บทที่ 3 คุณชื่ออะไร
เชอแตมนั่งอ่านจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งมาจากลุงคอนเนอร์ ซึ่งเป็นลุงนอกเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ เขาเป็นเพื่อนของพ่อเธอที่เสียชีวิตไปแล้วพร้อมกับคุณแม่เมื่อตอนที่เธออายุได้เพียงหนึ่งขวบเท่านั้น
ลุงคอนเนอร์เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่พ่อแม่เธอเสีย ท่านก็จำเป็นต้องพาเธอไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกระทั่งเธออายุได้สิบห้าปีจึงย้ายมาอยู่หอพักของพี่นุกนิกแห่งนี้ เหตุผลที่ลุงไม่พาเธอไปเลี้ยงดูด้วยตนเองเพราะลุงของเธอตัวคนเดียวและต้องทำงานที่ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ แต่ลุงคอนเนอร์ไม่เคยละเลยเธอเลยสักครั้ง ท่านมักจะส่งค่าใช้จ่ายมาให้เธอทุก ๆ เดือนแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเคยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เธอต้องไปทำงานหาเลี้ยงตัวเอง จนกว่าจะเรียนจบ และท่านก็ยังสั่งห้ามเรื่องการไปไหนมาไหนในเวลาเที่ยงคืนอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยอยู่กับเธอ ท่านมาหาเธอประมาณปีละครั้งเห็นจะได้ แต่เหมือนท่านจะรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ และพฤติกรรมของเธอได้ดีทีเดียว
แม้เชอแตมจะรู้สึกได้ว่าลุงคอนเนอร์ของเธอทำตัวแปลก ๆ เวลาเขียนจดหมายมาหาเธอก็ไม่เคยเขียนที่อยู่ของตัวเอง เวลาเธอเอ่ยถามเรื่องการตายของพ่อแม่ท่านก็ไม่เคยตอบกลับมา หรือพยายามเฉไฉออกนอกเรื่องไปเรื่องอื่น แต่อีกความรู้สึกหนึ่งเธอก็มั่นใจว่าลุงคอนเนอร์หวังดีและเป็นห่วงเธอมาก และเธอเองก็รักท่านมาก ๆ ด้วยเช่นกัน
เชอแตมเก็บจดหมายที่มีเนื้อหาถามไถ่ความสะดวกสบายตามปกติของเธอไว้ในลิ้นชัก แล้วก็นั่งเอามือเท้าคางนึกถึงเรื่องที่เกิด ณ โบสถ์คริสต์เมื่อคืน เธอคิดหนักแล้วก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากเจอเจ้าของน้ำเสียงปริศนาผู้หน้าด้านมาซ้อนท้ายรถมอเตอไซด์ของเธอยิ่งนัก อีกทั้งชายหนุ่มที่จ้องแต่จะทำร้ายเธอคนนั้น เขาเป็นใครกัน ทำไมถึงจ้องแต่จะทำร้ายเธอ เรื่องนี้มันชักจะมีที่มาที่ไปแปลก ๆ
และเมื่อคิดหนักเข้า ๆ เธอจึงแน่ใจว่าคืนนี้เธอจะออกไปเดินเล่นเพื่อให้เจอชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนนั้นอีกให้ได้
เที่ยงคืนมันช่างมาช้านักเมื่อเชอแตมตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดเธอก็ได้ออกไปเดินเล่นสมดังที่รอคอยมาทั้งวัน จนไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหนังสือ เธอคิดว่าหากเธอจะเรียนหนังสือได้อย่างตั้งใจก็จนกว่าเรื่องชายปริศนาทั้งสองคนจะคลี่คลายนั่นแหละ
เชอแตมไม่คิดจะเอารถมอเตอไซด์ออกไปอีกแล้ว คราวนี้เธอตัดสินใจแน่วแน่ว่า ไม่ว่าเธอจะเจอคนไหนก่อน เธอจะถามทันที ว่าต้องการอะไรจากเธอ
เชอแตมเดินไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางเดิม ๆ ที่เคยเดินทุกคืน ระยะทางจากหอพักออกมาจนถึงถนนที่ปลอดผู้คนแห่งนี้ มันก็ห่างกันพอสมควร เธอไม่เคยเหลียวหลังไปมองทางกลับหอถี่เท่าวันนี้มาก่อน ความลังเลมันยังมีอยู่ในใจว่าควรเดินหน้าต่อหรือรีบถอยกลับดี
แต่ทันทีที่เธอหันกลับมาเพื่อเดินหน้าต่อ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามเธอมาจากด้านหลัง เชอแตมหายใจถี่รัว ความกลัวเริ่มมาเยือน เธอหลับตาแล้วสูดลมหายใจเอาความกล้าเข้าไปแล้วหันไปมองข้างหลัง แต่มันกลับ ว่างเปล่า!
แม้จะแปลกใจแต่เธอก็ยังเดินหน้าต่อไปด้วยใจที่สู้แต่ก็กลัวสุดขีด เธอได้ยินเสียงเท้าเดินตามหลังเธอมาอีกแล้ว เธอคิดในใจ ถ้าเธอหันกลับไป เธอต้องไม่เจอใครอีกแน่ ระหว่างชายหนุ่มที่ดีกับเธอกับชายหนุ่มที่จะทำร้ายเธอ ใครเป็นเจ้าเสียงฝีเท้านี้กันนะ แต่ถ้าไม่ใช่ทั้งคู่ล่ะ!
เชอแตมรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้ว สมองรีบคิดหาวิธีเอาตัวรอด คราวนี้เขาทั้งสองไม่ได้โผล่ออกมาให้เธอเห็นอย่างวันก่อน แต่มาในแบบที่ทำให้เธอหวาดผวาได้ทุกวินาที เชอแตมตัดสินใจจะวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้ามเพื่อกลับหอไปทางเดิมโดยไม่ต้องหันหลังกลับไปมองให้ใจตัวเองหวาดผวา แต่เมื่อเธอมายืนได้เพียงครึ่งถนน ชายแปลกหน้าที่มีฮูดปกคลุมมิดศีรษะก็ปรากฏกายตรงหน้าเธอ!
คราวนี้เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะเขาก้มหน้าไม่เห็นแม้แต่แววตา แต่ทันทีที่เขาเงยหน้ามา เขาก็เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วราวกับหายตัวมา และหลังจากนั้นเธอก็ไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าเขาชัด ๆ เพราะเธอรู้สึกง่วงงุนและวูบหมดสติไปทันที
เชอแตมลืมตาขึ้นมาช้า ๆ อาการยังมึน ๆ งง ๆ สมองเธอยังไม่สามารถปรับให้เข้าที่เข้าทางได้ กว่าเธอจะรู้ตัวว่าอยู่ที่ไหนก็ปาเข้าไปสองนาที ทันทีที่นึกออกว่าเธอเดินอยู่บนทางเท้าริมถนน และกำลังข้ามถนนจะไปอีกฝั่งตรงกันข้าม เธอก็เจอกับชายหนุ่มกลางถนน หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้
"ที่ไหนเนี่ย" เชอแตมมองไปรอบ ๆ ที่ที่เธอตื่นขึ้นมา มันเป็นห้องห้องหนึ่งลักษณะน่าจะเป็นห้องที่อยู่ในคอนโดหรู อพาร์ทเมนท์ หรือไม่ก็โรงแรมซักที่หนึ่งนี่แหละ แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครเป็นคนพาเธอมา!
เชอแตมลุกขึ้นพรวด ก้าวขาลงจากเตียงแล้วไปเดินสำรวจรอบ ๆ ห้อง นอกจากเธอก็ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว เหลือเพียงระเบียงของห้องที่เธอกำลังออกไปดู เชอแตมรู้สึกใจเต้นตึกตัก ราวกับกำลังออกไปพรีเซ้นต์โปรเจคสัมมนาให้อาจารย์รุมฆาตกรรมด้วยคำถามแสนยากยิ่งยวด เพราะไม่รู้ว่าระเบียงจะมีใครยืนอยู่หรือไม
การก้าวเดินที่เหมือนหัวขโมยแอบย่องเข้ามามันยิ่งทำให้ใจเธอเต้นแรง และในที่สุดเธอก็ไม่พบใครบริเวณระเบียงเลยสักคน
"ไม่มีคนอยู่ แล้วนี่มันห้องใคร" เชอแตมพูดกับตัวเอง
สาวเจ้าถอนหายใจ แล้วในจังหวะที่เธอหันกลับเข้ามาในห้อง ร่างกายแทบจะหงายหลังล้มตึงลงไปเมื่อสายตาปะเข้าผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงที่เธอเพิ่งลุกขึ้นมาเมื่อสักครู่
"เทพบุตร" เพียงวินาทีแรกที่เธอได้เห็นเขา เธอก็นึกไม่ออกว่าจะเรียกชายตรงหน้าเธอว่าอย่างไรดี และเทพบุตรมันคงจะเหมาะสมที่สุดแล้วในตอนนี้ "ทำไมหล่อวัวตายควายสะดุดขากันเองแบบนี้" เธอคิดในใจ และยังคงมองเขาด้วยดวงตาที่ไม่ได้กะพริบ
เขานั่งไขว่ห้างเอามือกอดอก มองเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่นิ่งเฉย แต่เธอแอบเห็นเขายิ้มมุมปากแล้วเสมองไปทางอื่น เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่มีแววตาโหดร้ายคนนั้น และความหล่อก็มากกว่าเสียด้วย เชอแตมสังเกตคิ้วที่ดกดำโค้งงอนราวกับคันศรของพระราม จมูกโด่งรั้นบอกให้รู้กลาย ๆ ถึงนิสัยที่อาจจะดื้อ ริมฝีปากที่แสนจะเย้ายวนชวนให้เธอหลงใหลใคร่อยากจุมพิต เขาหล่อเท่ห์แบบที่ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าน้ำแข็งมันละลายยังไง
"จะมองอีกนานมั้ย" ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยออกมาปัดเป่าอาการเพ้อฝันของเธอออกไป น้ำเสียงเขาช่างคุ้นหู
เชอแตมกระชากอาการสติหลุดออกมา และเพิ่งรู้ตัวว่าอ่อนระทวยไปมากแค่ไหน ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอหลุดได้ขนาดนี้มาก่อน ยกเว้นชายหนุ่มที่ชอบเดินเล่นตอนกลางคืนคนนั้น แต่เขาคนนี้ทำมากยิ่งกว่าชายหนุ่มคลุมฮูดปริศนาคนนั้นเสียอีก
"คุณเป็นใครกัน คุณพาฉันมาที่นี่เหรอ" เชอแตมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามซ่อนความสั่น
"แล้วคุณคิดว่าใครพาคุณมา" เขาย้อนถามเธอ น้ำเสียงยังหล่อเหลือกว่าหน้าตา
เชอแตมเริ่มจะรู้สึกตงิด ๆ กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาซะแล้ว เธอถามเขาดี ๆ แต่เขากลับหยอกย้อนกลับ'แหม ไอ้หน้าหล่อ ถึงหน้าจะหล่อ เสียงจะหล่อ แต่คำพูดช่วยหล่อด้วยได้มั้ยคะ' เธอต่อว่าเขาในใจ
แต่เอ๊ะ! หลังจากที่เธอคิดจบ เขาก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาอีกแล้ว!
"ฉันจะไปรู้เหรอ ฉันเห็นคุณนั่งอยู่ ฉันก็คิดว่าเป็นคุณสิที่พาฉันมาที่นี่"
"มันก็คงเป็นแบบนั้น" เขาตอบแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็น จังหวะนั้นเองที่ทำให้
เชอแตมปากอ้าค้างตกตะลึง
"ท่าเดินของเขา เหมือนกับเขาคนนั้นเลย! " ใช่แล้วท่าเดินของชายหนุ่มหน้าเทพบุตรคนนี้ เหมือนกับท่าเดินเทพเท่ห์ของชายหนุ่มปริศนาคลุมฮูดที่เธอเจอทุกราตรี
ชายหนุ่มกำลังหยิบขวดน้ำเย็นมารินใส่แก้ว แล้วก็เอามาวางบนโต๊ะใกล้ ๆ ที่เธอยืนอยู่ จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางหนังสือสองชั้น หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา แล้วกลับมานั่งไขว่ห้างหันหน้ามาทางเธอและเปิดหนังสืออ่านหน้าตาเฉย
เชอแตมรู้สึกได้ว่าเธอกระหายน้ำเมื่อเห็นแก้วน้ำเย็นที่เหงื่อโชก และหยิบมันดื่มโดยไม่เอะใจสักนิดว่าจะเป็นน้ำเปล่าที่ไม่น่าจะเปล่าหรือไม่
นี่เธอไว้ใจเขาขนาดนี้เชียวหรือ
"คุณคือผู้ชายที่คลุมฮูดมิดศีรษะ แล้วชอบออกไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืนคนนั้นใช่มั้ย" เชอแตมถามออกไปตรง ๆ ชายหนุ่มดูตั้งใจอ่านหนังสือ แต่เขากลับอมยิ้มแบบซ่อนความนัยเอาไว้เมื่อเธอถามจบ
"คนไหนเหรอ" เขาถามกลับ
เชอแตมถอนหายใจ กรอกตาด้วยความหน่าย "จะมีสักคำถามที่คุณตอบฉันดี ๆ แบบไม่ถามกลับมั้ย หาา"
"คุณอย่ามาเฉไฉหน่อยเลย ฉันรู้ว่าเป็นคุณ คุณคือคนที่ชอบเดินเล่นตอนเที่ยงคืนคนนั้นแน่ ๆ "
"คุณเอาอะไรมามั่นใจกัน" เขาถามทั้งที่สายตายังไล่อ่านตัวหนังสือในมือ
"ฉันจำท่าทางการเดินของคุณได้" เชอแตมตอบไปตามความจริง แล้วก็รู้สึกขวยเขินขึ้นมานิดหนึ่งที่ตอบไปตามตรงแบบนั้น
แล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอแบบยิ้มมุมปาก มันดูเท่ห์อยู่หรอก ถ้ามันไม่ใช่ยิ้มที่ดูเหมือนจะหยอกเย้าหรือกลั่นแกล้งเธอมากกว่า
"คุณแอบมองผมอยู่ทุกคืนอย่างนั้นสินะ" จบคำพูดของเขาเชอแตมรู้สึกหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที แต่คนอย่างเธอไม่ยอมให้ใครมองเห็นความเขินอายของตัวเองได้ง่าย ๆ หรอก
"นั่นเท่ากับคุณยอมรับแล้วว่าเป็นคุณจริง ๆ " จบคำพูดของเชอแตมเป็นเขาบ้างที่รู้สึกว่าตัวเองติดกับกับคำถามคำตอบของเธอ เขาตั้งใจจะไม่ตอบคำถามตรง ๆ แต่ตอนนี้เธอกลับได้คำตอบไปเต็ม ๆ
เขาหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ และหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่อาจจะปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ว่า เธอละลายได้กับทุกกิริยาท่าทางของเขา มันเป็นธรรมชาติโดยที่เขาไม่ต้องเก๊ก มันก็เท่ห์เอง
"ผมชอบเดินเล่นตอนเที่ยงคืนเป็นประจำอยู่แล้ว" เขาเอ่ยออกมา
เชอแตมแอบอมยิ้ม เขาเหมือนเธอเลย
"แล้วคุณก็คือคนที่ช่วยฉันไว้ครั้งแรกที่ฉันจะโดนผู้ชายคนหนึ่งทำร้าย แล้วครั้งที่สองคุณก็คือคนที่พาฉันไปที่โบสถ์เพื่อหลบผู้ชายคนนั้น ใช่มั้ยคะ"
ชายหนุ่มก้มหน้ามองตัวหนังสือในมืออีกครั้ง "ผมอาจจะเป็นผู้ชายที่ชอบเดินเล่นตอนเที่ยงคืนคนนั้นทุกคืน แต่ผู้ชายที่ช่วยคุณไว้ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นผม"
"ฉันแน่ใจ ครั้งแรกใช่คุณแน่ ๆ เพราะฉันยังจำท่าทางการเดินของคุณได้ ส่วนครั้งที่สองแม้ฉันแทบจะไม่เห็นตัวของคุณเลย แต่วันนี้ฉันแน่ใจเพราะ น้ำเสียงคุณในตอนนั้นกับตอนนี้คือน้ำเสียงเดียวกัน"
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสืออีกครั้ง คราวนี้เขายิ้มมุมปากแววตาดูเจ้าเล่ห์คล้ายจะเจ้าชู้ใส่เธอด้วย เขามองตาเธอนิ่ง จนทำให้เธอต้องเสมองทางอื่น เพื่อซ่อนความอายไว้ เธอจับแขนตัวเองแล้วนึกในใจว่า "ฉันยังไม่ละลาย"
"ดูเหมือนคุณจะใส่ใจผมจังเลยนะ จำได้หมดทุกอย่าง ผมน่าจดจำขนาดนั้นเชียวหรือ"
'หูย กล้าพูดได้ไงฟระ' เชอแตมบ่นด้วยความหมั่นไส้ในใจ และหลังจากที่เธอคิดจบ เขาก็หัวเราะหึ ๆ ออกมาทันที! เธอขมวดคิ้วให้กับบางสิ่งบางอย่างที่มันค้างคาใจเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
"คุณแปลกซะขนาดนี้ จะให้ฉันลืมได้ไงล่ะ"
"ไม่ใช่เพราะ ผมหล่อวัวตายความสะดุดขากันเองหรอกเหรอ"
เชอแตมมองหน้าเขาด้วยแววตาตกตะลึงทันที เหมือนเขาอ่านใจเธอได้ นี่แหละที่เธอรู้สึกว่ามันคาใจเธอ
"คุณ..." ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยถามอะไรอย่างที่ใจเธอต้องการ เขาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
"คุณควรจะกลับบ้านตัวเองได้ละ"
เมื่อได้ยินเขาไล่ เธอก็ยิงรัวคำถามทันที "จะให้ฉันกลับได้ยังไง ในเมื่อฉันยังไม่รู้อะไรเลย"
"ไม่ใช่ว่าคุณรู้ไปหมดแล้วหรอกเหรอ" เขาไม่ถามเปล่า ยังวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นเดินมาหาเธอช้า ๆ แม้เชอแตมจะหวั่นใจ แต่เธอก็ใจสู้ไม่คิดกลัวเขา
"หมดแล้วที่ไหนกัน ฉันยังไม่รู้เลยว่า ทำไมฉันถึงได้สลบไป แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม แล้วผู้ชายอีกคนที่จะทำร้ายฉัน คุณรู้จักเขาหรือเปล่า แล้ววันนั้นทำไมต้องพาฉันไปซ่อนตัวที่โบสถ์ ทำไมไม่ให้ฉันกลับหอไปเลย ผู้ชายคนนั้นกลัวโบสถ์หรือไง แล้ววันแรกที่คุณมาช่วยฉันไว้ ทำไมคุณกับผู้ชายคนนั้นถึงได้แบบ...เหมือนคนเหาะเหินเดินอากาศได้ ทุกอย่างมัน...แปลก ๆ ไปหมด"
เทพบุตรของเธอหยุดยืนนิ่งเอามือกอดอกตรงหน้าเธอ เขาอยู่ใกล้เธอในระยะที่ทำให้เธอเห็นรูปร่างหน้าตาเขาได้ชัดเจนราวกับทีวีเอชดีเลยทีเดียว จริง ๆ แล้วเธออาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้
"มีอะไรอีกมั้ยที่คุณจะถาม"
เชอแตมเม้มปาก มีสิ่งหนึ่งที่เธออยากถามเขามากกว่าคำถามอื่นใดในโลก
"คุณชื่ออะไร"
