บท
ตั้งค่า

บทที่ 29 ได้รู้ซะที

สายตาของหญิงสาวเสียงหวีดสยองเพื่อนรักของเชอแตมกำลังมองไปที่กระจกมองหลังของรถมินิคูเปอร์สีฮอตช็อกโกแลตคันโปรดของตัวเอง มีรถยนต์สีดำสนิทปรากฏโลโก้วงแหวนสี่วงซ้อนเรียงกันเด่นหราอยู่บนกระจังหน้ารถกำลังขับตามหลังเธอมา เจ้าหล่อนจำรถคันนี้ได้ดี เพราะเธอเคยสัมผัสเบาะนุ่ม ๆ ของมันมาก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าหล่อนยกมุมปากแสยะยิ้มร้าย

"หึ --- ไม่รู้จักป๊อบคอร์นตีนผี เมียโดมินิท ทอเรสโต้แห่งฟาสฟิวเรียสซะแล้ว"

เจ้าหล่อนพึมพำมาดร้ายหลุยส์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ด้วยแววตาดุดันเจ้าเล่ห์ ก่อนหักพวงมาลัยไปขวางหน้ารถยนต์เขาที่พยายามขยับไปยังเลนขวา หลุยส์แตะเบรกนิดหนึ่งก่อนจะชะงักกึกมองรถยนต์คันข้างหน้าด้วยแววตาไม่พอใจ เขารู้ว่านั่นเป็นรถของเจ้าหล่อน หญิงสาวที่เขาเพิ่งสั่งสอนด้วยรสจูบไปเมื่อวันก่อน แม้จะรับปากกับเชอแตมไว้ว่าขอทำหน้าที่ดูแลเพื่อนรักของเธอ แต่วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้าที่นี้ จุดมุ่งหมายของเขาคือบ้านของเธอต่างหาก นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องขับรถมาทางเดียวกับเธอ

"ตั้งใจหาเรื่องกันชัด ๆ" หลุยส์พึมพำเบา ๆ ก่อนจะหักพวงมาลัยมาทางซ้ายหลอกล่อรถยนต์คันข้างหน้าเพื่อดูปฏิกิริยาว่าจงใจแกล้งอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า

และมันชัดเจนเมื่อรถมินิคูเปอร์สีฮอตช็อกโกแลตเคลื่อนมาดักหน้าเขาอีกครั้ง

หลุยส์แสยะยิ้มมุมปาก "อยากเล่นกับผมเหรอ --- ผมจัดให้ครับคนสวย"

เขาตั้งใจขยับไปทางขวาอีกครั้ง และเจ้าหล่อนก็เบี่ยงมาดักหน้าอย่างเดิม ทั้งคู่ขับรถขวางหน้ากันไปมาราวกับกำลังเล่นหนังอินเดียด้วยการใช้รถเป็นตัวแสดงอยู่อย่างนั้นไปได้ระยะทางหนึ่ง จนกระทั่งมีรถที่ขับตามหลังมาบีบแตรเสียงดังเป็นเชิงไม่พอใจถึงการขับรถที่เหมือนกับไม่ได้ผ่านการทำใบขับขี่มาของทั้งคู่

ป๊อบคอร์นสะดุ้งนิด ๆ ตวัดสายตาจ้องกระจกมองหลังอีกครั้ง แล้วสบถเบา ๆ ให้กับรถยนต์คันที่บีบแตรเสียงดังเชิงไม่พอใจแม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดก็ตาม เจ้าหล่อนจำเป็นต้องขับรถอย่างมีระเบียบวินัย และมันเท่ากับเปิดทางให้หลุยส์ได้แซงขึ้นหน้าไปแบบน่าเจ็บใจนัก

เจ้าหล่อนตบพวงมาลัยเบา ๆ คลายความเจ็บใจนั้น

"ฝากไว้ก่อนเถอะ -- หลุยส์"

และเธออาจจะได้เอาคืนเขาเร็ว ๆ นี้

ปกติช่วงเวลาหกโมงเย็นของทุกวัน เชอแตมจะรู้สึกตื่นเต้นและรีบเร่งจะกลับหอพักให้ทันก่อนตะวันตกดินเสมอ ก็เพราะที่หอพักมักจะปรากฏใบหน้าและรูปร่างของแวมไพร์หนุ่มที่เธอแอบหลงรักมารออยู่ทุกคืนนั่นเอง แต่วันนี้เจ้าหล่อนกลับรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูกจนต้องเดินเล่นเอื่อย ๆ ริมทางกลับเพื่อขบคิดถึงอนาคตที่อีธานได้พูดกับเธอเมื่อคืน

มันก็จริงอย่างที่อีธานพูด เธอกับเขาต่างกันเหมือนสวรรค์กับนรก ไม่มีทางที่มนุษย์จะไปอยู่กับแวมไพร์ หรือแวมไพร์จะมาอยู่กับมนุษย์ ที่เธออยู่กับเขาทุกวันนี้มันแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น แม้เธอจะอาศัยบนโลกนี้ได้ทั้งเวลาสว่างและมืดแต่เขาไม่สามารถโผล่มาในเวลากลางวันได้ แล้วอย่างนี้ความรักของเธอกับเขาจะเป็นไปได้อย่างไร หนทางเดียวที่จะรักกันได้คือเธอต้องเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ แต่มันกลับผิดกฎหมายแวมไพร์ซะนี่ หรือเธอกับเขาจะรักกันได้แค่ในนามเท่านั้น

มันน่าน้อยใจนักที่ความรักครั้งนี้มันอยู่เหนือความเป็นจริง ทำไมเธอต้องเจอคนที่ใช่บนความไม่ใช่ด้วยนะ

ความคิดมันไหลไปเรื่อยจนมาหยุดที่เรื่องหนึ่ง ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือออสการ์ต้องการตัวเธอ ซึ่งเขาและบิดาของเขาต่างอ้างเหตุผลว่าในตัวเธอนั้นมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ และสิ่งที่ว่านี้อีธานก็ไม่สามารถบอกเธอได้ว่าคืออะไร

หรือเขาจะรู้แต่ไม่บอกเธอ...

เชอแตมนึกอยากรู้ขึ้นมาอย่างจริงจังแล้วว่าอะไรในตัวเธอที่ออสการ์กับเฮนรี่ต้องการ แต่ถ้าจะให้ถามอีธานเขาก็คงไม่บอกง่าย ๆ

ถ้าอย่างนั้นมันก็มีวิธีเดียวที่จะทำให้เธอรู้ว่าอะไรอยู่ในตัวเธอ...

เชอแตมเร่งฝีเท้าเดินเร็ว ๆ ไปยังฟุตบาทริมถนนสถานที่แรกที่เจอออสการ์กับอีธาน ความคิดดี ๆ บางอย่างผุดขึ้นมาจนทำให้เจ้าหล่อนแทบจะรอไม่ไหว การเดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนลืมดูนาฬิกาทำให้เวลามันหมุนเร็วจนน่าเหลือเชื่อ สองทุ่มถือเป็นฤกษ์ดีที่จะใช้เพื่อยืนรอเตรียมตัวเตรียมใจเจรจาต่อรองกับใครบางคน

ออสการ์...เธอหวังว่าเขาจะโผล่มา

เชอแตมเดินวนไปวนมาบนฟุตบาทริมถนน เฝ้ารอว่าออสการ์จะโผล่มาพบเธอเข้าโดยบังเอิญ เจ้าหล่อนหารู้ไม่ว่าเวลาล่วงเลยจวนจะห้าทุ่มอยู่แล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุทำให้อีธานที่กำลังรอเธออยู่ในห้อง ขบฟันจนแก้มนูนขึ้นมาเป็นสันเพราะความเป็นห่วงที่เริ่มจะกลายเป็นโกรธอยู่แล้ว ช่วงหลัง ๆ มานี้เขามักจะมีสัมผัสพิเศษกับเธอ ไม่รู้เพราะจิตใจที่อาทรซึ่งกันและกันทำให้รู้สึกถึงกันได้ หรือจะเหตุผลใดก็ตาม แต่ตอนนี้มันทำให้เขาต้องรู้สึกหงุดหงิดจนสามารถเหวี่ยงวีนใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ ได้อยู่แล้ว เมื่อรู้สึกตงิดใจว่าเชอแตมกำลังจะทำอะไรบางอย่างที่เขาไม่ชอบใจ ซึ่งเขาแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าชอบใจ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

ป่านนี้แล้วเธอยังไม่กลับห้อง ถ้าไม่แวะเที่ยวเล่นหรือทำอะไรแผลง ๆ แบบเอาตัวเองไปเสี่ยง เธอก็อาจจะโดนออสการ์ตลบหลังเขาจับตัวไปอีกครั้ง อีธานไม่อาจอยู่เฉยได้อีกแล้ว เขาต้องออกไปตามหา

'แม่นี่' ต้องโดนเขาสั่งสอนอีกกี่ครั้งจึงจะสำนึกได้กันนะ

เชอแตมมองนาฬิกาถี่จนเกือบจะถอดใจว่าออสการ์อาจจะไม่โผล่มาแล้ว ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เริ่มดึกมากขึ้น เจ้าหล่อนผุดไอเดียเด็ด ๆ ขึ้นมาได้กะทันหัน อีธานเคยบอกว่าแวมไพร์เลือดครึ่งจะมีสัมผัสพิเศษทั้งห้า ถ้าอย่างนั้นหากออสการ์อยู่รัศมีของเธอ หูของมันก็น่าจะได้ยินเสียงตะโกนของเธอ

เชอแตมยกมือทั้งสองขึ้นป้องปากแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะตะโกนสุดเสียงออกมาว่า

"ออสกาาาาาาาาาร์..........!!!!"

ยังมีผู้คนสองสามคนขับรถสัญจรไปมาอยู่ โชคดีที่บริเวณนี้ไม่ใช่เส้นทางหลักในการสัญจร ความเงียบจึงมากกว่าความวุ่นวายของมนุษย์ เชอแตมหยุดหอบหายใจรอสัญญาณตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม

ยังไร้วี่แววของออสการ์...

หรือเธอต้องตะโกนซ้ำอีกครั้ง

"ออสกาาาาาาาาาาาาาาาาาาาร์........!!!"

เสียงตะโกนดังกว่าเดิม จนตัวเองก็นึกขยาดขึ้นมาเสียเอง จู่ ๆ ใบหน้าอีธานก็ลอยเข้ามาในหัว ถ้าเขารู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรเธอต้องโดนเขาเชือดแน่ ๆ

แต่ช่างมันสิ...ความกลัวที่จะโดนเขาทำโทษมันเทียบไม่ได้กับความกลัวที่จะต้องจากเขาไปในอนาคต ในเมื่อสามารถหาทางออกให้กับรักครั้งนี้ได้แล้ว เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

"คิดจะทำอะไรเหรอ --- แม่ตัวดี!"

เสียงทุ้มนุ่มกังวานชัดอยู่ด้านหลังเจ้าหล่อน ไม่ใช่เสียงของออสการ์ เพราะเธอจำมันได้ดีเหมือนถูกบันทึกไว้ในสมองแบบถาวรไปแล้ว กระแสนั้นฟังดูน่ากลัวจนขนลุกชันขึ้นมา ไม่ใช่เพราะเขาน่ากลัว แต่เพราะน้ำเสียงนั้นเจือด้วยความโกรธต่างหาก

และความโกรธของเขาก็พาหายนะมาสู่เธอทุกครั้งไป

"อีธาน!" เสียงอุทานเบาของเจ้าหล่อนขณะหันไปมองแวมไพร์หนุ่มหน้าเข้มเจือด้วยความสั่นน้อย ๆ แววตาแม่ตัวดีของเขาถลึงโตด้วยขยาดกับดวงตาสีฟ้าครามที่มองดุมายังเธอไม่ต่างจากสายตาของออสการ์!

