บทที่ 25 เติมพลัง
เชอแตมลดแขนที่กางกั้นลงแนบลำตัว เธอเอียงตัวหันข้างให้ชายหนุ่มทั้งสองคน หันซ้ายขวามองแวมไพร์ที มนุษย์ที อีธานมองเสี้ยวใบหน้าของเธอแล้วนึกหมั่นเขี้ยวผสมขุ่นเคืองในใจ กลับถึงที่พักเมื่อไหร่เธอมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขายาว
"คุณสองคน---รู้จักกันเหรอ" เชอแตมเอ่ยถาม ยังคงหันซ้ายขวามองใบหน้าแวมไพร์กับมนุษย์สลับไปมา
"รถอยู่ข้างนอก ตามมา" แม้ดวงตาจะจ้องเธอครู่หนึ่ง แต่หลุยส์กลับเลือกไม่ตอบคำถามอะไรเธอทั้งนั้น อีธานคงจัดการเรื่องนี้เองได้
มนุษย์หนุ่มไม่พูดเปล่า เขาออกเดินนำเพื่อกระตุ้นให้ทั้งคู่เดินตามเขาไป เชอแตมยังคงยืนนิ่งมองแผ่นหลังของหลุยส์ ครู่หนึ่งก็ตวัดกลับมาเอาเรื่องกับอีธาน แวมไพร์หนุ่มตวัดสายตามองไปทางอื่น เธอกำลังจะหาเรื่องเขาเรื่องหลุยส์ เธอกล่าวหาว่าเขามีอะไรไม่ยอมบอกเธอ อีธานอ่านข้อความเหล่านี้ได้จากความคิดเธอ
"คุณกับหลุยส์ --- รู้จักกันใช่มั้ย" เชอแตมถามสีหน้าบึ้งตึง
แต่อีธานกลับไม่สนใจ เขาขยับเท้าก้าวเดินตามหลังหลุยส์ไป โดยไม่ชวนเธอสักคำ เชอแตมอ้าปากเหวอ ไม่ตอบคำถามของเธอไม่พอเขายังกล้าทิ้งเธอไว้ข้างหลังแบบนี้อีก เชอแตมพ่นลมออกทางจมูกดังฟืดคล้ายวัวกระทิงดุ เจ้าหล่อนยืนกอดอกดื้อดันไม่ยอมเดินตามไป
อีธานหยุดนิ่งกึก เมื่อรู้สึกได้ว่าเชอแตมไม่ได้ตามหลังมา เขาสอดมือข้างที่หัวไหล่ปกติไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วเปล่งวาจาโดยไม่ได้หันหลังกลับมาว่า
"ถ้ายังไม่ตามมา คุณจะโดนหนักกว่าที่ผมคาดโทษไว้"
จบประโยคเขาก็ออกเดินต่อ เชอแตมลดมือลงแนบลำตัวด้วยท่าทางดึงดันเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ถึงจะพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่าอีธานไม่น่ากลัวหรอก แต่เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้จริง ๆ ว่าเธอกลัวเขา กลัวทุกทีที่เขาขู่ เพราะทุกครั้งเขาไม่ได้ทำแค่ขู่ เขามักจะเอาจริง ซึ่งครั้งนี้เธอโดนจับมาแท้ ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วโทษของเธอที่เขาว่ามันคืออะไรกัน
ต้องเดินตามไปสินะ ถึงจะได้คำตอบ แต่ไม่ทราบเพราะสาเหตุใดถึงได้เสียวสันหลังวาบก็ไม่รู้
สองมนุษย์กับหนึ่งแวมไพร์นั่งอยู่ในรถออดี้รุ่นเอหกสีดำสนิทคันเดียวกัน โดยมีหลุยส์เป็นสารถีทำหน้าที่ดุจดั่งคนขับรถให้เจ้านายผู้เป็นใหญ่สองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เชอแตมมีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจอีธานที่ทำท่าทางเหมือนไม่ห่วงใยเธอเลย ตอนที่อยู่ในที่กบดานใต้ดินของออสการ์ก็ทีหนึ่งแล้วที่เขาทำเฉยเมย มาตอนนี้อีกที่ทำตัวไม่แยแส ตกลงเขาคิดอะไรกับเธอกันแน่ เชอแตมชักไม่แน่ใจ
อีธานนั่งนิ่งเงียบมองไปนอกกระจกรถ หัวไหล่เขาไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว และเจ้าตัวเองก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีก หากแต่ความเหนื่อยล้าก็ปรากฏผ่านลักษณะอาการเพราะสูญเสียพลังไปนิดหน่อย
หลุยส์ใช้เวลาเพียงสองวินาทีในการตวัดสายตามองไปยังกระจกมองหลัง เขายิ้มมุมปากด้วยท่าทางขบขันนิด ๆ กับอาการของหญิงชายที่นั่งอยู่ข้างกันแต่กลับเสมองไปคนละทาง
"นายจะกลับคอนโดหรือจะไปหอพักเชอแตม" หลุยส์เอ่ยถามทำลายความเงียบในรถ ที่สำคัญมันใกล้จะถึงทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างหอพักนุกนิกกับคอนโดของอีธาน
"ไปหอพักแม่นี่"
เชอแตมหันขวับมามองเสี้ยวใบหน้าของอีธานที่ยังเหม่อมองไปนอกรถ ถ้าหูไม่ฝาด เธอได้ยินเขาใช้สรรพนามแทนตัวเธอว่า 'แม่นี่' หญิงสาวกัดฟันทำจมูกบาน ไม่พอใจอย่างหนัก หลุยส์หัวเราะหึเมื่อตวัดสายตามองกระจกอีกครั้ง
"แต่นี่มันตีหนึ่งแล้ว นายมีแผลด้วย นายจะไหวเหรอ" หลุยส์ถามด้วยความเป็นห่วง
"ใครทำให้ฉันเป็นแบบนี้ คนนั้นก็รับผิดชอบ" แวมไพร์หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าครามตอบน้ำเสียงเยือกเย็น คงมีเพียงแค่หลุยส์ที่เข้าใจความหมายจากคำพูดเขา
"เดือดร้อนละ เชอแตม" หลุยส์คิดในใจ
แม้จะหยิ่งทระนงเพราะอีธานเมินเฉยใส่เธอก่อน แต่หญิงสาวกลับสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งสองมากขึ้นไปอีก ทั้งคู่คุยกันราวกับรู้จักกันมานานแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ อีธานก็ปิดบังเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เธอเอ่ยถึงหลุยส์ เขารู้
"เธอยังอยู่ที่ห้องนาย ใช่มั้ย" อีธานเอ่ยถามหลุยส์กลับไปบ้าง เชอแตมได้ยินแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาหมายถึงใคร
"อืม" หลุยส์ตอบสั้น เพราะไม่อยากเอ่ยถึงหญิงสาวน้ำเสียงแปดหลอดคนนั้น กลับไปถึงห้องพัก เขาต้องเจอศึกหนักแน่ ๆ
อีธานตวัดสายตากลับมามองตรงไปยังกระจกมองหลัง สัญชาตญาณทำให้หลุยส์ต้องตวัดสายตามามองตอบจนได้เห็นยิ้มมุมปากของอีธาน
"ไม่ใช่อย่างที่นายคิดละกัน" หลุยส์ส่งข้อความผ่านความคิดให้อีธานอ่าน เมื่อรู้ดีว่าแวมไพร์หนุ่มคิดอะไรเรื่องเขากับป๊อบคอร์น หลุยส์ตวัดสายตากลับมามองถนน แล้วคิดเล่น ๆ ในใจล้อเล่นอีธานกลับไปบ้าง เพราะรู้ว่าแวมไพร์หนุ่มยังมองตาเขาอยู่แน่ ๆ
"อย่าคิดว่าฉันไม่รู้คืนนี้ออสการ์ก็คงไม่ไปหาเชอแตมแล้วที่ไม่กลับไปรักษาแผลกับสร้างสมาธิเก็บพลังที่ห้อง เพราะต้องการอยู่กับแม่นี่ของนายใช่มั้ย ---" อีธานขบกรามเล็กน้อย ที่เห็นข้อความในใจหลุยส์ เขาอยากเตะมนุษย์หนุ่มคนนี้นัก "อย่ารุนแรงกับเธอเหมือนคราวก่อนละกัน พ่อแวมไพร์หึงโหด"
"หุบปากน่า" อีธานลืมตัวบอกหลุยส์ไป ทั้งที่หลุยส์ไม่ได้พูดอะไรเลย สร้างความงุนงงให้กับเชอแตม จนหลุยส์หลุดหัวเราะออกมานิด ๆ เพราะความใจลอยของแวมไพร์เก็บมาดตนนี้
อีธานทำท่าทางเหมือนถอนใจเสมองไปนอกรถแก้เก้อ รู้ว่าเพื่อนรักกวนโอ๊ยเขาให้แล้ว ไว้กลับคอนโดเขาค่อยจัดการมนุษย์ขี้กวนคนนี้ทีหลังละกัน
เพราะหลังจากนี้ เป็นคิวที่ต้องเคลียร์กับเชอแตมก่อน
หลุยส์ส่งอีธานกับเชอแตมถึงหอพักเสร็จเรียบร้อยก็รีบกลับไปยังคอนโดของตัวเองทันที เขานั่งแหมะอยู่ในรถนานเกือบสามสิบนาที หนึ่งเพราะเหนื่อยล้า และสองเพราะต้องรวบรวมพลังให้สามารถต่อกรกับแม่สุนัขลูกอ่อนพันธ์ุพิทบูลที่ถูกขังอยู่ในห้องของเขาเวลานี้ให้ได้
ถูกขังไว้นานตั้งแต่สามทุ่มจนกระทั่งตีหนึ่งแบบนี้ คงต้องวางแผนถล่มเขายับเป็นแน่
หลุยส์ถอนหายใจ ดึงกุญแจรถออกมา หยิบกระเป๋าเป้แล้วเดินเอื่อย ๆ ไม่รีบร้อนไปยังลิฟต์ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ความหวังของเขาเมื่อไปถึงห้องเวลานี้คือ ตรงไปที่เตียงนอนแล้วล้มตัวลงแผ่หราหลับตาจนถึงเช้า
นั่นคือในความฝัน แต่ในความเป็นจริง หมอนหกเจ็ดใบทั้งบนเตียงและบนโซฟาถูกขว้างปามาโดนตัวเขาแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิดได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว หลังจากเขาปลดล็อกแม่กุญแจ และไขประตูห้องเข้ามาได้
"ไอ้หลุยส์! ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! นายขังฉันไว้นานแบบนี้ได้ไง..." หมอนใบที่หนึ่งปาโดนหน้าเขาเต็ม ๆ"นายต้องการอะไร ห้ะ!" ใบที่สองตามมาติด ๆ ทั้งที่ใบที่หนึ่งยังหล่นไม่ถึงพื้นดี "ไหนล่ะ เชอแตม ไหนบอกว่าไปตามหาเพื่อนฉัน" ใบที่สามขว้างมาโดนลำตัว หลุยส์รับใบนี้ไว้ได้
"ไหน ทำไมกลับมาคนเดียว" ใบที่สี่เริ่มทำให้หลุยส์ตั้งตัวได้ เขาหักหลบไปทางขวา เสียงหวีดสยองของเจ้าหล่อนดังแสบแก้วหูยิ่งนัก
"นายแกล้งฉันใช่มั้ย!" ใบที่ห้าถูกโยนข้ามหัวเขาไป เพราะเขาก้มหลบ
เหลือหมอนอีกสองใบที่วางอยู่บนโซฟา แต่คนประทุษร้ายกลับยืนหอบแฮ่ก มองหน้าจำเลยด้วยแววตาแค้นหนัก หลุยส์รอให้หมอนสองใบถูกปามาเพื่อไม่ให้มีหมอนเหลือให้เธอขว้างปาได้อีก และทันทีที่เจ้าหล่อนคิดว่าพลังกลับมาอีกครั้ง ก็หยิบหมอนสองใบขึ้นมาพร้อมแล้วขว้างใส่หลุยส์อีกครั้งทันที ชายหนุ่มจับใบหนึ่งไว้ได้ กับปัดอีกใบหนึ่งทิ้งไป
หมอนมากองอยู่ข้าง ๆ เท้าเขาเจ็ดใบ หลุยส์แอบคิดเล่น ๆ ว่า มันน่าเอนกายนอนแผ่ไปท่ามกลางหมอนเหล่านี้เหลือเกิน แต่...แม่สุนัขพิทบูลตัวนี้กำลังอาฆาตเขาอยู่ แม้แต่จะนั่งยอง ๆ ลงไปเขาก็คงไม่ได้ทำ
"ไหน เชอแตมที่นายว่า นายไปหาเชอแตมไม่ใช่เหรอ แล้วไหนเชอแตม"
ป๊อบคอร์นตะคอกดังใส่เขา
"เจอแล้วไง" เขาตอบ สีหน้าอ่อนล้า แต่ไม่ได้อ่อนแรง
"เจอแล้ว---แล้วไง" หญิงสาวขึ้นเสียงสูง
"ก็พาไปส่งที่หอแล้วไง" หลุยส์พูดเสียงเรียบต่ำ สื่อความรู้สึกเชิงรำคาญออกไปมากกว่า
"นี่มันเรื่องอะไรกัน นายอธิบายฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ทำไมฉันกับเชอแตมถึงได้แยกกันอยู่คนละที่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราอยู่ที่บ้านพี่กรุ๊ป"
"ไอ้หมอนั่นมันวางยาพวกคุณ" เพราะความรำคาญผสมกับความเหนื่อยล้า เขาเลยตอบไปแบบไม่อ้อมค้อม ป๊อบคอร์นปากอ้าค้างนิดหนึ่ง คิ้วขมวดเข้าหากัน
"คุณนี่มัน..." ท่าทางป๊อบคอร์นทำให้หลุยส์เข่าแทบทรุด ดูก็รู้ว่าเธอไม่เชื่อเขา
"คุณกล้าใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ได้ไง"
"มันดูน่าเชื่อถือกว่าผมงั้นสิ" หลุยส์ชักสีหน้า ชักน้ำเสียงประชดประชันใส่เธอ
"มันยิ่งกว่านั้นอีกหลุยส์ คุณไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลยต่างหาก"
"ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ"
หลุยส์บ่นเงียบ ๆ เสมองไปทางอื่น
"จะบอกอะไรให้ ถ้าผมไม่ช่วยคุณออกมา คุณอาจจะโดนมันข่มขืนไปแล้วก็ได้"
แม้ว่ากรรณวิทย์จะวางยาพวกเธอเพราะเหตุผลอื่น แต่เขากลับอยากใส่ความชายหนุ่มคนนั้นเพราะเหตุผลที่เขาคิดว่ามันบ้าบอลึก ๆ ในใจ
เพียะ!
เสียงฝ่ามือฟาดกระทบใบหน้าหลุยส์ดังแรง ชายหนุ่มหันตามแรงมือ ความโกรธแค้นของป๊อบคอร์นมันสะสมมานานนับตั้งแต่วันที่เขาโยนช่อดอกไม้เธอลงถังขยะ สองปีมาแล้วที่เธอคิดว่าตัวเองลืมทุกอย่าง ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไร้ซึ่งความโกรธ แต่ไม่ใช่เลย วันนี้เธอกลับตระหนักรู้ดีว่า ทุกความรู้สึกมันถูกฝังลึกลงไปลึกจนใครก็ไม่สามารถขุดมันขึ้นมาได้นอกจากเขาที่ยืนตรงหน้าเธอ ถ้าไม่ใช่เขา เธอคงไม่ใส่ความรู้สึกทุกอย่างลงไปในฝ่ามือแล้วมอบให้เขาเป็นการตอบแทน
ไม่ใช่เธอคนเดียวที่เก็บกดทุกอย่างจนทุกวันนี้ เธอไม่รู้เลยว่าหลุยส์เองต้องผ่านอะไรมามากแค่ไหน ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องชีวิต และเรื่องเธอ เขาแบกรับมันไว้เพียงคนเดียว บางทีความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัด เธอควรจะได้รับรู้บ้างว่า เขาก็...โกรธเป็น!
"อุ๊บส์!" ป๊อบคอร์นตะลึงงันในวินาทีแรก เมื่อโดนหลุยส์ดึงแขนเข้าไปปะทะกับอกกว้าง แล้วมอบจุมพิตลงโทษให้หนักหน่วง วินาทีต่อมาเจ้าหล่อนเริ่มดิ้นแรง ไม่ยอมแม้แต่จะให้เขาได้แตะต้องริมฝีปากของเธอเป็นอันขาด ทั้งที่มันโดนไปแล้ว
ความอึดอัดอัดอั้นตันใจจากเหตุการณ์ในอดีตมาสู่ปัจจุบันถูกถ่ายทอดลงไปผ่านจูบที่แสนจะเร่าร้อนนั่น หลุยส์มอบทุกความรู้สึกให้เธอ ทั้งความโกรธ ความแค้น ความอึดอัด ความหลง ความห่วงหา
และความรัก...
อีธานพาเชอแตมอ้อมหอพักมาทางด้านหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าหอทางด้านหน้าซึ่งมียามที่มักจะหลับคาโต๊ะอยู่บ่อย ๆ เขาไม่อยากเสี่ยงให้ใครเห็นสภาพคราบเลือดของเขาเวลานี้แน่ ๆ แม้ว่ายามอาจจะหลับอยู่ก็เถอะ และโชคดีที่ห้องเชอแตมอยู่ฟากด้านหลังหอพัก
แวมไพร์หนุ่มพาเธอกระโดดขึ้นมาทางระเบียง เขาเซนิด ๆ ทำให้เชอแตมต้องมองด้วยความเป็นห่วง
"คุณ ไหวมั้ย" หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาดำสนิทถามเขา แม้จะยังค้อน ๆ เขาอยู่ แต่เธอก็เก็บอาการเป็นห่วงไว้ไม่มิด
อีธานมองหน้าเชอแตมแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ตอบคำถามเธอสักคำ หญิงสาวถอนหายใจหนัก
"เมนไม่มาหรือไงนะ! อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ตลอดเลย"เจ้าหล่อนบ่นอุบ ขัดใจนิด ๆ
เชอแตมเดินเข้ามาในห้อง อีธานถอดเสื้อกันหนาวออกเผยให้เห็นเสื้อยืดนุ่มนิ่มตัวใน เขาพยายามแงะดูแผลผ่านทางรูเสื้อที่ถูกแทงด้วยลิ่มไม้แหลมของเฮนรี่ แวมไพร์หนุ่มกำลังคิดจะทำแผล
"ฉันมีพวกอุปกรณ์ทำแผล คุณต้องทำแผลเหมือนพวกเราหรือเปล่า" ถามด้วยความเป็นห่วง แต่กลับได้รับสายตาที่ดุ ๆ กลับมาแทน
"เอามาสิ" ก็ยังดีที่เขาตอบ แต่มันก็ห้วนจนคนฟังแทบไม่อยากไปหยิบให้เลย
เชอแตมถอนหายใจหงุดหงิด ก่อนจะเดินไปหยิบยาสามัญประจำห้องในตู้
ฮึก!
เชอแตมเบิกตากว้างหายใจเข้าอย่างสะดุดกึกตัวแข็งทื่อนานประมาณสองวินาที หลังจากเดินกลับมาส่งกล่องบรรจุอุปกรณ์ทำแผลและตั้งใจจะทำให้แผลให้อีธานด้วย
"ซิกแพคอีธาน!" เจ้าหล่อนเผลออุทานในใจด้วยความตื่นตะลึง
เขาถอดเสื้อล่อนจ้อนครึ่งบน เผยให้เห็นซิกแพคหน้าท้องแน่นปึ้ก! ไหนจะกล้ามแขนแน่น ๆ แข็งแรงนั่นอีก สายตาเลื่อนไปเจอแผ่นอกกว้างที่กำลังเชิญชวนให้เธอเข้าไปเอนศีรษะซบนิ่ง
"คุณทำอะไรน่ะ!"
หญิงสาวหันหน้าหนีไปทางอื่นสายตามองตรงไปข้างหน้าแบบตั้งใจมากจนมันดูเหมือนหุ่นยนต์ และอีธานก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก เจ้าหล่อนยืนตัวแข็ง คอแข็ง ไม่แม้แต่จะหันเสี้ยวหนึ่งมาทางเขา ดูก็รู้ว่าเธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
"ทำแผลไง" เขาตอบห้วน ๆ
"ล่ะ...แล้ว---ทำไมต้องถอดเสื้อ" น้ำเสียงตะกุกตะกักไปเสียดื้อ ๆ ยังตัวแข็งคอแข็งราวกับเป็นคนที่ไม่สามารถขยับคอหมุนได้ร้อยแปดสิบองศา
"แล้วจะให้ผมทำแผลยังไง" อีธานยืนกอดอกนิ่งมองเพียงด้านข้างของเธอ
"ก็ --- ไม่เห็นต้องถอดหมดนี่"
"ผมยังไม่ได้ถอดกางเกงนะ ผมถอดแค่เสื้อ"
"โธ่! ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น" เขาตีรวนจนเธอต้องหันมาสบตาเขา และจำต้องเห็นซิกแพคกับอกกว้างนั่นอีกรอบ ดวงตาจึงเบิกกว้างขึ้นมาจนไม่สามารถทนยืนดูด้วยอาการเสแสร้งไม่คิดอะไรได้
เชอแตมจิ๊ปากเชิงขัดใจ เธอยื่นกล่องบรรจุอุปกรณ์ทำแผลให้แบบส่ง ๆ หันหน้าหนีเขาไปอีกทาง จนมองไม่เห็นว่าเขากำลังส่งสายตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์แบบไหนมาให้ก่อนจะยื่นมือไปจับกล่องบรรจุอุปกรณ์ทำแผล แล้วเปลี่ยนเป้าหมายกะทันหันเป็นข้อมือของเธอดึงเข้าหาตัวเขาแทน
เชอแตมอ้าปากเหวอถลาไปปะทะกับอกกว้างเปลือยเปล่านั่นสมดังใจหวังลึก ๆ เนื้อตัวสั่นระริกขึ้นมาแบบควบคุมไม่อยู่ ผิวเนื้อเขาเหมือนมนุษย์ทั่วไปแม้จะเย็นกว่าแต่กลับอบอุ่น
"ผมมีวิธีทำแผลที่ดีกว่านั้นมาก" เขามองไปที่กล่องบรรจุอุปกรณ์ทำแผล เชอแตมมองตามก่อนดวงตาสองคู่จะตวัดกลับมาจ้องกันใหม่อีกครั้ง
สีหน้าเชอแตมงุนงงเป็นคำถาม ความรู้สึกผสมปนเปจนลืมภาษาพูดในการสื่อสารไปชั่วคราว
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีจากการโดนดึงเข้ามากอดแนบเนื้อเขาขนาดนั้น เจ้าหล่อนก็โดนเข้าดึงลงไปนั่งบนตักเขาในขณะที่แวมไพร์หนุ่มทิ้งตัวลงไปนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนุ่ม พร้อมกับกดศีรษะเธอเข้ามารับจุมพิตดูดดื่มจากเขา มือทั้งสองของเชอแตมวางลงบนไหล่เขาอัตโนมัติแทบไม่รู้สึกว่าเนื้อตัวเขาเย็นเยียบอย่างไร เพราะทุกความรู้สึกมันไปกองอยู่ที่ริมฝีปากหมดแล้ว
