บทที่ 36 เมื่อความลับปรากฎ 5
เชอแตมไม่เจอป๊อบคอร์นตลอดช่วงบ่ายของวันนี้ และเธอก็ไม่ได้มีธุระปะปังสำคัญอะไรกับเพื่อนรักถึงขนาดต้องโทร.ตาม เพราะเธอเองก็มีเรื่องที่เธอต้องทำมากกว่าการตามหาป๊อบคอร์นคือ...ไปหาอีธานที่คอนโดของเขา
เธอไม่ขอรอเขาอยู่ที่ห้องอย่างทุก ๆ วันอีกแล้ว ช่วงเวลากลางวันเขาไม่ออกจากห้องไปไหนแน่นอน เพราะแวมไพร์ไม่สามารถไปไหนมาไหนในเวลาที่มีดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่ได้ และเธอก็ไม่ไว้ใจเขาว่าจะเล่นตัวปล่อยให้เธอรอเก้ออย่างวันก่อนอีกหรือเปล่า การบุกไปหาถึงที่คือทางออกที่ดีที่สุด
ห้าโมงเย็นของวันนี้ เป็นเวลาที่เธอเสร็จทุกภารกิจในรั้วมหาวิทยาลัย เชอแตมไม่รีรอที่จะย่ำเท้าไปยังจุดหมาย ทุกฝีเท้าของหญิงสาวก้าวกระฉับกระเฉงรีบร้อนจนตามหัวใจที่ไปถึงห้องอีธานไม่ทันแล้ว
ป๊อบคอร์นต้มข้าวต้มไว้เรียบร้อย เจ้าหล่อนมองไปยังชายหนุ่มที่ยังหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียง ก่อนจะถอนหายใจฟู่หนึ่ง
"หลับหรือตายเนี่ย ตั้งแต่บ่ายโมงกว่าจนห้าโมงเย็นยังไม่ตื่นอีก"
เสียงบ่นพึมพำที่พยายามออมให้เบาที่สุด ป้องกันเขาตกใจตื่น มือกอดอกถอนหายใจอีกฟู่ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังโซฟารับแขก
อาการเบื่อที่ต้องอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรทำจึงรบกวนจิตใจจนเจ้าหล่อนตัดสินใจจะออกไปข้างนอก ไปเดินเล่นหาอะไรกินในมินิมาร์ทก็ยังดี
ป๊อบคอร์นควานหาเพียงกระเป๋าสตางค์ โดยทิ้งกระเป๋าสะพายบ่าราคาตลาดนัดไว้ในห้องของเขา เพื่อเป็นตัวแทนของเธอเผื่อหลุยส์ตื่นมาแล้วมั่นใจว่าเธอยังไม่กลับ เจ้าหล่อนตวัดสายตาไปมองเขาให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะก้าวออกไปจากห้องจริง ๆ
ป๊อบคอร์นปิดประตูเบากำลังจะเดินตรงไปยังลิฟต์ แต่เจ้าหล่อนต้องชะงักกึก รีบถอยเท้าไปเปิดประตูห้องหลุยส์อีกครั้งแล้วเบี่ยงตัวหลบฉากแอบโผล่หน้าออกมาเพียงนิดมองไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปสองห้อง
"อิเชอ!" เสียงอุทานเบาเชิงตกใจเมื่อเห็นเพื่อนรักยืนเคาะประตูห้องนั้นด้วยสีหน้าร้อนรน เหตุผลที่ต้องแอบเพราะกลัวเพื่อนรักจับได้ว่ามาหาหลุยส์ ซึ่งเธอไม่ชอบมองแววตาเชอแตมเชิงรู้ทันว่าเธอต้องแอบมีใจให้หลุยส์จนต้องมาหาเขาแบบนี้ แต่ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นหายไปเมื่อความสงสัยเข้ามาแทนที่ "แกมาหาใคร?"
เชอแตมยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบิดลูกบิดประตูผลักออกแล้วเดินหายเข้าไปข้างใน โดยที่ไม่มีใครโผล่มาเปิดประตูให้เธอเลย และเป็นช่วงเวลาที่ป๊อบคอร์นได้โผล่ออกมาจากหลังประตู เจ้าหล่อนค่อย ๆ ย่องเบาระแวดระวังกลัวเพื่อนรักจะโผล่พรวดออกมาจากห้องนั้นก่อนที่เธอจะทันได้หลบฉากอีกครั้ง
มีหรือที่คนขี้สงสัยอย่างป๊อบคอร์นและชอบใฝ่รู้เรื่องชาวบ้านโดยเฉพาะชาวบ้านที่เป็นถึงเพื่อนรักของเธอจะไม่สนใจสืบเสาะหาความจริง ใกล้แค่นี้...แค่ประตูกั้น ป๊อบคอร์นก็จะได้เห็นแล้วว่าเชอแตมมาหาใคร
หญิงสาวยืนถอนหายใจทางปากฟู่ยาว ฝ่ามือทั้งสองถูกันไปมาเตรียมใจที่จะลองจับลูกบิดประตูและบิดดูว่ามันสามารถเปิดเข้าไปได้ไหม
ป๊อบคอร์นอ้าปากเหวอ ตาโตชวนตะลึง เมื่อมือหมุนลูกบิดแล้วมันสามารถเปิดเข้าไปได้ "ประตูไม่ได้ล็อก!" กระแสเสียงกระซิบกับตัวเองเบามากด้วยความดีใจ ก่อนจะค่อย ๆ แง้มมองลาดเลาข้างในก่อนจะแทรกตัวผ่านเข้าไปเงียบ ๆ เมื่อไม่เห็นผู้ใดอยู่ใกล้ทางออกประตู
เชอแตมยืนกอดอกสีหน้าถมึงทึงจ้องตรงไปยังแวมไพร์หนุ่มที่นอนเหยียดยาวบนเตียงนอนที่ปูด้วยผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ดวงตาจดจ่อกับหนังสือในมือที่กางออก ชีวิตของเขาคงมีเพียงผ้าปูที่นอนกับผ้าขนหนูที่พอจะเป็นสีขาว ทั้งห้องถูกปกปิดด้วยม่านกันแสงจากดวงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามา มีเพียงโคมไฟตรงหัวเตียงที่เปิดให้แสงสว่างเพื่ออ่านหนังสือที่อยู่ในมือ
เขาได้ยินเสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะติดกันหลายครั้ง ไม่ใช่แวมไพร์มาหาเขาแน่ เพราะถ้าพวกเดียวกันมักจะเข้ามาทางระเบียงห้องหรือหายตัวเข้ามามากกว่าจะเคาะประตูเปิดเผยตัวเองให้มนุษย์ในคอนโดคนอื่นมองหน้า และเขามั่นใจว่ามันไม่ใช่จังหวะการเคาะของหลุยส์ หมอนั่นมีจังหวะการเคาะที่สุภาพและเว้นจังหวะเหมาะสม นอกจากหลุยส์ก็ไม่มีมนุษย์คนใดรู้จักเขาแล้ว ยกเว้น...'แม่นี่' เพียงคนเดียว
เขาใช้พลังแวมไพร์ปลดล็อกประตูให้เธอได้เปิดเข้ามา กว่าเชอแตมจะรู้ว่าเขาจะไม่เดินมาเปิดประตูให้ เธอก็ต้องยืนหงุดหงิดไปหลายวินาที จนต้องลองบิดลูกบิดดูถึงรู้ว่าไม่ได้ล็อก
เขาไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือมองผู้มาเยือนแต่อย่างใด ยังคงไล่สายตาอ่านตัวอักษรในหนังสืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนเชอแตมต้องพ่นลมหายใจเสียงดังให้เขาได้ยิน แม้กระนั้นเขาก็ยังไม่เงยหน้า
"เป็นแวมไพร์ที่ยั่วโมโหได้เก่งจริง ๆ"เธอคิดในใจ
"ทำไมเมื่อคืนคุณไม่ปลุกฉัน" กระแสเสียงบ่งบอกถึงอาการไม่พอใจ เขาก็คิดไว้แล้วว่าเจ้าหล่อนต้องทำอะไรสักอย่างให้เขาวุ่นวายในค่ำคืนนี้
"คุณหลับ...จะให้ผมปลุกทำไม" เขาตอบทั้งที่สายตายังอ่านหนังสือ
"คุณก็รู้ ว่าต้องปลุกฉันทำไม" น้ำเสียงยังคงระดับความไม่พอใจแบบเดิม
อีธานส่ายหน้าเบา ก่อนจะปิดหนังสือลงวางข้างตัว มือประสานไว้แนบอกมองตรงไปที่ดวงตาสีนิลของเธอ
"คุณจะใจร้อนไปทำไม ในเมื่อวันนี้คุณก็จะได้เจอผมอยู่ดี"
เชอแตมกัดปากแน่น ดวงตาหรี่เล็ก "ต้องใจร้อนสิ ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนคุณกับ..."
"เฟรยา..." อีธานตัดบทคำพูดเธอด้วยคำพูดเขา ทั้งคู่จ้องตากันนิ่ง "ทำไมหรือ เมื่อคืนผมกับเฟรยาทำไม" เขาถาม จ้องลึกไปในดวงตาของเธอ เจ้าหล่อนกำลังจินตนาการถึงเรื่องบนเตียงอันร้อนแรงของเขากับเฟรยา เชอแตมไม่ควรจะจินตนาการแบบนั้นเลย เพราะผู้หญิงในมโนภาพนั้นควรเป็นเธอ ไม่ใช่เฟรยา "ตอบให้ตรงตามที่คิดไว้ด้วยล่ะ เพราะคุณก็รู้ว่าผม...เห็น"
เชอแตมเม้มปากแน่น ลืมทุกทีว่าเขาอ่านใจได้ ช่างมันสิ! คิดไปแล้วจะเรียกคืนกลับมาได้อย่างไรล่ะ
"ในเมื่อคุณเห็น ฉันก็ไม่จำเป็นต้องตอบ..." เชอแตมสวนกลับด้วยอารมณ์ที่ต้องเติมคำว่า มหา หน้าคำว่า หึง "แล้วมันเป็นอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่าล่ะ"
อีธานทำท่าเหมือนถอนหายใจ เบี่ยงหน้าไปทางอื่นเชิงขัดใจ เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอคิดสักหน่อย แต่เขาก็ขี้เกียจอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังจะแย่ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเฟรยาเลย เขาจึงไม่อยากแก้ตัวใด ๆ ทั้งนั้น เขาได้บอกเธอไปแล้วว่าไม่มีระบบคู่หมั้น และมันก็ไม่มีจริง ๆ ถ้าเธอจะเข้าใจเขาง่าย ๆ มันก็คงจะดี
หรือมนุษย์ผู้หญิงชอบให้อธิบาย ชอบให้ผู้ชายสร้างความมั่นใจให้ ชอบให้ปฏิเสธเพื่อให้สบายใจ เขาต้องทำแบบนั้นใช่ไหม
"ถ้าผู้หญิงบนเตียงในจินตนาการคุณเป็นคุณเองก็ว่าไปอย่าง"
อีธานตวัดสายตากลับมาหาเธอก่อนจะเอ่ยคำพูดหน้าตายที่ทำให้เชอแตมหน้าร้อนผ่าว เจ้าหล่อนเม้มปากแน่นกลบอาการเขินที่เกิดขึ้นกะทันหัน
"อีธาน!" เจ้าหล่อนสบถเสียงเบา คิดคำด่าเขาไม่ออก ได้แต่แสดงสีหน้ากระฟัดกระเฟียดใส่
"เอ๊า! เป็นตัวเองก็ไม่พอใจอีก...จะเอายังไง" อีธานตีหน้ามึนใส่เธอ เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"พอ ๆ ฉันไม่ได้จะมาเถียงกับคุณเรื่องนี้ ฉันต้องการรู้เรื่องของเฟรยา" เชอแตมตวาดใส่ด้วยหมดความอดทน
อีธานยกไหล่ "เฟรยาเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กของผม..." แค่เริ่มต้นเขาก็เห็นสีหน้าเจ้าหล่อนเผือดลง หึงบรม แต่เขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะความจริงมันยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาหมด "เราเติบโตมาด้วยกัน เพราะตระกูลแพนโดราของเฟรยาเป็นตระกูลที่สนิทกับตระกูลโอดินของผม เราเลยรู้จักกันโดยอัตโนมัติ"
เขาดูปฏิกิริยาของเธอก่อนเอ่ยต่อว่า "มีอะไรที่คุณอยากรู้อีกมั้ย"
เชอแตมปากแบนเชิงงอน ก่อนจะถามเข้าเรื่องที่เธอคาใจมากที่สุด
"ในเมื่อคุณบอกว่าในอาณาจักรของคุณไม่มีระบบคู่หมั้น แล้วทำไมเฟรยาถึงได้..."
เชอแตมหยุดคำพูดเสียดแทงหัวใจลง
"ตระกูลแพนโดรากับตระกูลโอดิน มีเหตุที่ต้องสนิทกันเพราะมีคนในสองตระกูลได้เป็นดองกันทางคู่ครองมาหลายคู่ และไม่แปลกที่เฟรยาจะคิดว่าความสนิทของผมกับเธอก็ไม่ต่างอะไรกับคู่หมั้น"
เชอแตมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองหดเล็กลงจนเกือบตีบตัน ถ้าวันหนึ่งเขาและเธอต้องจากกัน หากเขากลับไปอาณาจักรของเขา คู่ครองของเขาคงหนีไม่พ้นเฟรยา
"ผมไม่ใช่คนที่จะผูกจิตกับใครสะเปะสะปะ ถ้าผมไม่รัก ผมก็ไม่สามารถครองคู่ด้วยได้"
เขาเอ่ยออกมาเมื่อเห็นอาการคิดไปเองของเธอ เชอแตมเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาอ่อนลง
"เฟรยารักคุณหรือคะ" เจ้าหล่อนถามตรง อีธานดูลำบากใจที่จะตอบ
"เท่าที่ผมอ่านได้จากใจเธอ มันก็มีส่วน"
เชอแตมถอนหายใจเบา รู้สึกแพ้อย่างบอกไม่ถูก
อีธานอ่านใจเธอและเห็นปฏิกิริยาเงียบไปของเธอก็รู้สึกไม่ชอบใจ เธอแว้ด ๆ ใส่เขามันยังดีกว่าเธอเงียบไปแบบนี้ ความรักของเขาและเธอที่เลือนลางอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เธอซ้ำเติมด้วยอาการแบบนี้ให้ยิ่งเลือนลางไปอีก
"ผมไม่เห็นจะแคร์เลยว่าไอ้หมอนั่นมันรักคุณหรือเปล่า..." อีธานโพล่งขึ้นมา 'ไอ้หมอนั่น' ที่เขาว่า เธอนึกได้เพียงคนเดียวตอนนี้คือ พี่กรุ๊ป "ที่ผมแคร์ก็คือ...ใจคุณ"
เชอแตมมองตาเขาด้วยแววประหลาดใจเล็ก ๆ อีธานตวัดขาลงมาจากเตียง ยืนตัวตรงด้วยท่าทางมีมาดแบบไม่แสร้งทำ เขาเก็บสองมือไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างที่เขาชอบทำ แล้วเดินมายืนตรงหน้าเธอ เจ้าหล่อนเงยสบตาเขา
"แล้วคุณจะแคร์ทำไมว่าเฟรยาคิดอะไรกับผมหรือเปล่า..."
เชอแตมคิดในใจ ใช่ เธอไปแคร์อีกฝ่ายทำไม ในเมื่อสิ่งสำคัญที่สุดคือใจเขา เขาคิดอย่างไรกับเฟรยา คิดอย่างไรกับเธอ นั่นคือสิ่งสำคัญ
"แต่ฉันก็กลัวอยู่ดี..." เชอแตมเอ่ยความในใจ สายตาคล้ายเว้าวอนส่งไปให้เขา
"วันนึงเราอาจจะต้องจากกัน -- ฉันต้องอยู่ที่นี่ ส่วนคุณต้องกลับไปอาณาจักรของคุณ..." ดวงตาของเชอแตมมีประกายใสเหมือนกำลังกลั่นน้ำตา "คุณกับฉันมันต่างกัน แต่เฟรยากับคุณเป็นแวมไพร์เหมือนกัน..."
ตุ้บ!!
เสียงของตกลงบนพื้นดังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งในห้องของอีธานนี่แหละ ทั้งแวมไพร์หนุ่มและมนุษย์สาวหันหน้าไปมองทางที่มาของเสียง เรื่องที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเกือบกลายเป็นเรื่องเล็กขี้ปะติ๋วไปทันใดเมื่อเห็น ป๊อบคอร์นยืนหน้าเหวอ มองตรงมาทางเขาและเธอ มีกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ข้าง ๆ เท้า
"ป๊อบ!!" เชอแตมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ สีหน้าซีดเผือดลงทันใด
