บทที่ 15 ป๊อบคอร์นเปลี่ยนไป 1
ความเงียบราวกับน้ำทะเลพร้อมใจกันลดลงเผยให้เห็นพื้นทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้ามายังชายฝั่งปกคลุมหญิงชายทั้งสามคนนานนับนาที
เชอแตมมองเพื่อนรักกับชายหนุ่มตรงหน้าสลับกันไปมา ความไม่เข้าใจฉายชัดในแววตา
"อย่ามายุ่งกับเพื่อนฉันอีก คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าใกล้เพื่อนฉัน"
เสียงป๊อบคอร์นจริงจังยิ่งกว่าตอนที่ห้ามเธอออกไปเดินเล่นตอนกลางคืนเสียอีก ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ตอบโต้อะไรกลับไป เขากำลังงุนงงว่าตัวเองไปยุ่งกับเพื่อนรักของเจ้าหล่อนตั้งแต่ตอนไหน
"ป๊อบ แกกำลังเข้าใจผิดนะ" เชอแตมพยายามบอกเพื่อน แต่ดูเหมือนป๊อบคอร์นจะไม่ฟังเลย
"ฉันรู้ดีแก ผู้ชายคนนี้ ร้ายมาก แกอย่ามัวไปเสียน้ำตาให้เขาอยู่เลย ดีแล้วที่แกตกลงปลงใจกับพี่กรุ๊ป"
ป๊อบคอร์นตั้งใจพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่เธอไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึกเสียใจใด ๆ ซ้ำยังรู้สึกยิ่งกว่าไม่เข้าใจเข้าไปอีก
ส่วนเชอแตมได้แต่ถอนหายใจสีหน้าปลงตก
"ไปเถอะแตม" ป๊อบคอร์นฉวยข้อมือเพื่อน ดึงให้เดินตามเธอมา เชอแตมหน้าเหวอพยายามจะรั้งป๊อบคอร์นเอาไว้ อาการน้ำท่วมปาก มันทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกดั่งใจเสียเลย
หญิงสาวต้องการคุยกับเขาเรื่องแวมไพร์ แต่เพื่อนรักกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเธอชอบพอเขา โอ๊ย! เธอรู้สึกอยากจะบ้าตาย รู้งี้เธอไม่น่ารีบคืนเสื้อให้เขาเลย มันน่าจะใช้เป็นข้ออ้างได้ตลอด
ในเมื่อเชอแตมไม่สามารถคุยกับชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาได้ เธอจึงจำเป็นต้องเดินตามป๊อบคอร์นไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้ร่างสูงยืนมองตามหลังทั้งคู่ไปจนลับสายตา
เขาเจอเธออีกครั้งเมื่อตอนที่เธอโดนแวมไพร์ทำร้ายจนสลบไป โชคดีที่วันนั้นเธอสลบไม่ได้เห็นหน้าเขา เขาตั้งใจรอฟังอาการของเธอจากคุณหมอว่าเธอจะไม่เป็นอะไรร้ายแรง จนกระทั่งหมอออกมาบอกข่าวดี เขาจึงเดินจากไป แต่วันนี้เขากลับหวนมาเจอเธออีกครั้ง สายตา คำพูดและท่าทางของเธอย้ำชัดให้เขาตระหนักว่าเธอยังไม่ให้อภัยเขา มันก็สมควรอยู่แล้วกับเรื่องในวันนั้น
"สบายดีนะ ป๊อบคอร์น" ชายหนุ่มได้แต่เอ่ยถามหญิงสาวร่างบางที่เดินจากไปในใจเพียงลำพัง
หลังจากที่ดึงแขนเพื่อนรักออกมาให้ห่างจากชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาแล้ว หญิงสาวเสียงหวีดสยองกลับไปหลบมุมอยู่เงียบ ๆ คนเดียวที่ไหนก็ไม่รู้ เชอแตมพยายามตามหาจนทั่ว แต่กลับไม่เจอเธอเลย โทรศัพท์ก็โทร.ไม่ติด และตลอดทั้งวันนั้นเธอก็ไม่พบเพื่อนรักแปดหลอดของเธออีกเลย
เชอแตมแปลกใจกับอาการป๊อบคอร์นจนลืมเรื่องอีธานไปสนิท ปกติเขาจะวนเวียนอยู่ในความคิดเธอตลอดเวลา หากแต่ความแปลกประหลาดของสีหน้าแววตาท่าทางของป๊อบคอร์นสามารถเอาชนะเรื่องอีธานไปได้หมดจด
เชอแตมลืมไปว่าอีธานเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้เธอเมื่อตอนเช้า ว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอ จนเวลาสามทุ่มเศษเธอก็ยังคิดเรื่องป๊อบคอร์นรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนรักจนต้องโทร.ไปหาอีกครั้ง
เธอถือโทรศัพท์แนบกับหูได้ยินเสียงเพลงรอสายเป็นเพลงเอาใจเธอแลกเบอร์โทร. ของหญิงลี ศรีจุมพล เพลงที่เข้ากับพฤติกรรมเฮ้ว ๆ ของป๊อบคอร์นราวกับเพลงนี้เกิดมาเพื่อเจ้าหล่อน อย่างน้อยนางก็เปิดเครื่องให้เธอได้พอมีความหวังว่าเจ้าหล่อนจะรับสาย
"ว้าย!"
เชอแตมเผลอทำมือถือตกเมื่อมีแขนข้างหนึ่งดึงเอวเธอเข้าไปกอด เจ้าหล่อนหมุนตัวเข้าหาร่างนั้นอย่างไว แล้วก็ต้องเบิกตาโตตกใจครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นอีธาน
เชอแตมถอนหายใจเม้มปากแน่น แล้วผละออกมาจากแขนข้างเดียวของเขาที่โอบรัดเธออยู่
อีธานเม้มยิ้มมุมปาก แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์ เธอหลุดออกมาจากแขนเขาได้อย่างง่ายดายไม่ใช่เพราะแรงเธอเอง แต่เป็นเขาที่ตั้งใจผ่อนแรงตัวเองจนเธอหลุดได้ต่างหาก
เชอแตมรีบก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ที่สายตัดไปแล้วเพราะไม่มีคนรับ เธอมองไปที่หน้าจอแล้วตัดสินใจวางมันลงไปบนโต๊ะอ่านหนังสือ
แล้วหันมาเตรียมพร้อมทำสงครามเย็นหรืออาจจะร้อนระอุกับแวมไพร์หนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า
"มีอะไรจะคุยก็ว่ามา" เชอแตมเข้าเรื่องทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเขาเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้เธอ อีธานยักไหล่มือสอดในกระเป๋ากางเกง
"ผมก็เขียนทิ้งไว้ กันคุณออกไปไหนตอนเที่ยงคืนก็เท่านั้นเอง"
คิดไว้ไม่มีผิด ลอตเตอรี่เท่านั้นแหละที่เชอแตมซื้อแล้วไม่เคยถูก คนตัวเล็กถอนหายใจเชิงหงุดหงิด จู่ ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ลอยเข้ามาในหัว เขาจูบเธอกระหน่ำซัมเมอร์เซล เธอลืมไปได้ยังไง
ครั้นแววตาตัวเองสบเข้ากับดวงตาของอีธาน ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็เคลือบเรือนร่างจนต้องหลบสายตาเสีย อีธานเห็นความคิดนั้น เขาเม้มยิ้มมุมปากอีกครั้ง
"เท้าหายดีแล้วใช่มั้ย" เขาถามน้ำเสียงแสดงออกถึงความเป็นห่วงชัดเจน เชอแตมตวัดสายตาขวับไปมองเขา ค่อนข้างแปลกใจกับน้ำเสียงที่มีเยื่อใยขนาดนั้น
"คุณทำได้ไง" เธอย้อนถามแทนคำตอบ
"พลังแวมไพร์น่ะ ความสามารถพิเศษอีกอย่างของพวกเรา" เขาบอกโดยง่าย ความจริงแล้วหลังจากที่เขาทำแผลให้เธอด้วยการใช้พลังตัวเอง เขาต้องล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเสียพลังไปเยอะเลยทีเดียว โชคดีที่เขาไม่สามารถออกไปไหนเวลากลางวันได้ เลยมีเวลาพักฟื้นให้พลังฟื้นฟูขึ้นมา และนี่เป็นข้อจำกัดของแวมไพร์ในการช่วยเหลือมนุษย์ให้หายขาดจากบาดแผลบนร่างกาย มันต้องแลกมาด้วยอาการป่วยของตัวเอง
เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ชีวิตอาจจะแลกด้วยชีวิต ความเจ็บปวดก็ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด ปาฏิหาริย์ก็อาจจะต้องแลกด้วยความเสียใจเป็นพัน ๆ ครั้ง
"เป็นไง กลางวันผมไม่ได้เฝ้าคุณไว้ ไปเดทที่ไหนกับไอ้หมอนั่นอีกหรือเปล่า"
อีธานเอ่ยถาม สีหน้ากวนประสาท เชอแตมมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
"ไปสิ เพิ่งจะลองคบหาดูใจกัน ก็ต้องเจอกันบ่อย ๆ ซะหน่อย"
โกหกประชดคำโต จนอีธานถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหว ก็ปากเธอพูดอีกอย่างแต่ใจเธอกลับบอกความจริง
"หัวเราะอะไร" เชอแตมถามน้ำเสียงขัดใจ อีธานไม่ตอบแต่ยักไหล่ให้เธอแทน
"เรื่องเมื่อคืน..." เชอแตมตัดสินใจเอ่ยออกมา แม้ว่าจริง ๆ จะอายมากจนไม่อยากจะพูดถึง แต่การกระทำแบบนั้นของเขา มันทำให้เธอคาใจ เธอกัดปากตัวเองก่อนจะเอ่ยออกมา "คุณทำแบบนั้นทำไม"
เธอพูดรัวเร็วเสียจนคนตรงหน้าฟังเกือบฟังไม่ได้ศัพท์
"ที่ผมจูบคุณ...ซ้ำแล้วซ้ำเล่าน่ะเหรอ" อีธานถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม แววตาเปิดเผยแบบไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเขินอายอะไร แต่คนหน้าบางตรงหน้าเขาเลือดสูบฉีดเสียจนแก้มนวลค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ
"คุณทำแบบนั้นทำไม ทำเหมือนกับคุณกำลัง..."
"หึง" เขาต่อท้ายประโยคให้จบแทน แล้วเขาก็พูดได้หน้าตาเฉยเสียด้วย
"ใช่" เธอตอบเสียงเบา
"ก็หึงน่ะสิ จะอะไรอีก" อีธานพูดเรียบ ๆ ราวกับเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดาที่ไม่มีผลต่อคนฟังสักเท่าไหร่ หากแต่คนฟังกำลังตัวเกร็งตากะพริบปริบ ๆ ปากอ้าค้างสมองกำลังคิดว่าเมื่อสักครู่หูฝาดหรือเปล่า
"ทำไมตอบตรงเงี้ย แล้วฉันจะถามอะไรต่อล่ะ" เชอแตมคิด อีธานเดินเข้ามาใกล้เธอ เชอแตมยังค้างเติ่งไม่ขยับไปไหน สายตามองเขาเดินเข้ามาเรื่อย ๆ
อีธานหยุดยืนล้วงกระเป๋ากางเกงนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ ตัวเธอสูงเพียงหัวไหล่ของเขา แวมไพร์หนุ่มจึงก้มลงมองเธอด้วยแววตาอ่านยาก
"แล้วยังคิดจะนอกใจผมอีกหรือเปล่า" เขาถามน้ำเสียงคมดุ แต่แววตาอ่อนโยน
"แล้วเราเป็นอะไรกันตอนไหน" แม้ว่ายังอึ้งจนแทบทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็พอมีสติที่จะสนทนากับเขาได้
"อยากเป็นอะไรกับผมเหรอ" ประโยคนี้มันคลุมเครืออยู่ไม่น้อย เชอแตมกำลังคิดว่า คำถามของเขาหมายถึง เธออยากเป็นอะไรกับเขา ซึ่งอะไรที่ว่าคือ เป็นแฟน เป็นเพื่อนเหรอ หรือเขากำลังถามกวนประสาทเธอ
"คุณเคยบอกว่า...อย่ารักคุณเลย คุณรักใครไม่ได้หรอก โดยเฉพาะมนุษย์ วันนี้คุณจะมากลับคำพูดนั้นเหรอคะ" เชอแตมถาม เธอยังจำคำนี้ได้ขึ้นใจ
อีธานนิ่งไป ใช่ เขาเคยพูดแบบนี้ เพราะเขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า มนุษย์กับแวมไพร์รักกันได้ แต่มันมีอุปสรรคมากเหมือนกัน และในท้ายที่สุดคนที่เสียใจไม่ใช่เธอ แต่มันคือเขา ที่สำคัญยิ่งผู้หญิงคนนั้นคือเชอแตม กุญแจดอกเดียวของเหล่าแวมไพร์ เขายิ่งต้องหักห้ามใจจากเธอให้ได้
แต่ตอนนี้ ในเมื่อคนที่ต้องเสียใจในภายภาคหน้าคือเขาไม่ใช่เธอ ก็ช่างหัวมันสิ!
"คิดว่าผมไม่เคยพูดละกัน" อีธานบอกปัดง่าย ๆ จนเชอแตมผงกศีรษะ คิ้วขมวดยุ่ง ประหลาดใจ มันง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณต้องหลบหน้าฉันด้วย มีเหตุผลอะไร ที่ไม่อยากเจอฉัน"
อีธานยิ้มมุมปากอีก แววตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าเธอ แล้วเม้มยิ้มกว้างให้เธออย่างกวนประสาท
"คิดไม่ออกเหรอ ว่าทำไม...ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่อยากอยู่ในห้องของผู้หญิงที่เขารู้สึก...หึงหวง เวลาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น"
เชอแตมอยากมีนิสัยหน้าด้าน กล้าพูดแบบไม่อายปากให้ได้อย่างเขาสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี แต่นี่เธอกลับทำได้แค่ใจเต้นรัวเวลาเขาพูดอะไรที่ชวนสยิวขนาดนี้
"พอ ๆ" เชอแตมตะโกนทำลายสติที่กระเจิดกระเจิงของตัวเอง พร้อมกับถอยหลังให้ออกห่างจากเขาไปสามก้าว
"อีธาน คุณรู้ตัวไหมว่าที่คุณทำอยู่เนี่ย มันเหมือนกับกำลังบอกรักฉันอยู่นะ"
เชอแตมเข้าประเด็นหลัก เธอไม่อยากคิดเองเออเองจนต้องปวดประสาทอีกแล้ว
"ผมบอกคุณไปนานแล้วนะคำนั้น"
เชอแตมอ้าปากเหวอ เขาบอกว่ารักเธอไปแล้วเหรอ เขาบอกเมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมเธอจำไม่ได้ ไม่! เขาไม่ได้บอก เจ้าหล่อนเถียงโวยวายภายในใจตัวเอง
"ตะ..ตะ...ตอนไหน คุณไม่ได้บอกนะ ไม่เคยบอก" เธอเอ่ยน้ำเสียงกระวนกระวาย เธอรู้สึกเสียดายหากเขาบอกจริง ๆ แต่เธอไม่ได้ยิน เพราะความไม่แน่ใจกับหูตัวเองที่มักจะตึงไปชั่วคราวเวลาเขาเอ่ยอะไรที่ส่งผลต่อหัวใจเต้นแรงทุกที แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่มั่นใจว่าเขาไม่เคยเอ่ยออกมา
"ผมเคยพูด ว้า...น่าน้อยใจจริง ๆ ที่คุณไม่ได้ยิน อย่างว่านะ คุณมันหูตึงนี่ ผมพูดอะไรไม่เคยได้ยินสักที"
"อีธาน ฉันจำได้คุณไม่เคยบอก"
"เพราะผมเคยบอกไปแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมสามารถลงโทษคุณได้...เมื่อคืน"
"คุณ...สะตอเบอแหลมากเลยอีธาน" เธอก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเขาดี อีธานได้แต่ยิ้มยั่ว
อีธานยักไหล่ "แล้วแต่คุณจะคิด" เขาหันหลังให้แล้วเดินไปนั่งเล่นบนเตียงของเธอ ปล่อยให้เชอแตมแสดงสีหน้ากระวนกระวายอยู่เพียงลำพัง
"อีธาน" เธอเรียก พร้อมกับเดินเข้ามาจะหาเรื่องเขาเพื่อเอาความจริงให้ถึงที่สุด แต่เธอพลาดท่าเสียทีให้เขาดึงจนร่วงไปนั่งแหมะบนตักเขาแทน "อีธาน!" เสียงเรียกครั้งนี้จึงเจือด้วยน้ำเสียงตำหนิดุแบบตกใจ
อีธานกอดเอวเธอไว้ด้วยสองมือจนตัวเธอแนบชิดกับอกเขา เชอแตมสูงขึ้นมาได้เพราะนั่งอยู่บนตักเขา ใบหน้าของทั้งคู่เลยอยู่ตรงกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
"คิดจะคบกับหมอนั่นจริงเหรอ" เขาถามเปลี่ยนเรื่องเสีย เชอแตมนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบ
"ก็แค่คิด"
"คิดจริง"
"คิดเล่น ๆ"
เงียบไปอึดใจ เชอแตมเสมองไปทางอื่น ในขณะที่เขามองพวงแก้มเธออยู่
"ก็ดีที่ไม่คิดจริง"
"แล้วถ้าคิดจริง"
"ก็ลองดูสิ"
เพียงเท่านั้น เชอแตมก็เงียบกริบไม่แม้แต่จะกล้าคิดจริง จากประสบการณ์เมื่อคืนเธอก็พอจะรู้แล้วว่าเธอจะโดนอะไร
"แต่มันไม่แฟร์เลยนะ คุณทำเหมือนฉันเป็นของของคุณทั้งที่ฉันไม่เคยบอกคุณเลยว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณ"
"ผมไม่กล้าบังคับผู้หญิงที่ไม่สนใจผมหรอก"
เชอแตมหน้านิ่วคิ้วขมวด "แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันสนใจคุณ"
"คุณไม่ได้แค่สนใจ แต่คุณรักผม" เขาเอ่ยออกมาแบบหน้าด้าน ๆ อีกแล้ว
แต่ทำไมเธอต้องอมยิ้มด้วย มันก็ดีนะ ที่เขารู้ใจเธอโดยที่เธอไม่ต้องพูด มันทำให้เธอหลบซ่อนความอายได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน
"หน้าด้าน"
"ปากไม่ตรงกับใจ"
"ชอบคิดไปเอง"
"ปากแข็ง"
"คนบ้า"
"คนน่ารัก"
เชอแตมเงียบกริบเมื่อได้ยินวลีสุดท้ายของเขา เขาพูดหน้าตายแถมยังเลิกคิ้วเป็นคำถามให้เธออีกเมื่อเธอนิ่งมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ สีหน้าเชอแตมค่อย ๆ แดงระเรื่อจนอีธานสังเกตได้ เขาอมยิ้ม
แม้ว่าอีธานจะยังคงความหยิ่งผยองอยู่ในที แต่มันกลับหวานแหววในสายตาเธอมาก นี่คงเป็นสไตล์การจีบสาวของเขาสินะ มันน่ารักสิ้นดี
"มองนาน ๆ โดนจูบอีก ไม่รู้ด้วยนะ" เขายังทำให้เธออายม้วนเข้าไปอีก
เชอแตมยังนิ่งมองเขา แล้วค่อย ๆ เผยยิ้มออกมาเพราะรู้สึกหลากหลาย ทั้งอบอุ่น ทั้งอาย ทั้งหงุดหงิด ทั้งหมั่นไส้ และทั้งรัก จนอีธานแสดงแววตาฉงนออกมา
"ยิ้มอะไร" เขาถาม
"เปล่า" เธอปฏิเสธ แต่ปากยังยิ้ม อีธานไม่ถามต่อ เพราะรู้ว่าเธอแอบคิดอะไร เขากระชับกอดเธอแน่นขึ้นจนเชอแตมต้องเอนคอให้ห่างออกจากใบหน้าเขา
"ทำไมเท้าถึงเจ็บ" อีธานเปลี่ยนเรื่อง เขารู้แล้วว่าเธอวิ่งตามผู้ชายคนหนึ่งไป แต่เขาอยากฟังเรื่องราวจากปากเธอ
เชอแตมทำแก้มป่องก่อนตอบว่า "วิ่งตามผู้ชายคนหนึ่งน่ะค่ะ"
"ใคร"
"คนที่ฉันเคยบอกคุณไง เขาเป็นมนุษย์ที่เป็นศัตรูกับแวมไพร์"
อีธานเงียบไป แล้วเอ่ยต่อว่า "แล้ววิ่งตามเขาไปทำไม"
"ฉันอยากคุยกับเขา"
"คุยทำไม" อีธานซักเธอราวกับว่าเธอเป็นผู้ต้องหาส่วนเขาเป็นนายตำรวจยศหนักศักดิ์สูง
"เขาเป็นศัตรูกับแวมไพร์นะคุณ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นศัตรูกับแวมไพร์ อีกอย่างถ้าเขารู้จักแวมไพร์แบบนี้ แสดงว่าเขาอาจจะเคยเจอแวมไพร์มาแล้วหลายตัว บางทีเขาอาจจะรู้จักคุณแล้วตามล่าคุณอยู่ก็ได้นะ"
"ผมไม่เคยทำร้ายมนุษย์ดี ๆ ที่ไหน นอกจากแวมไพร์ด้วยกัน ผมไม่คิดว่าผมจะมีศัตรูเป็นมนุษย์หรอกนะ"
"อย่าประมาทไปเลยคุณ ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นไปทั้งเข่งเลยนะ แวมไพร์ตัวนึงทำให้คนคนนึงเกลียด เขาก็อาจจะพาลเกลียดทั้งหมดเลยก็ได้"
"ผมว่าคุณอยู่ให้นิ่งดีกว่า อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย"
เชอแตมเชิดหน้ามองเขา อีธานเห็นแค่แววตาก็รู้ได้โดยไม่ต้องอ่านใจเธอหรอกว่าเธอจะดื้อ
"คุณไม่รู้หรอกว่าที่ฉันทำอยู่น่ะเพราะอะไร"
อีธานแสดงท่าทางคล้ายปลงตก ทำไมเขาไม่รู้ เธอทำเพราะเธอห่วงเขา
"อะไรที่เกี่ยวกับแวมไพร์ มันอันตรายทั้งนั้น ดีไม่ดีมนุษย์คนนั้นอาจจะไม่พอใจจนทำร้ายคุณด้วยก็ได้ ถ้าเขารู้ว่าคุณเป็นพันธมิตรกับแวมไพร์"
"ห้ามฉันให้ได้สิ ฉันเดินไปไหนมาไหนกลางวันได้นะคุณ ไม่เหมือนคุณที่ต้องออกมาแค่ตอนกลางคืน คุณไล่จับฉันกลางวันไม่ได้หรอก"
เชอแตมเอ่ยแววตาท้าทายเขา เธอไม่ยอมปล่อยให้หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาผ่านไปง่าย ๆ หรอก เขาต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ ๆ และเธอต้องคุยกับเขาให้ได้
"ตามใจ" อีธานสวนกลับมา ทำเอาเชอแตมอ้าปากเหวอ เขายอมง่าย ๆ ได้ยังไงกัน มันน่าประหลาดนัก
"ทำไมยอมง่ายจัง" เธอถามเบา สีหน้างุนงง
อีธานแสดงสีหน้ารำคาญใส่เธอก่อนจะตอบกลับไปไม่ตรงคำถามว่า
"ลุกขึ้นได้ละ หนัก"
เชอแตมกัดฟันเม้มปากเบา หมั่นไส้แวมไพร์ตรงหน้า ก็ใครกันที่กระชากเธอลงมานั่งบนตัก พอตอนนี้ทำมาบ่น
เธอลุกขึ้นอย่างไวไม่รอให้เขาไล่ซ้ำสอง แล้วมายืนกอดอกมองหน้าเขาแววหาเรื่อง
อีธานมองสบตาเธอหน้าตาย เมื่อจ้องกันนาน ๆ เข้า เขาจึงเอ่ยถามเธอว่า
"มีอะไรอีก"
"ฉันยังไม่ลืมหรอกนะ คุณยังไม่บอกฉันเลยว่าคุณบอกรักฉันตอนไหน"
จบประโยคอีธานหัวเราะเบา ๆ ออกมาก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วหัวเราะนุ่ม ๆ อีกครั้ง เชอแตมกระชับกอดตัวเองหนักขึ้นพ่นลมหายใจหนัก ๆ เป็นเชิงไม่พอใจ มันใช่เรื่องที่เธอต้องมาทวงถามไหม แค่ถามมันก็ด้านพออยู่แล้ว เขายังมาทำท่าทางเหมือนตลกขบขันเธอเสียเต็มประดา แต่จะทำไงได้ เธออยากรู้จริง ๆ นี่ ไม่งั้นเธอคงนอนไม่หลับ
"หรือว่า คุณบอกตอนฉันหลับ" ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาถาม
"บอกตอนคุณตื่น แล้วคุณก็ได้ยินชัดเจนด้วย"
แวมไพร์หนุ่มผู้ครองหัวใจของเชอแตมเปลี่ยนสีหน้าจากเรียบนิ่งเคล้าอ่อนโยนเป็นใบหน้าดุเข้มราวกับเขากำลังเห็นสัตว์ร้ายอยู่ข้างหลังของเชอแตม
หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยแววประหลาดใจ และในทันทีทันใดเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้พลังแวมไพร์ดึงเธอให้มาซ้อนหลบเขาด้านหลัง เผยให้เห็นวินาทีที่ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
ออสการ์กำลังยืนยิ้มเยาะให้ทั้งคู่อยู่นั่นเอง
เชอแตมเบิกตาโต มันกล้ามากที่เข้ามาในห้องเธอทั้งที่มีอีธานอยู่ด้วย มันต้องการอะไรแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เชอแตมไม่รู้ว่าอีธานมีสีหน้าเป็นอย่างไร เพราะเธอมองไม่เห็น
ออสการ์มองตาอีธานแล้วกระตุกยิ้มมุมปากราวกับกำลังเยาะเย้ย มันตวัดสายตามามองเธอที่แง้มมองมันจากด้านหลังอีธาน สายตาแสดงแววเจ้าชู้ใส่ เชอแตมหลบวูบให้ตัวอีธานบังเธอเต็ม ๆ การสบตากับออสการ์มีแต่ทำให้จิตใจหดหู่
"นายกล้าเข้ามาทั้งที่ฉันอยู่ในห้องของเธอได้ยังไงกัน" น้ำเสียงอีธานไม่ได้บ่งบอกถึงความประหลาดใจ แต่มันบ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังดูถูกฝีมือของออสการ์ต่างหาก
ออสการ์กระตุกมุมปาก สีหน้าขึงขัง "เฝ้ากันถึงขนาดจะกลืนกินกันแบบนี้..." ออสการ์หยุดประโยคที่พูดด้วยวาจาออกมาแค่นั้น แต่เนื้อความหลังจากนั้นกลับพูดต่อในใจ "นี่น่ะหรือ ที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับสาวน้อยคนนี้"
กรามของอีธานขบกันจนนูนขึ้นมาเป็นสัน
"งั้นนายก็น่าจะรู้ว่าการแตะต้องของรักของหวงของแวมไพร์อย่างฉัน มันจะเป็นยังไง"
ใจของเชอแตมกระตุกเต้นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของอีธาน ของรักของหวงคืออะไรหรือ คือเธอหรือเปล่า
ออสการ์ค่อย ๆ แย้มยิ้มอย่างน่ารังเกียจ แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะเสียงดังลั่น จนเชอแตมต้องแง้มมามองมันอีกครั้ง เสียงหัวเราะของมันดังราวกับเป็นฝ่ายกำชัยชนะไปแล้ว
"น่ากลัวจริง ๆ เลยพ่อหนุ่มนักรัก..." ออสการ์พูดไม่จบก็คิดในใจให้อีธานได้อ่านอีก "นายกำลังทำให้เธอเดือดร้อนล่ะสิไม่ว่า นายกำลังเป็นรองฉันอยู่ นายน่าจะรู้ตัวนะ อีธาน"
"เข้ามาเพราะจุดประสงค์นี้ใช่มั้ย" อีธานถามกลับ ไม่สนใจความคิดของศัตรูที่ตั้งใจยั่วประสาทเขา
ออสการ์กระตุกยิ้มมุมปากให้เขา "เก่งนี่ แค่เข้ามาดูให้แน่ใจ ว่า..." เป็นอีกครั้งที่มันต่อคำกล่าวในใจ"จุดอ่อนของนายคือเธอแล้วแน่ ๆ"
เชอแตมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเปิดเครื่องเล่นวีดีโอ ที่แผ่นเป็นรอยจนทำให้เครื่องเล่นชักกระตุกติดขัด ทำไมออสการ์พูดอะไรไม่จบสักประโยค
อีธานมองตาออสการ์กลับไปด้วยโทสะที่ร้อนระอุ เขารู้ดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ ทำให้เธอเดือดร้อน แต่เขาถอยกลับไปไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ
เชอแตมกำลังรวบรวมสติสมาธิ เธอจะอยู่เฉยอย่างวันที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว เธอต้องพูดคุยเจรจากับออสการ์บ้าง ให้ได้รู้ว่ามันต้องการตัวเธอทำไม
เชอแตมเดินช้า ๆ ออกมาจากข้างหลังของอีธาน แล้วมายืนเทียบกับเขา อีธานหันไปมองเธอ เขาส่งสายตาดุแต่ไม่ทักท้วงห้ามปรามแต่อย่างใด
"คุณต้องการอะไรจากฉัน" เชอแตมเอ่ยถามออสการ์น้ำเสียงสั่น ๆ
ออสการ์ยิ้มหวานให้เธอ แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นยิ้มที่ร้ายกาจตั้งใจยั่วยวนให้สติหลุดมากกว่า
"เธอสวยดีนี่" ออสการ์เอ่ยออกมาให้เชอแตมได้ยิน ตั้งใจให้อีธานเกิดอารมณ์
คุกรุ่นเล่น ๆ ไม่เพียงแค่นั้นขณะที่สายตายังจับจ้องเธออยู่ มันก็แอบคิดในใจเพราะคาดว่าอีธานคงมองเห็น "จากที่สนใจแค่สิ่งพิเศษในตัวเธอ ตอนนี้ฉันเริ่มจะสนใจรูปร่างหน้าตาเธอซะแล้วสิ"
แม้ว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์สุมอยู่ในอก แต่อีธานแน่ใจว่าออสการ์ตั้งใจยั่วโมโหเขา เขาจะไม่หลงกลมันง่าย ๆ
เชอแตมถอนหายใจ เธอรู้แล้วว่าการพูดคุยกับคนที่กวนบาทาขั้นขีดสุดนี่เป็นยังไง ไม่เพียงแต่คำพูดเท่านั้น สีหน้าของออสการ์ยิ่งกว่านักเลงหัวไม้ที่นั่งกระดกน้ำเมาอยู่ริมทางเดินแล้วเอ่ยปากแซวพวกผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาเสียอีก
"คุณต้องการตัวฉันไปทำไม คุณบอกมาตามตรงเถอะ" เชอแตมคิดว่าการประนีประนอมมันดีกว่าสร้างสงครามเป็นไหน ๆ เธอเลยพูดกับออสการ์ด้วยคำที่สุภาพที่สุด
ออสการ์มองตาเธอก่อนตวัดไปมองอีธานด้วยแววเยาะ ๆ
"นี่นายยังไม่บอกเธอเหรอว่าฉันต้องการตัวเธอทำไม" มันถามเขา อีธานกัดฟันกรอด
เชอแตมจึงหันมามองอีธานด้วยแววตาเป็นคำถามด้วยเช่นกัน แต่เธอจะหักหน้าเขาต่อหน้าศัตรูแบบนี้ไม่ได้
"บอกมาดี ๆ ดีกว่า ถ้าสิ่งที่คุณต้องการ ฉันสามารถให้คุณได้ ฉันก็จะให้"
เชอแตมต่อรอง ออสการ์หัวเราะเสียงดังราวกับเป็นเรื่องตลกนักหนา
"แน่ใจเหรอว่าให้ได้" ออสการ์ถามนิ่ง หลังจากหยุดหัวเราะแล้ว มันหันไป มองอีธานที่ยืนนิ่งเงียบราวกับน้ำทะเลที่รอสาดคลื่นลูกใหญ่กระทบฝั่ง เขาไม่ตอบโต้อะไรกลับไป
"เลือดเหรอ คุณต้องการเลือด ใช่หรือเปล่า" เชอแตมคาดเดาไปเอง และได้รับเสียงหัวเราะกลับมาเป็นคำตอบ
"ฮ่า ๆ ๆ มันมากกว่านั้นอีกแม่สาวน้อย"
เชอแตมนิ่งเงียบ คาดเดาต่าง ๆ นานาภายในใจ แต่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลสักอย่าง
"แต่นอกจากสิ่งสำคัญจากตัวเธอแล้ว ฉันเพิ่งอยากได้บางอย่างของเธอขึ้นมาด้วยสิ" ออสการ์เอ่ย สายตามองโหดไปยังอีธาน "เพิ่งต้องการขึ้นมาเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง" และมันคิดในใจให้อีธานอ่าน
"พรหมจรรย์ของเธอ ฉันอยากได้มันจังว่ะ เพื่อน" ออสการ์แสยะยิ้มเหี้ยมให้เขา อีธานกำมือแน่นจนเส้นเลือดนูนโป่งออกมาแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
"และฉันจะต้องได้มาก่อนนาย" ออสการ์เสริมต่อจากประโยคในใจ แล้วก็หัวเราะเสียงดังจนคนฟังอยากซัดด้วยหมัดรัว ๆ แถมเตะอีกสักพันครั้งให้กระเด็นไปอยู่นอกโลกซะ
เชอแตมไม่เข้าใจสิ่งที่ออสการ์พูด มีเพียงแวมไพร์หนุ่มทั้งสองเท่านั้นที่เข้าใจกันดี เธอได้แต่มองเจ้าของหัวใจเธอกับศัตรูสลับไปมา แวบหนึ่งเจ้าหล่อนรู้สึกเสียดายความหล่อเหลาราวกับพระเอกหนังฮอลลีวู้ดของแวมไพร์ใจโหดคนนี้เสียจริง ถ้านิสัย ออสการ์เหมือนอีธาน เธอไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเธอจะมั่นคงกับอีธานเพียงคนเดียวหรือเปล่า แต่โชคดีที่มันไม่เหมือนอีธาน ต่อให้หล่อสักแค่ไหน ก็ไม่แม้แต่จะได้สักเศษหนึ่งส่วนล้านล้านล้านจากเธอ
"ฉันว่า ฉันไปก่อนดีกว่า..." ออสการ์เอ่ยออกมาคล้ายจะลา "นายกับเมียในอนาคตของฉันจะได้สวีทกันต่อ" ออสการ์เสริมในใจ และไม่จบเพียงแค่นั้นเมื่อเห็นอีธานแสดงแววตามาดร้ายมาให้ "ฉันรู้ สุภาพบุรุษอย่างนาย คงไม่ทำลายพรหมจรรย์ของเธอไปก่อนฉันหรอกใช่มั้ย"
จบประโยคในมโนความคิด ออสการ์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง มันสร้างความตลกขบขันให้เชอแตมไม่น้อย เพราะออสการ์กำลังบอกลา แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา เธอแอบคิดว่าแวมไพร์ตัวนี้ควรได้รับการรักษาทางจิตใจ
แต่อีธานรู้ดีว่ามันหัวเราะทำไม
ออสการ์หันหลังให้คนทั้งคู่ที่กำลังมองด้วยสายตาเป็นกังวล แต่มันก็หันหน้ากลับมาอีกครั้งแล้วทิ้งท้ายคำพูดที่ทำให้อีธานกระตุกใจ
"นายคนเดียว ดูแลมนุษย์ไม่ได้ทุกคนหรอก อีธาน"
พูดจบมันก็แสยะยิ้มเหี้ยมให้เขาจนเห็นฟันขาวจั๊วะ แล้วหันหลังหายตัวจากไป
เชอแตมได้ยินคำนั้นเช่นกัน และเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ความหมายของมัน
หนึ่งแวมไพร์หนุ่มกับหนึ่งมนุษย์สาวมองหน้ากัน อีธานรู้ว่าเธอรู้โดยการอ่านใจ แต่เธอก็รู้ว่าเขารู้โดยการสังเกตสีหน้า