หญิงสาวขัดขืนนิดหนึ่งในตอนแรก ก่อนจะอ่อนระทวยไปกับสัมผัสจนต้องพริ้มตาหลับนิ่งรับจูบของเขา อีธานจูบเธอดูดดื่มราวกับกำลังดื่มน้ำวิเศษที่ช่วยดับกระหายโดยไม่มีท่าทีจะหยุด เขาเลื่อนฝ่ามือจากศีรษะเธอลงมากระชับเอวคอดกิ่วนั้นแนบแน่น มืออีกข้างสัมผัสอ่อนโยนไปยังกลางหลังกดให้หน้าอกเธอแนบชิดกับอกเขายิ่งขึ้นอีก มันไม่เหมือนกับคราวนั้น คราวที่เธอโดนเขาจูบลงโทษหนักหน่วงจนหายใจแทบไม่ได้ แม้คราวนี้จะรู้สึกหายใจติดขัดไม่แพ้กัน แต่มันกลับทำให้เธอเบาหวิวจนแทบจะลอยได้อยู่แล้ว สติที่เคยมีกระเจิดกระเจิงจนไม่รู้ทิศทางเมื่ออีธานกระชับกอดแน่นขึ้นอีกจนเธอคิดว่าตัวเธอกับเขาหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันเสียแล้ว
อีธานผละริมฝีปากตัวเองออกมาจากริมฝีปากเธออึดใจ เพื่อมองดวงหน้าที่มีเลือดฝาดทั่วทั้งวงอย่างย่ามใจ ก่อนจะแย้มยิ้มมุมปากออกมาให้เธอได้งุนงงเล่น ๆ แล้วครอบครองริมฝีปากอวบอิ่มแถมแดงก่ำนั้นอีกครั้ง
เธอยังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอ จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าพลังในตัวเองค่อย ๆ อ่อนลง ๆ จังหวะการหายใจของหญิงสาวหนักหน่วงเพราะเรี่ยวแรงเริ่มเหือดหาย ขณะที่เขายังรื่นเริงกับริมฝีปากของเธอ แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนคนที่วิญญาณกำลังจะหลุดจากร่าง เชอแตมรับรู้ได้ว่าร่างกายของเธออ่อนปวกเปียกจนต้องพึ่งพิงอกเขาเต็มรัก เธอรู้สึกอยากสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้ง หญิงสาวจึงเลื่อนฝ่ามือทั้งสองมาแตะแก้มสากของเขาก่อนจะพยายามส่งสัญญาณด้วยการผลักออกเบา ๆ ให้เขารู้ว่าเธออยากหยุดแล้ว
อีธานไม่อ้อยอิ่งนานเกินไป เพราะเขารู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรกับเธอ
เขาเพิ่มพลังให้ตัวเองใช้รักษาแผลโดยการดูดพลังชีวิตจากเธอผ่านการจูบ!
เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระแต่ตัวเธอยังอยู่บนตักและวงแขนโอบรัดอยู่ หญิงสาวก็หายใจเข้าออกช้า ๆ หนัก ๆ แม้จะมีที่เกาะกุมแต่เธอกลับรู้สึกเซ ๆ เหมือนจะเป็นลม สติเริ่มกลับมาหา
ความรู้สึกสงสัยทำงาน --- นี่เขาทำอะไรกับเธอ!
"คุณทำอะไร --- กับฉัน ---อีธาน"
จังหวะการหายใจติดขัดขาดห้วง จนแทบพูดเกือบไม่เต็มประโยค อีธานยังยิ้มมุมปากได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา
"ทำโทษ"
อย่าว่าแต่เรี่ยวแรงจะถกเถียงเลย เรี่ยวแรงจะนึกคิดก็ยังไม่มี
"ตอนนี้คุณคงไม่สามารถทำอะไรกับผมได้หรอก แม้แต่จะตบหน้าหรือด่าทอ สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้คือ นอนพัก"
เชอแตมพยายามส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงไม่ยอม เธออยากรู้ให้ได้ก่อนว่าเขาทำอะไร
"ผมแค่รักษาแผลตัวเอง ด้วยการดูดพลังชีวิตจากคุณ..." เขายิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อว่า "จริง ๆ มันมีวิธีดูดพลังชีวิตแบบไม่ต้องจูบก็ได้นะ แต่บังเอิญผมคงเพลินไปหน่อย ลืมไปว่ากำลังจูบคุณอยู่ด้วย สภาพคุณถึง --- อ่อนปวกเปียกแบบนี้"
เชอแตมมองไปที่แผลบนหัวไหลเขา มันกลายเป็นแผลแห้งตกสะเก็ดไปในพริบตาเหมือนเป็นเรื่องโกหก หนังตาของเชอแตมจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่สมองยังตื่นตัวเต็มที่ เธออยากอ้าปากด่าทอเขาหลายคำมาก ๆ แต่ก็นั่นล่ะ เธอทำได้ซะที่ไหน
"อี --- ธาน" เลยได้แต่เรียกชื่อเขา ก่อนจะวูบหมดสติเปลือกตาปิดสนิท ทิ้งตัวลงไปกับร่างกายเขาทันใด
ศีรษะเจ้าหล่อนพาดอยู่บนหัวไหล่เขาแน่นิ่ง อีธานได้ยินเพียงเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอที่บอกให้รู้ว่า 'แม่นี่' ของเขาเข้าสู่นิทราแล้ว
อีธานลูบศีรษะเธอเบา ๆ ยังไม่ยอมพาร่างเธอไปวางให้นอนสบาย ๆ บนเตียง แวมไพร์หนุ่มอมยิ้มนุ่ม มือหนึ่งยังเกี่ยวกอดเอวเธอไว้ อีกมือก็ลูบศีรษะเอื่อย ๆ
มันเป็นวิธีลงโทษคนดื้อรั้นแบบชาญฉลาดที่สุด เพราะมันได้ทั้งจูบ ได้ทั้งพลังกลับมาด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาทำเพราะใจสั่งมา เขารู้ดีว่าเธอแค่เสียพลัง มันไม่ได้ถึงแก่ชีวิต เพราะเมื่อมนุษย์สูญเสียพลังชีวิต ร่างกายก็จะสั่งการให้พักผ่อนอัตโนมัติซึ่งการนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด
เธอคงหลับยาวจนเช้า โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวใด ๆ ที่ยังคาใจอยู่จนกว่าจะถึงช่วงเวลามืดมิดอีกครั้งของวันพรุ่งนี้
และแวมไพร์หนุ่มต้องเตรียมตัวรับมือกับความพยศแข็งข้อเอาเป็นเอาตายของ 'แม่นี่' เป็นอย่างดี ในช่วงเวลานั้น
เจ้าหล่อนต้องตื่นมาพร้อมพลังชีวิตที่มากขึ้น แน่นอนว่าเจ้าหล่อนมีแรงต่อสู้เค้นเอาความจริงทุกอย่างกับเขาให้ได้ พร้อมทั้งคิดบัญชีกับสิ่งที่เขาทำกับเธอในคืนนี้แน่ ๆ
แต่มีหรือที่คนอย่างอีธานจะเสียเปรียบกับผู้หญิงที่เขาครอบครองไว้ทั้งหัวใจคนนี้
แวมไพร์หนุ่มเม้มยิ้มให้เธอ ขณะที่วางร่างของหญิงสาวแนบไปกับเตียงนุ่มเบา ๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะก้มลงลักหลับริมฝีปากของเธอเบา ๆ แล้วผละออกทันที
แวมไพร์หนุ่มมองไปยังเสื้อยืด คิดจะนำกลับมาสวมใส่อีกครั้ง แต่มันมีคราบเลือดเต็มไปหมด จึงเลือกที่จะเปลือยท่อนบนไปอย่างนั้น ก่อนจะเอนตัวลงนอนเอามือเท้าศีรษะมองเชอแตมหลับไปตลอดทั้งคืน
ทุกวินาทีต่อจากนี้ หากได้อยู่กับเธอ มันคือช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดสำหรับเขา ชีวิตของเธอกับเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะความละโมบของแวมไพร์สองพ่อลูกทรงอิทธิพลยากที่จะมีแวมไพร์ตนใดมาต่อกรนั่น เหตุการณ์วันนี้สอนให้เขารู้ว่า เขาจะปล่อยให้เธอละสายตาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
บางที เขานึกอยากใช้วิธีนั้นเพื่อใช้ชีวิตในเวลากลางวันดูแลเธอ แม้มันจะเสี่ยงมากก็ตาม...