จะไม่ให้เขาโกรธจัดได้อย่างไร ในเมื่อแผนการในความคิดของเจ้าหล่อนมันบัดซบสิ้นดี เขาไม่คิดเลยว่าแม่นี่จะคิดอะไรแผลง ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้

“สิ้นคิด!" อีธานคำรามลั่นในใจ

เขาเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองด้วยพลังแวมไพร์รวดเร็วปานพายุมาหยุดนิ่งจนจมูกของเขามาจอดชิดใบหน้าเจ้าหล่อน

"มานี่!" เขาตะคอกนิ่งเรียบ แต่ดุจัดใส่หน้าเธอ

และในทันใดเธอก็ไปปราฏอยู่ในอ้อมแขนของเขา และไม่กี่อึดใจเขาก็พาเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกลับไปยังห้องพักซึ่งไม่ใช่ห้องพักของเธอ แต่เป็นห้องพักของอีธานในคอนโดที่เขาอาศัยอยู่กับหลุยส์!

ตึก! ร่างเจ้าหล่อนเด้งดึ๋งลงไปบนเตียงนุ่มด้วยแรงโทสะของอีธาน ครั้งนี้เขาโกรธจัดกว่าครั้งไหน ๆ เชอแตมรับรู้ได้จากสายตาว่า

เขาโกรธมากจริง ๆ...

อีธานมองหน้าเชอแตมที่กำลังเท้ามือไปบนเตียงนุ่มพร้อมกับงอเข่าเข้าหาตัวเตรียมพร้อมจะลุกขึ้นได้ทุกวินาทีด้วยดวงตาวาวโรจน์ เจ้าหล่อนสังเกตเห็นกรามบนใบหน้าเขานูนขึ้นมาเป็นสัน นั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่น่าเข้าใกล้เอาเสียเลย เธอแน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดจะทำ หากอีธานรู้เขาต้องโกรธมากแน่ ๆ เหมือนอย่างตอนนี้ ทว่าแผนการลับของเธอก็ยังอยู่ในใจ เธอยังไม่ได้แพร่งพรายให้เขาได้รู้แม้แต่นิด ขนาดออสการ์แวมไพร์ที่สามารถรู้ถึงแผนการครั้งนี้ของเธอได้เพียงผู้เดียว ยังไม่ได้รู้เลย

แล้วอีธานโกรธเธอขนาดนี้ได้ยังไง...

"คิดจะทำอะไร!" อีธานถามเสียงเข้ม เขากัดฟันพูดพร้อมส่งสายตาดุไม่ต่างจากออสการ์เวลามองเธอ เขาอ่านใจเธอตลอดเวลาหลังจากที่ได้เห็นแผนการน่าบัดซบนั่น เขาจะไม่พลาดสักเสี้ยววินาทีเพื่อดูแผนการต่อไปของเธอที่คิดจะโกหกเขา

ถ้าวันนี้เขาไม่สามารถทำให้เธอสารภาพออกมาได้ว่าคิดจะทำอะไรที่ฟุตบาทริมถนนนั่น เธอก็ไม่มีวันได้ออกไปจากห้องเขาแน่นอน

"ฉัน...ไปเดินเล่น" แม้รู้ดีว่านั่นเป็นคำแก้ตัวที่อีธานไม่เชื่อ แต่มันก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย เธอต้องรีบเค้นข้อแก้ตัวดี ๆ เพื่อให้เขาใจเย็นลงให้ได้

"โกหก!" อีธานตวาดลั่นห้อง นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาพาเธอมาที่นี่ เพราะถ้าหากเป็นห้องของเธอ มีหวังชาวบ้านชาวช่องโผล่มายืนชะเง้อคอมองริมระเบียงเป็นแน่

เชอแตมสะดุ้งโหยงกับเสียงตวาดนั้น ตัวที่ลีบอยู่แล้วก็ลีบลงไปอีกเท่าตัว แม้ใจจะสั่นจนทำให้ตัวสั่นตามมากแค่ไหน แต่เจ้าหล่อนก็ใจดีสู้เสือ

"คุณรู้ได้ไงว่าฉันโกหก" ร่างบางสวนกลับไปแบบหวั่น ๆ อีธานยังไม่ลดราวาศอกให้เธอเลย งานนี้คงเป็นงานหินที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา

"คิดว่าผมหูตึงหรือไง ที่ไม่ได้ยินเสียงคุณตะโกนเรียกออสการ์ดังขนาดนั้น!"

อีธานยังคงระดับเสียงกังวานเข้ม ก้องไปทั้งห้องเช่นเดิมพร้อมกับขยับฝีเท้าย่างสามขุมเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ เชอแตมเบิกตากว้างตกตะลึงกระถดหนีไปชิดหัวเตียง อีธานหยุดกึกเมื่อสัมผัสเข้ากับขอบปลายเตียงที่เป็นกำแพงกั้นเขากับเธอ

"เรียกมันทำไม!" เขาถามสีหน้าดุดุจพญาเสือ เชอแตมหายใจเข้าออกหนัก ๆ ด้วยสมองที่ตีบตันคิดไม่ออกเสียทีว่าควรจะแก้ตัวอย่างไร

"ฉัน...ฉัน..." น้ำเสียงตะกุกตะกักจนอีธานรำคาญ เขากัดฟันกรอดให้กับท่าทีของ 'แม่นี่' ที่ไม่มีเค้าว่าจะพูดความจริง

"ฉันอะไร!" เขาเร่ง จนเธอสะดุ้งโพล่งคำพูดไม่เป็นศัพท์ออกมา

"ฉันไม่รู้..." น้ำเสียงเธอบ่งบอกให้อีธานรู้เดี๋ยวนั้นเองว่า เธอกลัวเขามาก สีหน้าเจ้าหล่อนซีดเผือดเป็นไก่ต้ม เนื้อตัวก็ยังสั่นอย่างเห็นได้ชัด

แต่...เขาไม่แคร์ มันดีแล้วที่ 'แม่นี่' กลัวขนาดนี้ เธอควรจะกลัวเขาให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำไป ให้สาสมกับแผนการบัดซบนั่นที่เจ้าหล่อนบังอาจคิดขึ้นมา

"คุณจะไม่รู้ได้ยังไง เชอแตม!!..." น้ำเสียงที่ดุก้องนั้นเอ่ยชื่อเธอออกมา หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เชอแตมยังหยุดนิ่งสะอึก รู้สึกดีใจและอบอุ่นใจลึก ๆ ให้กับชื่อเธอที่ถูกเปล่งออกมาจากปากเขาได้อยู่อีก "คุณไปยืนที่นั่น -- ที่ที่คุณรู้แก่ใจว่าเจอมันกับผมเป็นครั้งแรก -- คุณตั้งใจจะทำอะไร!" ท้ายเสียงเน้นหนักแน่นเป็นเชิงบอกให้เธอรู้ว่า เธอจะต้องพูดความจริงกับเขา

หน้าตาหล่อเหลางดงามราวกับเทพบุตรของอีธานก็ไม่ได้ช่วยผ่อนความน่ากลัวของเขาให้ลดลงได้เลย ร่างบางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่พูดแผนการของตัวเองให้เขาฟังแน่นอน ในเมื่อคิดคำแก้ตัวดี ๆ ไม่ออก มีทางเดียวที่เป็นไปได้ตอนนี้ก็คือ...หนี!

อีธานอ่านความคิดนั้นและโทสะก็ทวีขึ้นเป็นเท่าตัว

"อย่าให้ผมถึงขั้นเด็ดขาดนะ!" กระแสความคิดกังวานในใจแวมไพร์หนุ่ม

"ฉันไปเดินเล่นจริง ๆ อีธาน..." ก่อนจะหนี เธอต้องพยายามพูดโน้มน้าวให้นักล่าตรงหน้าเธอตายใจเสียก่อน แต่เหยื่อสาวคนนี้หารู้สักนิดว่านักล่ากำลังอ่านทุกแผนการในใจเธอ "นานแล้วไงที่ฉันไม่ได้ออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน พอดี...ออสการ์มันก็เงียบ ๆ ไป ฉันเลย...ถือโอกาสออกไปเดินเล่น...สักนิด"

อีธานส่ายหน้าระอา เขาขบฟันกรอด

"ผมยังให้เวลาคุณ...พูดความจริงอยู่นะ!"

เชอแตมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ มองนัยน์ตาสีฟ้าครามที่เริ่มแดงก่ำไปด้วยโทสะ ไม่ได้ละ...เธออยู่ไม่ได้ละ เธอต้องหนี...

ทันทีที่คิดจบ เจ้าหล่อนก็เผ่นแผล็วลงจากเตียงอย่างไว จุดหมายคือประตูห้อง แต่เธอน่าจะลืมไปว่าอีธานเป็นแวมไพร์ที่มีพลังมากมายเหนือมนุษย์! เขาไม่จำเป็นต้องเดินหรือวิ่งก็สามารถย้ายตำแหน่งตัวเองมายืนขวางหน้าเธอไว้ได้แบบไม่ต้องออกแรง ฝีเท้าเชอแตมชะงักกึกทันทีที่เขาโผล่มาขวางไว้ เจ้าหล่อนอ้าปากค้างเติ่งแววตาตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

แต่เธอไม่หยุดนิ่งนานเกินไปให้เขาได้ตั้งตัวติด เจ้าหล่อนขยับกายไปยังช่องทางที่ว่างเปล่าเพื่อเลี่ยงตัวเขาหนีออกไปจากห้องนี้ อีธานคว้าเอวร่างบางเอาไว้ด้วยมือเดียวลากเข้าหาร่างกายกำยำของเขา ด้วยความความตกใจมนุษย์สาวจึงพยายามดิ้นหนีด้วยแรงทั้งหมด

"อีธาน!...ปล่อยนะ!" ปากเจ้าหล่อนก็กรีดร้อง พร้อมกับมือไม้ที่พยายามปัดป่ายให้พ้นจากตัวเขา เจ้าหล่อนหลุดออกมาจากอุ้งมือเขาสมดังใจ แล้วพยายามวิ่งหนีอีกครั้ง อีธานยังคงนิ่งสุขุมได้แม้คนตัวเล็กกว่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับเขา เขาปล่อยให้หลุดง่าย ๆ ก็เพราะอยากให้เจ้าหล่อนหมดแรงไปเองต่างหาก

เจ้าหล่อนวิ่งไปเกือบถึงหน้าประตูแต่มีหรือที่อีธานจะปล่อยให้เธอหลุดออกไปง่าย ๆ เชอแตมชะงักเท้าอีกครั้งมองใบหน้าที่โหดร้ายราวกับปีศาจของอีธานที่กำลังกั้นทางออกระหว่างเธอกับประตู

ไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง...แต่มันยังเหลือระเบียงห้อง

"สิ้นคิดจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ!" อีธานก่นด่าเธอในใจเมื่อเห็นความคิดเจ้าหล่อนจะหนีไปตรงระเบียงห้องของเขาซึ่งมันอยู่ชั้นที่ยี่สิบของคอนโด "ไปสิ!" เขาท้าทายเธอในใจ

อีธานกระตุกยิ้มมุมปากร้ายกาจขึ้นมาเมื่อเชอแตมไร้หนทางหนี เธอเห็นรอยยิ้มนั้นและหันหลังขวับวิ่งไปยังระเบียงห้องของเขาทันที อีธานไม่ตามไป เขาทำแค่เพียงยืนมองจากประตูห้องให้แม่ตัวดีเสียสติจนถึงที่สุด

เชอแตมหันหลังมามองเขาอีกครั้งหลังจากที่ยืนเบียดอยู่กับราวระเบียง เธอรู้ดีว่าตัวเองหมดหนทางหนี เธอหนีเขาไม่ได้ไม่ว่าทางไหน ทางประตูเขาก็กั้นขวางไว้ ทางระเบียงมันก็สูงถึงยี่สิบชั้น แต่ถึงเธอจะบ้าบิ่นกระโดดลงไป เขาก็ตามไปเก็บเธอที่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศขึ้นมาได้อยู่ดี เชอแตมหายใจเข้าออกแรง ๆ นาทีนี้เธอขอแค่ความคิดดี ๆ โผล่ขึ้นมาอีกครั้งให้เธอได้เอาตัวรอดจากเขาให้ได้ก่อน

หรือเธอจะแกล้งเป็นลม...

หมับ!

อีธานคว้าข้อมือเธอจากทางด้านหลัง หมุนให้เจ้าหล่อนหันมาเผชิญหน้ากับเขา แวมไพร์หนุ่มทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้นไปอีกด้วยการโน้มใบหน้าตัวเองให้แนบชิดใบหน้าของเจ้าหล่อน ตั้งใจให้เจ้าหล่อนโน้มตัวให้ห่างจากเขาจนร่างกายตัวเองเลยออกไปอยู่นอกระเบียงให้เสียวสันหลังเล่น ๆ

เป็นผล เชอแตมตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำเพราะกลัวตกจากระเบียง สายตาเจ้าหล่อนแง้มมองลงไปเบื้องล่างด้วยใจที่แทบจะหล่นวูบลงไปก่อนแล้ว

"ลงไปสิ อยากหนีออกทางระเบียงไม่ใช่เหรอ...ลงไปสิ!"

อีธานตวาดชิดใบหน้าเจ้าหล่อน จนร่างบางสะดุ้งโหยงหลับตาปี๋ สองมือเล็กพยายามดันหน้าอกเขาให้ถอยออกไปห่าง ๆ แต่ก็อย่างที่เจ้าหล่อนรู้ดีว่ามันไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน

"อีธาน!...ใจเย็นลงก่อนได้มั้ยคะ"

"ไม่!" อีธานตวาดกลับด้วยอารมณ์ร้าย เชอแตมสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อเขาดึงร่างเธอเข้าหาตัวมือหนึ่งรัดแน่นบริเวณสะเอวจนท่อนล่างของเขาและเธอแนบสนิทกัน เชอแตมพยายามดันอกเขาให้ห่างออก สายตาไม่กล้าจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาสีฟ้าครามที่ดุคมนั่น เจ้าหล่อนรู้สึกได้ถึงประกายความโกรธและประกายบางอย่างที่สัมผัสได้ว่าเขาสามารถดูดความจริงจากตัวเธอได้ไม่ยาก

เพราะแบบนี้เธอถึงพยายามหนี...

"ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย..." อีธานพูดเรียบ ๆ ช้า ๆ หนักแน่น และยังแฝงด้วยความโมโห แววตาจ้องลึกไปในดวงตาของหญิงสาวไม่มีท่าทีจะเคลื่อนหนีไปไหน เชอแตมกลืนน้ำลายอีกครั้งด้วยความกลัว

"พูดความจริงกับผม!" พูดจบอีธานก็นิ่งเงียบ รอให้เจ้าหล่อนสารภาพออกมา

"จะพูดหรือไม่พูด ฉันว่าค่ามันก็เท่ากันนะ คุณก็ยังโมโหฉันอยู่ดี มันไม่ต่างกันหรอก" เชอแตมร่ายออกไปด้วยสีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้

"เลือกแบบนี้ใช่มั้ย..." อีธานเอ่ยหนักแน่น "จะไม่พูดความจริงออกมาใช่มั้ย"

เชอแตมเม้มปากแน่นแล้วพะงาบ ๆ คล้ายจะเอ่ยอะไรที่เป็นการต่อชีวิตเธอออกมาสักอย่าง แต่มันไร้ซึ่งข้อความเมื่ออีธานจับเธอโยนเข้าไปในห้อง ใช้พลังจิตของแวมไพร์ปิดประตูระเบียงสนิท เชอแตมก้าวถอยหลังเรื่อย ๆ ในใจยังคิดหนีอยู่ อีธานขยับฝีเท้านิ่ง ๆ ช้า ๆ ด้วยแววตายังดุดังเดิม

เชอแตมตัดสินใจหันหลังอีกครั้งแล้ววิ่งสุดชีวิตไปยังประตูห้อง อีธานคว้าข้อมือเธอได้ทันแล้วกระชากเข้าหาตัว แรงกระชากทำให้เจ้าหล่อนปะทะเข้ากับอกกว้างเต็มรัก ก่อนจะดิ้นกระเสือกกระสนให้หลุดจากพันธการของเขา

อีธานบีบแขนเธอแรงกว่าปกติ จนทั้งเขาและเธอได้ยินเสียงแกร๊บของกระดูก

"โอ๊ย!" หญิงสาวร้องเสียงหลง จนอีธานเริ่มรู้ตัวว่าเขาเผลอใส่แรงตัวเองเต็มที่แบบไม่ยั้ง แวมไพร์หนุ่มผ่อนแรงลงแต่ยังรัดตัวเธอไว้แน่นเช่นเดิม

"อยากได้มากใช่มั้ย!..." อีธานถามด้วยแววตาดุจัด เชอแตมมองตาเขาส่ายหน้าเชิงไม่เข้าใจ

"คุณพูดอะไร อีธาน" น้ำเสียงเอ่ยถาม ขณะที่ร่างกายพยายามดิ้นหนี

“อยากได้ชีวิตแบบผมมากนักใช่มั้ย!" เขาตวาดชิดริมฝีปากเธอ ก่อนจะปิดปากเธอจริง ๆ ด้วยจุมพิตเร่าร้อน เชอแตมไม่ทันได้ตั้งตัวใด ๆ ทั้งสิ้น สมองสับสนทั้งคำพูดและการกระทำของเขา แต่ร่างกายก็พยายามดิ้นแรงเพื่อให้หลุดจากการรุกรานนั้นอย่างอัตโนมัติ อีธานจุมพิตเธอไม่นานนักก็ผละออก แต่ยังวนเวียนใกล้ ๆ ปากอิ่มนั่นไม่ห่าง

"โง่หรือบ้า! ที่กล้าไปขอชีวิตแบบนี้จากออสการ์!" อีธานตวาดใส่หน้าเจ้าหล่อนด้วยโทสะแรงกล้า เขายิ่งทวีความโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เชอแตมได้แต่อ้าปากเหวอ นึกสงสัยรุนแรงในใจ...เขารู้ได้ยังไง

"คุณพูดอะไรอ่ะ อีธาน" น้ำเสียงเจ้าหล่อนเย็นชาขึ้นมาด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งกลัว ทั้งสงสัย ทั้งประหลาดใจ

"ทำเป็นไขสือ...ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง!" อีธานยังคงตวาดชิดริมฝีปากเธอ

"ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณพูดเรื่องอะไร" แม้จะเดาออกว่าเขาพูดเรื่องอะไร แต่เธอไม่อยากยอมรับความจริงว่าเขา...อ่านใจเธอได้

"ไปยืนรอออสการ์ที่ริมทาง ตั้งใจจะต่อรองกับมัน..." อีธานเอ่ยเสียงเข้มแววตาเหี้ยมใส่เธอ "แล้วแผนการเป็นยังไงต่อ คุณจะพูดเอง หรือให้ผมสาธยายให้ฟัง"

"อีธาน!" กระแสเสียงเจ้าหล่อนแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

"คุณ...อ่านใจฉันได้!"

อีธานกระตุกมุมปากเหี้ยม "ไม่ใช่แค่คุณ --- แต่ทุกคน"

เชอแตมอ้าปากเหวอ งั้นสิ่งที่เธอคิดมันก็พังทลายหมดงั้นสิ

"คุณปิดบังฉันมาตลอด!" เจ้าหล่อนส่งเสียงไม่พอใจกลับไปบ้าง

"ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาโกรธผม..." อีธานใส่อารมณ์กลับไป "ถ้าผมอ่านใจคุณไม่ได้ ผมจะรู้มั้ย ว่าคุณตั้งใจจะไปหาออสการ์เพื่อแลกสิ่งที่อยู่ในตัวคุณกับมัน โดยมีข้อต่อรองให้มัน...เปลี่ยนคุณ!"

เชอแตมอ้าปากค้างเติ่ง ไร้คำแก้ตัวใด ๆ

"คุณคิดได้ยังไง!" อีธานตวาดใส่หน้าเธอด้วยโทสะที่ไม่มีแววจะหย่อนลงเสียที "อยากเป็นแวมไพร์มากนักเหรอ...ห้ะ!"

อีธานตวาดจนเจ้าหล่อนสะดุ้งเฮือก

"ใช่!..." เชอแตมตวาดกลับไปบ้าง สีหน้าคล้ายจะร้องไห้ "ฉันอยากเป็นแวมไพร์ อยากเป็นแบบคุณ ฉันผิดด้วยเหรอ ที่อยากให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไป"

คำพูดของเจ้าหล่อนกัดกินหัวใจที่ไม่ได้กระตุกเต้นของเขายิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พอใจเจ้าหล่อนมากอยู่ดี

"แล้วให้ออสการ์เปลี่ยนคุณเนี่ยนะ!!!" เขาตะโกนแข่งกับเสียงเธอ

"แล้วมันมีวิธีไหนดีกว่านี้เหรอ อีธาน!!" เชอแตมตะโกนขึ้นอีกแข่งกับเสียงเขา

อีธานเงียบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอารมณ์โกรธจะหายไป

"คุณ...ไม่เข้าใจฉันหรอก ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอกอีธาน --- คุณไม่เป็นฉันคุณไม่รู้หรอก"

"แล้วคุณรู้เหรอว่าการเป็นผม -- มันเป็นยังไง!"

ทั้งคู่จ้องตากันนิ่งขึง ดวงตาของเชอแตมสั่นระริกด้วยความกลัวและความน้อยใจปนเปจนทำให้อีธานหงุดหงิดยิ่งนัก

"ฉันไม่ยอมหรอกนะ!" เชอแตมเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่หนักแน่น "ฉันคิดวิธีที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้แล้ว ฉันจะไม่ยอมให้มันพังเด็ดขาด"

อีธานกัดฟันกรอด "ทำไมดื้อนักนะ!" อีธานเขย่าตัวเจ้าหล่อนแรง จนสาวเจ้าพยายามจะปลดพันธนาการที่แขนจากเขา

"คุณว่าออสการ์มันจะตกลงทำตามข้อเสนอของคุณง่าย ๆ เหรอ ผมจะบอกอะไรให้นะ -- การเปลี่ยนมนุษย์เป็นแวมไพร์ ผิดกฎของอาณาจักรเรา ยิ่งบุคคลนั้นเป็นแวมไพร์เลือดครึ่งที่โดมลับต้องจับตาดูเป็นพิเศษด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะยอมเปลี่ยนคุณ"

เชอแตมเม้มปากแน่น อีธานยังเห็นความคิดดื้อดึงของเธอที่คิดว่ามันต้องมีทางออก

"แต่ในตัวฉัน..."

"ไม่สำคัญหรอกว่าจะมีหรือไม่มีอะไรในตัวคุณ..." อีธานสวนกลับมาก่อนที่เจ้าหล่อนจะพูดจบ "ประเด็นอยู่ที่ ออสการ์ -- มันเป็นแวมไพร์เจ้าเล่ห์ พิษสงรอบด้าน ผมถึงถามไง ว่าคุณโง่หรือบ้า ที่คิดแบบนี้"

"ก็คุณเปลี่ยนฉันไม่ได้..."

"ก็เลยคิดจะพึ่งออสการ์!" เขาจ้องเธอตาไม่กะพริบ มีสิ่งหนึ่งที่เชอแตมยังไม่รู้และก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดคือ แวมไพร์เจ้าของรอยกัดของมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพวกเดียวกันมีสิทธิ์ในการครอบครองตัวตนผู้นั้นโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม ทาส เพื่อน หรือแม้แต่คู่ครอง

เชอแตมเงียบกริบกับเสียงตวาดนั่น นัยน์ตาปริ่ม ๆ ด้วยหยาดน้ำใส ๆ

แวมไพร์หนุ่มหงุดหงิดใจกับอาการอ่อนแอแบบนี้ของหญิงสาว เพราะจริง ๆ แล้วมันทำให้เขาใจอ่อน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาใจอ่อนให้เธอไม่ได้ ถ้าเขาใจอ่อนเธออาจจะได้ใจ และยังคงจะดำเนินการตามแผนของตัวเองต่อไปแน่ ๆ

"อยากเป็นแวมไพร์มากนักใช่มั้ย!" เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม ระดับเสียงลดลงเกือบครึ่ง แต่แววดุ ๆ ยังไม่จาง

เชอแตมมองเขาด้วยแววระแวดระวังไม่ไว้ใจ

"ทำไม..." เธอถามเขาเสียงอ่อน

อีธานนิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวขาวจั๊วะที่ยาวออกมาจนน่าตื่นตกใจนั่น เชอแตมเบิกตาโต รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

"อีธาน!...คุณจะทำอะไร" น้ำเสียงสั่นรัวจนไม่อยากจะยืนตรงนี้แล้ว

อีธานไม่ตอบคำถาม เขาค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้ต้นคอของเจ้าหล่อนมากขึ้น ๆ

"อีธาน! อีธาน! อย่า!!" แวมไพร์หนุ่มรัดตัวเธอเอาไว้แน่น จนเจ้าหล่อนดิ้นไม่หลุด และเขาก็โน้มใบหน้าซุกลงไปแนบสนิทกับลำคอระหงของเธอ

"อ๊าาา!!" เสียงเชอแตมกรีดร้องด้วยความกลัวเมื่อสัมผัสถึงริมฝีปากของแวมไพร์หนุ่มที่ประทับตราตรึงตรงซอกคอ จินตนาการตอนนี้คือเขี้ยวยาวของเขาต้องฝังลงไปในผิวเนื้อของเจ้าหล่อนเป็นแน่

แต่เปล่าเลย...เธอไม่ได้รู้สึกถึงเขี้ยวที่กดลง แต่กลับรู้สึกเพียงริมฝีปากของเขาที่กำลังดูดคอเธออยู่ต่างหาก

ครู่หนึ่งอีธานก็ผละออกมาช้า ๆ สายตาจ้องเขม็งไปยังต้นคอที่เขาประทับจูบจนเป็นจ้ำแดงเถือกราวกับตีตราเป็นเจ้าของมนุษย์สาวคนนี้ สายตาแวมไพร์หนุ่มดูกระหยิ่มใจ นึกอยากให้รอยนั้นเป็นรอยที่ฝังเขี้ยวเสียมากกว่าเป็นรอยจูบดูดดื่มธรรมดา

เชอแตมหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยอารามตกใจขีดสุด

"แค่ผมแยกเขี้ยวให้เห็น...คุณยังกลัวขนาดนี้ - ผมไม่อยากคิดเลย ว่าถ้าเจอออสการ์คุณจะเป็นยังไง"

"คุณตั้งใจทำให้ฉันกลัว" เจ้าหล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณกลัว -- แต่ความน่ากลัวของผมมันมีอยู่แล้วต่างหาก"

เชอแตมตวัดสายตามองเขาด้วยแววไม่พอใจ

"ยังคิดอยากเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อยู่อีกมั้ย" เขาถาม น้ำเสียงอ่อนลงจนเกือบเป็นปกติ

เชอแตมไม่ตอบในทันที เธอกำลังคิด และอีธานก็สวนขึ้นมาขัดว่า

"คิดให้ดี -- ตอบให้ดี อย่าลืม...ว่าผมอ่านใจคุณได้"

และนี่ก็เป็นเรื่องราวสดใหม่ที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวรับได้ว่าเขามีความสามารถอ่านใจเธอหรือใคร ๆ ก็ตาม ยอมรับว่าเธอสงสัยเขาเรื่องนี้มาตลอด แต่พอรู้ความจริง เธอกลับไม่อยากยอมรับมัน แสดงว่าที่ผ่านมาเธอคิดอะไร เขาก็รู้หมดน่ะสิ แม้ว่าปากจะด่าแต่ในใจกลับตรงกันข้าม เธอบอกรักเขาในใจตั้งหลายครั้ง คิดอะไรน่าอายตั้งหลายครั้ง นี่เขารู้หมดเลย!

และยิ้มมุมปากของเขาก็คือเรื่องพวกนี้งั้นสิ!

อีธานยิ้มมุมปากขึ้นมาทันทีที่เจ้าหล่อนคิดจบ เชอแตมอ้าปากค้างเติ่งทันทีที่เห็นยิ้มนั้น

"เจ้าเล่ห์ที่สุด!"อารามน้อยใจผสมกับโกรธก็เกิดขึ้นโดยฉับพลัน

"อย่าโกรธ...เพราะผมจะไม่ง้อ"

การไม่ง้อของเขาก็คือไม่ง้อแบบดี ๆ แต่จะง้อด้วยการกระทำห่าม ๆ แบบนี้นั่นเอง และคำพูดนั้นยิ่งทำให้เจ้าหล่อนหน้าตาบูดบึ้งขึ้นไปอีก

"ว่าไง...ยังคิดอยากจะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อีกมั้ย" อีธานเร่งเร้าเอาคำตอบ

"ยังไงก็คิด" เจ้าหล่อนตอบตามความจริง

อีธานกลอกตามองบน เขาไม่เคยอารมณ์เสีย หงุดหงิดจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้มาก่อน มีเพียง 'แม่นี่' คนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาสติแตกได้ไม่เลือกเวลา ชีวิตในอาณาจักรแวมไพร์ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เด็กจนโตอายุเข้าสู่สี่ร้อยกว่าปี ใครก็รู้ว่าเขาเก่งในด้านควบคุมอารมณ์ให้สุขุมนุ่มลึกได้ดีกว่าแวมไพร์ตนไหน จนอาของเขาเลือกเขามาทำหน้าที่ดูแลเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอคือต้นเหตุทำให้ความสามารถในการควบคุมอารมณ์อย่างดีเยี่ยมของเขาแปรปรวน

"ต่อให้คุณบีบแขนฉันจนกระดูกแตกรักษาไม่ได้ ฉันก็ไม่เลิกคิด -- ในเมื่ออ่านใจฉันได้ คุณก็น่าจะรู้ว่าฉัน..." เชอแตมหยุดนิ่งไปก่อนจะเปล่งถ้อยคำอันน่าไม่อายสำหรับเธอให้เขาฟัง "รักคุณ"

อารมณ์ร้อน ๆ ของอีธานค่อย ๆ ลดลงจนเกือบจะเป็นปกติ เมื่อได้ยินคำบอกรักที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากเธอ แต่เขาก็ยังฟอร์มจัด ไม่ยอมให้แม่ตัวดีรู้ว่าเขาอ่อนระทวยเพราะคำนั้นคำเดียวหรอก

"ได้ -- ถ้าคุณยังยืนยันอยากจะเปลี่ยน..."

เขายอมเธอแต่โดยดี ซึ่งเชอแตมมั่นใจว่าเขาต้องมีข้อต่อรอง

"แต่มีข้อแม้..." นั่นไงล่ะ เชอแตมไม่ถาม แต่ส่งสายตาเป็นคำถามไปแทน "ต้องเป็นผมเท่านั้นที่เปลี่ยนคุณ"

เชอแตมอ้าปากค้าง เธอดีใจที่เป็นเขา แต่...เขาต้องถูกจองจำไม่ใช่หรือ

"แต่คุณ...ต้องถูกจองจำนะคะ"

"ก็รู้นี่ ว่าผมต้องโดนจองจำ แล้วคุณยังจะดื้อดึงเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อยู่อีกเหรอ"

เชอแตมถอนหายใจ ก้มหน้างุดมองหน้าอกเขาแทนดวงตาสีฟ้าคราม เขาตั้งข้อต่อรองเพื่อให้เธอจำนนด้วยสิ่งนี้เองหรอกหรือ แค่คิดว่าเขาจะโดนจองจำเธอก็ไม่อยากเปลี่ยนอะไรให้วุ่นวายอีกแล้ว

อีธานกระชับกอดเธอแน่นจนเจ้าหล่อนไม่ทันได้ตั้งตัวแนบชิดไปกับอกเขาอัตโนมัติ

"อีธาน!" เธออุทานชื่อเขาเบา ๆ

"อย่าเปลี่ยนเลย...ผมขอร้อง" เขาพูดเบา ๆ คางเกยกับศีรษะเธอ เชอแตมเงยหน้าเพียงนิดมองเห็นแค่ลำคอของเขา น้ำเสียงขอร้องนั้นฟังดูมีความหมายลึกซึ้งอย่างไรพิกล

"แต่..."

"ผมชอบฟังเสียงหัวใจคุณเต้น -- ผมชอบสีหน้าที่แต้มไปด้วยเลือดฝาดของคุณ -- ผมชอบความอ่อนแอแบบมนุษย์ของคุณ -- ผมชอบพลังจิตของคุณ -- ผมชอบแรงอันน้อยนิดเวลาคุณพยายามต่อสู้กับผม -- ถ้าคุณเปลี่ยน นอกจากผมจะโดนจองจำแล้ว ผมจะไม่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ในตัวคุณอีก..."

เชอแตมค้างเติ่งไปนานหลายวินาทีเมื่อได้ยินคำบอกชอบที่แสนจะทำให้หัวใจเจ้าหล่อนพองโต เธอนิ่งเงียบราวกับคนถูกสาปให้กลายเป็นเพียงหุ่นปั้น

"ยังอยากเปลี่ยนอยู่อีกมั้ย"

แม้ใจจริงจะยังอยากเพราะต้องการอยู่กับเขาชั่วนิรันดร์ แต่อีกใจกลับไม่อยากเพราะความเป็นตัวตนของเธอคือสิ่งที่เขาชอบ

เจ้าหล่อนจึงส่ายหน้าเบา ๆ จนคางของเขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวกำลังปฏิเสธการเป็นแวมไพร์ แวมไพร์หนุ่มจึงยิ้มมุมปากนิด ๆ เชิงสบายใจ

เขาคลายกอดให้เธอได้ออกมายืนอย่างอิสระ แต่มือปลาหมึกก็ยังไม่ไปไหน มันยังวนเวียนอยู่แถว ๆ สะเอวของเธออยู่อย่างนั้น เชอแตมมองตาเขาพยายามสื่ออะไรบางอย่างให้เขาได้อ่าน

อีธานยิ้มมุมปาก พอรู้ว่าเขาอ่านใจได้ 'แม่นี่' ก็ลักไก่ใช้วิธีนี้สื่อสารกับเขาทันที อีธานจึงเอ่ยตอบคำขอในใจของเธอเบา ๆ ว่า

"ไม่!...รอไปเถอะ"

เชอแตมตีหน้าบึ้ง หงุดหงิดใจ

"แต่ฉันบอกคุณไปแล้วนะ" เธอย้อน

"แล้ว
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel