At midnight ปาฏิหาริย์รักแวมไพร์

386.0K · จบแล้ว
หนึ่งน้ำทิพย์
103
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"คุณนี่ได้เปรียบทุกอย่างเลยนะ" อีธานเอ่ยขึ้นมา "ตบผมไม่พอ ยังจูบผมเองอีก"เชอแตมแก้มแดงแป๊ด"ผมกำลังนับหนึ่งถึงร้อย ถ้าคุณไม่ทำอะไร ผมก็จะพาคุณลงไปอยู่แล้ว ผมนับได้เก้าสิบเก้า ก็โดนคุณจูบเสียก่อน"

นิยายรักโรแมนติกนิยายแอคชั่นนิยายผจญภัยนิยายสืบสวนสอบสวนแวมไพร์จอมมาร

บทที่ 1 หนุ่มปริศนาในเวลาเที่ยงคืน

ท้องฟ้าที่มืดสนิทในยามเที่ยงคืนเป็นอะไรที่ดึงดูดใจ 'เชอแตม' หญิงสาววัยยี่สิบปีให้อยากออกไปเดินเล่น เธอไม่รู้ซึ่งเหตุและผลของหัวใจตัวเองที่อยากเดินอยู่ท่ามกลางท้องถนนไร้ซึ่งผู้คนและมีเพียงแสงดาวกับท้องฟ้าสีดำทมิฬเท่านั้น ทว่ารับรู้อยู่เต็มอกว่าการออกไปเดินเล่นในเวลาแบบนี้ ไม่ใช่วิสัยที่คนส่วนใหญ่จะเป็นกัน โดยเฉพาะป๊อบคอร์นเพื่อนรักของเธอที่มักจะดุทุกทีที่รู้ว่าเธอออกไปเดินเล่นในยามวิกาลเช่นนั้น

ไม่มีใครนอกจากเพื่อนรักและคนใกล้ตัวที่ค่อนข้างสนิทด้วย รู้ว่าเชอแตมเป็นคนที่ชอบการเดินเล่นคนเดียวในเวลาเที่ยงคืนมาก ไม่ว่าเพื่อนรักอย่างป๊อบคอร์นจะห้ามปราม ข่มขู่สักเพียงใดเธอก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ออกไปได้สักที จนป๊อบคอร์นต้องหาวิธีห้าม โดยการโทรศัพท์มาหาเชอแตมในเวลาเที่ยงคืนบ่อย ๆ เพื่อตรวจสอบว่าเพื่อนรักของเธอยังอยู่ที่ห้องหรือเปล่า ซึ่งเชอแตมไม่สามารถโกหกป๊อบคอร์นได้เลย เพราะป๊อบคอร์นมักจะขอฟังเสียงพัดลมตัวเก่าที่เมื่อถูกเปิดให้ส่ายหน้าไปมาจะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังอยู่ตลอดเวลา หนำซ้ำเพื่อนรักของเธอยังจำเสียงเอี๊ยดอ๊าดของพัดลมตัวนั้นได้แม่นยำราวกับว่าเป็นเสียงตัวเองที่สำคัญเชอแตมคงไม่หอบพัดลมตัวนี้ที่มีขนาดความสูงหนึ่งพันกว่ามิลลิเมตรออกไปเดินเล่นด้วยแน่นอนถ้าเชอแตมสามารถหอบไปได้ ป๊อบคอร์นคิดอย่างเดียวคือต้องพาเพื่อนไปโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

เชอแตมอยากจะเอามันไปทิ้งตั้งหลายหน แต่ก็ไม่เคยชนะเสียงทัดทานจากเพื่อนรักแปดหลอดได้ และบางครั้งระหว่างที่คุยกันทางโทรศัพท์ป๊อบคอร์นก็จะให้เธอเปิดมือถือทิ้งไว้จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะหลับไป ถ้าหากเชอแตมขัดขืนคำสั่ง บทลงโทษก็คือเสียงหวีดสยองจากปลายสาย เสียงเล็กแหลมยิ่งกว่าสุภาพสตรีอ้วนผู้อยู่ในรูปภาพทางเข้าหอคอยบ้านกริฟฟินดอร์ในแฮร์รี่พอตเตอร์ เจ้าหล่อนจะแว้ดใส่เธอทันทีที่รู้ว่าเธอออกไปเตร็ดเตร่ยามเที่ยงคืนแบบนั้น มันก็พอทนได้อยู่หรอกสำหรับการนั่งฟังเพื่อนสนิทที่รู้นิสัยใจคอของเธอเป็นอย่างดีเพียงคนเดียวตลอดทั้งวันเมื่อเจอหน้ากัน หากแต่หูและสมองของเธอก็มีขีดจำกัดในการรับข้อมูลข่าวสารหรือคำดุด่าว่ากล่าวตักเตือนของเจ้าของเสียงที่แสนจะทรมานแก้วหูยิ่งกว่าเสียงนกหวีด

