บท
ตั้งค่า

บทที่ 22 กับดัก 2

ช่วงหกโมงเย็นของวันต่อมาเชอแตมกดรับโทรศัพท์ที่ร้องเสียงดังรบกวนจิตใจเธอด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่มันเพิ่งดังไปเมื่อราว ๆ สิบห้านาทีก่อนหน้านี้ หญิงสาวกำลังนั่งเจ่าอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนหน้าคณะสังคมศาสตร์กับการบ้านของวิชาที่ต้องส่งในวันพรุ่งนี้

"ขอโทษนะคะพี่กรุ๊ป แตมทบทวนดีแล้วค่ะ ว่าไม่ว่ายังไง แตมก็ไม่ได้รักพี่มากไปกว่าพี่น้องแน่ ๆ ค่ะ"

เชอแตมร่ายยาวเป็นคำทักทายไปยังปลายสาย โดยที่ไม่ได้สังเกตให้ดีเลยว่าเบอร์ที่โทร.เข้ามานั้นไม่ใช่กรรณวิทย์

"อิเชอ แกเมมเบอร์ฉันเป็นเบอร์พี่กรุ๊ปหรือไง"

เสียงแวดของป๊อบคอร์นทำให้เชอแตมชะงักกึกแล้วรีบลดโทรศัพท์ลงมาดูเบอร์ที่โชว์หราบนหน้าจอ ไม่ใช่กรรณวิทย์จริง ๆ ด้วย จะไม่ให้เธอหงุดหงิดแล้วเข้าใจผิดได้อย่างไรในเมื่อสิบห้านาทีก่อนหน้านี้คนที่โทร.เข้ามาคือกรรณวิทย์ แต่เธอตั้งใจไม่รับเพราะไม่อยากคุย

"แกเองเหรอ"

"ก็เออน่ะสิ แต่ถึงจะเป็นฉัน เรื่องที่จะคุยก็เรื่องพี่กรุ๊ปนี่แหละ นี่แกอยู่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหาเราต้องไปโรงพยาบาลด้วยกัน"

เชอแตมขมวดคิ้วมุ่นงุนงง เธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน หากจะมีใครเป็นอะไรแล้วอยู่ที่โรงพยาบาลนั่นหมายความว่าต้องเป็นเพื่อนของพวกเธอหรือไม่ก็ญาติของป๊อบคอร์น

"ใครเป็นอะไรเหรอแก" เชอแตมถาม

"พี่กรุ๊ปล้มรถมอเตอไซด์ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล พี่กรุ๊ปบอกว่าโทร.มาหาแกแล้ว แต่แกไม่รับสาย เลยโทร.มาหาฉัน"

เชอแตมอ้าปากค้างเติ่ง ความรู้สึกผิดแทรกซึมเข้าในจิตใจ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรเชิงชู้สาวกับเขา แต่เธอก็นับถือเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง

"พี่กรุ๊ปเป็นอะไรมากหรือเปล่าแก แล้วตอนนี้ปลอดภัยละยัง" พอสำนึกได้ก็รีบถามไถ่อาการอย่างเร่งด่วน

"ไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่รู้สึกว่าจะขับรถไม่ได้ ฉันเลยบอกว่าจะไปส่งพี่แกที่บ้านเอง ฉันเลยโทร.มาชวนแกเนี่ย"

"เออ ไปเลย ๆ ฉันอยู่หน้าคณะ หรือให้ฉันไปหาแกที่ไหนจะได้เร็วกว่า"

เชอแตมลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นเก็บข้าวของทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่

"งั้นไปเจอที่รถฉันเลย"

