บท
ตั้งค่า

บทที่ 30 เฟรยา แพนโดร่า 1

ย้อนกลับไปเมื่อเวลาหกโมงเย็นของวันนี้ ป๊อบคอร์นขับรถมาถึงบ้านด้วยสีหน้าค่อนข้างหงุดหงิด เจ้าหล่อนลงมาจากรถด้วยอารมณ์ขุ่น ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าหลุยส์ยังมีอิทธิพลให้เธอได้ว้าวุ่นใจขนาดนี้

"หืม...แม่คะ ทำกับข้าวเยอะแยะเชียว จะมีแขกมาบ้านเราเหรอ"

เสียงเล็กแหลมของลูกสาวทำให้คุณธารทิพย์เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอาหารที่กำลังจัดวางให้เป็นระเบียบหลังจากแม่บ้านยกจานกับข้าวมาวางไว้ให้เรียบร้อยก่อนตวัดสายตามองพร้อมรอยยิ้มกว้าง

"ใช่จ้ะ" คุณธารทิพย์ส่งเสียงตอบรับ ในใจกรุ้มกริ่มยิ่งนักเมื่อนึกถึงบรรยากาศการรับประทานอาหารร่วมกันกับหลุยส์ และยิ่งไปกว่านั้นหลุยส์กับป๊อบคอร์นจะได้เจอกันต่อจากนั้นก็จะสานสัมพันธ์กันให้มากขึ้น

"มิน่าล่ะ วันนี้ถึงอยู่บ้านทั้งพ่อทั้งแม่ ปกตินี่หนูไม่เคยเห็นใครว่างอยู่ทันกินข้าวเย็นที่บ้านสักคน"

ป๊อบคอร์นตวัดสายตาไปยังบิดาที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก รายนั้นก็กำลังอมยิ้มน้อย ๆ เพราะรู้แผนการของภรรยาดี

"ว่าแต่ใครมาคะแม่" เจ้าหล่อนถาม น้ำเสียงร่าเริง

เสียงรถยนต์มาจอดเทียบหน้าบ้านพอดี ทุกคนในห้องรับประทานอาหารต่างหันไปทางต้นเสียง

"ป๊อบ ออกไปต้อนรับแขกให้แม่หน่อยสิลูก แม่ยังเตรียมโต๊ะไม่เสร็จเลย"

ป๊อบคอร์นเม้มปากนิดหนึ่งก่อนจะรับคำมารดา "ได้ค่ะแม่"

หญิงสาวน้ำเสียงแปดหลอด ก้าวเท้าฉับ ๆ ไปยังหน้าบ้านที่เธอเพิ่งก้าวพ้นไปเมื่อไม่กี่นาที ก่อนจะค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าช้า ๆ จนกระทั่งหยุดสนิทมองไปยังตัวรถออดี้สีดำสนิทของแขกผู้มาเยือน

"รถคุ้น ๆ" เจ้าหล่อนนึกในใจ ก่อนจะกระจ่างแจ้งเมื่อเจ้าของรถลงมา

ป๊อบคอร์นอ้าปากค้างเติ่ง ตาเบิกกว้างตกใจที่สุด อย่าบอกนะว่าแขกที่จะมากินข้าวที่บ้านเธอวันนี้คือ หลุยส์!

หลุยส์มายืนนิ่งมองป๊อบคอร์นกลับไปเช่นกัน เขาขับรถมาก่อนเธอ แต่กลับแวะเข้าปั๊มน้ำมันระหว่างทาง ตั้งใจให้เจ้าหล่อนถึงบ้านก่อน เพื่อความสะใจเล็ก ๆ เวลาเธอเห็นเขาเป็นผู้มาเยือน เหมือนอย่างตอนนี้

หลุยส์ยกมุมปากให้เธอนิดหนึ่งด้วยแววเยาะเย้ย

"นายมาทำอะไรที่นี่!"

"ผมไม่ได้มาหาคุณก็แล้วกัน"

ป๊อบคอร์นขบฟันแน่นด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

"แต่นี่มันบ้านฉัน!" เจ้าหล่อนตวาดกลับไป "นายไม่มีสิทธิ์มาเหยียบบ้านฉัน"

หลุยส์รู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์อย่างที่เธอว่า มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เขากับเธอต้องอยู่ให้ห่างกันมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องแวมไพร์

แต่สำหรับวันนี้...ชายหนุ่มขอทิ้งเรื่องแวมไพร์ไปสักวันแล้วกัน หากต้องใช้ชีวิตปกติปราศจากความคิดถึงเรื่องแวมไพร์ เขาอยากรู้นักว่าตัวเองจะรู้สึกเช่นไร

"เดี๋ยวก็รู้ว่าผมจะมีสิทธิ์หรือเปล่า" หลุยส์พูดนิ่ง ๆ น้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะยกมือขึ้นพนมแสดงความเคารพต่อคุณธารทิพย์ที่กำลังเดินออกมาต้อนรับ

"สวัสดีครับคุณป้า" หลุยส์กล่าวทักทาย คุณธารทิพย์รับไหว้พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ๆ

"สวัสดีจ้ะหลุยส์..." นางหันไปหาลูกสาวตัวดีที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอย่างออกนอกหน้า "แม่ให้มาต้อนรับพี่เขา ทำไมมาช้าจัง มัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่เชิญพี่เขาเข้าบ้าน"

ป๊อบคอร์นที่ยืนกอดอกอยู่เมื่อครู่ต้องตวัดแขนลงแรง ๆ สีหน้างุนงงไม่เข้าใจ มารดาเธอไปรู้จักมักจี่กับหลุยส์ได้ยังไง เจ้าหล่อนพ่นลมหายใจหงุดหงิดออกมาก่อนจะตอบกลับมารดาไปว่า

"เขาไม่ใช่รุ่นพี่หนูนะคะแม่ อายุเราเท่ากัน"

"หืม...อ้าวเหรอ นี่แม่เข้าใจผิดตลอดคิดว่าหลุยส์อายุมากกว่าเราเหรอ ตายจริง!" นางเอามือทาบอกรู้สึกอายนิด ๆ กับความทรงจำผิดพลาดของตัวเอง "ว่าแต่...เราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ"

คุณธารทิพย์มองหน้าหลุยส์ทีป๊อบคอร์นที แต่ต่างคนต่างก็ไม่มีใครให้คำตอบ

"โอเค เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ไปนั่งกินข้าวแล้วคุยกันข้างในน่าจะสะดวกกว่าเนอะ"

หญิงสูงวัยถือวิสาสะจูงมือชายหนุ่มเดินผ่านหน้าลูกสาวของตัวเองเข้าไปในบ้าน ป๊อบคอร์นได้แต่อ้าปากเหวอให้กับกิริยาท่าทางของแม่ที่เอ็นดูหลุยส์จนไม่เห็นหัวลูกสาวตัวเอง

"นี่มันอะไรกัน!" เจ้าหล่อนพึมพำเบา ๆ เพียงลำพัง นึกสงสัยถึงขีดสุดว่ามารดาเธอรู้จักหลุยส์ได้ยังไง

ป๊อบคอร์นกระแทกก้นตัวเองพิงเคาน์เตอร์ครัวด้วยอารมณ์หงุดหงิด เธอหนีทุกคนเข้ามาระงับอารมณ์ขุ่นมัวในนี้ อย่างน้อยมันอาจจะช่วยให้เธอใจเย็นขึ้นและสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ระดับหนึ่งหากออกไปนั่งร่วมโต๊ะกับหลุยส์

"คุณหนู เข้ามาทำอะไรในนี้คะ คุณท่านถามหาอยู่แน่ะค่ะ นี่ก็ถึงเวลาอาหารแล้วนะคะ คุณหลุยส์เธอก็มาแล้วด้วย"

เสียงป้าน้อยแม่บ้านใหญ่ของครอบครัวเธอดังขึ้นข้าง ๆ เจ้าหล่อนหันไปมองหญิงสูงวัยกว่าด้วยแววตาขุ่น ๆ

"ป้าน้อยรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอคะ"

"เพิ่งรู้จักนี่แหละค่ะ ป้าน้อยได้ยินคุณท่านบ่นถึงตลอดเวลาที่จัดการทำกับข้าวด้วยตัวเองในครัวน่ะค่ะ ท่านบอกว่า คุณหลุยส์ดูสง่ามีราศี รูปร่างหน้าตาท่าทางเหมาะสมกับคุณหนูมากเลยนะคะ และเธอก็สุภาพมาก ๆ ด้วย"

"เหมาะสม!" ป๊อบคอร์นอุทานเสียงดัง มือตกลงมาวางแนบลำตัว ท่าทีขนลุกขนพองแถมยังประหลาดใจถึงขีดสุดอีก "นี่แม่คิดจะทำอะไรกันน่ะ จะจับคู่หนูกับหลุยส์งั้นเหรอคะ"

ป้าน้อยดูสะดุ้งนิด ๆ กับท่าทางของป๊อบคอร์น นางเผยยิ้มอ่อนโยนให้เธอ

"ป้าไม่ทราบหรอกค่ะ แต่ถ้าถามป้า ป้าว่าเธอเหมาะสมกับคุณหนูมากจริง ๆ นะคะ"

ป๊อบคอร์นอ้าปากเหวอ "ป้าน้อย!" น้ำเสียงไม่พอใจเชิงตัดพ้อ ป้าน้อยฉีกยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินเลยเจ้าหล่อนไปจัดการครัวต่อ

ป๊อบคอร์จำใจเดินออกมานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับแขกคนสำคัญของพ่อกับแม่ แม้จะมีสีหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่มีใครใส่ใจเธอเลยสักคน เพราะปกติแล้วบิดามารดาของเธอรู้นิสัยเธอดีว่าเป็นคนเอาแต่ใจมากแค่ไหน หากแต่นิสัยนั้นก็ไม่ได้เหมือนลูกคุณหนูทั่วไปที่ไร้เหตุผล แม้เจ้าหล่อนจะอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยครั้ง หากแต่ความคิดกลับสวนทางกับอารมณ์ชัดเจน

แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งไหน ที่เจ้าหล่อนหงุดหงิดแล้วหายเร็วเป็นปลิดทิ้ง และมันแย่ตรงที่พ่อแม่ไม่รู้เลยว่าการนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับหลุยส์มันคือเรื่องเครียดที่สุดในชีวิตของป๊อบคอร์น

ใครจะนึกไปถึง คนที่จากกันด้วยไม่ดี มีประวัติศาสตร์ดำมืดกันมาก่อน กลับหวนกลับมาอยู่ใกล้กันในแบบที่ไม่ควรเกิดขึ้น

ฟ้าหรือโชคชะตามักจะเล่นตลกกับชีวิตคนเสมอ...

"ป๊อบ คงยังไม่รู้ใช่มั้ยลูก ว่าหลุยส์เป็นลูกชายของน้าดารินทร์กับอาฌายิน ภูมิบวรวงศ์" คุณธารทิพย์เอ่ยขึ้นมาขณะรับประทานอาหารกัน ป๊อบคอร์นเงยหน้าขึ้นมาจากการก้มมองจานข้าวที่ยังไร้ซึ่งกับข้าวตักลงไป ตวัดมองหลุยส์เสี้ยววินาทีก่อนจะหันไปมองมารดา

หลุยส์มองเธออยู่ตลอดเวลาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวว่าตั้งใจมองแค่ไหน พอในใจไร้ซึ่งแวมไพร์ เขากลับรู้สึกได้ถึงกระแสแห่งความต้องการที่หัวใจตัวเองเรียกร้องอย่างมหาศาล

"น้าดารินทร์..." ป๊อบคอร์นทำท่านึก "หนูนึกไม่ออกอ่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นอาฌายิน ภูมิบวรวงศ์ หนูพอจำได้ว่าเขาเป็นนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่นใช่ป่าวคะ"

หลุยส์ชะงักไปอึดใจ ไม่ได้สังเกตว่าคุณธารทิพย์กับคุณชรัณมองมายังเขาด้วยแววตาตกใจกึ่งอยากขอโทษแทนลูกสาวที่พูดอะไรออกไปแบบไม่รักษาน้ำใจเขาเลย

เรื่องดี ๆ เจ้าหล่อนกลับไม่จดจำ แต่เรื่องแบบนี้เจ้าหล่อนกลับจำขึ้นใจ ป๊อบคอร์นมองหน้าพ่อแม่ที่ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ด้วยแววแสร้งไม่เข้าใจ เธอเสมองไปทางหลุยส์ก็พบว่าเขากำลังมองเธออยู่ก่อนแล้ว เจ้าหล่อนกระตุกมุมปากยิ้มเยาะสะใจไปให้

"ป๊อบ พูดอะไรเกรงใจหลุยส์บ้างสิลูก" คุณธารทิพย์เอ็ดเข้าให้

"ทำไมคะ ก็หนูจำอาฌายินแบบนี้ได้จริง ๆ นี่คะ หรือว่าข่าวเท็จคะ ที่บอกว่าอาฌายินเป็นนักการเมืองมือสกปรก" ป๊อบคอร์นยังตอกย้ำต่อไป ลึก ๆ แล้วเธอค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันที่รู้ว่าหลุยส์เป็นลูกชายของนักการเมืองคนนี้

"พอ ๆ เลิกพูดจาแบบนี้ได้ละ" คุณธารทิพย์นึกสงสัยว่าทำไมลูกสาวของตัวเองถึงกล้าพูดจากระแทกแดกดันราวกับตั้งใจให้กระทบกระเทือนหลุยส์ขนาดนี้

"ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมไม่ถือ..." เขายิ้มเล็กน้อยให้หญิงสูงวัย ก่อนตวัดสายตาไปจ้องป๊อบคอร์น "คนเราหนีความจริงไม่พ้นหรอกครับ ผมเป็นคนมีเหตุผลพอ และรู้ว่าควรยืนอยู่บนความจริงที่แสนจะเจ็บปวดยังไงให้ได้ มานานแล้วครับ"

คุณธารทิพย์ถอนหายใจหงุดหงิดให้แม่ลูกสาวตัวดีที่แสดงท่าทีไม่ทุกข์ร้อนซ้ำไม่สำนึกผิดสักนิด เจ้าหล่อนตักกับข้าวเข้าปากแบบท้าทายจนมารดาอยากลากไปฝึกมารยาทเสียใหม่

"ลูกจำหลุยส์ไม่ได้เลยหรือป๊อบคอร์น" คุณชรัณเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง ป๊อบคอร์นชะงักมองหน้าบิดาด้วยอาการงุนงง เธอรู้จักหลุยส์มาก่อนน่ะใช่ ก็เธอนี่แหละที่ไปหลงรักเขาเมื่อสมัย ม.ปลาย แล้วเขาก็เป็นคนทิ้งช่อดอกไม้ของเธอลงถังขยะ จะไม่ให้เธอรู้จักเขามาก่อนได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเธอกับเขา และล่าสุดเชอแตมเพิ่งได้รู้ ไม่มีทางที่บิดาเธอจะรู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นคำถามของท่านต้องหมายความว่าเธอน่าจะเคยเจอหลุยส์ที่ไหนซักแห่งก่อนจะได้รู้จักกันเมื่อสมัย ม.ปลาย

"ไม่ค่ะ หนูจำไม่ได้" คำตอบนี้ทั้งตอบตามความจริงและประชดประชันชายหนุ่มไปในตัว หลุยส์ตักข้าวเข้าปากเรื่อย ๆ หูได้ยินทุกบทสนทนา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสะเทือนจิตใจอีกแล้ว เพราะเขาเจอเรื่องน่าผิดหวังมาเยอะ จนรับมือได้สบาย

"แม่เคยพาหนูไปหาน้าดากับอาฌายินที่บ้านครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่หนูยังเด็ก ๆ..." คุณธารทิพย์ทบทวนความทรงจำในอดีต "หนูน่าจะอายุราว ๆ เจ็ดแปดปีนี่แหละ วันนั้นหนูได้เจอหลุยส์ด้วยนะ สงสัยจะเด็กเกินไปจนจำไม่ได้"

ป๊อบคอร์นอ้าปากเหวอทันทีที่ฟังจบ เธอเคยเจอหลุยส์แล้วตอนเด็ก ๆ งั้นเหรอ ทำไมเธอจำไม่ได้เลยล่ะ หรือเพราะตอนเด็กเธอซนจนไม่ใคร่จะจดจำใคร ๆ

"จริงเหรอคะแม่" เธอถามย้ำ ไม่เพียงแต่คุณธารทิพย์เท่านั้นที่พยักหน้ารับ คุณชรัณก็เออออยืนยันด้วยอีกคน

