บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 ระราน 1

เชอแตมไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนรักแปดหลอดของเธอจะกำหนดข้อตกลงขึ้นมาอย่างไรแม้ว่าเจ้าหล่อนจะวางข้อตกลงเอาไว้ว่าหากเชอแตมคิดจะคบกับเพื่อนรักอย่างเธอต่อ ก็ให้โทร.มา แต่หากจะคบกับหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาก็ไม่ต้องโทร.มา

เชอแตมไม่ได้จะโทร.ไปหาเพื่อนรักเพื่อยืนยันข้อตกลง แต่เธอต้องการโทร.ไปถามว่าเพื่อนรักอยู่ที่ไหน กลับบ้านหรือยัง ตอนนี้ป๊อบคอร์นอาจจะตกเป็นเหยื่อของออสการ์อยู่ตามสมมติฐานที่เกิดจากประโยคสุดท้ายของเขาเมื่อคืน

"ฮัลโหล แก" เชอแตมกรอกเสียงลงไปกับโทรศัพท์มือถือ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง เมื่อการต่อสายได้รับการตอบรับ

"อืม" ป๊อบคอร์นตอบแค่นั้น เชอแตมรู้สึกวูบไปนิดหนึ่งกับน้ำเสียงเจ้าหล่อน ถ้าเป็นป๊อบคอร์นคนเดิมจะมีคำพูดต่อท้ายมาอีก ไม่ว่าจะเป็น อืม ก็ฉันน่ะสิ จะใครอีก หรือไม่ อืม ว่าไงอิเชอ

"แกอยู่ไหน" เชอแตมถามเข้าเรื่อง เธอได้ยินเสียงถอนหายใจของป๊อบคอร์นตอบกลับมา

"ถ้าแกไม่ได้โทร.มาเพราะเรื่องข้อตกลงของเรา ฉันจะวาง"

"เดี๋ยวสิแก!" เชอแตมรีบรั้งเพื่อนรักเอาไว้ รู้สึกใจหายลงไปอยู่ตาตุ่ม แต่แล้วก็กลายเป็นโล่งใจเมื่อป๊อบคอร์นยังถือสายอยู่ "แกอยู่ไหน บอกฉันมาก่อนได้มั้ย"

"แค่นี้ใช่มั้ยที่แกจะถาม" ป๊อบคอร์นตอบคำถามด้วยคำถาม ทำให้คนที่อยู่ในสายถึงกับร้อนรนใจจนอยากจะไปอยู่ใกล้ ๆ เพื่อนตลอดเวลา ตอนกลางวันมันยังไม่น่ากลัวเท่าเวลานี้ที่มืดมิดจนคาดเดาอะไรไม่ได้

"แกไม่ตอบคำถามฉันก็ได้นะ แต่แกต้องกลับบ้านนะป๊อบ แกอย่าออกไปไหนตอนกลางคืนนะ" เชอแตมลั่นวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ป๊อบคอร์นรับรู้ความรู้สึกนั้นผ่านน้ำเสียงได้ดี แต่เธอไม่มีอารมณ์จะต่อความสาวความยืดแม้จะสงสัยว่าทำไมเพื่อนรักถึงได้เป็นกังวลเรื่องการอยู่นอกบ้านตอนกลางคืนของเธอนัก

"อืม แค่นี้นะ" ป๊อบคอร์นตัดบท แต่เชอแตมกลับรั้งเอาไว้อีกครั้ง

"ป๊อบ! ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าแกจะทำตามที่ฉันบอก แกอย่าไปไหนกลางคืนนะ ฉันขอร้อง"

"ฉันอยู่บ้านแล้ว" ป๊อบคอร์นตอบกลับไปให้เพื่อนรักคลายความกังวล และมันทำให้เชอแตมยิ้มได้จริง ๆ

"ถ้างั้นก็โอเค" รอยยิ้มเปื้อนหน้าเชอแตม แต่มันก็ต้องหุบสนิทเมื่อป๊อบคอร์นตัดสายทันทีที่เธอพูดจบ

เชอแตมมองหน้าจอมือถือตัวเองด้วยแววตาที่ยังเป็นกังวล เธอกำลังคิดว่าทำไมเธอต้องมีปัญหากับเพื่อนรักในเวลาคับขันแบบนี้ด้วย

และเธอก็ไม่รู้เลยว่า ป๊อบคอร์นนั่งอยู่ที่ชิลบาร์ ซึ่งเป็นร้านเหล้าที่อยู่ห่างจากตัวมหาวิทยาลัยออกไปประมาณสองกิโลเมตรเพียงลำพัง ท่ามกลางกลุ่มคนมากมายที่มานั่งจิบเหล้าฟังเพลงเพลิน ๆ ด้วยกัน

ถึงเจ้าหล่อนจะน้อยใจเพื่อนรักมากแค่ไหน แต่ความเป็นห่วงก็ยังคงอยู่ ถึงได้บอกว่าอยู่บ้านแล้วออกไปเพื่อให้เพื่อนคลายความกังวล ส่วนตัวเองจะได้นั่งเงียบ ๆ ทบทวนเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง

เชอแตมนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือเพราะยังเป็นห่วงป๊อบคอร์นอยู่ แม้ว่าอีธานจะปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ แบบเงียบ ๆ โดยให้เธอเห็นตัวเป็น ๆ แล้วเธอก็ยังไม่รู้

"เป็นห่วงเพื่อนหรือ" เขาเอ่ยออกมาจนเชอแตมสะดุ้ง เงยหน้าช้อนสายตามองเขา เขารู้ได้โดยที่ไม่ได้อ่านใจ เพราะเขาไม่ได้มองตาเธอ เขาเดาเอาเพราะรู้ดีว่าประโยคสุดท้ายของออสการ์ทำให้เธอเป็นกังวลตั้งแต่เมื่อคืน แต่ขณะที่เขามองตาเธออยู่เขาก็รู้ทันทีโดยไม่ต้องได้รับคำตอบ เธอเป็นห่วงเพื่อนรักด้วยความจริงใจและมันบริสุทธิ์จนเขาอดอมยิ้มไม่ได้

นอกจากความเป็นห่วง เขายังเห็นเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเธอกับเพื่อนในความคิดของเธอด้วย เขาเลยจับไหล่สองข้างของเธอแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน

เชอแตมปล่อยให้ตัวเองยืนขึ้นตามแรงดึงของเขาที่แสนจะแผ่วเบาและอ่อนโยน ความกังวลลดลงไปนิดหนึ่งโดยที่เธอไม่รู้ตัว

"คุณไปดูป๊อบคอร์นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ" เชอแตมเอ่ยด้วยสายตาเว้าวอนขอร้อง อีธานใจอ่อนทันทีกับสายตาน่าสงสารนั้น แต่เขากลับไม่ทำตามคำขอ

"ไม่ได้หรอก" เขาเอ่ย ละสองมือที่จับไหล่เธออยู่มาซุกในกระเป๋ากางเกง

เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น "ทำไมคะ" เธอเกือบจะใจร้อนตัดพ้อเขาว่าใจร้ายไปแล้ว แต่สติกลับยั้งปากไว้ได้ว่าควรฟังเหตุผลเขาก่อน

"ถ้าให้ผมไปดูเพื่อนคุณ แล้วคุณล่ะ"

เชอแตมถอนหายใจทำคอตก ก่อนเงยขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า

"คุณก็หายตัวไปแปบเดียวเองค่ะ แค่ไปดูให้แน่ใจว่าป๊อบคอร์นอยู่บ้านจริง ๆ แล้วค่อยกลับมาหาฉัน"

อีธานทำท่าทางคล้ายคนถอนหายใจ "มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะคุณ ถ้านี่เป็นแผนของออสการ์ให้ผมหลงทาง มัวกังวลนู่นพะวงนี่จนละสายตาจากคุณไปแม้แต่วินาทีเดียว จนเดินเข้าแผนการของมัน ถึงเวลานั้นคุณจะทำยังไง"

"แต่ฉันเป็นห่วงป๊อบ"

"ผมรู้ แต่นี่อาจจะเป็นแผนของออสการ์ก็ได้"

"แล้วถ้ามันไม่ใช่แผนล่ะคะ" เชอแตมเถียง เริ่มมีอารมณ์กรุ่น ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว

อีธานตวัดสายตามองไปทางอื่นนิดหนึ่งก่อนเลื่อนมาหยุดตรงหน้าเธออีกครั้ง

"ถึงออสการ์มันจะเป็นแวมไพร์ฝ่ายตรงข้ามกับกฎหมาย แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย มันยังทำหน้าที่ลงโทษคนผิดอยู่วันยันค่ำ เจ้าหน้าที่จากโดมลับยังคงทำงานนี้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง หากออสการ์แตะต้องมนุษย์ที่บริสุทธิ์ปราศจากความผิดเมื่อไหร่ เรื่องราวมันจะใหญ่โตไปถึงหูโดมลับทันที และตอนนั้นออสการ์ก็ต้องถูกจับตัวไปสอบสวนถึงสาเหตุที่ต้องจับตัวมนุษย์ไป ผมรู้จักออสการ์ดี มันไม่ชอบอะไรที่เป็นเรื่องราวใหญ่โต จนตัวเองต้องถูกจับตามองจนปราศจากอิสระ ดังนั้น คืนนี้ผมคิดว่าเพื่อนของคุณควรจะปลอดภัยมากกว่าได้รับอันตราย"

นั่นเป็นคำพูดที่ปลอบใจเชอแตมให้คลายความกังวลล้วน ๆ แม้ถ้อยคำจะมีเค้าความจริงอยู่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความไม่มั่นใจของอีธานต่างหากที่มีแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ที่พูดแบบนี้ได้เพราะมีเหตุผลอื่นที่ทำให้เขามั่นใจมากกว่า

"คุณพูดจริงเหรอคะ" เชอแตมถามสีหน้าเกือบจะสบายใจแล้ว

อีธานรู้สึกดีใจที่สุดก็วันนี้ ที่เป็นเขาเพียงฝ่ายเดียวที่อ่านใจคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงโดนเชอแตมงอนจนเขาต้องง้อด้วยวิธีของเขาเองจนบานปลายอย่างวันก่อน ๆ อีกแน่ ๆ

"อืม" เขาตอบได้แค่ในลำคอ เพราะความไม่มั่นใจทำให้เขาตอบได้ไม่เต็มปากเต็มคำ โชคดีที่เชอแตมเข้าใจว่าเขาเป็นแวมไพร์ประเภทเลือดเย็นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะตอบแบบไหน มันก็น่าเชื่อถืออยู่ดี เพราะมันคือสไตล์ของเขา

เชอแตมถอนหายใจคล้ายโล่งอก

"เมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบซักทีคะ" เชอแตมเอ่ยออกมาหลังจากช้อนสายตาขึ้นมามองเขาอีกครั้ง เมื่อเรื่องมันบานปลายถึงขนาดเพื่อนรักของเธอต้องมาเกี่ยวข้อง มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกอีกต่อไปแล้ว

"ผมไม่รู้" อีธานตอบตามความจริง หากจะให้โดมลับไปจับตัวออสการ์ในเวลานี้ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องราวของเชอแตมถูกเก็บเป็นความลับกับโดมลับ ที่สำคัญพวกออสการ์ก็ยังไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงถึงขนาดต้องไปรับฟังการพิจารณาข้อกล่าวหาใด ๆ

เมื่อเป็นแบบนี้ตอนจบมันคงมีทางเดียวคือออสการ์ต้องจับตัวเชอแตมไป ถึงตอนนั้นอีธานและอาของเขาก็สามารถแจ้งกับโดมลับให้ช่วยเหลือได้ แต่มันเสี่ยงเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ความเป็นความตายทั้งของเชอแตมและเหล่าแวมไพร์ทุกตนในอาณาจักรแวมไพร์

"เรามีวิธีทำอะไรนอกจากเป็นฝ่ายหลบซ่อนมันอย่างเดียวไหมคะ อย่างเช่นเจรจาต่อรอง หรือวิธีอะไรที่ไม่ต้องทำร้ายกัน"

อีธานมองตาเธอนิ่ง "เราทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพจนเชอแตมรู้สึกสะกิดใจอีกครั้ง นาน ๆ ทีเขาจะนุ่มนวลไม่ว่าจากคำพูดหรือการกระทำ เพราะมันนาน ๆ ทีเธอถึงได้รู้สึกอิ่มเอมทุกครั้งไป

เมื่ออีธานปิดตายคำตอบแบบนั้นแล้ว เธอก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อไปได้อีก ขนาดเขาเป็นแวมไพร์เขายังบอกว่าไม่มีวิธี แล้วเธอที่เป็นมนุษย์ซ้ำยังเป็นเหยื่อจากเหตุผลกลใดก็ไม่รู้ แล้วเธอจะไปหาทางออกได้ยังไง

แต่แล้วหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาก็แวบเข้ามาในความคิด

"อีธาน เป็นไปได้ไหมที่ศัตรูแวมไพร์คนนั้น เขาอาจจะช่วยเราได้"

อีธานรู้ว่าเธอหมายถึงใครเพราะอ่านใจเธอได้ แต่เขาคิดว่าควรจะถามเพื่อให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติที่มาจากการไม่รู้ดีกว่า

"ใครกัน"

"คนที่ฉันวิ่งตามวันก่อนจนล้มลงบาดเจ็บไงคะ"

แค่นั้นก็เพียงพอให้เขาตอบอะไรออกไปได้แล้ว "ไม่มีใครช่วยเราได้หรอก ศัตรูแวมไพร์ก็ช่วยไม่ได้"

"ทำไมคุณมั่นใจนัก"

อีธานเสมองไปทางอื่น เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะยิ่งพูดเขาอาจจะหลุดความจริงบางอย่างออกมาจนเธอรู้ก็ได้

"นี่อาบน้ำแล้วเหรอ" เขาเปลี่ยนเรื่องแบบข้าง ๆ คู ๆ จนเชอแตมต้องมองด้วยสายตาตำหนิดุ

"นี่คุณ อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่องนะ"

อีธานยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าเธอ จนเชอแตมต้องเอนหลบไปข้างหลัง

"คิดว่ายังไม่อาบนะ แล้วทำไมตัวหอมจัง"

แม้จะหงุดหงิดที่เขาทำมาเปลี่ยนเรื่อง แต่เธอก็แก้มแดงขึ้นมานิด ๆ เมื่อเขากล้าเกี้ยวเธอแบบนั้น

อีธานยิ้มมุมปากให้เธอ แล้วกลับมายืนตัวตรงตามเดิม

"คุณนี่แก้มแดงได้ทุกครั้งเวลาเขินนะ" เขาพูดไม่เกรงใจอาการเต้นกระตุกของหัวใจเธอเลย

เชอแตมตวัดมือแตะแก้มอย่างไว เธอส่งสายตาค้อน ๆ ไปให้เขา

"น่ารักดี" พูดจบก็หันข้างให้เธอแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง

เขาไม่รู้เลยว่ามันทำให้คนตัวเล็กที่ถูกทิ้งไว้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือไม่สามารถมองผู้ชายคนไหนได้อีกแล้ว

"ไม่อาบน้ำนี่ กะจะรอให้ผมมาอาบให้หรือไง" เขายังวนเวียนอยู่กับการทำความสะอาดเรือนร่างของเธอ แล้วแบบนี้เธอจะกล้าไปอาบน้ำได้ยังไง

เชอแตมมัวแต่คิดเรื่องป๊อบคอร์นอยู่ต่างหาก ไม่ได้รออะไรเขาสักหน่อย

"อย่าแอบดูนะ" เธอเอ่ยแผ่ว ๆ ก่อนจะมองตาเขาให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เล่นอะไรแผลง ๆ

แต่อีธานกำลังส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ "ไม่รู้สิ ผมเป็นพวก ห้ามใจตัวเองไม่ค่อยอยู่"

พูดจบก็เม้มปากยิ้มกวนให้เธอ แทนที่เชอแตมจะโกรธ เธอกลับรู้สึกเขินจนอยากกลายเป็นขอบดำดินมุดหลบเข้าห้องน้ำแทนการเดิน ก็เขาพูดแบบนี้จะไม่ทำให้เธอคิดลึกได้ยังไง ห้ามใจตัวเองไม่ค่อยได้ แสดงว่าเขาอาจจะอยากเข้าไปจนต้องห้ามใจขนาดนั้นเชียวหรือ

คิดเองโดยที่ไม่รู้คำตอบก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนวูบวาบอีกแล้ว

เชอแตมส่งเสียงจิ๊เล็ก ๆ ก่อนแก้เก้อด้วยการไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปง่าย ๆ แต่ไม่วายหันมามองเขาเป็นเชิงไม่แน่ใจอีกครั้ง

แต่เขาไวกว่าการหันหลังของเธอ เพราะเขาปรากฏตัวอยู่ชิดด้านหลังเธอแล้ว

"ว้าย!" เชอแตมร้องลั่นลากเสียงยาว เพราะอีธานไม่ทำแค่ยืนเฉย ๆ เขาผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูด้วย

"อีธาน! ทำอะไรของคุณเนี่ย!" สาวเจ้าร้องลั่นห้องน้ำ ใจกระตุกเต้นโครมคราม ยอมรับว่าเธอกลัวจนสั่นแล้วตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าแวมไพร์หนุ่มเย็นชาคนนี้จะกวนโอ๊ยได้ขนาดนี้

"มาส่งคุณเข้าห้องน้ำ" เขาตอบหน้าตาย มือกอดอก ปากอมยิ้มเล็ก ๆ

"บ้าเหรอ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย"

มือน้อย ๆ ก็พยายามผลัก ๆ ตบ ๆ ไปที่หน้าอกเขาให้ถอยหลังออกไป แต่ร่างกายอีธานแข็งแรงยิ่งกว่าก้อนหินก้อนยักษ์ใหญ่บนภูเขาเสียอีก มันไม่ได้เคลื่อนขยับเลยแม้แต่น้อย

ร่างสูงได้แต่หัวเราะยิ้ม ๆ กับการเย้าแหย่เธอครั้งนี้

"ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว ผมว่า ผมอาบให้เลยดีกว่า"

ไม่พูดเปล่า เขายังทำท่าเดินเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือไปแตะชายเสื้อตรงบริเวณเอวเธอด้วย

"อีธาน!" เชอแตมกระโดดเหยงเพื่อหลบพร้อมกับร้องเสียงหลง ขณะที่อีธานแตะเอวเธอได้สำเร็จ ความตกใจนั้นทำให้เธอถอยหลังไปเหยียบเอาแปรงถูพื้นแบบมือจับจนเกือบหงายหลังล้มตึงหากอีธานไม่จับข้อมือเธอดึงเข้ามากอดไว้ได้ทันเวลา

เชอแตมอ้าปากค้างด้วยอารามตกใจที่เกือบล้มหัวฟาดพื้น เขากำลังกอดเธออยู่ เมื่อได้สติเธอก็ตีเผียะลงบนอกเขา แต่กลับเจ็บมือเสียเอง

"เพราะคุณนั่นแหละ ฉันเกือบล้มหัวแตก"

"อย่ามาโทษกันนะ คุณวางแปรงถูพื้นไม่เป็นที่เอง มันสมควรแล้วล่ะ คุณต้องขอบคุณผมด้วยซ้ำที่ดึงคุณไว้ได้ทัน"

เขาช่างเป็นแวมไพร์ที่ไม่เคยยอมรับผิดอะไรเลย

"ก็คุณเป็นสาเหตุให้ฉันเกือบล้มนะ ถ้าคุณไม่เข้ามาฉันไม่เป็นแบบนี้หรอก"

"ก็ผมคิดว่าคุณชวนผมเข้ามาด้วย เห็นเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าห้องน้ำ"

"บ้าเหรอ ฉันกลัวคุณเล่นพิเรนทร์ต่างหากล่ะ"

อีธานยักไหล่ทั้งที่ยังกอดเธออยู่ "โอเค ผมพอแล้วก็ได้ อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมไปนอนรอที่เตียง"

พูดจบก็คลายวงกอดจากเอวเธอ ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเปิดประตูออกไป เชอแตมมัวแต่ถอนหายใจโล่งอกจนไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขาหันมาจุมพิตที่ปากของเธอเร็ว ๆ อีกครั้งก่อนหายออกไปจริง ๆ

เชอแตมอ้าปากค้างมองประตูที่เขาปิดสนิทให้แล้วด้วยสายตาตื่นตะลึง ถึงจะเคยโดนกระหน่ำจูบมาแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ชินกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ มันยังคงเป็นเรื่องแปลกใหม่ของเธออยู่ทุกวินาที หากมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ หัวใจเธอก็เต้นเร็วและแรงได้ทุกครั้งนั่นแหละ

เขาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เธอจัดการมันเพียงลำพังแบบนี้ได้ยังไง

อีธานขโมยจูบกันหน้าด้าน ๆ ตลอด!

ทีเธอทำแค่แตะเขาเบา ๆ แค่ครั้งเดียวเอง

อีธานออกมายืนยิ้มกริ่มอ้อยอิ่งเพียงลำพังอยู่หน้าประตู

"กว่าจะหักห้ามใจให้ออกมาได้ คุณมันเจ้าเล่ห์กว่าผมอีกเชอแตม"

อีธานคิด ก็ใครใช้ให้เธอโปรยเสน่ห์ใส่เขาได้ขนาดนี้กันเล่า

เพื่อนรักของเชอแตมกระดกแก้วไวน์ในมือเข้าปากรวดเดียวหมด แล้วนั่งซึมมองไกลไปข้างหน้าแบบไม่มีจุดโฟกัส ชิลบาร์เป็นร้านเหล้าที่เธอชอบแต่ไม่ค่อยได้เข้ามานั่งเพราะไม่มีโอกาส วันนี้ได้ฤกษ์เสียที และมันช่างเป็นร้านที่ให้บรรยากาศเหมาะสำหรับคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์เช่นเธอ

เธอนั่งอยู่นอกร้านที่สร้างเติมต่อออกมาให้ลูกค้าที่ชอบบรรยากาศแบบมองเห็นดวงดาวได้นั่งชิล ๆ มีลูกค้ามากมายที่นั่งรายล้อมรอบเธอ เนื่องจากเป็นร้านสไตล์ชิล ๆ เสียงพูดคุยเลยไม่ดังโหวกเหวกด้วยความเข้าใจตรงกันว่าไม่ควรรบกวนผู้อื่น แต่หญิงสาวต้องชะงักกึกเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นใครบางคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอมานั่งอยู่ในร้านนี้

ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาที่ป๊อบคอร์นเข้าใจว่าเชอแตมเพื่อนรักของเธอแอบหลงรักนั่นเอง

เขานั่งจิบเหล้าในมือด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนสามคนแค่เห็นหน้าเขาไฟโทสะก็คุกรุ่นขึ้นมาในใจของป๊อบคอร์นทันทีราวกับฟ้าผ่าลงมากลางกระหม่อม ไม่คิดเลยว่าการเจอกับเขาครั้งแรกในรอบสองปีทำให้เธอต้องมาเจออีกเป็นครั้งที่สอง

จริง ๆ แล้วสำหรับเขาแค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอ!

ป๊อบคอร์นรีบเช็คบิลแล้วตรงดิ่งออกจากร้านไปทันที

อุตส่าห์เจอร้านที่นั่งสบาย ๆ คิดอะไรได้เรื่อย ๆ แต่ดันมีมารผจญจนได้ ป๊อบคอร์นถอนหายใจหงุดหงิดสีหน้าบึ้งตึงเป็นรังแตน เดินกระแทกเท้าแรง ๆ ไปยังรถมินิคูเปอร์สีฮอตชอกโกแลตคันเล็กกะทัดรัดของตัวเอง

หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจของตัวเองไปตลอดการขับรถกลับบ้าน ความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ อัดอั้นตันใจมันก่อสุมจนเธอแทบอยากหนีไปให้ไกล ๆ จากที่ที่เธออยู่ แม้จะน้อยใจเพื่อนรักมากมายแค่ไหน แต่เธอก็ยังเป็นห่วงทั้งร่างกายและจิตใจของเจ้าหล่อนอยู่ดี

หรือเธอควรลดอคติลงแล้วพูดคุยปรึกษาหารือกับเชอแตมให้มันกระจ่างเสียดีกว่า

ตึก!

ป๊อบคอร์นสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่มีน้ำหนักพอสมควรกระแทกลงมาบนหลังคารถ หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัยแต่ก็ยังขับรถไปต่อ

"กรี๊ด!!!" เจ้าหล่อนกรีดร้องเผลอหักพวงมาลัยไปทางซ้ายมือจนรถเกือบเสียหลัก เมื่อเห็นใบหน้าของมนุษย์ห้อยต่องแต่งลงมาทางกระจกด้านข้างฝั่งคนขับ

ป๊อบคอร์นจอดรถเทียบข้างทางทันทีที่หัวใจกระตุกเต้นแรงด้วยความตกใจกลัว เจ้าหล่อนนั่งนิ่งมองไปข้างหน้าด้วยอารามไม่กล้าหันไปมองด้านข้างอีกครั้ง แต่แล้วก็ตัดสินใจค่อย ๆ หันไปมองให้ชัด ๆ ว่ามันคืออะไร แต่เท่าที่สังเกตจากหางตา มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เลย

เมื่อหันไปให้มองได้ชัดเต็มสองตาเธอกลับพบกับความว่างเปล่า หรือเธอจะตาฝาด หัวมนุษย์ที่ห้อยลงมาจากหลังคารถเมื่อสักครู่มันเร็วมากจนเธอจำรายละเอียดแทบไม่ได้ แต่มีความทรงจำหนึ่งที่ไวมากและจำได้ทันทีว่า หัวมนุษย์ที่เห็นนั้นหล่อมาก

เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติแล้ว เจ้าหล่อนก็เหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับบ้านต่อ ใจจริงอยากจะลงมาแล้วมองให้ทั่วรถว่ามีอะไรติดอยู่ตรงส่วนไหนของรถหรือเปล่า แต่เพราะตัวคนเดียวและเป็นผู้หญิงเธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะลงจากรถ

เอี๊ยด!!

เสียงเบรครถของป๊อบคอร์นทำงานกะทันหันเมื่อมีรถออดี้รุ่นเอหกสีดำสนิทขับปาดหน้าแล้วยังมาจอดขวางทางเธอไว้ ป๊อบคอร์นหัวคะมำไปข้างหน้าก่อนจะกระตุกกลับไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง

หญิงสาวสบถถ้อยคำไม่สุภาพออกมาหนึ่งคำก่อนจะสติแตกเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ลงมาจากรถคันนั้น

ป๊อบคอร์นไม่ลังเลที่จะลงมาจากรถทันทีแล้วปรี่เข้าไปเอาเรื่องเขา

"ตามไปหลอกหลอนในชิลบาร์ไม่พอ ยังตามมาขับรถปาดหน้ากันอีก มันจะมากไปแล้วนะ" หญิงสาวด่ากราดในใจก่อนจะไปลั่นวาจาด่าจริง

"ขับรถปาดหน้าฉันทำไม!" ป๊อบคอร์นรุกถามก่อนด้วยสีหน้าโกรธมาก

หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกายืนพิงประตูรถฝั่งคนขับมองเธอด้วยแววตาเรียบ ๆ ใบหน้าออกจะขรึม

"เมื่อกี๊ผมเห็นคุณขับรถแปลก ๆ เลยตั้งใจจะมาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า"

ป๊อบคอร์นส่งเสียงออกมาแววตาดูแคลน

"ด้วยการขับปาดหน้าแล้วจอดขวางฉันแบบนี้เนี่ยนะ มารยาทน่ะมีมั้ย"

ชายหนุ่มไม่มีอาการขุ่นเคืองกับคำพูดหรืออารมณ์ของเธอแม้แต่น้อย เขายังยืนเอามือกอดอกมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เก็บซ่อนความรู้สึก พอเขามองเธอนานเข้า หญิงสาวเลยต้องจ้องกลับแล้วทำให้หวนนึกวันเก่า ๆ ขึ้นมา ป๊อบคอร์นส่ายศีรษะแรง เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกที่เปรียบเสมือนดาบสองคมพรรค์นั้น ที่มนุษย์เราเรียกกันว่า ความรัก

"คุณเมาหรือเปล่า" ชายหนุ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงคล้ายจะห่วงใย

ป๊อบคอร์นยกมือขึ้นมากอดอกบ้าง "ที่คุณเห็นฉันยืนด่าคุณได้อยู่เนี่ย คุณคิดว่าฉันเมาไหม"

เขารู้ตั้งแต่เธอเดินลงมาจากรถแล้วว่าเธอไม่ได้เมา แต่เหตุผลที่เขาต้องขับรถปาดหน้าเธอแล้วจอดขวางไว้แบบนี้คืออย่างอื่น

"ให้ใครมาขับรถคุณกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง" เขาขันอาสาด้วยเหตุผลที่อยู่ในใจ แต่ป๊อบคอร์นกลับเข้าใจผิดไปแล้วว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอเมา

โทสะของป๊อบคอร์นระเบิดตูมออกมาผ่านแววตา เธอเกลียดเขา เธอเกลียดเขามาก มากจนอยากจะตะโกนให้เขาได้ยินมันชัด ๆ

"อย่ามายุ่งกับชีวิตฉันได้ไหม!" ร่างบางกรีดเสียงเล็กแหลมลั่นออกมา อกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะอาการหอบหายใจจากไฟโกรธ "ฉันไม่ได้เมา คุณเห็นไหม ฉันปกติดี ไวน์สองแก้วมันไม่ได้ทำให้ฉันเมาได้หรอกนะ"

ชายหนุ่มรู้ดีว่านั่นคืออาการโกรธมากถึงมากที่สุดของเธอ สีหน้าท่าทางแววตามันชัดเจนจนเขาแทบไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ถ้ามันไม่จำเป็น

"งั้น คุณขับรถกลับบ้านเถอะ ผมจะขับตามหลังไปส่ง"

ป๊อบคอร์นกัดฟันกรอด สิ่งที่เธอต้องการคือให้เขาไปให้พ้นหน้า ไม่ใช่ขันอาสาจะไปส่งเธอ หรือร่วมทางไปกับเธอ

"คุณจะมายุ่งอะไรกับฉันนักหนา ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้เมา หูตึงหรือไง"

ป๊อบคอร์นตวาดลั่นถนนราวกับนางผีเสื้อสมุทรกำลังโกรธพระอภัยมณี

"ผมก็ยื่นข้อเสนอให้คุณไม่ต้องมานั่งรถผมแล้ว คุณจะทำตามไม่ได้หรือไง"

คำเถียงของเขาสร้างความดุเดือดให้กับจิตใจเธอมากขึ้นไปอีก จากที่อดทนอยู่นานเธอรู้สึกว่าทนไม่ได้อีกต่อไป

"แค่นี้คุณไม่รู้อีกเหรอ ว่าฉันต้องการอะไร ฉันไม่ได้ต้องการแค่ให้คุณไม่ตามไปส่งฉันเท่านั้นนะ ฉันต้องการให้คุณออกไปจากชีวิตฉันรวมทั้งชีวิตของเพื่อนฉันด้วย คุณกลับมาอีกทำไม เราไม่เจอกันมันดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเรามาเจอกันอีกทำไม"

จบประโยคยาวเหยียดนั่น ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทั้งคู่ทันที ไม่มีใครตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย แม้แต่ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาตรงหน้า เขาได้เลือกไปแล้วว่าขอไม่เจอกับเธออีกตลอดชีวิต โชคชะตาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่สามารถเลือกมันได้

"ผมไม่ได้อยากเจอคุณนักหรอก ทุกอย่างมันคือความบังเอิญ"

คำพูดตรง ๆ นั้นมันเสียดแทงหัวใจของหญิงสาวตรงหน้าขั้นโคม่าเลยทีเดียว เจ้าหล่อนเคยคิดว่าหัวใจเธอจะไม่รู้สึกใด ๆ ต่อคำพูด การกระทำของชายหนุ่มตรงหน้าอีกแล้ว วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่

แม้จะจุกไปหลายวินาที แต่เธอก็สามารถรวบรวมกำลังใจตัวเองให้กล้าตวาดกลับไปได้

"งั้นก็กลับไป กลับไปเดี๋ยวนี้!"

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขากลับไม่ได้จริง ๆ หากเธอไม่กลับพร้อมเขา

และสิ่งที่ป๊อบคอร์นไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนเธอไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มมุ่งหน้าเข้ามาหาเธอโดยที่ไม่ฟังคำทัดทานใด ๆ จากเธอเลย เขาไม่อารัมภาบทใด ๆ ให้เสียเวลา เข้าไปเสยร่างของหญิงสาวขึ้นมาพาดบ่าพาตรงไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนใจเลยว่าร่างบางที่พาดอยู่นั้นจะโวยวายเสียงดังแปดหลอดเข้าหูจนขี้หูเขาสั่นไหวแค่ไหน

"ปล่อยนะ! ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! ไอ้คนไม่มีหัวใจ ไปให้พ้นนะ ปล่อยนะ ปล่อย!!"

เขาทุ่มเธอลงไปบนเก้าอี้ข้างคนขับ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอเรียบร้อย ก่อนจะสะดุดนิ่งจ้องตากับเธอครู่หนึ่ง ป๊อบคอร์นหยุดโวยวายเพราะความเหนื่อยจากการตะคอกเสียงดังหลายเดซิเบลออกมา

ต่างคนต่างมีสายตาที่อ่านยาก ไม่รู้ว่าสื่อถึงความรู้สึกเช่นไรต่อกัน ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างเดากันไปเอง และก็ไม่มีใครเดาไปในแง่ดีเสียด้วย

"ขอให้ผมไปส่งที่บ้าน แค่นั่งไป ไม่ต้องคุยกับผมก็ได้ คิดซะว่าผมเป็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ขับรถได้ก็ได้"

น้ำเสียงเขาคล้ายขอร้อง ป๊อบคอร์นยังมีสีหน้าขึ้งตึง เธอเบือนหน้าหนีไม่เอ่ยตอบใด ๆ กลับมา เธอจะอดทนให้เขาไปส่ง อดทนจนกว่าเขาจะพ้นหน้าเธอไปเสียที

ชายหนุ่ม ถอนหายใจนิด ๆ ก่อนผละออกมาจากเธอแล้วเดินไปปลดกุญแจรถจากรถเธอแล้วกลับมานั่งฝั่งคนขับ

"ถึงบ้านแล้วก็บอกให้ใครมาเอารถคุณกลับไปละกัน" เขาพูดไม่มองหน้าเธอก่อนจะขับรถออกไป

ป๊อบคอร์นมองผ่านกระจกประตูรถฝั่งตัวเองออกไปยังบรรยากาศข้างทางที่มืดสนิทไม่มีอะไรน่ามอง แต่เวลานี้เธอคิดว่ามันมีเสน่ห์มากกว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอในรถเสียอีก

"มันเรื่องถนัดของคุณสินะ" จู่ ๆ ป๊อบคอร์นก็เอ่ยออกมาทำลายความเงียบ จนชายหนุ่มสงสัย

"อะไร" เขาถาม

ป๊อบคอร์นหันมามองด้านข้างของเขาด้วยสายตาหยามเหยียด "เรื่องที่ชอบทำให้ผู้หญิงคิดไปเองกับการกระทำของคุณ"

ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง

"ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้ แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่ามันไม่ได้ทำให้ฉันประทับใจเลยแม้แต่นิดเดียว"

"ผมไม่ได้อยากทำให้คุณประทับใจ" ชายหนุ่มตอบตามความจริง

"อ้อ! ฉันรู้แล้ว คุณคงอยากไถ่โทษให้ฉันกับเรื่องวันนั้นสินะ" แล้วทั้งคู่ก็นึกถึงเรื่องเดียวกัน "มันแทนกันไม่ได้หรอกคุณ!"

ป๊อบคอร์นเน้นทุกคำที่พูดด้วยการใส่ความรู้สึกหนักแน่นจริงจังลงไป และเขาก็รับรู้ได้ว่า เธอไม่มีวันให้อภัยเขาได้จริง ๆ

"มันก็ไม่ใช่การไถ่โทษอีกเหมือนกัน" เขาตอบตามความจริงอีกครั้ง

ทำนบกั้นน้ำตาของหญิงสาวแทบแตก แต่เพราะความคับแค้นใจมันสูงกว่าจนสามารถบังคับจิตใจให้เข้มแข็งได้ ความเงียบปกคลุมทั้งคู่อีกครั้ง

"ผมรู้ดี เรื่องวันนั้นไม่มีการกระทำใดไถ่โทษให้คุณได้หรอก และผมเองก็ไม่ได้อยากให้คุณยกโทษให้ คุณจำว่าผมเลวในสายตาคุณไปแบบนั้นก็ดีแล้ว"

ป๊อบคอร์นหันขวับมามองเขา สายตามาดร้ายแต่ไม่โต้ตอบใด ๆ กลับไป เธอควรหยุดบทสนทนาไว้แค่นี้ดีกว่า พูดไปมันก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง เธออยากถึงบ้านเร็ว ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel