บทที่ 14 แล้วเราก็เจอกันอีกจนได้ 2
กรุ๊ปหรือกรรณวิทย์นักศึกษาหนุ่มคณะนิเทศศาสตร์เผยยิ้มดีใจจนปิดไม่มิดให้เชอแตม ป๊อบคอร์นมาบอกกับเขาเพียงแค่ว่าตอนนี้เชอแตมกำลังอกหัก เพราะหนุ่มนักศึกษาปีเดียวกันคนหนึ่งที่เธอเผลอซุ่มซ่ามไปทำปากกาเปื้อนเสื้อจนต้องวุ่นวายหาซื้อเสื้อมาคืนให้ แต่ความสัมพันธ์กลับทำให้ทั้งคู่เกิดความสนิทสนมกันมากขึ้นจนเชอแตมมีอาการเซื่องซึมลงไปแบบกะทันหัน
เขาได้ฟังเพียงแค่นั้นก็รีบใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ หากจะพูดตามตรงเขายอมรับว่ายังมีใจและเป็นห่วงเธอเสมอมา ที่เขาต้องห่างเพราะทนเห็นสีหน้าแสดงความรำคาญของเชอแตมไม่ไหว
ดูแนวโน้มวันนี้เขาพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้างในอนาคต
เชอแตมรู้ดีว่าการชวนชายหนุ่มไปดูหนังกันตอนกลางคืนนี่มันเหมือนการไปให้ท่าเขาชัด ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอรู้สึกเจ็บปวดทรมานกับการอยู่ห้องคนเดียวในตอนเที่ยงคืน โดยที่ไม่สามารถออกไปเดินเล่นได้ดังใจปรารถนาอีกแล้ว เพราะทิฐิที่เกาะกินใจกับคำพูดของแวมไพร์หนุ่มที่ไร้เยื่อใย เธอจำเป็นต้องทำอะไรซักอย่างให้หัวใจตัวเองพอจะกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง
หากแต่คืนต่อไป เธอจะทำกิจกรรมอะไรอีกดีล่ะ ครั้นจะชวนกรรณวิทย์ไปดูหนังอีก มันก็คงทำให้เขาเข้าใจผิดไปกันใหญ่ว่าเธอมีใจให้เขาเต็มร้อยแล้ว ทั้งที่จริงมันก็แค่ไม่อยากอยู่ห้องตอนเที่ยงคืน
"แน่ใจเหรอแตมว่าเอารอบนี้" กรรณวิทย์ถามเชอแตมด้วยแววตาประหลาดใจ เชอแตมพยักหน้าให้แบบจริงจังพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ
"จบเที่ยงคืนเลยนะ" กรรณวิทย์ย้ำอีกครั้ง เชอแตมก็พยักหน้าให้อีกครั้งด้วยความไม่ลังเล
กรรณวิทย์มองรอบฉายภาพยนตร์บนโชว์ไทม์แล้วอดเสียดายไม่ได้ที่มันไม่ใช่แนวภาพยนตร์ที่เขาตั้งความหวังไว้
เชอแตมช่างเป็นผู้หญิงที่เอาใจยาก แต่น่าค้นหาไปในตัว นี่คงจะเป็นเสน่ห์ของเธอที่ทำให้เขายังติดตรึง
"พี่กรุ๊ปดูได้แน่นะคะ" เชอแตมถามย้ำเรื่องภาพยนตร์ที่กำลังจะซื้อตั๋ว
"ครับ" แม้ใจจริงไม่อยากดูแต่เขาไม่อยากขัดใจหญิงสาวในครั้งแรกที่เธอเริ่มจะเปิดใจให้เขา
"แวมไพร์หวีดสยองสองใบค่ะ" เชอแตมเอ่ยบอกพนักงานจำหน่ายตั๋ว
กรรณวิทย์ได้แต่อมพะนำกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดึก ๆ สี่ทุ่มกว่าแบบนี้ มากับคนที่กำลังเดทกันแบบนี้ มันต้องหนังรักโรแมนติกให้พอมีอารมณ์สวีทกันสิ แล้วแวมไพร์หวีดสยองมันจะมีช่วงไหนให้ได้สวีทกันหรือ และที่แย่ยิ่งกว่านั้น กรรณวิทย์เป็นคนกลัวผี
ภาพยนตร์จบลงโดยที่กรรณวิทย์หลับตาตลอดเกือบทั้งเรื่อง ถึงแม้จะเป็นแวมไพร์ไม่ใช่ผีไทยที่มาแบบทำให้คนดูตกใจได้ทุกครั้ง แต่มันก็มีช่วงที่น่าหวาดเสียวจนทำใจดูไม่ได้เหมือนกัน ผิดกับหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ แม้จะมีกลัว ๆ บ้างแต่ยังเบิกตากว้างดูอย่างใจกล้า
เอาเป็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบดูหนังผี หนังสยองขวัญก็แล้วกัน แต่เพื่อเชอแตมเขาจะพยายามทำให้ชิน
รถมอเตอร์ไซด์ของกรรณวิทย์เบรคจอดเบา ๆ ตรงหน้าหอพักของเชอแตมในเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที หญิงสาวลงจากรถแล้วมายืนข้าง ๆ ชายหนุ่ม พร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคคืนให้
"ขอบคุณนะคะที่ดูหนังเป็นเพื่อนแตม" เชอแตมยิ้มให้เขาจากใจ
"พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณแตม ที่...ยอมเปิดใจให้พี่บ้าง" ชายหนุ่มเอ่ยออกอาการเกร็งเล็กน้อย เชอแตมยังรู้สึกเอื่อย ๆ สมองยังคิดอะไรไม่ออก เธอเลยไม่เอ่ยปฏิเสธใด ๆ แม้ว่าใจจริงแล้วยังไม่พร้อมรับเขาเข้ามา
"หรือว่าลองคบดูก่อน" เชอแตมคิดเล่น ๆ กับตัวเอง เพราะความรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดจนคิดอะไรไม่ออก บอกความรู้สึกไม่ถูก
"แตมขึ้นห้องก่อนนะคะ ดึกมากแล้ว พี่กรุ๊ปจะได้กลับบ้าน"
กรรณวิทย์ยิ้มให้ เขายังนั่งนิ่งบนมอเตอไซด์เพื่อคอยให้เธอขึ้นห้องให้เรียบร้อยแล้วเขาจึงจะกลับ แต่เขากลับตวัดขาตัวเองออกมาจากมอเตอไซด์แล้วเดินไปหาเชอแตมที่กำลังเดินกะเผลก ๆ เพราะบาดแผลที่เท้า
"พี่อุ้มขึ้นไปดีกว่า" เขาไม่พูดเปล่ายังถือวิสาสะช้อนร่างของหญิงสาวแล้วพาขึ้นบันไดไปส่งถึงห้อง
เชอแตมพยายามคัดค้านแต่เขากลับไม่ฟัง แต่เธอก็ไม่ดีดดิ้นรุนแรงเพราะเขาไม่ได้หยาบคายกับเธอ
"ลิฟต์ก็ไม่มี อยู่ถึงชั้นบนสุด ถ้าเดินมาเองมีหวังแผลบวมเป่งหายช้ากว่าเดิมแน่ ๆ"
กรรณวิทย์เอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงเป็นใยขณะวางเธอลงหน้าประตูห้อง โชคดีที่เวลานี้คนในหอพักหลับกันไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครเห็นว่ามีผู้ชายพาเธอมาส่งถึงห้องแบบนี้ แม้แต่ลุงยามที่มักเผลอหลับไปทุกทีจนไม่เคยรู้เรื่องราวอะไรเลย
"ขอบคุณอีกครั้งค่ะ" เชอแตมเอ่ย สีหน้าเหนื่อยล้าเต็มที
กรรณวิทย์ยิ้มให้ "งั้นพี่กลับก่อนนะ"
เชอแตมพยักหน้าให้เขาเบา ๆ แล้วไขกุญแจเข้าห้องหลังจากที่เขาเดินลงบันไดกลับไปแล้ว
ทั้งที่มีคนคอยเอาอกเอาใจขนาดนี้ คอยประเคนแทบทุกอย่างที่เธออยากได้ให้ขนาดนี้ ทำไมใจของเธอถึงยังคิดถึงแต่ใบหน้าของอีธานตลอดเวลา เขาไม่หายไปไหนเสียที
เชอแตมถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความโมโหตัวเอง กี่คืนแล้วที่เขาไม่มาหา เขาไม่ได้คิดอะไรหรือรู้สึกอะไรกับเธอ มีแต่เธอที่คิดบ้าบออยู่ฝ่ายเดียว เชอแตมอยากออกไปยืนที่ระเบียงแล้วกรีดร้องดัง ๆ หากไม่เกรงใจว่าคนทั้งหอพักจะตื่นมาตระหนกตกใจคิดว่าเป็นเสียงผีหรือเสียงหมาหอนที่ไหน
เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดประตูตู้แล้วหยิบผ้าขนหนูหันหลังจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ แต่ในทันทีที่หันหลังมา
โครม!
"อุ๊บส์!" แผ่นหลังของเธอถูกใครบางคนผลักไปชนเข้ากับตู้เสื้อผ้าอย่างจัง จนไม่รู้ว่ากระดูกกระเดี้ยวจะหักหรือเปล่า และที่น่าตกใจกว่านั้นเธอกำลังถูกเขาปิดปากด้วยปาก!
เชอแตมไม่ทันตั้งตัวได้ด้วยซ้ำ สมองยังเบลออยู่จนประมวลผลได้ช้ามาก กว่าจะรู้ว่าตัวเองถูกจูบก็กินเวลาเกือบห้าวินาที
และมันคือจูบ! ไม่ใช่แตะอย่างที่เธอเคยทำกับอีธาน และอีธานเคยทำกับเธอก่อนหน้านี้
แล้วใครจูบเธอ!
เชอแตมแทบมองไม่เห็นใบหน้าของผู้บุกรุกเพราะเขาผลักเธอตรึงไว้แนบสนิทกับประตูตู้เสื้อผ้า แถมยังจูบบดขยี้แบบไม่ปล่อยให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอด หญิงสาวก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับจูบที่รุนแรงขนาดนี้ เธอพยายามขยับร่างกายเพื่อดิ้นให้หลุดจากการรุกรานของเขา แต่มันกลับขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เขาไปบ้าดีเดือดมาจากไหน แวมไพร์ที่เคยลั่นวาจาว่าไม่อยากเข้ามาหาเธอ
อีธาน!
มือเล็กที่วางแหมะลงบนหน้าอกเขาพยายามออกแรงผลักด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี เธออยากให้ริมฝีปากตัวเองหลุดออกมาให้ได้ก่อนเพื่อจะได้บอกเขาเป็นคำแรกว่า เธอหายใจไม่ออก
ยิ่งไปกว่านั้นน้ำหนักทั้งของเขาและเธอก็กดลงไปที่ขา ส่งผลให้เท้าที่กำลังบาดเจ็บของเธอรับน้ำหนักจนรู้สึกเจ็บแบบสุด ๆ แต่เธอกลับไม่สามารถร้องบอกเขาได้เลยว่าเธอเจ็บตรงนั้น เชอแตมได้แต่ร้องโอดโอยในใจ
อีธานผละออกมาเพียงนิดให้ปากเธอเป็นอิสระ ก่อนจ้องมองตาเธอใกล้ชิดด้วยแววตาวาวโรจน์ดุจพญามัจจุราชกำลังจะมาเอาชีวิตคน
"สำหรับความใจง่ายที่ไปซ้อนมอ'ไซด์ไอ้หมอนั่น!"
จบประโยคเขาก็กระชากเธอออกมาจากประตูตู้เสื้อผ้าดึงเอวมารัดพร้อมกับก้มลงจูบบดขยี้เธออีกครั้งแบบไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ประท้วงอะไรเลย เชอแตมเบิกตากว้าง เธอดิ้นพล่านราวกับคนกำลังถูกเชือด และไม่คิดว่าเขาจะจูบเธออีกซ้ำสอง เท้าเธอก็เจ็บจี๊ดจนต่อมรับความรู้สึกเจ็บปวดของเธอทำงานแปรปรวนไปหมด
"สำหรับความใจง่ายที่ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นอุ้มขึ้นมาส่งถึงห้อง!"
อีธานตะคอกใส่หน้าเมื่อผละออกมาอีกครั้งและยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ปากเธอ น้ำเสียงทุ้มดุด้วยโทสะเดือดปุด ๆ เชอแตมใช้โอกาสนี้กอบโกยอากาศเข้าปอดก่อนที่เขาจะรุกซ้ำลงมาประกบปากเธอเป็นครั้งที่สาม ทั้งยังดันและผลักเธอให้ล้มลงไปบนที่นอนแบบเอาแต่ใจ ตามด้วยตัวเขาที่ทาบทับลงมา
"ไอ้แวมไพร์บ้า! เป็นบ้าอะไรเนี่ย"
ในเมื่อปากด่าไม่ได้ ความคิดของเธอเลยทำงานแทน ยังโชคดีที่เท้าของเธอไม่รับน้ำหนักอีกแล้ว หากแต่ร่างกายเธอกลับต้องมารับน้ำหนักของร่างกายเขาแทน เธอกำลังถูกเขาจูบเร่าร้อนจนร่างกายแทบจะลุกเป็นไฟ มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มเลยแม้แต่น้อย มันเป็นจูบลงโทษและปลุกความกลัวในจิตใจออกมามากกว่า ทว่ามันยังซุกซ่อนเศษเสี้ยวของความดีใจเอาไว้ด้วย
เชอแตมไร้เรี่ยวแรงแม้จะดิ้นหนี เขาทำให้เธอหมดแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"และนี่สำหรับการคิดจะนอกใจผม!"
อีธานเค้นน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาหลังจากถอนจุมพิตเธอในครั้งที่สาม เชอแตมอ้าปากหอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในใจนึกประชดประชันว่าเขาจะก้มลงมาจูบเธออีกไหม หากเขาทำอีกครั้งพรุ่งนี้ป๊อบคอร์นอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเธอแบบที่ยังหายใจได้อีกแล้ว อีธานตรึงสายตาเธอไว้ด้วยดวงตาเหี้ยม จนเธอละสายตาไปที่อื่นไม่ได้ เธออยากตะคอกกลับเขาบ้างแต่เรี่ยวแรงมันไม่ตอบสนองด้วยเลย
"คุณ..." พูดได้หนึ่งคำปากก็ต้องสูดเอาอากาศเข้ามาในปอดแบบถี่ ๆ "เป็นบ้าอะไร"
อีธานกัดฟันแน่น "ใจง่าย!" เขาผรุสวาทเธอแบบไร้การคิดทบทวน ไม่ฟังคำแก้ตัวใด ๆ
เชอแตมตื่นตะลึงแปลกใจกับคำพูดของเขา เขาทั้งนั้นที่รังแกเธอ เท่านั้นไม่พอยังส่งสายตาคาดโทษมาให้เธออีก ตกลงนี่เธอคือคนผิดทั้งหมดงั้นหรือ ผิดที่โดนเขาจูบ ผิดที่กรรณวิทย์มาส่งที่ห้อง
"อะไรของคุณ! ด่าฉันทำไม" เชอแตมรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือตวาดเขากลับไป ดวงตาร้อนฉ่าด้วยอารมณ์ที่ถูกไฟโทสะครอบงำ
อีธานเห็นความคิดนั้นของกรรณวิทย์ ความคิดที่ทำให้เขาเดือดพล่านได้ขนาดนี้
"ชวนพี่เข้าห้องสิแตม"
เขาเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนเข้ามาในห้องเธอได้ ยกเว้นเขา!
"ไว้ใจมันเข้าไปสิ เกือบจะโดนรวบหัวรวบหางแล้วไม่ว่า" อีธานยังส่งเสียงสบประมาทมาให้เธอไม่ขาดสาย
หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างเขาก็นอนหอบหายใจพะงาบ ๆ ไม่หยุด ความรู้สึกเหนื่อยจากที่ต้องทรมานจิตใจเพราะคิดถึงเขาทุกคืน เหนื่อยเพราะอาการบาดเจ็บที่เท้า เหนื่อยเพราะคิดมากเรื่องกรรณวิทย์ เหนื่อยเพราะโดนเขาจูบไม่ยั้งจนริมฝีปากอิ่มช้ำระบมไปหมด แล้วยังมาเหนื่อยกับอารมณ์ขึ้นลงแบบไม่รู้ทิศทางของเขาที่มีต่อเธออีก
"คุณต้องการอะไรกันแน่อีธาน ไหนไปแล้วทำไมไม่ไปให้ลับล่ะ คุณเข้ามาหาฉันอีกทำไม"
ตะโกนออกไปก็ยิ่งเพิ่มความเหนื่อยให้ตัวเอง แต่เธอจำเป็นต้องพูด
เธอจะให้เขาไปลับได้อย่างไร ในเมื่อทุกคืนเขายังวนเวียนอยู่แถวห้องเธอตลอด ไม่เคยไปไหนไกล เพียงแค่ไม่ย่างกรายเข้ามา เขามั่นใจว่าตัวเองจะทำใจได้แล้วเชียว ทำใจให้มองเธอแค่นอกห้อง ดูแลเธอเพียงแค่ใช้สายตา เก็บเธอไว้เป็นแค่บุคคลที่ควรระลึกถึงในอนาคตโดยไม่สานสัมพันธ์ให้มากเกินใจจะเจ็บปวดจนถอนตัวไม่ขึ้นในอนาคต อีธานนึกเจ็บใจไอ้หมอนั่น ถ้ากรรณวิทย์ไม่เข้ามา ทุกอย่างคงราบรื่นสำหรับเขา อีธานกระตุกมุมปากด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
เขาแทบอยากจะเข้ามากระชากร่างเธอแล้วพาหนีขึ้นห้องมาทางระเบียงตั้งแต่ที่เธอคิดว่าจะลองคบกับผู้ชายคนนั้น เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเอง ไม่ยอมแน่!
ยิ่งตอนที่เธอถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นมาส่งถึงห้อง ไฟในใจตัวเองแทบเผาร่างเขาให้กลายเป็นผุยผง เขาอยากจะไปตามล่าผู้ชายคนนั้นแล้วตะโกนใส่หน้ามันว่า เธอเป็นผู้หญิงของเขา!
"อยากให้ผมไปไกล ๆ จากชีวิตคุณมากนักเหรอ" เขาถามน้ำเสียงเย็นชา ดวงตายังคงแผลงฤทธิ์ดุจซาตาน เชอแตมแทบจะกลั้นใจตายเพราะความอัดอั้นตันใจ เขาต่างหากที่ต้องการแบบนั้น ไม่ใช่เธอ
"ใช่!"
แต่เธอเลือกที่จะตะโกนกลับไปแบบตรงกันข้ามกับความคิด เพราะความรู้สึกที่เหนื่อยเต็มที เธออยากให้มันจบเสียที เธอแทบไม่มีแรงจะต่อกรกับเขา "ไปให้พ้น ไม่ต้องมาดูแล ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมาสนใจ ฉันจะเป็นจะตายก็ช่างฉัน ออสการ์ก็..."
ไม่จบ เธอพูดไม่จบเขาก็โน้มลงมาดูดกลืนคำพูดของเธอด้วยริมฝีปากของเขาอีกครั้ง และยังคงไม่นุ่มนวลอีกเช่นเคย
"ไม่หรอก คุณไม่มีวันแม้แต่จะได้ลองคบกับหมอนั่นหรอก" อีธานยังคงน้ำเสียงดุดัน
เชอแตมหายใจหอบ ความไม่เข้าใจฉายชัดในแววตา
"มีสิทธิ์อะไร" เชอแตมถามเย็นชากลับไปบ้าง
"คุณก็รู้ดีว่าใครเป็นเจ้าของหัวใจคุณ" คำพูดเขาแทบจะทำให้เธอกระอัก มันรู้สึกเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไง "คุณคิดถึงผมตลอดเวลา"
เขาก้มลงมาจูบเธออีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันนุ่มนวลหอมหวาน ดุจดั่งได้ลิ้มรสชาติน้ำหวานอันอ่อนโยนจากเกสรดอกไม้แดนสรวง นำพาให้เคลิบเคลิ้มจนต้องหลับตาพริ้มรับจูบเขา แล้วแต่ว่าเขาจะพาเธอโบยบินไปไหน
"และนี่สำหรับคุณ ที่ทำให้ผมคิดถึงจนคลั่งขนาดนี้"
เขากระซิบเบา ๆ ในใจขณะที่ยังไม่ถอนริมฝีปากหยักได้รูปนั้นออกจากริมฝีปากอิ่มเต็มของเธอ
แสงแดดนวลส่องลอดประตูระเบียงที่แง้มเอาไว้นิดหน่อยเข้ามาในห้องของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง เธอหรี่ตาเพราะไออุ่นจากแสงไล้เปลือกตาให้รู้สึกตัวตื่น สีหน้าเจ้าหล่อนยับยุ่งยังไม่มีแรงจะลุก
เมื่อปรับตัวให้ตื่นได้ประมาณหนึ่ง สาวเจ้าก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกปวดระบมไปหมดทั้งร่าง เรื่องราวเมื่อคืนค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในมโนสำนึก
เธอโดนอีธานกระหน่ำจูบไปหลายรอบจนรู้สึกราวกับเหน็บกินที่ริมฝีปาก เชอแตมยกมือขึ้นแตะมัน แล้วถอนหายใจเบาเพราะรู้สึกได้ว่ายังบวมเป่ง หญิงสาวก้มลงสำรวจเรือนร่างตัวเองแล้วพบว่า ยังสวมชุดนักศึกษาอยู่ ปากเธออ้าเหวอ ระลึกได้ว่าเธอต้องเหนื่อยจนหลับไปกับจูบครั้งสุดท้ายของอีธานเป็นแน่ แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนอนหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ
แล้วเขาก็ปล่อยให้เธอหลับจนเช้าแบบนี้
เชอแตมค่อย ๆ ลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูโดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเอง
เธอมาสะกิดใจได้ก็ตอนที่อาบน้ำเสร็จแล้วและยืนนิ่งมองโน้ตแผ่นหนึ่งบนโต๊ะอ่านหนังสือ
'คืนนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน' โน้ตจากอีธาน เชอแตมไม่ได้ยิ้มแย้มหรือแสดงความรู้สึกดีใจอะไรออกมา เธอรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว จุดประสงค์ของโน้ตแผ่นนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่า เขาแค่ไม่อยากให้เธอไปไหนตอนเที่ยงคืน อยากให้เธอกลับมาอยู่ที่ห้อง เพื่อที่เขาจะได้ดูแลได้สะดวก มันก็แค่นั้น
แต่ที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้นคือ เท้าที่บาดเจ็บต้องรับน้ำหนักจากการกระทำของอีธานที่ผลักร่างเธอไปมา กระชากไปกระชากมาจนเธอคิดว่ามันน่าจะบวมช้ำมากกว่าเดิม ตอนนี้มันกลับหายเป็นปกติ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดแผล
มันหายได้ยังไง?
เชอแตมไม่มีมีเวลามาหาคำตอบเพราะต้องรีบไปเรียน พอก้าวเข้ามาถึงมหาวิทยาลัยปุ๊บ คุณเพื่อนรักผู้หวังดียิ่งของเธอก็เข้ามาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กระโดดโลดเต้นดีใจราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง
"เป็นไงแก เมื่อคืนสนุกมั้ย" ป๊อบคอร์นถามสีหน้าเบิกบาน ส่งรอยยิ้มกวน ๆ ให้เพื่อนรัก
"สนุกกับผีแกสิ" เชอแตมบ่นอุบในใจ เมื่อนึกถึงสงครามระหว่างเธอกับอีธานเมื่อคืน
"อะไรสนุก" เชอแตมถามสั้น สีหน้าไร้อารมณ์สุนทรีย์
"อ้าว ก็แกไปดูหนังกับพี่กรุ๊ปมาไม่ใช่เหรอ แหม แกเอ่ยชวนเขาเองเลยนะ นี่แสดงว่าอยากตัดใจจากไอ้หมอนั่นจริง ๆ ใช่มะ แกยอมเปิดใจให้พี่เขาแล้วล่ะสิ"
ป๊อบคอร์นพูดเองเออเองทุกอย่าง เชอแตมหรี่ตาสงสัยกับคำว่าตัดใจจากไอ้หมอนั่นของป๊อบคอร์น เจ้าหล่อนหมายถึงใคร คงไม่ได้หมายถึงอีธานหรอกนะ
"ไอ้หมอนั่น ใครกัน" เชอแตมถาม
ป๊อบคอร์นถอนหายใจ เปลี่ยนสีหน้าเป็นสงสารเชอแตมทันใด เธอเอามือมาตบไหล่เพื่อนเบา ๆ
"นี่แก ถึงแกไม่บอก ฉันก็รู้นะ ว่าแกน่ะ ต้องมีใจให้ไอ้หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นแน่ ๆ เขาทำให้แกอกหักใช่มะ..." เชอแตมอ้าปากจะเถียง แต่ป๊อบคอร์นยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามพูด "ไม่ต้อง แกไม่ต้องปฏิเสธให้เหนื่อยหรอก ฉันรู้ ๆ มันคงน่าอายที่จะยอมรับความจริง ฉันเข้าใจ"
เชอแตมได้แต่อ้าปากเหวอ ถึงตอนนี้เธอจะเถียงอะไรได้อีกล่ะ ในเมื่อเพื่อนรักของเธอปักใจเชื่อขนาดนี้แล้ว
"เอ๊ะ! ปากแกดูแปลก ๆ นะ" คุยกันไปพักหนึ่ง ป๊อบคอร์นก็รู้สึกตงิด ๆ กับริมฝีปากของเพื่อนสาว เชอแตมรีบเอามือมากุมปากตัวเองไว้ สีหน้าตระหนก พยายามส่งสายตาบอกให้เพื่อนรู้ว่า ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย
"มันบวม ๆ นิด ๆ อ่ะแก ดูแดง ๆ ช้ำ ๆ ไงไม่รู้ นี่แกไปโดนอะไรมา" ป๊อบคอร์นแจงรายละเอียดจากการสังเกต สมองครุ่นคิด
"ไม่โดนอะไรนี่ มันก็ปกตินะแก ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย"
เชอแตมสะดุ้งตัวโหยงเมื่อ ป๊อบคอร์นสะดุ้งขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้าตื่นตะลึงตาโตราวกับเห็นผี เพื่อนรักแปดหลอดของเธอชี้หน้าเธอ พร้อมกับส่งแววตาที่ตกใจผสมผสานเย้าแหย่มาให้
"ฉันรู้แล้ว" ป๊อบคอร์นตะโกนก้อง กำสองมือขึ้นมาแตะปากตัวเองแสดงอาการเขินอาย เชอแตมพอจะเดาได้ว่าเพื่อนรักจะพูดอะไร "แก แกจูบกับพี่กรุ๊ปมาเหรอ
เชอแตมปากอ้าเหวอส่ายหน้าปฏิเสธไปมา กำลังจะเถียงออกมาเป็นคำพูด แต่เจ้าเพื่อนรักก็ดันเดินถอยหลังแล้วหันหน้าวิ่งหนี พร้อมกับตะโกนก้องพอให้เสียงเล็ดลอดออกมาแบบที่คนรอบ ๆ สามารถได้ยินแบบไม่ค่อยถนัดนัก
"อิเชอ กำลังจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาแล้วค่า" เสียงเพื่อนรักแปดหลอดประกาศ แม้ไม่ก้องกังวานแต่มันก็ทำให้เชอแตมอับอายได้ เธอวิ่งตามเพื่อนรักไป แล้วก็ต้องหยุดกึกชี้มือชี้ไม้เป็นคำเตือนให้ป๊อบคอร์นที่กำลังหันหลังมามองเธอดูไปข้างหน้า เพราะเจ้าหล่อนกึ่งวิ่งกึ่งเดินไม่ระวังจนกำลังจะชนเข้ากับผู้ชายที่เดินมาทางเธอ
ตึก!
การเตือนของเชอแตมไม่ทันเสียแล้ว เพราะเพื่อนรักแปดหลอดของเธอล้มตึงลงไปบนพื้นซีเมนต์เรียบร้อย และที่ทำให้เชอแตมตกใจมากกว่าการล้มลงไปของเพื่อนรักคือ สิ่งมีชีวิตที่ป๊อบคอร์นวิ่งไปชน
เขาคือ ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้น!
เชอแตมรีบวิ่งเข้ามาประคองเพื่อนรัก ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และหลังจากนั้นเธอก็ไม่สนใจเพื่อนรักอีกเลย เธอโหยหาเวลานี้มานานแสนนาน พยายามถึงขนาดตัวเองต้องสะดุดก้อนหินล้มลงจนเกิดแผลให้ต้องเดินกะเผลกเป็นวัน ๆ เธอจะปล่อยให้ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาผ่านไปง่าย ๆ ไม่ได้อีกแล้ว
เธอมัวแต่มองชายหนุ่มจนไม่สังเกตเลยว่า ทั้งเพื่อนรักแปดหลอดของเธอ และชายหนุ่มตรงหน้ามีสายตาที่แปลกประหลาดต่อกัน ทั้งคู่ทำราวกับว่าเชอแตมไม่ได้อยู่ตรงนี้
"คุณ!"
เสียงเชอแตมเอ่ยขึ้น ทำให้ป๊อบคอร์นต้องหันมามองเธอ แล้วหรี่ตาสงสัยกับคำทักทายราวกับว่าเพื่อนรักรู้จักผู้ชายหน้าหยกคนนี้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองหญิงสาวทั้งคู่สลับไปมา และกลับมาหยุดนิ่งกับดวงหน้าของป๊อบคอร์น
"แกรู้จักเขาเหรอ" ป๊อบคอร์นถามเบา ๆ สีหน้าเคร่งขรึมแปลก ๆ เชอแตมหันมามองเพื่อนรัก แล้วในทันใดป๊อบคอร์นก็เอ่ยถามทันทีโดยไม่รอคำตอบ "หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกา ใช่มั้ย" ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเครียดราวกับกำลังทำข้อสอบที่ไม่ได้เตรียมตัวอ่านมาเลย เชอแตมรู้สึกตงิด ๆ กับอาการของเพื่อนรัก
เชอแตมพยักหน้าหนัก ๆ แต่ช้า เป็นคำตอบให้ป๊อบคอร์น เธอคงปิดเจ้าหล่อนอีกไม่ได้แล้ว
สิ่งที่เชอแตมไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดก็อุบัติขึ้นแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้เสียง
เผียะดังมาจากใบหน้าของชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาตรงหน้าเธอ
เขาโดนป๊อบคอร์นตบ!
"ไอ้ป๊อบ!" เชอแตมเข้าไปดึงแขนเพื่อนรักเอาไว้เป็นเชิงห้าม เธอรู้ว่าป๊อบคอร์นเข้าใจผิดเรื่องอาการคล้าย ๆ คนอกหักของเธอว่ามาจากการกระทำของผู้ชายคนนี้
หากแต่คราวนี้ป๊อบคอร์นจะดูจริงจังจนเชอแตมนึกกลัว ร่างบางไม่สนใจสัมผัสจากมือของเชอแตมที่จับแน่นตรงแขนของเธอเลย
"สนุกมากใช่มั้ย!" ป๊อบคอร์นตะคอกใส่ชายหนุ่ม
ร่างสูงแม้จะโดนฝ่ามือของสาวร่างเล็กฟาดเผียะไปเมื่อสักครู่ แต่สีหน้าเขากลับไม่แสดงอาการโกรธแต่อย่างใดออกมา เขายังมองหน้าป๊อบคอร์นนิ่ง ในขณะที่ป๊อบคอร์นก็มองเขาด้วยสายตาราวกับอาฆาตแค้นมาแต่ปางไหน
เชอแตมเห็นความผิดปกติของคนทั้งคู่ การสบตาที่ดุเดือดไม่มีใครละจากใครก่อน มันเหมือนแววตาที่ รู้จักกันมาก่อน!
ป๊อบคอร์นหายใจเข้าออกด้วยความหนักหน่วง ในใจตะโกนลั่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
"ทำไมเราต้องเจอกันอีก"
ชายหนุ่มยังเงียบและไม่ตอบคำถามของป๊อบคอร์น มีเพียงเสียงที่ดังก้องอยู่ในใจเขาเช่นเดียวกันว่า
"เราเจอกันอีกจนได้"
