บทที่ 33 เมื่อความลับปรากฎ 2
ป๊อบคอร์นนอนกลิ้งไปกลิ้งมา อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นเพราะหลุยส์เพียงคนเดียว เขาทำให้เธอรู้สึกค้างคาใจจนอยากจะเรียกเขากลับมาแล้วพูดคุยกันใหม่ การกระทำของเขาบางครั้งก็ให้ความรู้สึกอ่อนโยน เอาใจจนเธอเกือบคล้อยตาม บางคราวก็เหมือนไม่แคร์ไม่สนใจจนเธออยากวิ่งหนีไปให้พ้นหน้า เขาบอกว่าให้เธอทำอะไรเขาก็ได้ ยกเว้น 'รักเขา' ทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ ทำไมเขาไม่อยากให้เธอรักเขา
โอ๊ย! เจ้าหล่อนคิดจนกลุ้ม ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วลูบแรง ๆ ก่อนตวัดออก
"ฉันจะทำยังไงดี!"
เพราะแน่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นยังมีอยู่ และมันจะยังคงค้างคาแน่นอนหากไม่ยอมทำอะไรสักอย่างให้มันเด็ดขาดไปทางใดทางหนึ่ง เขาจะมาแสดงอาการครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนจะรักก็ไม่รัก จะทิ้งก็ไม่ทิ้งแบบนี้ไม่ได้!
ป๊อบคอร์นตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
"เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน เจ็บหนักมาครั้งนึงแล้ว เจ็บอีกสักครั้งจะเป็นไรไป ถ้าจะจบก็ต้องจบแบบบริบูรณ์ไม่มีเยื่อใยหลงเหลือ"
เจ้าหล่อนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพยายามข่มตาลงหลับอีกครั้ง
"โอ๊ยยยยย!..." ป๊อบคอร์นลุกขึ้นมานั่งมือไม้ปัดป่ายผมเผ้าจนยุ่งเหยิง "ทำไมยังไม่หลับอีกวะ หลับได้แล้วโว้ยยยย!"
เจ้าหล่อนตะโกนแบบออมเสียง เพื่อไม่ให้เล็ดลอดไปยังห้องพ่อแม่ ไม่งั้นคงลุกฮือกันมาถามไถ่จนได้เรื่อง
ป๊อบคอร์นถอนหายใจฟู่ใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวล้มตึงลงหลับตาอีกครั้ง ช่างมันถ้าไม่หลับก็ปิดตาแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็หลับเอง
เฟรยา แพนโดรา นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงปลายเตียงของอีธานด้วยสีหน้าขรึม ๆ หล่อนเป็นแวมไพร์สาวในตระกูลแพนโดราซึ่งเป็นตระกูลมิตรสหายกับตระกูลโอดินมานมนาน และเพราะสองตระกูลนี้ได้เกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานมาหลายคู่ ไม่แปลกหากเฟรยาจะติ๊งต่างเอาว่าเธอกับอีธานก็ต้องลงเอยเช่นนั้นเหมือนกัน
"ผมรู้นะ ว่าคุณตั้งใจจะแกล้งเธอ" อีธานเก็บสองมือไว้ในกระเป๋ากางเกง มองใบหน้าสวยดุนั้นด้วยดวงตาไร้ความรู้สึกเสน่หาเชิงชู้สาว
เฟรยาตวัดสายตาข้น ๆ นั้นมามองแวมไพร์หนุ่ม
"น่าน้อยใจจริง ๆ อุตส่าห์เดินทางไกลมาจากอาณาจักรของเราด้วยความคิดถึงแท้ ๆ แต่กลับได้รับการต้อนรับในแบบที่...จุกไปเลยทีเดียว"
ภาพของแวมไพร์หนุ่มกับมนุษย์สาวที่นัวเนียกันอยู่บนเตียงทำให้เฟรยาถึงกับตาร้อนผะผ่าว อีธานไม่เคยแสดงท่าทีหรือการกระทำแบบนั้นกับใครเลย ขนาดเธอที่ใกล้ชิดเขา ถึงขนาดที่แวมไพร์อาวุโสมาดหมายว่าเธอเหมาะสมในตำแหน่งคู่ครองของเขาที่สุด กลับไม่เคยได้แม้แต่เศษเสี้ยวของการจูงมือกัน เฟรยาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นภาพของอีธานในรูปแบบนี้ เธอไม่เคยจินตนาการเพราะเขาเป็นแวมไพร์ที่ดูแสนจะใจแข็งและเย็นชา ไม่เคยคิดว่าเขาจะหลงรักใครเป็นเสียด้วยซ้ำ
แต่ทำไม มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นถึงได้มันไป เธอมีดีอะไรถึงทำให้จิตใจที่เกือบไร้ความรู้สึกเหมือนหินแกรนิตที่ยากแก่การเจาะได้ของอีธานกลายเป็นหินพัมมิสเบาหวิวที่มีรูพรุนอยู่เต็มไปหมด
"คุณตั้งใจจะทำให้เธอโกรธผมใช่มั้ย"
"ดูคุณแคร์เธอนะ อีธาน" เฟรยาลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา
"คุณอ่านใจผมได้นี่"
"แต่คุณก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันอ่านได้หมดทุกอย่าง -- ดูเหมือนคุณจะมีปัญหาทางนี้ซะแล้วนะอีธาน"
สิ่งที่เธอกำลังพูดคือสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ และเขาก็ไม่ชอบเสียด้วยหากใครมาย้ำในสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว
"พอเถอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของผม -- คุณออกมาจากอาณาจักรแบบนี้ คนอื่นรู้หรือเปล่า"
"ลุงเครู้ ว่าฉันออกมา..."
อีธานนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นอาแล้วพอจะเข้าใจอะไรได้กระจ่างแจ้ง อาคงรู้ว่าเขาทุ่มใจให้เชอแตมเกือบเต็มร้อยแล้ว เฟรยาคงเป็นพญามารที่จะมาชะงักการก้าวเข้าไปเต็มตัวของอีธานได้ดี
แต่เขาไม่ต้องการ...เขารู้ขีดจำกัดของตัวเอง
"ลุงเคบอกว่า คุณมีหน้าที่มาดูแลมนุษย์ที่กำลังโดนพวกเฮนรี่ตามล่าอยู่ มนุษย์คนนั้นคือเธอคนนั้นใช่มะ"
"ใช่"
"เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเฮนรี่ตอนนี้คือการตามหาสิ่งที่อยู่ในตำนาน ถ้าผู้หญิงคนนั้นถูกมันคุกคามขนาดนี้ แสดงว่า ในตัวเธอคงมีสิ่งนั้นอยู่จริงสินะคะ"
"ผมไม่รู้ ผมมีหน้าที่ดูแลเธอเท่านั้น ผมไม่ได้สนใจว่าจะมีอะไรอยู่ในตัวเธอหรือเปล่า"
เฟรยายิ้มมุมปากเยาะเขา "ดูแลเท่านั้นเหรอ..." เธอหยุดประโยคเพื่อมองตาเขาให้ชัด ๆ "ดูแลกันถึงขนาดต้องกล่อมนอนอย่างเมื่อกี๊เลยหรือคะ"
อีธานไม่ตอบ
"คุณถอนตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะอีธาน..." คำพูดของเฟรยาไปจุดประกายไฟเล็ก ๆ ในใจของอีธาน เขาไม่ชอบเลยกับการโดนตอกย้ำ!
"คุณก็รู้ว่าเธอเป็นมนุษย์..."
อีธานขบฟันแน่น เขาไม่อยากแสดงอารมณ์ก้าวร้าวออกมาให้เฟรยาได้เห็น เพราะนั่นจะเป็นการยืนยันความรู้สึกของเขาที่มีต่อเชอแตม
"เธอกับคุณอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้ แน่นอน คุณกับเธออาจจะมีสัมพันธ์ทั้งทางใจและทางกายอย่างคู่รักทั่วไปได้ แต่คุณพาเธอไปอยู่ในที่ของพวกเราไม่ได้ เธอหายใจ แต่เราอยู่ได้โดยไม่ต้องหายใจก็ได้ และอาณาจักรเราก็อยู่ใต้ดิน อากาศมีเพียงน้อยนิด เธอต้องกินอาหารแต่เราไม่จำเป็น และที่สำคัญคุณเก่งที่สุดในหมู่แวมไพร์เรื่องการหักห้ามใจไม่ดื่มเลือดไม่ว่าจะของสัตว์หรือมนุษย์ แต่แวมไพร์ส่วนหนึ่งในอาณาจักรเรายังไม่สามารถหักห้ามใจไม่ดูดเลือดของมนุษย์ได้ แน่นอนเธอต้องโดนแวมไพร์สักตัวดูดเลือดเข้าสักวัน และถ้าหากคุณจะมาอยู่กับเธอบนโลกมนุษย์ คุณก็รู้ดีว่าคุณไปไหนมาไหนในเวลากลางวันไม่ได้"
โชคดีของเฟรยาตรงที่อีธานเป็นแวมไพร์แต่เชอแตมเป็นมนุษย์ ความรักของทั้งคู่เป็นไปได้แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงเท่านั้น และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมีความหวังที่จะได้ครองรักกับเขา
"ผมรู้ดี" อีธานจ้องตาของเฟรยาเขม็ง เธอเห็นอารมณ์โกรธฟุ้งกระจายอยู่ในกระจกตาสีฟ้าครามนั้น มันเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า หัวใจของอีธานเป็นของเชอแตมไปแล้ว
เธอดูเป็นตัวร้ายไปโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะเป็น เธอเคยคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกที่กว่าพระเอกจะให้ใจต้องใช้เวลานาน ตอนนี้ทำให้เธอรู้แล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดไปเองเพียงคนเดียว
ตัวร้ายก็เจ็บเป็นนะ...
อีธานละสายตาจากดวงตาของเธอทันทีเมื่อเห็นแววเสียใจนั้น เขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้เขาก็คงอยากจะรักแวมไพร์ด้วยกัน แต่เรื่องความรักมันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย หากจะรักก็รักโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ขณะเดียวกันหากไม่รักต่อให้ดีให้สวยสะดุดตาเต็มไปด้วยความเพียบพร้อมแค่ไหน ก็ไม่รัก...
"โชคดี...ที่เธอเป็นมนุษย์"
เฟรยารวบรวมความเจ็บปวดทั้งหมดทิ้งไป แล้วกลับมายิ้มอย่างสาวมั่นดังเดิมให้อีธาน เธอรักใครแล้วก็ยากที่จะตัดใจ
"บางที...ปาฏิหาริย์ก็มีจริงนะ เฟรยา"
เฟรยาเห็นแววสลดในดวงตาแวมไพร์หนุ่ม
"ถึงขนาดต้องหวังปาฏิหาริย์..." เฟรยาหยุดพูด แล้วพยักหน้าเชิงเข้าใจอะไรบางอย่างเบา ๆ "คุณรักเธอเข้าแล้วจริง ๆ อีธาน"
อีธานไม่ตอบอะไร ไม่คิดอะไรให้เธอได้อ่าน เขาเงียบเพราะรู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เจ็บปวดแปลก ๆ
ถึงขนาดต้องหวังปาฏิหาริย์...
เขารักเธอแล้ว และรักมากเสียด้วย