เชอแตมมาถึงรถมินิคูเปอร์สีฮอตชอกโกแลตของป๊อบคอร์นในเวลาต่อมา หลังจากนั้นเจ้าโลหะเคลื่อนที่ได้ก็ถูกป๊อบคอร์นบังคับพวงมาลัยมาจนถึงโรงพยาบาล เชอแตมก้าวฉับ ๆ เร็วกว่าปกติเพราะอาการใจร้อนที่เกิดจากความรู้สึกผิด โชคดีที่กรรณวิทย์ไม่ได้เป็นอะไรมากถึงขนาดต้องเข้าห้องผ่าตัดหรืออยู่ในอาการขั้นโคม่า หากเป็นแบบนั้นเจ้าหล่อนต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ชายหนุ่มคงรักและไว้ใจเธอมากถึงขนาดโทร.มาหาในขณะที่ตัวเองประสบอุบัติเหตุ หากแต่เธอกลับไม่แยแสเขาเลย

สองสาวมาเจอกรรณวิทย์หน้าห้องฉุกเฉินที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นในรูปลักษณ์เกือบคล้ายมัมมี่ แขนของเขาถูกพยาบาลและหมอพันผ้าพันแผลโดยรอบจนเห็นเป็นสีขาวเรื่อยไปจนถึงข้อศอก เฝือกก็ช่วยพยุงให้แขนตั้งฉากกับข้อศอกป้องกันการเคลื่อนไหวแรง ๆ กางเกงนักศึกษาของขาข้างซ้ายถูกถลกขึ้นมาให้อยู่เลยหัวเข่าลงมานิดหน่อย เผยให้เห็นหน้าแข็งที่ถูกผ้าพันแผลปิดไว้เช่นเดียวกัน อาการไม่หนักมาก แต่จากแผลที่เห็นเหล่านี้ก็ทำให้เชอแตมใจตกวูบลงไปไม่น้อย

สองสาวปรี่เข้ามาหาเขา

"เป็นไงบ้างคะพี่กรุ๊ป หมอว่ายังไงบ้าง"

เชอแตมถามขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก สีหน้าเผือด ๆ กรรณวิทย์ยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ

"ไม่เป็นไรมากจ้ะ ก็แค่แผลถลอก" เขาเม้มยิ้มอีกครั้ง

"แผลหลายที่เหมือนกันนะคะ" ป๊อบคอร์นตั้งข้อสังเกต

กรรณวิทย์มองไปที่แผลบนตัวเอง "แขนสองข้าง กับหน้าแข้งเอง" เขาเอ่ย "พอดีพี่ขับมอ'ไซด์มา สภาพนี้คงขับกลับไม่ไหว เลยกะว่าจะให้เพื่อนมันมาช่วยหน่อย แต่ดันไม่มีใครว่างสักคน พี่เลยต้องรบกวนป๊อบคอร์นกับแตม"

"ไม่มีปัญหาเลยค่ะ พี่กรุ๊ป เราคนกันเอง ยิ่งพี่ไม่สบายแบบเนี้ย เรายิ่งเต็มใจช่วย" ป๊อบคอร์นเอ่ยด้วยไมตรี

"ไปค่ะ เดี๋ยวพวกเราไปส่งเอง"

กรรณวิทย์ยิ้มให้เชอแตมกับป๊อบคอร์นแบบแห้ง ๆ ไร้ความสดชื่น นั่นทำให้เชอแตมกับป๊อบคอร์นเข้าใจโดยทันทีว่าเขาคงซาบซึ้งหรือเกรงใจจนอาจจะจุกในอกจนต้องแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา

"พี่ขอบใจมากนะ" เขาเอ่ยเบา ๆ มองเชอแตมด้วยแววตาอ่านยาก

เชอแตมยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ ที่ผ่านมาเธอเย็นชากับเขามาก หักดิบไม่รับโทรศัพท์เขามาตลอดโดยไม่ยอมพูดคุยเจรจาให้เข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร มันก็ไม่แน่หรอกที่เขาล้มรถแบบนี้ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะเธอก็ได้

"ไปค่ะ พี่กรุ๊ปจะได้กลับไปพักผ่อน" เชอแตมชวน

เจ้ามินิคูเปอร์สีฮอตชอกโกแลตค่อย ๆ เคลื่อนที่มาถึงหน้าบ้านไม้ยกพื้นสูงขึ้นมาประมาณหนึ่งเมตรหลังน่ารักจนกระทั่งจอดสนิท เชอแตมช่วยพยุงเขาออกมาจากรถแล้วยื่นไม้คำยันให้มือข้างที่ไม่ใส่เฝือกจับเอาไว้ กรรณวิทย์ค่อย ๆ เดินด้วยท่าทางทุลักทุเลโดยมีเชอแตมช่วยพยุงไว้ตลอดเวลา

ป๊อบคอร์นที่ล็อกรถเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้ามาเคียงข้าง เจ้าหล่อนมองตรงเข้าไปในตัวบ้านที่มีต้นไม้น้อยใหญ่รายล้อมเป็นระเบียบ จนดูร่มรื่นสบายตา ชวนให้จมูกทำงานโดยการสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วค่อย ๆ ปล่อยคาบอนไดออกไซด์ออกมาช้า ๆ

"บ้านน่ารักมากเลยค่ะพี่กรุ๊ป อากาศก็ดีด้วย ร่มรื่นแบบนี้เหมาะกับการพักฟื้นคนป่วยจริง ๆ" ป๊อบคอร์นเอ่ยชมด้วยท่าทางที่ยังไม่ปล่อยให้อากาศดี ๆ อวลอยู่แค่ในอากาศ มันต้องเข้ามาในปอดเธอด้วยสิ ถึงจะคุ้มค่า

กรรณวิทย์และเชอแตมยิ้มให้กับท่าทางที่ดูร่าเริงนั้นของป๊อบคอร์น หญิงสาวประคองชายหนุ่มมาจนกระทั่งพ้นบันไดขั้นที่สี่ของบ้าน แล้วเดินกะเผลกช้า ๆ ไปยังเก้าอี้ไม้ในตัวบ้านที่ถูกจัดวางให้อยู่ในขอบเขตสำหรับรับแขก

ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้คนละตัว ครู่หนึ่งกรรณวิทย์ก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไปไหน

"พี่กรุ๊ปจะไปไหนคะ" เชอแตมรีบถามทันควัน เมื่อเห็นคนป่วยจะขยับตัว

"พี่จะไปเอาน้ำมาให้เราสองคนไง อุตส่าห์พาพี่มาที่บ้าน คงเหนื่อยกันน่าดู พี่ตอบแทนได้มากที่สุดก็คงเป็นน้ำเย็นนี่แหละมั้ง" เขายิ้มให้เธออีกครั้ง

ป๊อบคอร์นหัวเราะเบา

"เดี๋ยวป๊อบไปหยิบให้ดีกว่าค่ะพี่ ขืนปล่อยให้พี่ไปเอามาให้เอง ป๊อบคงได้ขับรถพาพี่ไปโรงพยาบาลอีกรอบแน่ ๆ"

ป๊อบคอร์นเอ่ยอาสาออกมาพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนเดินไปทันที ก่อนหันมาถามทีหลังว่าตู้เย็นอยู่ตรงไหน และได้รับคำตอบยิ้ม ๆ จากกรรณวิทย์ไป

เจ้าหล่อนหยิบขวดน้ำในตู้เย็นที่มีเพียงขวดเดียวพร้อมแก้วน้ำสามใบไปวางไว้บนโต๊ะในวงเก้าอี้ที่พวกเธอนั่งอยู่ หญิงสาวค่อย ๆ รินน้ำแล้ววางให้ทีละคนจนครบ

"พี่กรุ๊ปอยู่บ้านกับใครคะนี่" เชอแตมเอ่ยถาม นึกสงสัยและเป็นห่วงว่าเขาเป็นแบบนี้แล้วจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือเปล่า

"คนเดียวน่ะจ้ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่คงให้เพื่อนพี่มาอยู่เป็นเพื่อนสักระยะหนึ่ง สภาพแบบนี้พี่คงทำอะไรเองไม่คล่องเหมือนกัน"

เชอแตมและป๊อบคอร์นพยักหน้าเข้าใจ

"นี่บ้านของพี่เหรอคะ น่ารักมากเลยนะคะ แตมไม่คิดว่าพี่กรุ๊ปจะอยู่บ้านน่ารักตกแต่งจนร่มรื่นขนาดนี้"

กรรณวิทย์ยิ้มน้อย ๆ

"เป็นบ้านเช่าน่ะจ้ะ ค่าเช่าถูกดี อีกอย่างก็อย่างที่พวกเราว่านั่นแหละ อากาศดีร่มรื่น พวกเพื่อนพี่มันชอบมาเที่ยวบ้านพี่บ่อย ๆ บางทีก็มานอนค้างอ้างแรมกันเป็นเดือนเลยนะ พี่เลยไม่เหงา"

เชอแตมเม้มปากยิ้มนิด ๆ ในขณะที่ป๊อบคอร์นถือแก้วน้ำเย็นไว้ในมือกำลังลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปดูตู้โชว์ด้านหลังด้วยความสนใจ

เชอแตมมองหน้ากรรณวิทย์แล้วรู้สึกตงิด ๆ ใจพิกล วันที่เธองอนกับอีธานจนลากเขาเข้ามาเอี่ยวจนกระทั่งชวนเขาไปดูหนังวันนั้น เขายังมีท่าทีเหมือนสนใจเธอมาก ๆ อยู่เลย แต่ทำไมวันนี้ตอนนี้ เขาถึงได้ดูเหมือนเฉย ๆ กับเธอเสียอย่างนั้น ซ้ำยังดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้ว่ากิริยาท่าทางจะนิ่งสงบอยู่ก็ตาม หรือเขาจะหน่ายกับการตามง้อเธอจนไม่มีอารมณ์โรแมนติกอีกแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ

เชอแตมยอมรับว่าตัวเองอยากให้กรรณวิทย์เป็นฝ่ายเอ่ยถามเรื่องของเธอกับเขาขึ้นมาก่อนมาก เพราะเธอจะได้ถือโอกาสอธิบายมันให้เขาเข้าใจ หากแต่เขาไม่มีแม้แต่ท่าทีจะเปล่งออกมา

"ทำไม พี่กรุ๊ปถึงได้ล้มรถคะ" เชอแตมเลียบเคียงถาม ใจหวาด ๆ กับคำตอบที่อาจจะเกี่ยวโยงมาถึงเธอ

กรรณวิทย์สีหน้าเผือดไปทันที ปากเขาแห้งผากลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาดูตื่นเต้นไม่น้อย

"พี่กรุ๊ปดื่มน้ำก่อนมั้ยคะ" เธอแนะนำเพราะเห็นว่าลักษณะเขาควรได้รับความสดชื่นจากน้ำเย็น ๆ หน่อยน่าจะดี

กรรณวิทย์ส่ายศีรษะเบา ๆ "พี่ขับรถเหม่อไปหน่อยน่ะจ้ะ กำลังออกมาจากซอยจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง พี่ไม่ทันได้ดูด้านซ้ายมือ โชคดีที่รถเฉี่ยวเอาตอนที่พี่ไปถึงเลนรถมอ'ไซด์นิดหนึ่งแล้ว อาการเลยเป็นอย่างที่แตมเห็น ถ้ายังไปไม่ถึงเลนรถมอ'ไซด์ พี่ว่าพี่คงโดนชนเต็ม ๆ"

เชอแตมถอนหายใจนิดหนึ่ง เขาเหม่ออย่างที่เธอคิด แล้วเรื่องที่เหม่อล่ะเรื่องอะไร

"แล้วใครพาพี่กรุ๊ปมาโรงพยาบาลคะ" แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องราวที่ทำให้เขาเหม่อลอย

"คนที่เฉี่ยวพี่นั่นแหละจ้ะ โชคดีที่เขาไม่หนี"

เชอแตมพยักหน้าเบา ๆ

เพล้ง!

เสียงแก้วตกแตกดังมาจากทางตู้โชว์ที่ป๊อบคอร์นยืนอยู่ ทำให้สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่หันขวับไปมอง เชอแตมเบิกตากว้างปากอ้าค้างพร้อมเรียกชื่อเพื่อนรักที่ล้มลงไปนอนสลบไสลอยู่บนพื้น

"ป๊อบคอร์น!" เชอแตมรีบวิ่งไปหาแล้วพยุงเพื่อนรักขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เจ้าหล่อนแค่สลบไป แต่ทำไมถึงได้สลบ ความสงสัยทำให้ต้องหันไปหาคำตอบ ซึ่งมีเพียงคนเดียวที่เธอพอจะปรึกษาได้ตอนนี้คือกรรณวิทย์

"พี่กรุ๊ปคะ ทำไมป๊อบคอร์นถึงได้สลบไปแบบนี้ล่ะคะ" เจ้าหล่อนใจร้อนนิด ๆ เมื่อไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าเพื่อนรักสลบไปเพราะอะไร

แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากใบหน้าของกรรณวิทย์คือ อาการนิ่งเฉยหากแต่แววตาแสดงออกมาให้เห็นถึงความหวาดกลัว เขานั่งนิ่งมองสองสาวด้วยท่าทางที่ไม่คิดแม้แต่จะขยับตัวเพราะเป็นห่วงสักนิด

เชอแตมส่งสายตาสงสัยกลับไปให้ แต่เธอไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้เมื่อรู้สึกง่วงงุนจนกระทั่งทรงตัวนั่งไม่ไหว ก่อนที่จะหลับตาล้มลงไปนอนจูบพื้นอีกคน เธอก็มองไปที่แก้วน้ำตัวเองกับแก้วของกรรณวิทย์

น้ำในแก้วของเธอมันลดระดับลงจนเหลือเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ของแก้ว แต่ของกรรณวิทย์ยังมีน้ำอยู่เต็มแก้ว

ใช่แล้ว เธอกับป๊อบคอร์นดื่มน้ำ แต่เขาแม้จะปากแห้งผากก็ไม่แม้แต่จะแตะแก้วน้ำของตัวเอง

กรรณวิทย์นั่งตาแข็งมองตรงไปยังร่างของสองสาวที่สลบไสลอยู่บนพื้นหน้าตู้โชว์ เขาไม่อยากทำแบบนี้เลยหากวันนั้นไม่เจอกับ...

หลังจากอุ้มเชอแตมไปส่งถึงห้องแล้ว เขาก็เดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้มที่แสนจะปลื้มปริ่ม ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอต้องคืบหน้าแน่นอน เขามั่นใจเช่นนั้น ระหว่างทางที่ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านเขารู้สึกระแวงด้านหลังอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับว่ามีคนเดินตามมา ย้ำว่าเดินตามในขณะที่เขาขับรถ

จนกระทั่งมาถึงบ้าน ชายหนุ่มจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็นอนเล่นสัมผัสหน้าจอมือถือไปมา เพื่อให้รู้สึกง่วงนอน แต่เขากลับต้องตื่นเต็มตาเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่นอกหน้าต่างในลักษณะหันหน้ามามองเขา แต่ที่ทำให้เขาแทบช็อกก็คือผู้ชายคนนั้นคงจะขายาวมากถึงขนาดที่ยืนโผล่พ้นขอบหน้าต่างขึ้นมาถึงครึ่งตัว ด้วยนิสัยที่กลัวผีเป็นทุนเดิม ชายหนุ่มเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกระถดถอยไปชิดขอบเตียงอีกฝั่ง และในวินาทีไล่เลี่ยกัน ผีในความคิดของกรรณวิทย์ก็เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับหายตัวมายืนข้างเตียงเขา

สิ่งแรกที่กรรณวิทย์เห็นคือหน้าตาของผีตนนี้ รูปงามหล่อเหลาราวกับเทพบุตร หน้าตาของเขาเลยต้องเรียกว่าขี้เหร่แทนในบัดดล ถ้าเทพบุตรงามแบบนี้แต่ดวงตากลับดูอำมหิต เขาขอเรียกผีตรงหน้าใหม่ว่า เทพบุตรซาตาน ขนาดเขาไม่ใช่ผู้หญิงยังรู้สึกหวั่นไหวได้กับหน้าตาของผีตรงหน้า ถ้าเขาเป็นผู้หญิงจริง ๆ ก็อาจจะหลงรักไปแล้ว

ผีตรงหน้าแสยะยิ้มมุมปากเหี้ยมเกรียมให้เขา

"เจ้ามนุษย์หน้าโง่" ผีตนนั้นเอ่ยขึ้นมา

เตียงที่กรรณวิทย์กำลังนั่งทับอยู่ตอนนี้ สามารถสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นใต้สะโพกตัวเอง ซึ่งเขายังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังฉี่ราด

ชายหนุ่มตัวสั่นเทาราวกับนกตกน้ำหรือสุนัขที่นอนขดอยู่บนพื้นตัวสั่นระริกในค่ำคืนที่เหน็บหนาว ปากของชายหนุ่มแทบขยับไม่ได้

"เจ้าต้องไปจับตัวหญิงสาวที่เจ้าเพิ่งจากมามาให้ข้า" ผีพูดช้า ๆ เนิบ ๆ สร้างความตระหนกและหนาวเหน็บให้ใจของกรรณวิทย์อีกเป็นทวีคูณ

เขาแทบฟังไม่ได้ศัพท์แม้ว่าจะได้ยินชัดเจน เพราะจิตใจมีแต่กลัว

"หากเจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่ง..." ผีตนนั้นหยุดคำพูดแล้วหายตัวแวบไปยืนข้างกรรณวิทย์ที่ขอบเตียงฝั่งตรงข้าม จนชายหนุ่มสะดุ้งโหยงฉี่เล็ดอีกรอบ "สิ่งที่เจ้าต้องแลกเพื่อทดแทนกับผู้หญิงคนนั้นคือ...ชีวิตของเจ้าเอง"

พูดจบผีตนนั้นก็หายตัวไป กรรณวิทย์ล้มตึงนอนหงายไปบนเตียงทันทีโดยไม่รอให้ง่วง

จากวันนั้นเป็นต้นมา เขาต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลาว่าผู้หญิงที่ผีตนนั้นต้องการคือใคร แล้วความมั่นใจก็มีมากขึ้นว่าต้องเป็นเชอแตม ยังผลให้เขารู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เจ้าหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาต้องจับตัวเธอให้ได้เพราะไม่งั้นจะเป็นเขาแทนที่จะไม่รอด ชายหนุ่มจึงต้องพยายามติดต่อกับเธอ แต่ไม่ว่าโทร.ไปหากี่ครั้งหญิงสาวก็ไม่เคยรับ

จนกระทั่งผีตนนั้นตามมาทวงกับเขาแทบทุกคืน และความกลัวก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ผีตนนั้นยังบอกเขาอีกว่าให้จับตัวเชอแตมมาในเวลากลางวันแล้วรอจนกว่าจะค่ำเพื่อให้เขาโผล่มา ผีตนนั้นยังเตือนอีกว่า เชอแตมมีคนคอยคุ้มครองซึ่งก็เป็นผีเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องตัดสายอีธานในวันนั้นเพราะความกลัวนั่นเอง

"แตมพี่ขอโทษ" เขาพึมพำเบา ๆ "พี่จำเป็น"

ความมืดมาเยือนอย่างรวดเร็ว กรรณวิทย์ตั้งใจเลือกเวลาหกโมงเย็นเพื่อดำเนินการตามแผน เขาอุตส่าห์อุทิศตัวเองให้ล้มรถจริงจังเพื่อความสมจริง และก็ได้แผลดังที่ต้องการ ก่อนหน้านั้นเขาก็เอาน้ำเย็นที่ผสมยานอนหลับแช่เอาไว้ในตู้เย็นเพียงขวดเดียว และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้

ผีที่เขาเจอทุกคืนก็โผล่มาหาเขาทันทีที่ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณของครึ่งซีกโลก

ไม่มีครั้งไหนที่เขาไม่มีความรู้สึกกลัวผีตนนี้

สิ่งที่กรรณวิทย์เรียกว่าผียืนยิ้มชอบใจกับร่างของเชอแตมที่ฟุบอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว มันหันไปมองกรรณวิทย์ที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้น แต่ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง ผีเคลื่อนย้ายตัวเองจากตู้โชว์ไปหากรรณวิทย์ที่เก้าอี้ด้วยการเดินเร็วราวกับหายตัว มันเร็วจนกรรณวิทย์ยังไม่ทันได้ลืมตาจากการกะพริบไปก่อนหน้านั้น

"ทำดีมาก" ผีพูดกับเขา กรรณวิทย์กลืนน้ำลายดังเอื๊อก จนรู้สึกได้ถึงลูกกระเดือกที่เคลื่อนไหวติดขัด

เขาไม่กล้าสนทนากลับไปกับผี สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คืออิสระ จบงานนี้เขาหวังว่าผีจะรักษาสัญญาและปล่อยเขาไป กรรณวิทย์ตั้งใจไว้ว่าเขาจะหนีไปจากที่นี่ ย้ายที่เรียนทันที

ผีรู้สึกเสียดายที่จำเป็นต้องปล่อยกรรณวิทย์ไป เพราะมันไม่อยากให้โดมลับมาขัดขวางภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมันด้วยการจับตัวมันไปพิจารณาโทษจากการดูดเลือดมนุษย์จนตาย

"ข้ารักษาสัญญา เจ้าเป็นอิสระ" จบคำพูดของผีทำให้กรรณวิทย์แทบหูตั้งเป็นสุนัข รอยยิ้มเผยออกมาแบบกลั้น ๆ เอาไว้ เขาเอื้อมมือไปหยิบไม้คำยันแล้วพยายามลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะก้าวขาไม่ออกเพราะอาการเจ็บ แต่ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด อะดรีนาลินที่เกิดจากความกลัวมันดีแบบนี้นี่เอง

รถออดี้รุ่นเอหกสีดำสนิทจอดอยู่ห่างจากรถมินิคูเปอร์สีฮอตชอกโกแลตไม่ไกลนัก เจ้าของรถออกมายืนพิงประตูนอกรถด้วยท่าทางไม่สู้ดี หลุยส์สะดุ้งตัวยืนตรงทันทีที่เห็นกรรณวิทย์เดินด้วยท่าทางกะเผลก ๆ เกี่ยวไม้ค้ำยันสอดใต้รักแร้ เดินออกมาจากบ้านตัวเองด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนจนน่าสงสัย เขามองชายหนุ่มเดินออกไปจากซอยบ้านโดยไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนกับอาการบาดเจ็บ ซ้ำยังเหมือนคนกำลังหนีอะไรมา

ชายหนุ่มหน้าหยกนึกเป็นห่วงสองสาวซึ่งเขาแอบสะกดรอยตามมา เขามั่นใจว่าทั้งคู่ยังอยู่ในบ้านเพราะรถของป๊อบคอร์นยังจอดนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา หลุยส์ไม่รีรอให้ตัวเองต้องคิดอะไรมากกว่านี้ เขาวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีที่เห็นกรรณวิทย์พ้นซอยไป

หลุยส์ยืนชะงักตะลึงงันหน้าประตูทางเข้านิดหนึ่งเมื่อเห็นป๊อบคอร์นนอนสลบอยู่เพียงลำพัง เขาปรี่เข้าไปถึงตัวเธอและช้อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขากวาดสายตาไปทั่วบ้านเพื่อมองหาเชอแตม แต่กลับไร้วี่แวว

เขาตัดสินใจอุ้มหญิงสาวในอ้อมแขนกลับไปที่รถ และพากลับไปยังคอนโดของตัวเอง

เชอแตมหายไป เขามีอะไรต้องทำอีกเยอะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel