้
"นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่เข้าใกล้ฉัน ทุกทีที่คุณอยู่ใกล้ ๆ "
อีธานพยักหน้าเบา ๆ ส่ง ๆ "ผมว่าคุณนอนได้ละ นอนดึกทุกคืนแบบนี้ ไม่รู้สึกเพลียบ้างเหรอ"
"นั่นแน่ เป็นห่วงฉันล่ะสิ" เชอแตมแซวเขาเป็นครั้งแรก เอ๊ะ! เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสนิทกับเขาแล้ว อีธานไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่นิดเดียว เขากลับทำหน้าเรียบเฉย ราวกับว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย
เขาส่ายหน้าเบา ๆ เชิงระอา "ตรงไหนที่แสดงว่าผมเป็นห่วงคุณ"
เชอแตมทำปากโค้งงอน ร้องชิใส่เขา "ตรงไหนที่แสดงว่าผมเป็นห่วงคุณ ตรงนี้ไงคะ ตรงที่คุณมาหาฉันที่ห้องนี่ไงคะ" เธอเลียนเสียงเขา และตอบคำถามเชิงกระแดะใส่เขา เธอยิ้มเยาะเมื่อพูดจบ
อีธานมองหน้าเธอด้วยแววตานิ่งดุ "ผมไม่อยากเป็นแวมไพร์ที่ได้ชื่อว่ามีจิตใจอำมหิต รู้ทั้งรู้ว่ามนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนปองร้าย แต่กลับเพิกเฉย ไม่ไยดี"
คำตอบของอีธานทำให้เชอแตมยิ่งหมั่นไส้เขาขึ้นไปอีก "ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ เลย นอกจากมนุษย์ที่ปากไม่ตรงกับใจแล้ว แวมไพร์มันเป็นเหมือนกันหรือเปล่านะ"
อีธานกระดกมุมปากนิดหนึ่ง เขาลุกขึ้นยืนเอามือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง
"สักวันฉันจะเข้าไปในห้องคุณ แล้วตัดถุงกางเกงออกให้หมดเลย" เชอแตมนึกด้วยความหมั่นไส้กับท่าล้วงกระเป๋าของเขา มันเท่ห์จนเธอก็ปฏิเสธไม่ได้
อีธานยิ้มกว้างแต่ไม่เห็นฟัน เขาเสมองไปทางอื่น เชอแตมสงสัยว่าเขายิ้มอะไร
อีธานเดินเข้ามาใกล้เธอที่ยังนั่งอยู่ที่เตียง เชอแตมมองเขาด้วยแววตาหวาดระแวง เขามายืนค้ำหัวเธอจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเขาก็ค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธอ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามเธอก่อนหน้านี้ว่า
"ก็อ่านใจผมให้ได้สิ"
เขาพูดให้เธอสงสัยแล้วเดินจากไปเงียบ ๆ เชอแตมมองเขาที่กำลังจะเดินออกไปทางระเบียง
"แล้วนั่นคุณจะไปไหน" เชอแตมตะโกนถาม น้ำเสียงเป็นกังวล
"แล้วคุณจะให้ผมนอนกับคุณหรือไง"
เชอแตมหุบปากฉับ นั่นสิ เขานอนกับเธอไม่ได้นี่
แต่เอ๊ะ! แวมไพร์ต้องนอนด้วยเหรอ
"แล้วคุณต้องนอนด้วยเหรอ"
"หลับไปเถอะน่ะ ผมไม่ไปไหนไกลหรอก" พูดจบเขาก็เปิดประตูออกไปข้างนอก "ตอนมาประตูปิด ก็เข้ามาได้ ตอนออกไปทำไมต้องเปิดประตู" เธอคิดในใจ แต่แค่คำพูดสุดท้ายของเขา มันกลับทำให้เธอรู้สึกว่าคืนนี้คงหลับฝันดี
อีธานออกมายืนนิ่งอยู่ริมระเบียง เขามองลงไปบนพื้นถนนด้านล่าง นึกถึงเมื่อคืนที่เขาทิ้งดิ่งเธอลงไป
"ผมมีสติดี" เขาพึมพำกับตัวเองเพียงลำพัง
เชอแตมตื่นขึ้นมาแต่เช้าแม้จะนอนหลับไปตอนเกือบจะตีหนึ่งแล้ว แต่เธอกลับรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนอีธานอยู่เป็นเพื่อนเธอนี่ เธอเลยรีบวิ่งออกไปที่ระเบียง กวาดสายตาหาเขาจนทั่ว "ป่านนี้คงกลับห้องแล้วแหละ" เธอถอนหายใจแล้วกลับเข้าในห้อง อาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียน
เชอแตมนั่งดื่มน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ที่ร้านของพี่นุกนิกด้านล่างหอพัก พี่นุกนิกแกช่างขยันเกินคน นอกจากดูแลหอพักแล้ว นางยังเปิดร้านขายของภายในหอพักอีก และไม่ได้บ่อยนักที่เชอแตมจะได้มีเวลาลงมานั่งทานอาหารเช้าแบบนี้
"แตม พี่อยากจะคุยกับเราตั้งแต่เมื่อวานละ แต่ไม่มีเวลาได้เจอกันเลย"
พี่นุกนิกเดินเข้ามาหาและนั่งพูดคุยด้วย "มีอะไรเหรอคะพี่นุกนิก"
"เมื่อสองคืนก่อนน่ะสิ คนในหอพักเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันเลย ว่าได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงกรีดร้องเสียงดังตอนประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ แถว ๆ ห้องของเราน่ะ"
เชอแตมสำลักปาท่องโก๋ที่กำลังจะกลืนลงไปทันที จนต้องรีบควานหาน้ำดื่ม พี่นุกนิกรีบลูบหลังให้เธอ "ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ กิน" พี่นุกนิกว่า
เชอแตมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เสียงกรีดร้องนั่นมันก็เสียงเธอนั่นแหละ "อีธาน คุณคนเดียวเลย"
"แล้วยังไงคะพี่นุกนิก"
"พี่อยากถามว่าเราได้ยินอะไรหรือเปล่า"
เชอแตมอ้าปากค้างเติ่ง สมองกำลังคิดแก้ตัว "เอ่อ! สองคืนก่อนเหรอคะ ได้ยินสิคะ ได้ยิน"
ถ้าตอบว่าไม่ได้ยิน เธอต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแน่ ๆ เพราะเธอชอบออกไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืน ถ้าไม่ออกไปก็มักจะนอนดึก
"เสียงเป็นยังไงเหรอ พี่บอกตรง ๆ นะ พี่กลัวคนจะย้ายออกจากหอไปน่ะ ตอนนี้มีห้องนึงเก็บของขอย้ายออกแล้ว"
เชอแตมอ้าปากเหวออีกครั้ง นึกคาดโทษอีธานขึ้นมา เสียงเธอทำให้คนย้ายออกเลย มันเป็นเรื่องดราม่าที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว ขนาดเรื่องแวมไพร์มันยังไม่ดราม่าเท่านี้
"ก็เสียงกรีดร้องน่ะค่ะ แตมว่ามันน่าจะเป็นเสียงของใครสักคนที่เขาอกหักแล้วยืนกรีดร้องริมระเบียงมั้งคะ"
พี่นุกนิกถอนหายใจเอามือเท้าคาง "สองคืนมานี่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นกับหอเราเยอะเลย ตั้งแต่เช้ามาพี่ได้ยินเสียงคนซุบซิบกันให้แซ่ด"
"มีเรื่องอะไรมากกว่าเสียงกรีดร้องอีกเหรอคะ"
"ก็มีห้องข้าง ๆ ห้องเธอน่ะแหละ บอกว่าเห็นเงาผู้ชายมายืนที่ระเบียง พอมองไปอีกทีก็กลับไม่เจออะไรแล้ว ตอนแรกคิดว่าตาฝาด แต่อีกคืนถัดมาก็เจออีก แต่เขายังไม่ย้ายออกหรอกนะ โชคดีที่ค่าหอพี่ถูกที่สุดแล้ว แล้วเขาก็ไม่มีตังค์พอให้ฟุ่มเฟือยไปกับหอพักแพง ๆ ที่อื่น"
เชอแตมถอนหายใจ จากที่หิว ๆ ตอนนี้กลับไม่หิวไปโดยปริยาย เธอไม่แน่ใจว่าเงาผู้ชายที่ข้างห้องเธอเห็น คืออีธานหรือว่าออสการ์กันแน่ หรือว่าทั้งสองคน
"หอพี่นุกนิกก็ไม่เคยมีประวัติอะไรแบบนี้นี่คะ ไม่เคยมีใครตาย ไม่เคยมีอาชญากรรม น่าอยู่จะตาย แตมว่าเขาคงตาฝาดกันแหละค่ะ ไม่มีอะไรหรอก แตมยังอยู่ได้สบายใจเลย ไม่เคยเห็นอะไร ไม่เคยเจออะไร"
ใช่สิ ก็เธอมันต้นเหตุนี่ เลยต้องพูดในเชิงบวกหน่อย
"พี่ก็มั่นใจนะว่ามันไม่มี แต่คนพูดกันเยอะ จากบางคนที่ไม่คิดอะไร เริ่มมีคิดกันบ้างละ"
"เดี๋ยว เขาก็ลืม ๆ กันไปเองแหละค่ะ เชื่อแตมสิ ไม่มีอะไรหรอก"
พี่นุกนิกถอนหายใจ พยักหน้าเบา ๆ มีลูกค้ามายืนรอซื้อของ เธอจึงลุกขึ้นไป
เชอแตมเดินไปมหาวิทยาลัย ตั้งแต่เจอพวกแวมไพร์สมองของเธอก็ไม่เคยหยุดคิดได้สักที ถ้าเรื่องมันยังเป็นอยู่แบบนี้ มีหวังข้างห้องเธออาจจะได้เจอออสการ์ ไม่ก็อีธานแบบเต็ม ๆ ตัวแน่ ทีนี้แหละได้พากันย้ายออกหมดทั้งหอพัก
เชอแตมเข้าไปทำรายงานในห้องสมุดหลังจากหมดคาบเรียนแล้ว เหลือเวลาอีกสามวันที่จะถึงกำหนดส่งรายงานที่เธอต้องทำเพียงคนเดียวทั้งคลาส จะอะไรซะอีกล่ะ เผลอหลับในห้องเพื่อนปลุกก็ไม่ตื่น อาจารย์เลยสั่งงานให้พิเศษซะเลย ดีแค่ไหนที่อาจารย์ไม่เรียกไปตำหนิหลังจากตื่นแล้ว
เธอลุกขึ้นจากโต๊ะไปหาหนังสือประกอบการทำรายงานเพิ่มเติม ทั้งที่มือยังถือปากกาอยู่ เมื่อได้หนังสือเล่มหนึ่งที่พอใจแล้วก็เดินกลับมาที่นั่ง ระหว่างเดินก็ก้มลงมองเนื้อหาหนังสือในมือพลาง ๆ
ตึก!
เธอเดินชนเข้ากับใครบางคนจนตัวเองต้องล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนคู่กรณีไม่ได้ล้มลงไป แต่หนังสือในมือเขาหล่นลงบนพื้นตามเธอมา
"ขอโทษค่ะ" เชอแตมรีบเอ่ยขอโทษยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เธอตะลีตะลานเข้าไปเก็บหนังสือให้เขา ในขณะที่เขาก็นั่งยอง ๆ ลงเก็บหนังสือด้วยเช่นกัน
"ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษเหมือนกัน" เขาเอ่ย เชอแตมเงยหน้ามามองเขา
"ป้าด! หล่ออ่ะ" ผู้ชายตรงหน้าผิวขาวใสแบบสุขภาพดี หน้าตาค่อนไปทางตี๋ แต่ไม่ตี๋จัดจนเกือบจะมองว่าเป็นผู้ชายนะยะ "คิดว่าดาราเลยนะเนี่ย" ตั้งแต่เจอแวมไพร์มานี่ ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเจอแต่ละคนพระเจ้าช่างปั้นลงมาจริง ๆ
"อุ้ย! เสื้อคุณ เลอะหมึกปากกาของฉันด้วยนี่คะ" เชอแตมเห็นรอยปากกาเป็นทางยาวบนเสื้อนักศึกษาของเขา เขาก้มลงไปมองตาม แล้วเงยหน้ามายิ้มให้เธอพร้อมทั้งยืนขึ้น
"ไม่เป็นไรครับ รอยแค่นี้ เดี๋ยวซักก็ออกละ" เขาเอ่ยนุ่ม ๆ
เชอแตมเห็นผู้ชายคนนี้แล้วพาลให้นึกถึงอีธานขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก เขาไม่ได้มีอะไรเหมือนกัน ต่างคนต่างดูดีและเท่ห์ไปคนละแบบ อีกอย่างอีธานยิ้มกว้างยากจะตาย แต่ผู้ชายคนนี้ดูก็รู้ว่ายิ้มง่าย แต่ทำไมเธอถึงได้เอาไปเทียบกับอีธาน
"ไม่แน่นะคะ หมึกปากกาแบบนี้ อาจจะไม่ออกก็ได้ ฉันเอาไปซักให้ดีกว่าค่ะ" เธอขันอาสารับผิดชอบ
ชายหนุ่มอมยิ้มให้เธอ "เอ่อ คุณเอาไป แล้วผมจะใส่อะไรล่ะครับ"
เชอแตมอ้าปากเหวอ "อ้อ เออ จริงสิ ฉันลืมไปเลย" เธอเกาหัวแกรก ๆ "แหม นี่กะจะดูซิกแพคเขางั้นเรอะไอ้แตม" เธอนึกขบขันในใจ"งั้น เอาแบบนี้ดีกว่า คุณใส่เสื้อไซส์อะไรคะ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่"
ชายหนุ่มยิ้มแกมหัวเราะ "ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ ไม่เป็นไร ๆ ผมมีเสื้อหลายตัว"
"ไม่ได้ค่ะ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ฉันซุ่มซ่ามไม่มองทางจนชนคุณ แถมเอาปากกาไปขีดเสื้อคุณอีก เอาเป็นว่าฉันจะซื้อเสื้อมาให้คุณนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ" เขามองนาฬิกาข้อมือ แล้วเงยหน้ามามองเธอ "ผมต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ" เขายิ้มให้เธออีกครั้ง
"แต่คุณคะ..." เชอแตมห้ามเขาไม่ทัน เธอยืนทำปากจู๋ ยังไงเธอก็ยังคิดว่าต้องซื้อเสื้อตัวใหม่ให้เขาให้ได้ "แต่ชื่อก็ยังไม่ได้ถามเลย"
เชอแตมกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำก่อนเลยเป็นอย่างแรก ได้ไงล่ะ ไม่รู้อีธานจะโผล่มาอีกตอนไหน ถ้าไม่รีบอาบมีหวัง คราวนี้อาจจะเป็นกางเกงชั้นในที่หล่นตรงหน้าเขา บรื๋อ! แค่คิดเธอก็อายแทบแทรกแผ่นดินหนีอีกแล้ว
ระหว่างที่รออีธานเธอก็นั่งทำการบ้าน ทำงานของตัวเองไปพลาง ๆ วันนี้เธอแง้มประตูกระจกตรงระเบียงไว้นิด ๆ เผื่อเขามาจะได้เปิดประตูให้เธอได้รู้บ้าง จะได้ไม่ต้องตกใจมากนัก
เชอแตมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เที่ยงคืนครึ่งแล้ว อีธานยังไม่มา เธอหันไปมองที่ประตูกระจกตรงระเบียง มันมีอะไรผิดสังเกตไป
"เอ๊ะ! เราว่าเราแง้มนิดเดียวเองนะ ทำไมมันกว้างออกเยอะจัง" เชอแตมลุกขึ้นยืนหวังจะเดินไปดู เมื่อใกล้จะถึงประตู เธอต้องสะดุ้งตกใจแทบหมดสติเมื่อประตูขยับปิดเข้าหากันดังปึ้ง! โดยที่ไม่มีใครปิดมัน! โชคดีที่มันไม่แตกไม่ร้าว
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น เงาในประตูมันสะท้อนให้เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ! เชอแตมหันขวับไปมองเขาแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น
"ออสการ์! " เธออุทานเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจกลัว "อีธานช่วยฉันด้วย คุณอยู่ไหน" ภายในใจร้องหาอีธาน
ออสการ์ยืนแสยะยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หน้าตาดีแต่จิตใจคงจะโหดเหี้ยมน่าดู สังเกตได้จากแววตาที่ไม่มีแววปราณีเลย
เชอแตมก้าวถอยหลังช้า ๆ หวังว่าเธอได้ชนเข้ากับประตูกระจกแล้วรีบหันหลังเปิดมันเผ่นแน่บออกไปทางระเบียงได้ ต่อให้ตกระเบียงลงไปตาย มันก็ยังดีกว่า
แต่ออสการ์ไม่ปล่อยให้เธอทำแบบนั้น มันเข้าถึงตัวเธอในแบบที่อีธานเคยทำกับเธอ แต่ความไวของมันไม่เท่าอีธานที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามาบังตัวเธอไว้ได้ทัน เชอแตมผงะเมื่อเห็นแผ่นหลังเขาอยู่ตรงหน้า เธอยังไม่ชินกับการแวบไปแวบมาของแวมไพร์หรอกนะ
เชอแตมแง้มมองออสการ์จากข้างหลังเขา มันแยกเขี้ยวขาวจั๊วะใส่อีธาน แล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตาเธอ
ยังไม่ได้เจรจาอะไรกันเลย มันก็หายไปซะแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก
เชอแตมถอนหายใจโล่งอก อีธานหันหน้าช้า ๆ มาหาเธอ สีหน้าเขานิ่งเฉยราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
"มันทำอะไรคุณบ้างหรือเปล่า" เชอแตมมองหน้าเขา คำถามไม่เข้ากับสีหน้าตอนนี้ของเขาเลย
"เปล่าอ่ะ คุณมาทัน"
อีธานพยักหน้าเบา ๆ
"ทำไมวันนี้คุณมาช้า หรือคุณคิดจะไม่มา" เชอแตมถาม ในใจรู้สึกหงุดหงิดเมื่อคิดว่าเขาอาจจะไม่มา
"ผมอยู่แถว ๆ นี้แหละ แค่ไม่อยากเข้ามา"
เชอแตมขมวดคิ้ว รู้สึกน้อยใจ "ไม่อยากมาดูแลกันแล้วเหรอ เห็นมั้ย เมื่อกี๊มันเข้ามาจะทำร้ายฉันเลย"
"ไม่ได้บอกว่าจะไม่ดูแล แค่บอกว่าไม่อยากเข้ามา แล้วอีกอย่างผมบอกว่าผมอยู่แถว ๆ นี้ หูตึงเหรอ" เขาถามเรียบ ๆ ไม่ได้ใส่อารมณ์ แต่มันช่างเจ็บแปลบไปถึงหัวใจเชอแตม เธอเม้มปากแน่น เขาชอบเหน็บด่าเธออยู่แบบนี้เสมอ ๆ เลย
"อยู่แถว ๆ นี้ แถวนี้ของคุณน่ะ มันกี่กิโลกัน ออสการ์มันถึงเข้ามาหาฉันได้"
อีธานเอามือล้วงกระเป๋า มองหน้าเชอแตมนิ่ง "นี่งอนเหรอ" เขาถามหน้านิ่ง เชอแตมสะบัดหน้าหนี เอามือกอดอก
"ดูใจเย็นเหลือเกินนะ ฉันเกือบโดนมันทำร้ายแล้วแท้ ๆ "
"แล้วผมมาทันหรือเปล่า"
เชอแตมถอนหายใจมองหน้าเขาด้วยสีหน้างอน ๆ เธอเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือของตัวเอง เขานี่ง้อผู้หญิงไม่เป็นเลยหรือไงนะ พูดให้สบายใจซักนิดก็ไม่มี
ไม่ง้อเปล่า เขายังจะเดินออกไปที่ระเบียงอีก เชอแตมรีบรั้งเขาไว้ทันที
"แล้วนั่นคุณจะไปไหน" เธอถามท่าทางกึ่งยืนกึ่งนั่ง
"อยู่นี่ อย่าออกมาข้างนอก" เขาบอกทั้งที่ยังหันหลังให้เธอ แล้วเดินไปริมระเบียง ครู่หนึ่งก็กระโดดแผล็วหายไปจากตรงนั้น
"ตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังหนีไปดื้อ ๆ อีก คนใจร้าย เอ๊ย! ไม่ใช่สิ แวมไพร์ใจร้าย นี่จะปล่อยให้ออสการ์มันเข้ามาได้อีกใช่มั้ย นี่อยากให้ฉันตายมากเลยใช่มั้ย"
พูดจบก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เอามือกอดอก อารมณ์จะทำการบ้านอ่านหนังสือก็ไม่มีแล้ว เธอไปนอนคว่ำหน้าบนเตียง น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาได้ไง ออสการ์ก็ออสการ์เถอะ จะมาก็มา ไม่กลัวมันแล้ว เจ้าหล่อนนึกน้อยใจอีธานจนกระทั่งตัวเองผล็อยหลับไปทั้งที่ยังนอนหน้าคว่ำอยู่แบบนั้น