ถึงแม้ว่าการนั่งฟังเพื่อนรักหวีดสยองมันคือความทรมานมากแค่ไหน แต่มันก็เทียบไม่ได้กับความทรมานที่ต้องอดกลั้นไม่หยิบกุญแจห้อง เสื้อกันหนาว แล้วเดินพ้นประตูมุ่งหน้าสู่ราตรีกาลอันมีมนตร์เสน่ห์สำหรับจิตใจเธอ

เชอแตมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ชอบออกมาเดินเล่นเวลาเที่ยงคืนนัก ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่ามันเป็นเวลาของมิจฉาชีพที่จะออกมาหากินด้วยวิธีการอันตรายทั้งหลาย แต่ก็นั่นแหละเธอแพ้ใจตัวเองแทบจะตลอดเวลา แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ระวังตัวเองอยู่เสมอเช่นกัน จึงเลือกเดินเล่นในที่ที่มีผู้คนเดินอยู่บ้างประปราย หากแต่เดินนาน ๆ เข้าก็มักโผล่ไปในที่ปลอดคนทุกครั้ง เพราะที่นั่นเธอมักจะได้เจอกับใครคนหนึ่งที่แสนจะมีอิทธิพลต่อหัวใจตัวเองถึงขนาดที่ลงแดงได้หากไม่ออกมาเจอ

"คืนนี้ เขาจะออกมาอีกมั้ยนะ" เชอแตมพึมพำกับตัวเอง

เจ้าหล่อนชะเง้อคอมองไปยังทางเท้าฝั่งตรงข้ามของถนน มองหาชายหนุ่มที่มักสวมฮูดคลุมศีรษะมิดชิด สองมือมักสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำเป็นประจำ ร่างของเขาสูงโปร่งราวกับนายแบบ และมักจะเดินด้วยท่วงท่าที่เท่ห์จนทำให้เชอแตมแทบจะหลอมละลายลงไปบนถนน เธอมักจะแพ้ให้กับผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายที่มีความเท่ห์แบบธรรมชาติ แบบไม่แสร้งทำ เท่ห์แบบฉลาด ท่าทีดื้อรั้น เท่ห์แบบที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเท่ห์ และหนุ่มคลุมฮูดคนนี้ก็เท่ห์ในแบบที่เธอชอบ

และในที่สุดเธอก็เจอกับเขาอีกจนได้ เขากำลังเดินอยู่บนทางเท้าตรงข้ามฝั่งถนนในทิศสวนทางกัน เชอแตมหยุดยืนนิ่งไม่ยอมเดินต่อ เนื่องจากอยากมองเขานาน ๆ เพราะหากเธอเดินด้วยเขาก็จะเดินเลยเธอไปเร็วขึ้น

ฉันอยากเห็นหน้าคุณจังเลย เชอแตมนึกในใจ

ทันใดนั้นเองที่เธอรู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเสียงในความนึกคิดของเธอ เพราะเขากำลังหยุดนิ่งและมองมาทางเธอ ใจเชอแตมเต้นกระตุก เธออ้าปากค้างแล้วรีบหันหน้ากลับมาเพื่อหลบสายตาเขา ถึงแม้ว่าอยากเห็นหน้าใจจะขาดแต่ก็มีรังสีบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้เธอกลัว ใจก็อยากจะหันหน้ากลับไปอีก หากแต่ความไม่แน่ใจก็ทำให้เธอรู้สึกสั่น ๆ กระวนกระวายจนตัดสินใจไม่ถูก ซึ่งความกังวลนั้นกินเวลานานเกินครึ่งนาที กว่าเธอจะทำตามความต้องการของใจตัวเองอีกครั้งโดยการหันไปมองเขา

"หะ...หายไปไหนแล้ว! "

ใจเชอแตมตกวูบเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้นอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามอีกแล้ว แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอ!

เพราะความตื่นตระหนกทำให้เชอแตมต้องอาศัยการหายใจทางปาก ชายหนุ่มที่เธอมักจะเจอทุกค่ำคืนยามเธอออกมาเดินเล่นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเธอ

แรกเริ่มที่ได้พบเขา เธอต้องมนตร์เสน่ห์ของเขาจากท่าทางการเดินเท่านั้น มันสามารถหยุดการหายใจของเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนั้นเธอมองจนกระทั่งเขาเดินห่างไปจนสุดสายตา เพียงแค่ท่าทางการเดินมันก็ชนะใจเธอไปเกินครึ่งแล้ว ก็น่าคิดเหมือนกันว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่หลงชอบผู้ชายคนหนึ่งได้เพียงแค่ท่าทางการเดินได้อย่างเธอ

เชอแตมไม่เคยเห็นใบหน้าเขาชัดเลยสักครั้ง เพราะเขามักจะสวมฮูดปกปิดมิดชิดประกอบกับความมืดในยามราตรี เลยทำให้เธอเห็นเพียงสันจมูกที่โด่งเลยฮูดออกมานิด ๆ

แต่เวลานี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอระยะห่างกันเพียงสามเมตร ทว่าก็ยังไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาชัด ๆ อยู่ดี เพราะเขากำลังก้มหน้าและฮูดก็ตกคลุมศีรษะเขาอยู่ เชอแตมรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงเป็นจังหวะดนตรีร๊อคแบบไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะกลัวหรือเพราะอะไรกันแน่

จังหวะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้เธอ

ใกล้เธอ…

และใกล้เธอ…

จังหวะการเต้นของหัวใจเชอแตมก็แรงขึ้น ๆ ตามฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาของชายหนุ่ม จากที่ห่างกันสามเมตรมันก็เหลือเพียงครึ่งเมตรเห็นจะได้ ชายหนุ่มยังก้มหน้าอยู่ ส่วนเชอแตมยังคงหายใจทางปากเป็นจังหวะถี่ ๆ จนอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด

'ทำไมเราถึงได้...รู้สึก...กลัวเขาขนาดนี้' ความคิดในใจผุดขึ้น

หากเป็นโรคหัวใจอยู่ ไม่วายเธอคงช็อกตายคาที่ไปแล้ว

ในที่สุดชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ในระยะใกล้กันขนาดนี้เป็นไม่ได้ที่เธอจะเห็นหน้าเขาไม่ชัด เชอแตมเบิกตาโต ตกใจทันทีที่ได้เห็นใบหน้าคมนั้นชัดเจน

เขาหล่อมากราวกับเป็นเทพมากกว่าเป็นมนุษย์ หรือเขาอาจจะเป็นเทวดาตกสวรรค์ ลงมาเดินเตร็ดเตร่หลงทางบนมิติของโลกมนุษย์ แต่มองยังไงเขายังมีเนื้อหนังแบบมนุษย์ รูปลักษณ์ของเขาน่าจะเป็นลูกครึ่งไทยปนเชื้อชาติอะไรสักอย่างแถบยุโรป จมูกโด่งรับกับใบหน้าที่คมสัน ริมฝีปากหยักได้รูป แต่ที่ไม่ทำให้เขามีเสน่ห์ และไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิดคือ

ดวงตาของเขา!

มันดูร้ายกาจและเหี้ยมโหด ความลุ่มลึกที่จ้องมองเธอด้วยแววอยากจะกินเลือดกินเนื้อมากกว่าอยากทำความรู้จักเฉย ๆ เชอแตมค่อนข้างมั่นใจว่านั่นไม่ใช่แค่แววตาข่มขู่ แต่เป็นแววตาที่เอาจริง!

พลันความรู้สึกหนึ่งที่อาจจะอยู่ในจิตใต้สำนึกลึกลงไปมาก ๆ ตะโกนบอกกับเธอว่า ไม่ใช่เขา! ไม่ใช่เขาที่เธอเจอทุกคืน!

และเป็นเวลาเดียวกับที่สมองก็สั่งให้เธอ วิ่ง! ซึ่งฝีเท้ามันก็ทำตามแทบจะในทันทีที่ได้รับคำสั่ง หากแต่พอหันหลังกลับไปมองอีกครั้งเท่านั้น เชอแตมจำต้องหยุดชะงักฝีเท้าอีกรอบ เมื่อมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับชายหนุ่มแววตาเหี้ยมโหดที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก่อนหน้านี้ราวกับเป็นฝาแฝดกัน ใบหน้าของผู้มาใหม่ไม่ถูกเปิดเผยอีกเช่นเคย

เชอแตมไม่แน่ใจแล้วว่าคืนนี้เธออาจจะต้องตายอยู่บนทางเท้าข้างถนนหรือเปล่า

'แม่จ๋า ช่วยด้วย! 'เธอร้องเรียกแม่ในใจมันเป็นความหวังเล็ก ๆ ที่คิดว่าแม่ผู้ซึ่งกลายเป็นวิญญาณไปแล้วอาจจะได้ยินและมาช่วยเธอได้

ด้วยความกลัวทำให้เชอแตมหายใจถี่และแรง เธอไม่รู้จะทำยังไงดี เธอไม่มั่นใจหนทางที่จะวิ่งหนี เพราะไม่รู้ว่ามันคือทางรอดหรือทางตัน ดูจากท่าทางแล้วชายหนุ่มทั้งสองคนแล้วคงจะมาด้วยกัน ถึงตอนนี้ถ้าเขาจะปล้นเธอก็จะยอม แต่เธอคงโดนกระทืบตายคาเท้าของพวกเขาเสียก่อนเพราะไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย แต่ถ้าหากพวกเขาจะข่มขืน เธอจะขอกัดลิ้นตัวเองตายตรงนี้ ความกล้าและความกลัวมันผลัดกันทำงานจนมือไม้มันเย็นเยียบแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง คำพูดของป๊อบคอร์นดังขึ้นในโสตประสาท ถ้าเธอเชื่อฟังแต่โดยดี เธอคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ โทรศัพท์ก็ดันไม่พกมาด้วย เพราะไม่อยากให้ใครโทร.มากวนการเดินเล่นอย่างสบายใจ

ซึ่งตอนนี้กลายเป็นความไม่สบายใจล้วน ๆ ไปเสียแล้ว

ทว่าในที่สุด เชอแตมก็ฮึดขึ้นมา เอาล่ะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดละกัน คนที่ชอบความเร็วเขายังไม่รู้สึกเสียใจหากต้องตายเพราะความเร็ว และคนที่ชอบเวลาเที่ยงคืนอย่างเธอ ก็จะไม่เสียดายที่จะตายในเวลาเที่ยงคืนเช่นกัน

'มาสิ จะทำอะไรก็ทำ ฉันพร้อมละ'ภายนอกเชอแตมหลับตาพริ้ม ทว่าข้างในกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว

"หนีไปซะ" เสียงทุ้มนุ้มน่าฟังราวกับเสียงเทพสวรรค์ก้องกังวานขึ้นใกล้ ๆ

เชอแตมลืมตาขึ้นฉับพลันทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น

'อะไรนะ! เขาบอกให้ฉันหนีเหรอ'ความไม่มั่นใจว่าเป็นเสียงชายหนุ่มตรงหน้าหรือเปล่าทำให้เชอแตมไม่ได้คิดจะทำตามคำสั่งนั้น กว่าเธอจะประมวลผลได้มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อหนุ่มแววตาเหี้ยมที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาคว้าหมับที่แขนขวาของเธอ แรงกระชากไม่เบานักหวังจะพาเธอไปกับเขาด้วย เชอแตมเซถลารู้สึกเจ็บที่แขนราวกับมันจะฉีกขาดออกมาจากไหล่

"โอ๊ย! " เธอร้องเสียงหลง และรับรู้ได้ว่าพลังของหนุ่มคนนี้มากมายมหาศาล ยากที่เธอจะต้านทานได้

แต่เธอก็ปลอดภัยในวินาทีต่อมาเมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำสั่ง ‘หนีไปซะ’ กระโดดสูงจนตัวลอยเหนือพื้นดินราวสองเมตร! แล้วมาเกาะแหมะบนไหล่ของชายหนุ่มผู้ซึ่งเกาะกุมต้นแขนของเชอแตมเอาไว้ ยังผลให้มันปล่อยมือจากแขนของเธอ ความชุลมุนทำให้เชอแตมทรงตัวไม่อยู่ล้มนั่งลงกับพื้น เธอมองชายหนุ่มสองคนที่กำลังต่อสู้กันในแบบที่ไม่คิดว่าในชีวิตจริงเชอแตมจะได้เห็น

เธอคิดว่าการต่อสู้ของพวกเขามันเกิดขึ้นแค่ในละคร

เพราะพวกเขากระโดดได้สูงเทียบเท่ากับความสูงของกำแพงคุกสักที่ และสามารถเหาะหรือลอยตัวอยู่กลางมวลอากาศได้อีก

"อะไรกันเนี่ย! " เชอแตมพูดเบา ๆ กับตัวเอง

"บอกให้หนีไปซะ! " เสียงชายหนุ่มที่พยายามจะช่วยเธอตวาดกลับมา เชอแตมสะดุ้งเฮือก และรีบลุกขึ้นวิ่งหนีทันทีตามคำสั่ง

เชอแตมวิ่งไปข้างหน้าพลางหันหลังไปมองพลาง วิ่งไปได้สักระยะ เธอก็หันมามองอีก ซึ่งในครั้งนี้เธอกลับพบว่าทั้งคู่หายไปแล้ว!

แม้จะกลัวมากแต่เธอก็ยังหยุดวิ่งแล้วมองให้แน่ใจอีกครั้งว่า พวกเขาหายไปจริง ๆ

"พวกเขาเป็นใครกันเนี่ย! " เชอแตมบ่นเบา ๆ แต่เมื่อสำนึกได้ขึ้นมาว่าเธอก็ไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้นานเกินไป เธอก็ออกวิ่งอีกครั้งเพื่อให้ถึงห้องตัวเองโดยเร็วที่สุด