"จริงสิลูก วันนั้นพี่เราก็ไปด้วยนะ" คุณชรัณเอ่ยถึงปานวาดพี่สาวของป๊อบคอร์นที่ตอนนี้กำลังเรียนต่ออยู่ต่างประเทศ "ไม่รู้ว่าพี่เราจะจำหลุยส์ได้หรือเปล่า"

ป๊อบคอร์นเบ้ปากก่อนเอ่ยขึ้นมาว่า "อย่าว่าแต่หนูเลยค่ะ ถามแขกของคุณพ่อ คุณแม่ก่อนเถอะ ว่าจำได้หรือเปล่า ท่าทางแบบนี้ คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นตัวเองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง"

ครั้งนี้ คำพูดกระแทกแดกดันของป๊อบคอร์นชัดเจนจนผู้สูงวัยกว่านึกสงสัยถึงวีรกรรมของเด็กหนุ่มสาวทั้งคู่ มันต้องมีเงื่อนงำให้ป๊อบคอร์นไม่ชอบหน้าหลุยส์มาก่อนแน่นอน หลุยส์ตวัดสายตามองเจ้าหล่อน ดวงตาท้าทายเจ้าหล่อนกลับไปแบบไม่ลดละ

"จำได้ครับ..." คำตอบของหลุยส์ทำให้ป๊อบคอร์นชะงัก เจ้าหล่อนไม่เชื่อเขา เพราะคิดว่าเขาน่าจะพูดเพื่อหักหน้าเธอมากกว่า "ผมจำได้ ว่าวันนั้นคุณป้ากับคุณลุงมาเยี่ยมพ่อแม่ผมที่บ้าน จำได้ว่าลูกสาวทั้งสองคนของคุณลุงคุณป้ามาด้วย"

ผู้สูงวัยกว่าแย้มยิ้มด้วยสีหน้าเบิกบาน

"ความจำดีจริง ๆ เลยนะหลาน" คุณธารทิพย์เอ่ยชื่นชมชายหนุ่ม ป๊อบคอร์นมองหน้าเขานิ่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ลึก ๆ กลับก้องกังวานตะโกนถามเขาว่า "คุณจำฉันได้ ทำไมคุณจำฉันได้ เด็กขนาดนั้นทำไมฉันจำคุณไม่ได้ แต่คุณกลับจำฉันได้"

"ขอบคุณครับคุณป้า..." หลุยส์กล่าวขอบคุณ สายตาจดจ้องไปยังหญิงสาวร่วมโต๊ะซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาลอบยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา "ผมจำได้ว่าวันนั้นลูกสาวคนเล็กของคุณลุงคุณป้า ร้องไห้งอแงอยากกินไอติมกะทิที่ขับผ่านหน้าบ้านผมมา..." คำอธิบายถึงเหตุการณ์วันนั้นทำให้ป๊อบคอร์นนิ่งเงียบมองตอบหลุยส์ด้วยสายตาดุจัด แต่ชายหนุ่มกลับอมยิ้มสะใจนิด ๆ ตอบกลับไป "แม่ดาเลยให้ผมออกไปซื้อให้ แต่รถไอติมกลับเลยไปแล้ว ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมนึกถึงใบหน้างอแงของลูกสาวคนเล็กของคุณลุงคุณป้าแล้วก็รู้สึกกลัวโดนด่ากลับมาหากในมือไม่ถือไอติมกลับไป..."

หลุยส์ไม่ละสายตาจากป๊อบคอร์นแม้แต่นิดขณะที่พูด เขาชอบที่สุดเวลาเห็นแววตาของเจ้าหล่อนสั่นระริกด้วยความโกรธ ผู้สูงวัยที่นั่งร่วมโต๊ะทั้งสองต่างมองสลับหญิงชายอ่อนวัยกว่าด้วยสายตาค่อนข้างกระหยิ่มใจ ทะเลาะกันแบบนี้สุดท้ายได้กันทุกราย

"ผมเลยตัดสินใจวิ่งตามรถไอติม โชคดีที่เขาขับช้า ๆ และได้ยินเสียงตะโกนเรียกของผม วันนั้นลูกสาวคนเล็กของคุณลุงคุณป้าเลยได้กินไอติมสมใจอยาก"

ผู้สูงวัยกว่านั่งหัวเราะขบขันในขณะที่ป๊อบคอร์นหายใจเข้าออกแรง ๆ ด้วยความไม่พอใจ มันเป็นเรื่องขายหน้าสำหรับเธอต่อหน้าหลุยส์ชัด ๆ

หากแต่หลุยส์ไม่ได้เล่าหมดทุกอย่าง ยังมีเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือที่เขาเก็บมันไว้แค่ในใจ

"พอผมได้ไอติมมาให้คุณ คุณดีใจใหญ่เลยรู้มั้ย กระโดดกอดหอมแก้มผมจนพวกผู้ใหญ่หัวเราะกันสนุกสนาน"

และวันนี้เขาเห็นแล้วว่าเรื่องในวันนั้นเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่น่าจดจำสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับเขา เขากลับจำได้ขึ้นใจจนปัจจุบันนี้

แววตาป๊อบคอร์นโกรธจัดแบบไม่ได้ล้อเล่นแล้ว เจ้าหล่อนนิ่งเงียบไปทันทีที่ได้ยินเรื่องราวนั้น มือที่กำลังถือช้อนส้อมนิ่งแข็งเป็นหิน เจ้าหล่อนมองหน้าเย็นชาใส่หลุยส์ ก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ

"หนูอิ่ม...ขอตัวนะคะ"

ถึงจะรู้ว่าเสียมารยาท แต่เจ้าหล่อนทนนั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว มันอึดอัด มันจุกจนไม่อาจจะทนเก็บต่อหน้าพ่อกับแม่ได้

ผู้สูงวัยกว่ามองป๊อบคอร์นด้วยแววตางุนงง แต่พอจะเดาออกว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ

"ไปเถอะหลุยส์" คุณธารทิพย์เอ่ยอนุญาติหลุยส์ที่มองหน้าเธอทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยขออนุญาติ

หลุยส์ค้อมตัวเบา ๆ เป็นการขออนุญาติ แล้วเดินเร็วก้าวตามป๊อบคอร์นไป

เจ้าหล่อนกำลังจะเลี้ยวไปทางบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของตัวเอง หลุยส์จึงรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของเธอเอาไว้กันไม่ให้เธอทำได้สำเร็จ

"ปล่อย!" ป๊อบคอร์นสะบัดแรงจนมือหลุดออกมา ดวงตาสั่นระริกด้วยความโกรธ เจ้าหล่อนหันหลังจะเดินต่อ แต่หลุยส์กลับคว้าเอาไว้อีก

"อย่ามายุ่งได้มั้ย!" ป๊อบคอร์นสะบัดข้อมืออีกครั้งก่อนจะหันหลังหนีอีก คราวนี้หลุยส์ไม่ทำแค่คว้าข้อมือเอาไว้ เขาเข้าไปช้อนหญิงสาวขึ้นอุ้มพาเดินออกไปนอกบ้านให้ห่างจากบันไดทางขึ้นไปสู่ห้องนอน ป๊อบคอร์นดิ้นรนไปตลอดทาง และมีหรือที่คนอย่างเธอจะไม่ตะปบ ขีดข่วนเนื้อหยังของหลุยส์จนบางที่มีเลือดกระซิบออกมา

แก้มเขาเป็นรอยข่วนเหมือนโดนเล็บแมว รู้สึกแสบ ๆ แต่เขายังทนได้ ไม่ปล่อยเจ้าหล่อนลงกลางคัน จนกระทั่งถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน เขาจึงตั้งใจโยนเบา ๆ ให้เจ้าหล่อนหล่นลงไปก้นกระแทกพื้นพอได้รับรู้ถึงความเจ็บเล็ก ๆ บ้าง

ป๊อบคอร์นร้องโอ๊ยออกมาเสียงดัง มือจับสะโพกตัวเองมองหลุยส์ตาดุ เธอลุกขึ้นอย่างเร็วมาชี้หน้าด่าชายหนุ่ม

"จะฆ่ากันหรือไง ห้ะ!"

หลุยส์ลูบแก้มตัวเองตรงรอยข่วนนั่นเบา ๆ มองเธอตาดุกลับไปบ้าง

"ใครกันแน่จะฆ่าจะแกงกัน"

"คุณมาจับตัวฉันไว้ทำไม ต้องการอะไร ฉีกหน้าฉันต่อหน้าพ่อแม่ไม่พอ ยังจะตามมารังควานอะไรอีก ถามจริงเถอะ ตัวเองไม่ใช่เหรอ ที่ปฏิเสธทุกอย่าง แต่ทำไมตอนนี้การกระทำถึงได้ตรงกันข้ามกันล่ะ ทำไมไม่ไปให้ไกล ๆ กัน ห้ะ!"

เสียงที่เล็กแหลมอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มระดับเดซิเบลขึ้นอีกก็ทำให้ก้องกังวานไปรอบ ๆ บริเวณบ้านได้ไม่ยาก ไม่รู้ว่าแม่บ้าน คนขับรถ หรือแม่แต่พ่อแม่ของเธอเองจะได้ยินหรือเปล่า

หลุยส์เงียบกริบ เขาไม่สามารถอธิบายทุกอย่างออกไปให้กระจ่างแจ้งได้จริง ๆ

"คุณลุกหนีออกมาจากโต๊ะอาหาร ผมแค่อยากมาถามว่าคุณเป็นอะไร โกรธที่ผมพูดเรื่องตอนเด็กของคุณเหรอ"

ป๊อบคอร์นพ่นลมหายใจออกมาเหมือนวัวกระทิงดุ

"นี่ก็อีกเรื่อง คุณนี่มันความลับเยอะมากเหลือเกินนะ มารยาสาไถยิ่งกว่าเพศเมียอย่างฉันซะอีก"

หลุยส์มองเจ้าหล่อนด้วยดวงตาคมปลาบ นี่เจ้าหล่อนกำลังดูถูกไปถึงศักดิ์ศรีของเขาอยู่

"มากไปแล้วนะป๊อบคอร์น! อะไรที่ผมมารยาสาไถ"

"คุณรู้จักฉันมาตั้งแต่เด็ก แต่คุณทำเหมือนไม่รู้"

แม้ว่าจะสามารถแก้ตัวได้ว่า เขารู้จักพ่อแม่ของเธอก็จริง แต่เขาไม่รู้ว่าเขาเธอคือเด็กหญิงคนนั้นซึ่งเป็นลูกของท่านในวัยเด็ก มารู้อีกทีก็พร้อมกันกับเธอ แต่ในความเป็นจริงเขารู้แก่ใจและรู้มาตลอดว่าเธอเป็นใคร รู้ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งตอนนี้

หลุยส์จึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของเธอ

ชายหนุ่มถอนหายใจเสมองไปทางอื่น นั่นเท่ากับยอมรับและยินยอมให้ป๊อบคอร์นด่ากราด

"คุณรู้จักฉันมาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นตอน ม.สี่ คุณก็รู้จักฉัน รู้จักฉันมากกว่าที่ฉันรู้จักคุณ แต่คุณกลับไม่บอกกล่าวฉันสักคำว่าครอบครัวเรารู้จักกัน สุดท้ายคุณก็ทิ้งดอกไม้ฉันลงถังขยะได้อย่างเลือดเย็น..."

เจ็บกันทั้งคู่กับคำพูดนั้นของป๊อบคอร์น หลุยส์นิ่งเงียบมองหน้าเจ้าหล่อนด้วยแววตายังดุเช่นเดิม แต่มันแฝงไปด้วยคำขอโทษซ้ำ ๆ ที่ไม่หลุดออกมาผ่านอากาศเข้าหูให้เจ้าหล่อนได้ยินสักที

"สะใจหรือไง ที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บแล้วเจ็บอีกได้ขนาดนี้"

อีธานเคยบอกเขาว่า เชอแตมดูออกว่าป๊อบคอร์นยังรักเขาอยู่ จากคำพูดเจ้าหล่อนความเจ็บปวดที่ถูกเปิดเผยออกมา มันทำให้เขาพอจะสัมผัสได้ว่าเธอยังคงมีเศษเสี้ยวของเยื่อใยให้เขา

"ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่..."

หลุยส์จบประโยคไปดื้อ ๆ ยังคงถือทิฐิเรื่องแวมไพร์อยู่ ทำให้ไม่สามารถพูดความรู้สึกจากใจออกมาได้

"คงไม่ทำแค่ทิ้งดอกไม้ แต่คงจะเหยียบมันซ้ำก่อนจะโยนลงถังมากกว่า ใช่มะ!"

หลุยส์ถอนหายใจเงียบ ๆ รู้สึกอ่อนล้าลงไปดื้อ ๆ

"คุณคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว คุณจะได้ไม่เจ็บปวด"

ป๊อบคอร์นกัดฟันกรอด เขาจะมาพูดแบบนี้ตอกย้ำจิตใจเธอทำไม เธอไม่เข้าใจเขาเลย เขาตามตอแยเธอในขณะที่ปากพร่ำแต่บอกให้เธอเกลียดเขา แล้วทำไมการกระทำถึงสวนทางกัน

"ฉันคิดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว!" ป๊อบคอร์นตะโกนดังลั่นเหมือนคนเสียสติ หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตาก็เริ่มแดงเพราะกำลังกลั่นน้ำใส ๆ ออกมา หลุยส์ตกใจแต่ไม่แสดงออก เขายังคงเก็บอาการมองเธอด้วยดวงใจตกวูบ "ฉันคิดแบบนี้มานานมาก เกลียดคุณมาตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้! !! ฉันพยายามจะหนีคุณ พยายามจะออกห่าง! แต่ฉันไม่เข้าใจ!! -- ทำไมคุณยังตามมาหลอกหลอนฉันอยู่แบบนี้!!!"

เธอตะโกนจนเสียงแหบแห้ง และปล่อยโฮออกมาจนตัวงอ หลุยส์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาอยากเข้าไปกอดเธอ เข้าไปปลอบอย่างคนที่รักกันเป็นห่วงเป็นใยกัน แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น เธอจะยิ่งเจ็บปวด และยิ่งสับสนมากกว่าที่เป็นอยู่

เสียงเจ้าหล่อนดังเข้าไปในบ้านจนพ่อแม่รวมทั้งแม่บ้านต้องออกมายืนดู คุณธารทิพย์ยกมือขึ้นทาบอกตกใจกับท่าทางของลูกสาวที่ร้องไห้โฮราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส เธอเกือบจะเดินเข้าไปหา แต่ผู้เป็นสามีกลับรั้งเอาไว้ก่อน

ป๊อบคอร์นพยายามประคองตัวเองให้ยืนตรง ๆ แล้วเข้าไปทุบตีหลุยส์ให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เธอเจ็บอยู่ตอนนี้บ้าง

"ทำไม! ทำไม! ทำไมยังตามหลอกหลอนฉันอยู่ ทำไม!" กำปั้นน้อย ๆ ของเจ้าหล่อนทุบแรง ๆ ใส่ตัวเขาไม่ยั้ง หลุยส์ฝืนตัวเองให้ยืนนิ่งไม่ไหวติงปล่อยให้เธอทุบตีแบบนั้นจนกว่าจะพอใจ

ในที่สุดเจ้าหล่อนก็หยุดมือค้างเติ่งอยู่บนอกเขา ก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด หลุยส์กระชากตัวเธอเข้าหาตัวแล้วสวมกอดแน่น ป๊อบคอร์นอ้าปากค้างเติ่งเสียงสะอื้นหายไปเหลือเพียงคราบน้ำตาที่ยังเกาะอยู่ทั่วใบหน้ากับน้ำใส ๆ ที่ยังคงไหลเรื่อย ๆ จากดวงตา หลุยส์สวมกอดเจ้าหล่อนเนิ่นนานไม่มีท่าทีจะปล่อย

ไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเขาเลย...

"จะโกรธ จะด่า จะว่าอะไรผม จะฆ่าผมให้ตายก็ได้ ผมยอมทั้งนั้น ผมขอแค่อย่างเดียว...อย่ารักผมก็พอ"

ป๊อบคอร์นนิ่งเงียบอยู่ในอ้อมกอดเขา เมื่อฟังเขาพูดจบเธอก็สะอื้นหนักขึ้นอีกแบบเงียบ ๆ ไม่โวยวายอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว แม้จะโกรธมากไม่อยากแม้แต่จะให้เขาแตะต้องตัว แต่เธอกลับปล่อยให้เขากอดไปอย่างนั้นเพราะไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืน

คนที่กำลังมองดูทั้งคู่มาจากหน้าบ้านอาจจะแสดงแววตาหวานเยิ้มกรุ้มกริ่ม พออกพอใจกับภาพนั้น แต่สำหรับหญิงชายทั้งคู่มันคือความทรมานอย่างแท้จริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel