บทที่ 4 ฉันจะไม่กลับจนกว่าคุณจะกลับมา
เทพบุตรของเชอแตมมองหน้าเธอนิ่ง เมื่อได้ยินคำถามนั้นของเธอ
'แค่ถามว่าชื่ออะไร มันต้องคิดนานขนาดนี้เลยเหรอ' เชอแตมแขวะเขาในใจ เธอเอามือกอดอกเลียนแบบเขาบ้าง เขายกมุมปากขึ้นเป็นเชิงท้าทาย
"ดูท่าทางของคุณไม่ค่อยจะกลัวผมเลยนะ" นอกจากไม่บอกชื่อตัวเองแล้ว เขายังจะพาเธอนอกเรื่องอีก
"แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องกลัวคุณ" เชอแตมเชิดคางขึ้นเป็นเชิงท้าทายกลับไป เขายิ้มมุมปาก แล้วเดินเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม เชอแตมปล่อยมือลงเลียบลำตัวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองเขาด้วยแววตาตกใจ เขายังยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอถอยหลังไปติดฝาผนัง เมื่อหมดทางหนี เธอเลยต้องยืนนิ่ง ๆ เขาหยุดยืนห่างจากเธอเพียงสามเซนติเมตร แน่นอนว่าใบหน้าใกล้กันจนเกือบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
"เพราะผม ไม่ใช่คนแบบที่คุณ...อยากให้เป็น" เขาตอบเกือบชิดริมฝีปากเธอด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเยียบเย็น แค่เสียงที่เขาเปล่งออกมามันเกือบทำให้ตัวเธอเย็นไปทั้งร่าง มันสะกดให้เธอหวาดผวาไปได้อย่างกับเขาสามารถปล่อยพลังจิตได้ เชอแตมมองตาเขาราวกับถูกสะกด
"แล้วคุณรู้หรือไง ว่าฉันอยากให้คุณเป็นคนแบบไหน"
เขายังอ้อยอิ่งไม่ตอบคำถามเธอ ตอนนี้ดวงตาเขากำลังสำรวจทั้งใบหน้าของเธออย่างถือวิสาสะ ไล่ตั้งแต่คิ้ว ดวงตา จมูกแล้วก็ปาก 'คิดว่าหล่อแล้วฉันจะยอมเหรอ อย่าใกล้แบบนี้สิ...ฉันยอมจริง ๆ ด้วยนะ' เธอร้องลั่นในใจ เธอหวั่นไหวอยู่แล้ว นี่เขายิ่งใกล้ เธอแทบจะอกแตกตาย
พระเจ้า! เขายิ้มมุมปากอีกแล้วเมื่อเธอคิดจบ!
"คุณรู้หรือเปล่าว่าหน้าตาเทพบุตรเป็นยังไง" เขาไม่ตอบคำถามเธอ แต่กลับถามอีกคำถามกับเธอแทน พร้อมกับถอยห่างจากเธอไปสามก้าว
เชอแตมรู้สึกว่าหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง และสงสัยมากกับคำถามนี้ของเขา ทำไมต้องถามเรื่องเทพบุตร ในขณะที่เธอเรียกเขาในใจว่าเทพบุตร
"ฉันไม่รู้"
"คนเรานี่ก็แปลกนะ ไม่เคยเห็นหน้าตาเทพบุตร แต่กลับเรียกคนที่หน้าตาดีว่าเทพบุตร"
เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น เขาพูดเหมือนรู้ว่าเธอเรียกเขาว่าเทพบุตร
"แล้วจะให้เปรียบคนหน้าตาดีกับอะไรล่ะ ยมบาลเหรอ โห! คุณนี่หล่อราวกับยมบาลเลยนะ"
เขามองหน้าเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ "จริง ๆ แล้วผมอาจจะหล่อเหมือนยมบาล"
เชอแตมหน้ามุ่ย คิ้วชนกัน เขาพูดอะไรแปลก ๆ 'นี่เราคุยอยู่กับโรคจิตหล่อขั้นเทพ อยู่รึป่าววะ'
คราวนี้เขาไม่ยิ้มมุมปาก แต่กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเข้มดุราวกับแม่ทัพทหารกำลังจะออกคำสั่ง
"คุณควรจะกลับห้องของคุณได้ละ เพราะนี่ก็ใกล้จะเช้าแล้ว"
เชอแตมมองออกไปข้างนอกเห็นท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย แต่ก็เริ่มมีแสงนิด ๆ เป็นสัญญาณบอกว่าใกล้จะเช้าแล้ว
"แต่ฉันยังไม่ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้เลยนะ คุณไม่ตอบสักคำถามของฉันเลย"
"คุณจะรู้ไปทำไม มันไม่มีผลอะไรกับชีวิตคุณ"
"ไม่มีได้ไง อย่างน้อยฉันควรจะรู้ว่าคนที่คิดจะทำร้ายฉันคนนั้นเป็นใคร เพราะฉันจะได้ระวังตัวเอาไว้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่า เขาจะโผล่มาตอนไหน จู่ ๆ เขาโผล่ไปทำร้ายฉันที่มหาวิทยาลัยขึ้นมา ฉันจะทำยังไง"
"เขาไม่โผล่ไปหาคุณที่มหา'ลัยหรอก มีแต่คุณที่เดินเข้าไปหาเขาเอง"
เชอแตมขมวดคิ้วอีกครั้ง เธอรู้สึกอยากเข้าไปข่วนหน้าเขาจริง ๆ "นี่คุณ พูดอะไรให้ฉันเข้าใจหน่อยได้มะ คุณหมายความว่าไงที่มีแต่ฉันเดินเข้าไปหาเขาเอง ในเมื่อทุกทีก็เป็นเขาที่เข้ามาหาฉัน"
"ที่คุณออกมาเดินเล่นตอนเที่ยงคืนแบบนั้น มันบอกไม่พออีกเหรอ"
เชอแตมอ้าปากค้างเถียงไม่ค่อยออก "แต่มันสิทธิ์ของฉันนะที่เดินไปไหนมาไหน"
"มนุษย์ที่ไหนกันเขาจะออกมาเดินเล่นเวลาแบบนั้นกัน"
"คุณพูดอย่างกับคุณไม่ใช่มนุษย์"
เขาเงียบ สีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที "แล้วคุณคิดว่า ผมเป็นมนุษย์หรือเปล่าล่ะ"
เชอแตมงุนงงไปหมดแล้ว ยิ่งถามอะไรไป เธอกลับได้แต่ความงงมาแทน เธอจะทำยังไงให้ได้คำตอบตรง ๆ จากเขาสักที
"ถ้าฉันยังไม่รู้เรื่องที่ฉันอยากรู้ ฉันก็จะไม่กลับ" เธอพูดเด็ดขาด พร้อมกับเดินไปนั่งบนเตียงเขาด้วย เธอนั่งนิ่งสีหน้าไม่พอใจ เขามองเธอด้วยแววตาเฉยชา ไม่ห้าม ไม่โวยวาย แถมยังเดินไปยืนพิงฝาผนังมองเธออยู่แบบนั้นอีก
"ตามใจคุณ เพราะพอสว่างเมื่อไหร่ ผมจะไม่อยู่ที่ห้องนี้"
เชอแตมหันมาอ้าปากเหวอ คิดจะประท้วงเขา แต่เขากลับทำสีหน้าที่เป็นต่อกับเธอจนเธอไม่รู้จะโวยวายยังไง
"ได้..." เธอตอบกลับไปด้วยสีหน้าเป็นต่อบ้าง "วันนี้ฉันไม่มีเรียน ฉันอยู่ห้องคุณได้ทั้งวันจนกว่าคุณจะกลับมาได้"
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอีก "ตามใจคุณ" พูดจบเขาก็เอามือสองข้างเก็บในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกจากห้องตัวเองไปด้วยท่าทางเทพเท่ห์ ทิ้งให้เชอแตมนั่งกระฟัดกระเฟียด ด้วยความไม่พอใจอยู่อย่างนั้น
"ไอ้บ้า! ไอ้โรตจิต ทำตัวอย่างกับคนไม่มีหัวใจ ไอ้แวมไพร์"
เชอแตมด่าตามหลังเขาในตอนท้ายว่า 'ไอ้แวมไพร์' เธอหารู้ไม่ว่าเขาได้ยินมันชัดเจนแม้ว่าจะเดินออกจากห้องไปแล้วก็ตาม
เทพบุตรของเชอแตมมายืนพิงประตูนอกห้องของตัวเอง เขาถอนหายใจราวกับตัวเองสามารถหายใจได้ อาจจะเพราะอยู่กับมนุษย์มากเกินจนเขามีนิสัยคล้ายมนุษย์เข้าไปทุกวัน
เขาเดินไปยังห้องอีกห้องที่อยู่เยื้องกับห้องของเขาสองห้อง เทพบุตรของเชอแตมเคาะประตู เจ้าของห้องซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เปิดประตูให้ก่อนจะโผล่หน้ามามองเขา
"เธอยังไม่กลับเหรอ" ชายหนุ่มเจ้าของห้องถาม
"ยัง" เทพบุตรของเชอแตมตอบ
"เข้ามาสิ" เทพบุตรเดินเข้าหายเข้าไปในห้องและไม่ออกมาอีกเลย
เชอแตมลุกขึ้นเดินไปเดินมาในห้องของชายหนุ่มที่ไม่ยอมบอกชื่อกับเธอ เธอเดินไปมาอยู่แบบนั้นเพราะหวังว่าชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าห้องมาในอีกไม่ช้า เมื่อรอประมาณครึ่งชั่วโมง เขาก็ไม่เข้ามา เธอจึงหาอะไรทำแก้เซ็ง เพราะยังมั่นใจว่า สักสองสามชั่วโมงเขาคงจะกลับมา
เชอแตมเดินไปทั่วห้องของเขา มันแทบไม่มีอะไรน่าสนใจเลย หล่อนถือวิสาสะเปิดตู้นั้นตู้นี้ดูไปเรื่อย เพราะมันไม่มีอะไรจริง ๆ แม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า ก็มีกางเกงขายาวสีดำประมาณห้าตัว เสื้อยืดสีดำ น้ำเงิน และสีทึม ๆ อีกประมาณสิบตัว นอกนั้นก็เป็นเสื้อคลุมกันหนาวที่มีฮูดประมาณสามตัวและก็เป็นสีดำอีกตามเคย
"ทำไมชีวิตคุณมันมืดมนอย่างนี้เนี่ย" เธอบ่นเบา ๆ
แม้ในใจอยากจะรู้นักว่ากางเกงชั้นในของเขาจะเป็นสีดำด้วยหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่หน้าด้านพอที่จะไปเปิดออกมาดูจริง ๆ
เชอแตมเดินไปที่ชั้นวางหนังสือของเขาที่เรียงติดกันสองชั้น คงมีแต่สิ่งนี้ที่น่าสนใจมากที่สุดแล้วในห้อง
เชอแตมไล่มองหนังสือบนชั้น ส่วนใหญ่เธอเห็นชื่อหนังสือแนว ๆ วิทยาศาสตร์ทั้งนั้น อย่างเช่น อนาโตมี ชีววิทยา ชีวิตพืชชีวิตสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ของโลก อัลเบิร์ต ไอน์สไตล์ ดาราศาสตร์ เป็นต้น
"เรียนวิทยาศาสตร์รึไงเนี่ย" เชอแตมได้แต่บ่นกับตัวเอง
เชอแตมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น มันชื่อว่า ตำนานแวมไพร์ เธอสนใจมันเป็นพิเศษ ซึ่งด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่รู้ที่ทำให้เธอติดใจคำว่า 'แวมไพร์' นัก ระหว่างที่รอเขาเธอก็ขออ่านหนังสือเล่มนี้เล่น ๆ พลาง ๆ ก็แล้วกัน
เชอแตมไปนั่งเรียบร้อยบนเตียง แล้วเปิดหนังสือไปหน้าแรก เธอเจอคำหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนว่า อีธาน โอดิน ในที่สุดเธอก็ค่อย ๆ ยิ้มออกมา
"อีธาน โอดินงั้นเหรอ"
เชอแตมเปิดหนังสือหน้าถัดไป แล้วไล่สายตาอ่านจนจบไปหนึ่งหน้า เธอมีสมาธิกับหนังสือ จนลืมไปเลยว่าที่จริงแล้วกำลังรอเจ้าของห้องกลับเข้ามา
เจ้าหล่อนนั่งอ่าน นอนอ่าน กลิ้งอ่าน จนกระทั่งท้องร้องถึงได้รู้ตัวว่า ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย เชอแตมเอามือกุมท้องแล้วนึกขึ้นได้ว่าห้าชั่วโมงเข้าไปแล้วที่เขายังไม่กลับมาห้องเลย
"จะไม่กลับมาจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย" เชอแตมมองไปที่ประตูแล้วบ่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด เธอถอนหายใจแล้วเอามือกุมท้องอีกครั้ง
"จะออกไปหาอะไรกินยังไงดี ถ้าเกิดกลับมาแล้วเขาล็อกห้องไม่อนุญาตให้เราเข้ามาแล้วล่ะ เราจะทำยังไง" ด้วยความที่อยากรู้ความจริงให้กระจ่าง เธอจึงยอมไม่ได้ที่จะให้เขากลับมาล็อกประตูห้อง แล้วไม่ต้อนรับเธออีก
แต่เธอกลับไม่โชคร้ายขนาดนั้น เพราะมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เชอแตมสะดุ้งดีใจและรีบวิ่งไปที่ประตูทันที
แต่ต้องเอะใจเมื่อจำได้ว่าประตูก็ไม่ได้ล็อก ถ้าเขาซึ่งเป็นเจ้าของห้องกลับมา ทำไมต้องเคาะประตูด้วยในเมื่อนี่มันห้องเขา หรือว่าไม่ใช่เขา!
เชอแตมเริ่มหวาดผวา ถ้าไม่ใช่เขาแล้วเป็นใคร เธอย่องเบาแอบมองตาแมวแต่ก็ไม่เห็นใครและตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายว่าค่อย ๆ เปิดประตูออกไปดู เมื่อเปิดออกไปทีละนิด ๆ จนกว้างออกก็ไม่เจอใครเลย แต่เธอกลับเจอถุงใส่ของกินแขวนอยู่ที่ลูกบิดประตู!
เชอแตมรีบหยิบมันมาแล้วพาวิ่งเข้าไปในห้อง ด้วยความหิวจึงรีบเปิดมันออกมา เกือบจะได้สวาปามเข้าไปแล้วแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
"นี่มันจะเป็นแผนเขาวางยาสลบเราหรือเปล่า" เธอคิดหนักจนไม่กล้ากิน เลยลองค้นหาอะไรแปลก ๆ ในถุงใส่ข้าวกล่องดู เธอเจอโน้ตใบหนึ่งเขียนว่า
'ผมรู้ว่าคุณคงไม่กลับห้อง กินอะไรสักหน่อยก็ดี เพราะผมรู้อีกว่าคุณคงกลัวว่าไม่ได้กลับเข้ามาในห้องผมอีก ถ้าออกจากห้องผมไปซื้อข้าว กินได้นะ ผมไม่ใส่ยาพิษอะไรทั้งนั้น'
เชอแตมอ้าปากค้าง อย่างกับเขาอ่านใจเธอได้ เพราะทุกประโยคมันคือสิ่งที่เธอคิดไปแล้วเมื่อสักครู่ ไม่รู้เพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกเชื่อเขานัก เธอกินข้าวทันทีที่ได้อ่านโน้ต ถ้าเธอตายขึ้นมา มันก็สมควรเพราะความเชื่อใจที่แสนจะง่ายดายของเธอ
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน เชอแตมนอนหลับปุ๋ยไปตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็น และไม่รู้เลยว่า เทพบุตรของเธอกลับเข้ามาตอนหกโมงครึ่ง เขามานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานปลายเตียงด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย เขานั่งมองเธอหลับใหลด้วยลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เขาไม่เคยได้เรียนรู้วิธีการหายใจแบบเธอเลย มันจะเหนื่อยมากหรือเปล่าที่ต้องหายใจแบบนั้นตลอดเวลา
จนกระทั่งเกือบสองทุ่ม เชอแตมก็ค่อย ๆ สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา เธอลุกขึ้นมานั่งด้วยสมองที่หนักอึ้ง เพราะอ่านหนังสือตำนานแวมไพร์ไปเกือบหมดเล่ม เมื่อนั่งตัวตรงก็เห็นเทพบุตรหน้าหล่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ปลายเตียง
"คุณกลับมาแล้ว! " เธอเผลอดีใจจนออกนอกหน้า จากที่สะลึมสะลือก็หายเป็นปลิดทิ้ง เทพบุตรของเธอมองเธอด้วยแววตาอมยิ้มเป็นประกาย
"นี่มันห้องผม จะไม่ให้ผมกลับมาได้ยังไง"
"ก็คุณหายไปเป็นวันเลยนี่"
"ผมบอกแล้วว่ากลางวันผมจะไม่อยู่ห้อง ว่าแต่คุณเถอะ ไม่คิดจะกลับห้องตัวเองหรือไง มาอยู่ห้องผู้ชายเป็นวัน ๆ แบบนี้ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ"
"ก็ใครล่ะ ที่พาฉันมา"
"แต่ผมก็ไล่คุณกลับไปแล้วนะ"
เชอแตมอ้าปากค้าง เขากล้าพูดว่า 'ไล่' เธอกลับไปแล้วงั้นเหรอ
เจ้าหล่อนเม้มปากยิ้มกว้าง "อีธาน โอดิน" เทพบุตรมองเธอด้วยแววตาแปลกใจ "ตกใจล่ะสิ ที่ฉันรู้ชื่อคุณ"
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ "เก่งมากที่หาชื่อผมจนพบ"
"หึ ทีนี้คุณก็รู้ล่ะนะ ว่าคนอย่างฉัน อยากรู้อะไรต้องรู้ให้ได้"
"งั้นเรื่องอื่น คุณก็คงจะรู้ได้เองโดยที่ผมไม่ต้องบอกนะ"
เชอแตมอ้าปากค้าง ยืดตัวตรง ตื่นตกใจ "ได้ยังไงละ คุณต้องบอกฉันสิ"
"ผมก็บอกไปแล้วนะ ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่คุณต้องรู้"
"แต่ถ้าฉันไม่รู้ ฉันก็จะออกมาเดินเล่นเที่ยงคืนแบบนี้ทุกคืน แล้วคุณก็จะเดือดร้อนที่ต้องออกมาช่วยฉันแบบนี้ทุกคืนเหมือนกัน"
อีธานหัวเราะชอบใจแบบตลกขบขันกับสิ่งที่เธอพูด "แล้วคุณคิดว่าผมตั้งใจจะช่วยคุณหรือไง"
"อะไรนะ" เชอแตมเอียงคอสงสัยว่าเธอได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า
"ทุกครั้งที่ผมช่วยคุณ มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ผมชอบออกไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืน และบังเอิญเจอคุณทุกที แค่นั้นเอง"
ความรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็ก ๆ เกิดขึ้นมาในใจของเชอแตมวูบหนึ่งแล้วหายไป โดยที่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกเกี่ยวกับอะไร
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันมั่นใจ ว่าคุณรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายฉันทำไม"
"คุณนี่ดื้อมากเลยนะ" เขาเอนตัวไปพิงโต๊ะ ข้อศอกทั้งสองข้างเท้าโต๊ะเอาไว้ มองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่ทำให้ใจเชอแตมแทบละลาย ท่าทางของเขาทำให้เธอรู้สึกแพ้มาก
"ก็บอกฉันซักทีสิ"
"ผมว่าคุณกลับได้ละนะ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง" เขาเปลี่ยนเรื่องเฉย
"คุณ! " เธอเรียกเขาเสียงเข้ม "ตอนแรกฉันก็ไม่สงสัยอะไรมากมายหรอกนะ แทบไม่จริงจัง ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร แต่พอคุณเฉไฉ ไม่ปริปากบอกอะไรฉันเลย ฉันก็ยิ่งสงสัย ตอนนี้จากที่จริงจังแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ มันกลายเป็นจริงจัง ร้อยเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว คุณรู้มั้ย"
อีธาน โอดินเสมองไปทางอื่น เขากำลังใช้ความคิด "ผมจะเดินไปส่งคุณ" เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เอามือสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วมายืนนิ่งมองหน้าเชอแตมแบบกดดันตรงปลายเตียง
"จะลุกขึ้นกลับดี ๆ หรือจะให้ผมใช้วิธีพาคุณกลับด้วยวิธีอื่น"
เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น เธอมองเขาด้วยแววตาหวาดระแวง วิธีอื่นที่เขาว่าเป็นวิธีแบบไหนกัน
เมื่อไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรบังคับเธอกลับ เธอก็เสี่ยงเอาละกัน ดื้อด้านมันไปแบบนี้แหละ เธอไม่สนใจหรอกว่าเขาจะใช้วิธีไหน
"ไม่กลับ จนกว่าคุณจะบอกในสิ่งที่ฉันถามไปแล้ว"
อีธานยืนนิ่งมองเธอ เชอแตมเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่
"แน่ใจนะ ว่าจะดื้อ" เขาถามเหมือนเป็นสัญญาณเตือนครั้งสุดท้าย และมันก็ทำให้เชอแตมวาบ ๆ ไปเลยทีเดียว เธอไม่ตอบเขา ได้แต่ทำหน้างอน สะบัดหน้าไปทางอื่น
"อ๊า! " สาวเจ้าร้องลั่นเมื่อตัวลอยขึ้นมาอยู่กลางอากาศ มีแขนสองข้างของอีธานรองรับไว้โดยที่เขาแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีผู้หญิงน้ำหนักประมาณเกือบห้าสิบกิโลอยู่ในอ้อมแขน เขามองหน้าคนตัวเล็กด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เป็นเชิงบอกว่าเป็นไงล่ะ ดื้อด้านดีนัก เชอแตมอ้าปากค้าง ตีอกชกเขาด้วยความไม่พอใจ
"นี่! คุณ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ คุณจะถือวิสาสะอุ้มฉันแบบนี้ไม่ได้นะ"
อีธานไม่สะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียวกับการทุบตีของเธอ
"ผมให้โอกาสคุณไปตั้งนานแล้ว มันไม่ทันแล้วล่ะ" อีธานพาเธอออกไปจากห้องด้วยการอุ้มไปทั้งอย่างนั้น โดยที่คนตัวเล็กได้แต่ดิ้นเร่า ๆ ให้หลุด แต่เธอกลับขยับได้เพียงน้อยนิด และรู้สึกได้ว่า แรงเขาเยอะมากจริง ๆ
อีธานปล่อยเธอลงขณะที่ยืนอยู่ด้วยกันในลิฟต์ เชอแตมลงมาได้ก็รีบถอยไปติดมุมลิฟต์ทันที เธอมองเขาด้วยแววตาเหมือนกวางน้อยที่กำลังโดนพรานป่ากำลังไล่ล่า อีธานมองเธอด้วยแววตาขบขัน
"มุมลิฟต์มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก" เขาเอ่ยด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่อีกคนทั้งใจเต้นแรง ทั้งตัวสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
"คุณนี่มันร้ายกาจมากเลยนะ"
เขายิ้มมุมปากโดยที่ไม่ได้มองหน้าเธอ "ผมบอกแล้วว่าผมอาจจะหล่อเหมือนยมบาล"
เงียบกันไปทั้งคู่ จนกระทั่งลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เขาเดินออกมาจากลิฟต์ก่อน แต่ต้องชะงักหันไปมองข้างในลิฟต์เมื่อรู้สึกว่าคนดื้อด้านไม่ยอมเดินตามมา ทั้งคู่จ้องหน้ากัน
"ต้องให้ผมใช้วิธีของผมอีกใช่มั้ย"
เท่านั้นแหละ เชอแตมรีบเดินออกมาจากลิฟต์ทันที เธอมายืนประจันหน้ากับเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจและพยายามซ่อนความกลัวเอาไว้
"เดินนำผมไปสิ ผมไม่รู้จักที่พักคุณ" เขาบอก
"ฉันกลับเองได้" ตอนนี้เธอไม่อยากให้เขารู้จักที่อยู่ของเธอซะแล้ว
อีธานหัวเราะแล้วก็ยิ้มมุมปากในเวลาต่อมา เชอแตมรู้สึกได้ตลอดเวลาว่า เขามีความลับกับเธออย่างมหาศาล
"กลัวผมขึ้นมาล่ะสิ"
เชอแตมไม่ตอบ ไม่เถียง ได้แต่มองหน้าเขาแบบโกรธเคือง แล้วก็เดินหนีเขาแบบกระฟัดกระเฟียดออกไป อีธานยิ้มมุมปากตามหลังเธอ และเดินตามหลังเธอไปติด ๆ แม้ว่าเธอจะตั้งใจเดินให้เร็วที่สุดมากแค่ไหน เขาก็ตามเธอทันแบบประชิดถึงตัวในระยะห้าสิบเซนติเมตรได้ทุกที
"ผีหรือคนวะเนี่ย! " เชอแตมบ่นเสียงดัง ตั้งใจให้เขาได้ยิน และเขาก็ตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด
"แวมไพร์! "
