บทที่ 18 ระราน 2
ในระหว่างที่ป๊อบคอร์นต้องเผชิญอยู่กับสิ่งลึกลับและชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกา เชอแตมก็ต้องเผชิญกับแวมไพร์หนุ่มที่แสนจะเย็นชาค่อนข้างเอาแต่ใจ หากแต่เสน่ห์แสนร้ายกาจ เจ้าหล่อนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังเสร็จภารกิจตัวเอง
อีธานกำลังนอนหงายเหยียดยาวไปกับเตียงนอนของเธอ เชอแตมเหลือบตามองแต่ก็เมินในเวลาถัดมา เธอเอาผ้าขนหนูไปเก็บ หวีผมตัวเอง หยิบขวดเซรุ่มดูแลผิวหน้าเทลงบนฝ่ามือเล็กน้อยแล้วชะโลมจนทั่ว หลังจากนั้นก็หันหลังให้กระจก หญิงสาวยืนทำหน้างุนงงกับอาการเงียบสนิทของแวมไพร์เจ้าของหัวใจเธอที่นอนอยู่บนเตียง
เชอแตมเดินวนไปยืนข้าง ๆ เขา ชะเง้อคอมองเล็กน้อย จึงได้เห็นว่าเขาปิดตาสนิท จากที่เคยหยิบหนังสือตำนานแวมไพร์มาอ่านเล่น ๆ ตอนที่ติดอยู่ที่ห้องของอีธาน เธอจำได้ว่าหนังสือเขียนเอาไว้ ว่าแวมไพร์ไม่จำเป็นต้องนอนหลับเช่นมนุษย์ แต่เหตุใดแวมไพร์หนุ่มตรงหน้าเธอถึงได้ปิดตาสนิทสีหน้าราวกับหลับไปจริง ๆ
หรือแวมไพร์อาจจะหลับได้จริง ๆ
เชอแตมทดสอบเขาด้วยการแบมือข้างหนึ่งแล้วสะบัดไปมาตรงหน้าเขา อีธานไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด หรือเธอต้องยกระดับการทดสอบขึ้นมากกว่านั้น หญิงสาวก้มลงไปกระซิบเรียกชื่อเขาเบา ๆ ข้างหู ผลการทดสอบคือเขายังนิ่งเงียบราวกับเข้าสู่นิทราลึกลงไปสู่จิตใต้สำนึก
ความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับแวมไพร์บางเรื่องมันยังไม่ใช่เรื่องจริงเลย นับประสาอะไรกับการนอนหลับ คำกล่าวที่ว่าแวมไพร์ไม่หลับไม่นอนคงไม่ใช่เรื่องจริงซะแล้ว เชอแตมอมยิ้มลอบคิดสนุก เวลาเขาหลับมันช่างน่าพิศมัยให้เธอได้ทำอะไรตอบแทนการกระทำของเขาที่มักจะเย้าแหย่เธอบ่อย ๆ บ้าง
แต่ก่อนจะลงมือแกล้งเขา เธอก็โน้มใบหน้าลงไปมองชิดใบหน้าเข้มขรึมแต่มีเสน่ห์ชวนใหลหลงนั้นใกล้ ๆ เชอแตมค่อย ๆ เผยอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวกับการถือวิสาสะใกล้ชิดแวมไพร์หนุ่มในยามที่เขาไม่รู้ตัวแบบนี้บ้าง มือน้อยเผลอยกขึ้นมาแตะเบา ๆ ตรงแก้มสากที่มีไรหนวดเล็ก ๆ
หมับ!
มือของอีธานคว้าหมับไปที่ข้อมือของหญิงสาวพร้อมกับเปลือกตาที่ลืมขึ้นมา เชอแตมเบิกตากว้าง ใจเต้นตุบตับ ตะลึงมองหน้าเขา หญิงสาวลนลานจนไม่รู้จะหันหนีไปทางไหนดี ความเขินอายก็ค่อน ๆ คืบคลานเข้ามา
"อีธาน!" ในเมื่อหลบไม่ได้ เธอก็ใจกล้าเผชิญหน้ากับเขาเสียเลยสิ "คุณไม่ได้หลับเหรอ" น้ำเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนเพิ่งทำความผิดมา
อีธานกระตุกยิ้มมุมปากให้เธอ "หลับสิ" เขาตอบ
"แต่...คุณ" เชอแตมพยายามแสดงการอธิบายทั้งจากแววตาและท่าทางว่าเขาน่าจะแกล้งหลับมากกว่า
"คุณปลุกผม" เขาตอบเรียบ ๆ แววตามีเลศนัย
"ฉะ...ฉัน เนี่ยนะ ฉันไม่ได้ปลุกนะ" เชอแตมเถียงขึ้นเสียงสูง
อีธานชูข้อมือเธอที่ถูกเขาพันธนาการเอาไว้ให้เจ้าของมันดู เชอแตมอ้าปากเหวอ เธอเถียงด้วยสายตาไม่ยอมรับผิด แต่ไม่สามารถหาคำพูดมาอธิบายสิ่งที่อยู่ในมือเขาตอนนี้ได้เลย
"คิดจะลักหลับผมเหรอ" เขาถามแววตากวน ๆ
"บ้าเหรอ ใครจะไปทำแบบนั้นกัน"
อีธานกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก่อนจะดึงร่างของเจ้าหล่อนลงมาหาตัวเองแล้วพลิกให้เธอนอนหงายไปบนเตียง ส่วนเขาก็ทาบทับเธอลงมา เชอแตมดิ้นจนเขาต้องจับข้อมือของเจ้าหล่อนตรึงไว้ข้างหมอน
"จะทำอะไรน่ะ อีธาน" น้ำเสียงค่อนข้างสั่น แววตาตระหนกราวกับลูกกวางที่จนมุมให้กับเจ้าลายพาดกลอนตัวเบิ้มเตรียมขย้ำ
"คิดจะแกล้งผมตอนหลับหรือไง" เขาไม่ได้อ่านใจเธอ เขาเดาเอาล้วน ๆ เพราะหลับตาอยู่จึงไม่รู้ว่าเธอแอบคิดอะไรตอนที่เธอโน้มใบหน้ามาใกล้เขา
"นี่คุณแกล้งหลับเหรอ" เชอแตมโวยวายถามสีหน้าเอาเรื่อง
อีธานไม่ได้แกล้งหลับ เขาหลับจริง แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือเขาตื่นง่ายต่างหาก อีธานรู้สึกตัวตั้งแต่เธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขาแล้ว เหตุผลที่ไม่ลืมตาขึ้นก็เพื่อทดสอบดูว่าหญิงสาวจะทำอะไรหรือเปล่า และมันก็สมใจเขา
"แวมไพร์ก็หลับได้นะคุณ เพียงแค่ไม่ได้หลับจริงจังอย่างมนุษย์ พวกเราไม่ค่อยได้ดื่มเลือด การปิดตาเข้าสู่สมาธิจึงเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เราไม่สูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์"
เชอแตมกัดฟัน เธอเสียทีให้แวมไพร์เจ้าเล่ห์อีกแล้ว เมื่อไหร่จะเป็นเธอบ้างที่เป็นต่อเขา
"อื้อ! งั้นก็ปล่อยได้แล่ว" เธอตะคอกใส่หน้าเขา เจ้าหล่อนหงุดหงิดเหลือคณานับที่เขาจับไต๋เธอได้
"ปล่อยได้ไง ถ้าปล่อยไป คราวหลังคุณก็ต้องแอบมาลักหลับผม หรือไม่ก็คิดจะแกล้งผมตอนหลับอีกล่ะสิ"
"แล้วคุณจะทำอะไร จะลงโทษฉันเหรอ ฉันแค่มาดูใกล้ ๆ ว่าคุณหลับจริงหรือเปล่า แค่นั้นเองนะ คุณจะทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปมั้ยห๊ะ"
อีธานเม้มยิ้ม หัวเราะหึ ๆ ใส่เธอ "แล้วที่เอามือมาแตะแก้มผมเนี่ย คิดจะปลุกหรือคิดจะทำอะไร"
เชอแตมอ้าปากเหวอ สมองกำลังหาข้อแก้ตัวที่ดูดีที่สุด แต่แวมไพร์หนุ่มกลับรู้ความจริงหมดแล้ว
"ก็..." เชอแตมเชิดหน้าพูดไปแค่นั้นแล้วหยุดนิ่ง เมื่ออีธานมองตอบกลับมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์กว่า รอยยิ้มของเขาแสดงออกมาราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเธอจะโกหกคำโตใส่เขา
"ก็อะไร ก็ขอความจริงนะครับ"
เชอแตมกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เขาลอยหน้าลอยตาราวกับท้าทายเธอ
"ก็แล้วแต่คุณจะคิด" เชอแตมตอบเบา ๆ
"แน่ใจนะว่าแล้วแต่ผมจะคิด"
คำพูดของอีธานทำให้เชอแตมต้องใจเต้นตุบตับอีกครั้ง เธอคิดว่าทางที่ดีเธอไม่ควรให้เขาแล้วแต่จะคิดเอง
"ก็...ฉัน ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณหลับจริงหรือเปล่า เลยแตะแก้มดู"
อีธานกระตุกมุมปาก "แล้วเป็นไง ผมหลับจริงมั้ย"
"ก็ไม่รู้ คุณตื่นมาตะปบฉันเนี่ย"
อีธานยิ้มเยาะ ส่งสายตาเย้าแหย่ให้เธอ เขาตรึงสายตาของเธอเอาไว้ด้วยสายตาของเขา และสิ่งที่เชอแตมหวาดผวาก็เกิดขึ้นเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากเธอ
"อีธาน!" เชอแตมเอ่ยเสียงสั่น เมื่อเขาไม่มีท่าทีจะหยุดโน้ม เธอเลยต้องหลับตาปี๋เม้มปากแน่น อีธานหัวเราะชอบใจโดยที่เธอไม่เห็น
"อีธาน" เชอแตมได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขาเรียกชื่อตัวเองชิดใบหูของเธอ เชอแตมลืมตาโพลง เห็นเขายิ้มฟันขาวให้เธอด้วยแววตาขบขันก่อนจะเอ่ยหัวเราะเสียงทุ้มนุ่มดังพอให้เธอรู้สึกหมั่นไส้
เธอรู้ในบัดเดี๋ยวนั้นว่าเขาล้อเลียนเสียงเธอตอนที่ก้มลงไปกระซิบปลุกเขาก่อนหน้านี้ เชอแตมกัดฟันกรอดเขาตื่นตั้งแต่เธอเรียกชื่อเขาแล้วนี่ แต่เขาไม่ลืมตาขึ้นมา เขาตั้งใจแกล้งเธอ
"อีธาน! ทำไมเจ้าเล่ห์แบบนี้นะ คุณแกล้งฉัน คุณตื่นนานแล้วนี่ ไอ้แวมไพร์ขี้เก๊ก" ด่าจบก็พยายามขยับข้อมือตัวเองให้หลุดเพื่อใช้เป็นอาวุธทำร้ายร่างกายเขาบ้าง แล้วก็หลุดออกมาตามความตั้งใจ อีธานลุกขึ้นมาเพื่อขยับออกห่างจากแม่สาวน้อยที่เริ่มกลายร่างเป็นเสือร้ายไปแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังนั่งนิ่งอยู่ริมเตียง ใบหน้ายังแต้มไปด้วยยิ้มแกมหัวเราะ เชอแตมปรี่เข้ามาใช้สองมือตะปบไปที่คอของเขาแล้วเขย่าแรง ๆ ให้เขาโมโหบ้าง อีธานจับข้อมือทั้งสองของเธอไว้แล้วดึงออกมา เขาตวัดข้อมือข้างหนึ่งของเธอให้หมุนตัวหันหลังมาแนบชิดกับอกเขา แม้ตอนนี้เขาไม่ได้กอดเธอแต่การจับข้อมือเธอไว้โดยที่แผ่นหลังเธอแนบกับอกเขาแบบนี้ มันก็เท่ากับเขากำลังกอดเธออยู่
เชอแตมดิ้นแรงแล้วสะบัดหน้าขวับมองเขาทั้งที่ยังหันหลัง เธอกัดฟันแน่นก่อนจะยกข้อมือตัวเองที่มีมือเขามัดอยู่ขึ้นมาแล้วฝังเขี้ยวเล็ก ๆ ของตัวเองลงไปบนเนื้อขาวซีดของเขา
อีธานรู้สึกเหมือนมดกัด เขาไม่ได้แสดงสีหน้าหรือส่งเสียงเจ็บปวดออกมา แต่กลับยิ้มกริ่มปล่อยให้เธอกัดเขาอยู่อย่างนั้น เมื่อนานเข้าหญิงสาวไม่รู้สึกถึงปฏิกิริยาตอบสนองของแวมไพร์หนุ่ม เธอจึงปล่อยแล้วพยายามหันไปมองหน้าเขาแม้ว่าเห็นไม่ชัดเต็มทั้งหน้าแต่เธอแอบเห็นเสี้ยวหนึ่งของมุมปากของเขากระตุกยิ้ม
เชอแตมกัดฟันกรอด "แน่จริงก็อย่าใช้พลังแวมไพร์สู้กับฉันสิ" เชอแตมลั่นวาจาออกไป สีหน้าบูดบึ้ง
อีธานยิ้มแกมหัวเราะฟันขาว "นี่คุณ ผมไม่ได้ใช้พลังพิเศษอะไรกับคุณเลยนะ ผมโดนคุณกัดเข้าเนื้อเต็ม ๆ คุณก็เห็น"
เชอแตมกระฟัดกระเฟียดกับแรงของเขาที่เยอะจนเธอต้องเหนื่อย แค่เขาขยับเพียงนิดเธอก็กระเด็นได้แล้ว คงไม่มีวิธีไหนที่ทำให้เธอชนะเขาได้อีก
"เก่งกับคนไม่มีทางสู้อยู่เรื่อย" เชอแตมเค้นเสียงต่อว่า แวมไพร์หนุ่มจึงปล่อยแม่เสือสาวให้เป็นอิสระ เธอหันขวับมาเผชิญหน้ากับเขากัดฟันกรอด
"นี่ผมโดนคุณลักหลับนะ แต่คุณดันมางอนผมซะนี่ อ๋อ! หรือว่าเพราะผมตื่นเสียก่อน ไม่ทันได้ทำอะไรผม คุณเลยไม่พอใจ" ร่างสูงพูดเองก็ขำเอง เขาลุกขึ้นถอยหนีให้ห่างจากรัศมีของเตียงเมื่อกวางน้อยที่กลายเป็นเสือพยายามพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาอีก เชอแตมพยายามจะตวัดฝ่ามือให้กระทบกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเขาบ้าง แต่เขาเบี่ยงตัวหลบได้ทันทุกครั้งที่เธอเงื้อมือและตวัดลงไป
เหตุการณ์ตอนนี้เลยดูเหมือนเด็กประถมกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่ในห้องนอน คนหนึ่งเล่นเป็นมนุษย์พยายามวิ่งไล่เพื่อจับตัวอีกคนหนึ่งที่เล่นเป็นแวมไพร์แต่ดูเหมือนมนุษย์จะเหนื่อยมากกว่าจนต้องมานั่งแหมะหอบหายใจลงบนเตียงตัวเอง สายตายังมุ่งร้ายให้อีกฝ่ายที่ยืนพิงโต๊ะอ่านหนังสือของเธอ ในท่าทางที่เหมือนไม่ได้ผ่านสงครามใด ๆ มา
อีธานยืนนิ่งเอามือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง เขายิ้มมุมปากมองหน้าเจ้าของความคิดที่รบกวนจิตใจเขาตลอดเวลาด้วยท่าทางสบาย ๆ
"จะวิ่งไล่ผมให้เหนื่อยทำไม เหงื่อตกจนต้องอาบน้ำใหม่ไหมล่ะ"
เชอแตมกัดฟัน มันน่าเจ็บใจนักที่เขาไม่ได้ใช้พลังแวมไพร์เคลื่อนไหวตัวเองเลย เขาเดินหนีธรรมดา แค่ขยับก้าวเดียวก็หนีเธอไปไกลแล้ว มันไม่ยุติธรรมเลยที่เธอเหนื่อยหอบอยู่เพียงฝ่ายเดียว
"ไม่องไม่อาบมันแล่ว" หญิงสาวทุ่มตัวลงบนเตียงเต็มแรงงอน หันหลังให้เขา มือสาวผ้าห่มมากอดแทนคลุมตัว
อีธานยกมือขึ้นกอดอก ยิ้มมองเด็กดื้อที่นอนคุดคู้หันหลังให้เขาอย่างเอาแต่ใจ
"ให้นอนกอดมั้ย" เขาถามกวน ไม่ตั้งใจจะทำจริง
"ไม่ต้อง" หญิงสาวกระแทกเสียงมาให้ทั้งที่ยังหันหลัง อีธานหลุดหัวเราะออกมานิ่ง ๆ แล้วปล่อยให้เธอนอนไปแบบนั้น โดยที่ตัวเองยังยืนนิ่งมองจนกระทั่งเธอเข้าสู่นิทราจริง ๆ เขาจึงเข้าไปใกล้แล้วดึงผ้าห่มออกจากอ้อมกอดของเธอมาคลุมให้ร่างกายของเธอแทน
"เชอแตม" เสียงทุ้มนุ่มเบา ๆ ไพเราะแต่ก้องกังวานแว่วดังใกล้ ๆ โสตประสาทของเชอแตม เสียงนี้ปลุกให้เธอตื่นจากการหลับใหล แสงแรกของวันใหม่แยงตาเจ้าหล่อนจนต้องหรี่ตาหลับลงอีกครั้งก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง
พระอาทิตย์ทอแสงขึ้นมาแล้ว คาดว่าเวลาควรจะล่วงมาเป็นเจ็ดโมงเช้า แต่เหตุใดเธอถึงรู้สึกว่าได้ยินเสียงของอีธานกระซิบเบาอยู่ข้างหูก่อนจะตื่นมาเมื่อไม่กี่นาที แสงแดดส่องขนาดนี้เขาควรจะกลับไปตั้งนานแล้ว หรือว่าเธอฝันว่าเขาเรียกชื่อเธอ
เชอแตมปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วแน่ใจว่าตัวเองนิมิตรฝันไปเองแน่ ๆ ก็ใจเธอมันมีแต่เขาตลอดเวลา คงไม่แปลกหากเขาจะโผล่มาในฝัน
หญิงสาวเดินทางไปมหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา ความฉงนฉงายฉายชัดในแววตาเมื่อเจอชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกายืนกอดอกพิงซอกหนึ่งข้างรั้วหน้ามหาวิทยาลัย ก่อนออกมาดักหน้าเมื่อเธอเดินมาถึงเขา
ทั้งคู่สบตากัน เชอแตมคิดหลากหลายถึงเหตุผลที่เขาต้องมารอเจอเธอในวันนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เธอไม่ต้องวิ่งวุ่นตามหาเขาจนสะดุดก้อนหินล้มอย่างวันนั้นอีก
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วนิ่งมองด้วยสายตามีความนัย
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน" ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาเอ่ยขึ้นมาก่อน เชอแตมถึงกับเลิกคิ้วให้ด้วยความฉงน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง หรือเขาจะรู้ว่าเธอรู้จักกับแวมไพร์ แล้วคิดจะหาทางกำจัด!
"แต่ตรงนี้คงไม่ดี ตามผมมา" เขาแนะ แล้วเดินนำเธอไปยังที่ปลอดคนห่างออกไปนอกมหาวิทยาลัยไปไม่เท่าไหร่
แต่ทั้งคู่กลับไม่เห็นว่าหญิงสาวน้ำเสียงแปดหลอดที่กำลังขับรถมินิคูเปอร์สีฮอตช็อกโกแลตคันคู่ใจลดกระจกข้างลงมามองเพื่อเห็นให้ชัดว่าเป็นเพื่อนรักของตัวเองกับผู้ชายในอดีตของตัวเองหรือไม่ เมื่อสองตาไม่ฝาดเจ้าหล่อนก็หักพวงมาลัยจอดรถไว้ริมทาง ก่อนจะรีบวิ่งลงจากรถตามทั้งคู่ไปทันที
"คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ" เชอแตมเอ่ยถามเข้าเรื่อง รู้สึกร้อนรนใจเป็นห่วงอีธานขึ้นมา
"เพื่อนของคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย" เขาบอกนิ่ง ๆ แววตาไม่แสดงความกังวลใด ๆ เชอแตมอ้าปากค้างเติ่ง เขาหมายความว่าอย่างไรกัน
"ยังไงคะ เพื่อนฉันตกอยู่ในอันตรายยังไง" สีหน้าเธอเผือดลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ว่ามันต้องเกี่ยวกับออสการ์
"ผมบังเอิญเจอเพื่อนคุณ บนถนนเมื่อคืน..." เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อคืนป๊อบคอร์นบอกว่าตัวเองอยู่บ้านนี่นา "เธอขับรถกำลังจะกลับบ้าน แต่..."
ชายหนุ่มหยุดคำพูดลงจนเชอแตมหวั่นใจ "แต่อะไรคะ"
ก่อนจะเปล่งคำพูดบางอย่างออกมาอีก ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาก็มองเธอด้วยแววตานิ่งดุแต่เป็นประกายมีความลับ "เราสองคนต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่สวนหลังโรงเรียนเก่าของเราเมื่อวันก่อน ผมพูดอะไรไม่ได้ และผมก็ไม่ได้อยากให้คุณบอกอะไร ผมคิดว่าคุณคงเดาออกว่าเพื่อนคุณเจอกับอะไรเมื่อคืน"
เชอแตมรู้สึกใจมันวูบลงไปทันที เมื่อคืนเธอหยอกล้ออยู่กับอีธาน มัวแต่สบายใจจริง ๆ คิดว่าเพื่อนรักของเธออยู่บ้านอย่างปลอดภัยแล้ว คิดอีกทีเชอแตมก็รู้สึกขุ่นเคืองอีธานขึ้นมา ถ้าไม่ได้ชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อนเธออาจจะโดนออสการ์จับตัวไปแล้ว
"ออสการ์!" เชอแตมอุทานเบา ๆ พอให้ตัวเองได้ยินเพื่อย้ำว่าเป็นออสการ์แน่ ๆ ที่ป๊อบคอร์นเจอเมื่อคืน "แล้ว ป๊อบปลอดภัยไหมคะ" น้ำเสียงแสดงอาการร้อนใจจนอยากไปหาเพื่อนรัก
"ผมขับรถปาดหน้าเธอไว้ แล้วไปส่งเธอแทน เธอยังไม่เจอตัวประหลาดนั่นหรอก แต่ถ้าผมไม่ขวางรถเธอเอาไว้ก่อน ผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ"
เชอแตมอ้าปากค้างอีกครั้ง ความตกใจมันกัดกินจนไม่อาจจะอยู่เฉยได้แล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
"ผมรู้ว่าคุณคงเป็นห่วงเพื่อน และกำลังคิดหาวิธี ช่วยเหลือเพื่อนอยู่ใช่มั้ย"
เชอแตมมองหน้าเขาแววตาคล้ายจะร้องไห้
"ฉันต้องทำไงคะ"
"นี่คือเหตุผลที่ผมมาคุยกับคุณวันนี้"
ความฉงนสื่อออกมาทางแววตาเชอแตมอีกครั้ง
"ผมมีข้อแนะนำมาให้คุณ"
เชอแตมหรี่ตาลง เขาใช้คำว่าข้อแนะนำ มันฟังดูคล้ายจะห่วงใยในที
"อะไรคะ"
"ให้ผมดูแลเธอ"
เชอแตมอ้าปากค้างเติ่ง เขาอาสาจะดูแลป๊อบคอร์น อาการไม่เข้าใจฉงนสงสัยผุดขึ้นปกคลุมวุ่นวายภายในใจเชอแตม เธอแทบไม่เข้าใจชายหนุ่มตรงหน้า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนหลังโรงเรียนวันนั้น มันชัดเจนจนเขาควรจะรู้ว่ามีแวมไพร์ต้องการตัวเธอ แต่เขาแทบจะไม่พูดกับเธอเรื่องนี้เลยสักคำ แต่ทำไมกับป๊อบคอร์นที่โดนแวมไพร์ติดตามจะทำร้าย โดยที่เจ้าตัวยังไม่เจอกับแวมไพร์เลย เขากลับอาสาที่จะดูแลเธอ ผู้ชายคนนี้ชักจะมีความลับเยอะไปแล้ว
"ฉันขอถามคุณตรง ๆ นะคะ คุณทำแบบนี้ทำไม คุณอาสาจะดูแลป๊อบคอร์นทำไม"
ชายหนุ่มเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบว่า "คุณจะว่ายังไง เพื่อนคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าคุณคิดว่ามีวิธีดูแลเพื่อนคุณที่ดีกว่านี้ ผมก็ยินดี"
เชอแตมถอนหายใจ หรือเขาจะเป็นห่วงป๊อบคอร์น เพราะอาการในวันนั้นที่เพื่อนรักของเธอกับเขาทำท่าทางเหมือนรู้จักกัน
"จะระรานกันไปถึงไหน!"
เสียงเล็กแหลมหวีดแทรกขึ้นมาท่ามกลางความตึงเครียดของหญิงสาวและชายหนุ่มทั้งสองคน พวกเขาหันไปมองเจ้าของเสียงเล็กแหลมนั่น
"ป๊อบคอร์น!" เชอแตมเปล่งวาจาออกมาด้วยอารามตกใจ ไม่รู้ว่าป๊อบคอร์นมายืนอยู่นานหรือยัง เธอจะได้ยินเรื่องราวไปมากแค่ไหนกันนะ
แต่เปล่าเลย ป๊อบคอร์นคลาดกับทั้งคู่และมัวแต่เดินตามหาว่าทั้งคู่เดินไปคุยกันตรงไหน พอเจอปุ๊บเจ้าหล่อนก็แว้ดใส่ทันที
ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาหันไปมองหน้าเธอ ที่กำลังแสดงแววตาราวกับนางยักษ์ขมูขีออกมา
"ป๊อบ แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เชอแตมปรี่เข้าไปคว้าหมับที่แขนของเพื่อนรัก ความตื่นกลัวฉายชัดออกมาทางแววตาเมื่อกลุ้มใจว่าเพื่อนรักจะรู้อะไรไปมากแค่ไหนแล้ว
"หุบปากของแกไปก่อนเลยเชอแตม!" น้ำเสียงดุโกรธออกคำสั่งจนเชอแตมสะดุ้ง "ฉันจะจัดการกับแกทีหลัง"
จบประโยคเจ้าตัวก็หันมาเอาเรื่องกับชายหนุ่มตรงหน้า
"ต้องการอะไรห๊ะ" หญิงสาวร่างบางแว้ดใส่ ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้านิ่ง ๆ ถอนหายใจเล็ก ๆ เชอแตมได้แต่มองด้วยสีหน้าอยากจะเข้าไปห้าม แต่ก็ไม่สามารถเพราะรู้ดีว่าเวลาน้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือขวาง
"หาเรื่องฉันเมื่อคืนแล้วมันยังไม่พอใช่มั้ย ถึงต้องมาหาเรื่องเพื่อนฉันอีก นี่คุณต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการหว่านเสน่ห์ เช็คเรทติ้งใช่มะ ตอบมาสิ"
"ป๊อบ" เชอแตมแตะเบา ๆ ไปที่แขนของเพื่อนรักด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมเรียกชื่อเตือนสติเบา ๆ
"คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้นะ ผมห้ามความคิดคุณไม่ได้หรอก"
"ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น ก็คงอยากระรานเราสองคน อยากให้เราแตกแยกกันใช่มั้ย"
ชายหนุ่มเริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมานิดหนึ่ง เขากำลังจะช่วยเธอแท้ ๆ
"ผมอยากให้คุณสองคนแตกแยกกันทำไม"
"ก็เพราะฉันกับคุณไม่ชอบขี้หน้ากันไง แต่คุณดันหลงรักเพื่อนฉัน เลยอยากให้เราทะเลาะกันใช่มะ"
"ไปกันใหญ่แล้วป๊อบ" เชอแตมได้แต่คิดในใจ สีหน้าของเธอกับชายหนุ่มแสดงอาการปลงตกเหมือนกัน
"คุณนี่คิดเองเออเองได้เก่งจริง ๆ เลยนะ" ชายหนุ่มสบประมาทเธอ
ป๊อบคอร์นกัดฟันกรอด เธอสาวเท้ากระทืบตึง ๆ ไปหยุดใกล้ ๆ เขา
"หึ คุณจำเอาไว้นะ ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ คุณไม่มีวันได้สมหวังกับเพื่อนรักของฉันเด็ดขาด"
ชายหนุ่มถอนหายใจ เหลือกตามองบน เขาเตือนตัวเองในใจเพียงอย่างเดียวว่า เขาต้องอดทน
"เป็นหน้าที่ของคุณละกัน ถ้าอยากเจอผม ไปหาได้ที่ชมรมยิงปืน"
ชายหนุ่มหงุดหงิดจนไม่อาจจะยืนฟังเรื่องราวที่คิดไปเองของหญิงสาวเสียงเล็กแหลมนี่อีกแล้ว เขาสั่งกับเชอแตมด้วยข้อความที่รู้กันสองคน และเชอแตมก็เข้าใจมันดี และก็เป็นงานที่ยากมากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก เธอขอทำรายงานสักสิบเล่มส่งอาจารย์แทนการหาวิธีทำเรื่องนี้ได้ไหมนะ
คล้อยหลังชายหนุ่มป๊อบคอร์นก็หันขวับมาเอาเรื่องเพื่อนสาว เชอแตมถอนหายใจหดหู่กับแววตานั้น ถ้าเรื่องแวมไพร์มันสามารถเอามาพูดคุยปรึกษาหารือกันง่าย ๆ เธอก็คงไม่ต้องทำตัวให้เพื่อนรักเข้าใจผิดอยู่แบบนี้
"แกรักเขามากจริง ๆ แตม"
ป๊อบคอร์นพูดแค่นั้น แล้วเดินจากไป ทิ้งให้เชอแตมยืนนิ่งค้างเติ่งคิดหาทางออกเพียงคนเดียว
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คืนนี้เธอต้องกลับไปเอาเรื่องแวมไพร์ใจหินคนนั้นที่มาเฝ้าเธอทุกคืนก่อน ถ้าไม่ได้ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาช่วยป๊อบคอร์นไว้เมื่อคืน วันนี้เธอคงได้ยินข่าวร้ายจากออสการ์แล้วก็ได้
