บทที่ 13 แล้วเราก็เจอกันอีกจนได้ 1
เป็นเรื่องปกติของทุกวันที่เชอแตมตื่นเช้ามาแล้วพบว่าอีธานหายไปแล้ว แต่วันนี้เธอตื่นมาด้วยอาการที่ค่อนข้างเป็นกังวล ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ เธอกลัวเขาเจออีธาน และเมื่อเขารู้ว่าอีธานเป็นแวมไพร์เธอกลัวว่าเขาจะหาทางกำจัดอีธาน
เธอตัดสินใจแล้ว เธอต้องเจอชายหนุ่มคนนี้อีกครั้งให้ได้ เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้มีความแค้นหรือความต้องการกำจัดแวมไพร์มากน้อยอย่างไร เธอต้องคุยกับเขาเรื่องนี้ ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเป็นศัตรูกับแวมไพร์ อย่างน้อยเธออาจจะเปลี่ยนใจเขา ให้เป็นศัตรูกับแวมไพร์แค่บางตนเท่านั้น หรือที่โชคดีกว่านั้น เขาอาจจะเลิกคิดถึงเรื่องการเป็นศัตรูกับแวมไพร์ไปเลย
เชอแตมไม่รู้ว่าหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาเรียนคณะอะไร แม้กระทั่งชื่อเธอก็ยังไม่รู้จัก ครั้นจะไปถามนักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้จะถามว่ายังไง ห้องสมุดจึงเป็นสถานที่เดียวที่เธอพอจะพึ่งพาได้
เชอแตมต้องกลายเป็นนักศึกษาที่มีภาพลักษณ์ขยัน ตั้งใจเรียนขึ้นมาในบัดดลเมื่อเธอแวะเข้าห้องสมุดบ่อย ๆ และมันก็หนีไม่พ้นสายตาของป๊อบคอร์นที่ช่างสังเกตและพยายามติดหนึบเชอแตมเป็นตังเมหากเธอมีเวลาว่างตาม
"มารอชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นอีกแล้วใช่มั้ย แหม ปากก็บอกเราว่า ไม่ได้ชอบ ๆ ไม่ได้สนใจ เสื้อก็คืนให้แล้ว นี่ยังมารออะไรอีก"
เชอแตมถอนหายใจ "ฉันไม่ได้รอใคร แกก็พูดไปเรื่อย คิดได้นะแก”
"รายงานแกก็ทำเสร็จแล้ว ปกติเราก็ไปขลุกกันที่ชมรม แต่แกเนี่ย มาห้องสมุดบ่อยไปป๊ะ ถ้าไม่มารอหนุ่มคนนั้น แล้วแกมาทำอะไรนักหนา"
"ฉันก็มาหาหนังสืออ่านบ้างสิแก"
ป๊อบคอร์นแสดงสีหน้าไม่เชื่อ แม้ว่าเชอแตมจะเป็นคนขยันตั้งใจเรียนแค่ไหน แต่การเข้าห้องสมุดบ่อย ๆ มันก็ไม่ใช่นิสัยของเชอแตม
"ฉันเป็นเพื่อนแกนะแตม" ป๊อบคอร์นพูดแค่นั้นก็ทำให้เชอแตมเข้าใจได้อย่างสนิทใจว่ามันหมายความว่าอะไร ป๊อบคอร์นรู้จักเธอดี รู้ความชอบและไม่ชอบของเธอ รู้ถึงตับไตไส้พุง อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
"ก็ช่วงที่ทำรายงาน ฉันรู้สึกว่าเวลาเข้าห้องสมุดแล้วรู้สึกจิตใจมันสงบดีน่ะ ฉันเลยลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"
ป๊อบคอร์นถอนหายใจสีหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อ ถ้าขืนเชอแตมยังปากแข็งอยู่แบบนี้เธอคงไม่ได้ความจริงจากใจของเพื่อนรักหรอก ป๊อบคอร์นเลยเลิกถาม แต่หาคำตอบด้วยตัวเองดีกว่า
"อื้ม ตามที่แกว่าละกัน แต่แกปิดฉันได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวฉันก็รู้ว่าแกมารอพ่อหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นจริงหรือเปล่า" ป๊อบคอร์นอมยิ้มเยาะเย้ยให้เพื่อนรัก แล้วนั่งแหมะลงร่วมโต๊ะเดียวกัน
เชอแตมไม่ไล่ ไม่เถียง และไม่แสดงอาการพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อเพื่อรักแปดหลอดของเธอยังไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกา เธอจึงมีวิธีเจอกับชายหนุ่มคนนี้ไว้แล้วแบบที่ป๊อบคอร์นไม่มีทางรู้ ขอแค่ให้เจอเขาในห้องสมุดนี้เท่านั้นพอ
ไม่เจอ เชอแตมไม่เจอเขาในห้องสมุดวันนี้เลย หรือเขาอาจจะไม่มาห้องสมุดอีกแล้วนะ เชอแตมกำลังกลุ้มใจว่าจะหาตัวเขาได้ที่ไหน เขาเคยบอกเธอว่าเขาชอบไปสวนสาธารณะหลังโรงเรียนเก่าของเธอบ่อย ๆ หรือเธอจะไปรอพบเขาที่นั่นดี แต่ถ้าไปแล้วไม่เจอเขา แต่กลับเจอแวมไพร์บ้าบิ่นผิวเนื้อพุพองอีก เธอจะทำยังไง แล้วเขาก็คงไม่บังเอิญมาช่วยเธอไว้ได้อีกเป็นครั้งที่สองหรอก
เชอแตมนั่งคิดเรื่องนี้จนลืมไปว่าคืนนี้อีธานมาหาเธอช้ากว่าทุกวัน นี่ก็สามทุ่มแล้ว ปกติช่วงหลังมานี้เขาจะมาตั้งแต่ฟ้าเริ่มมืด เธอลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง ไม่มีแม้แต่เงาของเขา เขาไปไหนอีกนะ
"ออกมายืนตรงนี้ทำไม" เชอแตมหันขวับไปทางต้นเสียง เธอจำได้ว่าเป็นเสียงของอีธาน และพบว่าเขากำลังนั่งห้อยขาในท่าทางสบาย ๆ เอามือกอดอกอยู่ที่ราวระเบียงของห้องข้าง ๆ เธอ
"อีธาน คุณไปนั่งตรงนั้นทำไม เดี๋ยวเจ้าของห้องออกมาเจอหรอก" คงไม่ใช่แค่เจ้าของห้องออกมาเจออย่างเดียว เธอหรือเขาอาจจะกลัวแล้วย้ายออกจากหอพักของพี่นุกนิกไปอีกคนก็ได้ แล้วความรู้สึกผิดก็จะตกมาอยู่ที่เธอ
"เจ้าของห้องนี้เป็นผู้หญิง เธอทำงานกลางคืน กลับมาอีกทีก็เช้า"
อีธานบอกสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจของเชอแตมรู้สึกจี๊ดขึ้นมานิดหนึ่ง "แหม รู้ดีซะเหลือเกินนะ แอบดูทุกคืนล่ะสิ"
"แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้หญิงในเมื่อเธอทำงานกลางคืน คุณไปเห็นเธอตอนไหน"
"หึ คำถามแสดงอาการหึงหวง" อีธานพูดลอย ๆ ไม่ตั้งใจจะให้เธอได้ยิน แต่มันก็ดังซะจนเธอได้ยินชัดเจน
"อีธาน!" เธอตวาด
"เธอมักจะกลับมาที่ห้องตอนใกล้สว่าง เป็นเวลาที่ผมก็กลับพอดีเหมือนกัน" อีธาน อธิบาย
เชอแตมชักสีหน้าเอามือกอดอกบ้าง "แล้วคุณไปนั่งตรงนั้นทำไม ทำไมไม่เข้ามาในห้องฉันล่ะคะ"
อีธานมองเธอแววตากวน ๆ "นี่ชวนผู้ชายเข้าห้องแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า"
เชอแตมเม้มปาก สายตาคาดโทษเขา แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนสายตาเป็นหยอกเย้าเขาบ้าง
"ว่าแต่ฉัน คำถามคุณก็แสดงอาการหึงหวง"
อีธานเสมองไปทางอื่น เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอ เขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่มากกว่า เรื่องที่คำพูดของอายังดังก้องอยู่ในหูของเขา
"ผมไม่อยากเข้าไป" เขาเอ่ยออกมาตรง ๆ และมันทำให้เชอแตมสะอึกไปเหมือนกัน เขาพูดแบบนี้อีกแล้ว เขาทำเหมือนไม่อยากเข้าใกล้เธออีกแล้ว เชอแตมปล่อยมือแนบลำตัว สีหน้าหงุดหงิด
"คุณทำอย่างกับฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง ถึงไม่อยากเข้าใกล้"
"ใช่" อีธานตอบเพื่อตัดบทไปซะ แต่มันทำให้เชอแตมใจสั่น ปากสั่นเลยทีเดียว อาการน้อยใจแล่นพล่านเข้ามาแบบที่เธอก็ห้ามไม่ได้ เธอเงียบไปจนอีธานต้องหันมามอง แล้วก็เห็นความคิดบ้าดีเดือดของเธออีกครั้ง
เชอแตมสะบัดตัว สะบัดหน้าพรืด หันหลังกลับเข้าไปในห้อง อีธานทำท่าทางเหมือนคนถอนหายใจสีหน้าเบื่อหน่าย เขาไม่ได้เบื่อหน่ายเชอแตม แต่เบื่อหน่ายตัวเองที่แดดิ้นทุกทีที่เห็นเธอแผลงฤทธิ์
เชอแตมหยิบมือถือกับเสื้อกันหนาว แล้วพุ่งตรงไปที่ประตู มือกำลังจะเอื้อมไปเปิด แต่เธอกลับถูกอีธานหายตัวเข้ามาคว้าหมับที่ข้อมือเอาไว้พร้อมทั้งยืนขวางประตูสีหน้าราวกับยักษ์วัดแจ้ง หากแต่เป็นยักษ์ที่มนุษย์ยอมอุทิศเนื้อหนังให้เข้าปากได้แบบไม่เสียดายชีวิต
"เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กเสียที" อีธานเอ็ดสีหน้าไม่พอใจ แล้วมันยิ่งไปเพิ่มอารมณ์คุกรุ่นให้กับเชอแตม เธอสะบัดข้อมือออกจากเขาจนหลุด
"ฉันไม่ใช่เด็ก! ฉันโตแล้ว" เธอตอกกลับไป
"คนโตแล้วเขาไม่ประชดประชันกันแบบนี้หรอก พอน้อยใจอะไรขึ้นมา เอะอะ ๆ ก็จะออกไปข้างนอก ถ้าผมไม่รั้งคุณไว้วันหนึ่งคุณจะรู้สึก"
น้ำตาเธอหยดแหมะลงมาทันทีที่เขาพูดจบ คำพูดฟังดูรุนแรงแบบเสียดแทงหัวใจได้ไม่แพ้มีดเฉือน และดูท่าทางเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยที่พูดออกมาแบบนั้น เชอแตม นึกน้อยใจว่าทำไมเขาใจร้ายกับเธอได้ขนาดนี้ ความน้อยใจมันพาให้หัวใจอ่อนแอจนน้ำตาค่อย ๆ ไหล พร้อมเสียงสะอื้นเล็ก ๆ ที่ตามมา
อีธานไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิด แม้ว่าเธอกำลังร้องไห้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
"ก็คุณไม่อยากเจอฉัน" เชอแตมพูดเสียงอ่อน
"ผมไม่อยากเจอ คุณก็ต้องหนีออกไปข้างนอกเลยงั้นเหรอ"
"คุณไม่รู้หรอกอีธาน!" เชอแตมตวาดเขาเสียงดัง เสียงสะอื้นดังขึ้นแปรผันตรงกับความรู้สึกเจ็บแปลบในใจ "คุณไม่รู้หรอกว่าคำพูดของคุณมันทำ..." เธอพูดได้แค่นั้นแล้วก็สะอื้นเหมือนเด็ก
อีธานอ่านความคิดของเธอ เขารู้ แต่เธอไม่รู้ความรู้สึกเขา เขาต่างหากที่เจ็บกว่า
"คุณต่างหากที่ไม่รู้" เขาพูดเรียบ ๆ สีหน้ายังคงเป็นยักษ์ น้ำเสียงแม้จะเบาแต่มั่นคงชัดเจนยิ่งกว่าตะโกน
เชอแตมสะอื้นฮึก ๆ เธอปาดน้ำตาด้วยหลังมือ "คุณต่างหากที่ไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าฉันแคร์คุณมากแค่ไหน บางครั้งคุณก็ทำตัวเหมือนอยากเข้าใกล้ฉันมาก ไม่ได้ทำเพราะหน้าที่ แต่บางครั้งคุณก็ทำเหมือนผลักไสเหมือนตัวเองต้องทำตามหน้าที่เท่านั้น ฉันเดาใจคุณไม่ถูกเลยอีธาน คุณมัน...ใจร้าย ใจร้ายมาก"
น้ำเสียงเล็กใสสบประมาทเขาสีหน้ายุ่งแสนงอน แวมไพร์หนุ่มยังนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ราวกับว่าน้ำตาและท่าทีนั้นไม่ได้มีอิทธิพลอันใดต่อหัวใจเขา แต่เปล่าเลยเขาไม่แสดงออกมาให้เธอเห็นต่างหาก ความรู้สึกปวดร้าวกว่าเธอที่ซุกซ่อนอยู่ในใจนั้น
"ถ้าผมใจร้ายก็อย่าแคร์ผมสิ อย่าสนใจ อย่าใส่ใจ อย่าเป็นห่วง ทำได้ไหม"
คนตัวสูงกว่าเอ่ยออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย คนตัวเล็กใจกระตุกส่งผลให้ร่างกายแข็งทื่อไปด้วย เสียงสะอื้นหยุดลงความเงียบจึงเข้าปกคลุมแทน เชอแตมมองหน้าอีธานด้วยแววตาไม่เข้าใจ
"ความรู้สึกของฉัน มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นนะอีธาน" หญิงสาวเอ่ยออกมาน้ำเสียงเย็นชาและจริงจัง มโนสำนึกย้อนไปเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย มันเป็นช่วงแรก ๆ ที่เธอเริ่มรู้สึกชอบออกมาเดินเล่นตอนเที่ยงคืน และก็เป็นช่วงนั้นที่เธอได้เจอเขาครั้งแรก เขาและเธอเดินเล่นกันคนละฝั่งตรงข้ามถนนในลักษณะสวนทางกัน แม้ว่าเขาจะคลุมฮูดปกปิดใบหน้าสนิทแทบไม่มีส่วนใดโผล่ออกมาให้เห็น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอละสายตาจากเขาไปได้ และนับแต่นั้นมาเธอก็พยายามหาโอกาสที่จะรู้จักเขามาตลอด โชคชะตาก็ไม่เคยเป็นใจเสียทีเมื่อคิดว่าเธอตามเขาไปติด ๆ แล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนในที่สุดวันนี้เธอได้รู้จักเขา ได้ใกล้ชิด ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตและเรื่องราวที่ต่างกันราวกับอยู่กันคนละภพ
บางทีเธอต้องขอบคุณออสการ์
จนความรู้สึกเธอมันบ่มเพาะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเสน่ห์ของเขาคนเดียว แล้วเขามาพูดให้เธอทำในสิ่งที่ต้องหวนกลับไปเมื่อตอนที่ไม่เจอเขาอีกครั้งมันยังง่ายกว่า เธอก็ลืมไปซะสนิทว่าแวมไพร์ไม่ได้หายใจ แวมไพร์อาจจะไม่มีหัวใจ
"มันไม่ง่ายหรอกนะอีธาน" เชอแตมพูดสีหน้าตัดพ้อ
สายตาคมดุมองจ้องเธอเงียบ ๆ เขายังไม่มีทีท่าสำนึกว่าตัวเองเป็นคนผิดหรือเป็นคนใจร้ายอย่างที่เธอกล่าวหา เขายังยืนเอามือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินเธอพูดอะไรมาก่อน
เพราะเขายังยืนยันในความคิดและความรู้สึกของตัวเองว่ามันถูกต้องแล้ว
"รักผมเหรอ" แววตาคนถามไม่ได้โรแมนติกเหมือนคำถาม มันสื่อออกมาแบบต้องการคำตอบมากกว่าเกี้ยวพาราสี และคนฟังก็แทบอยากจะตบหน้าคนพูดให้คลายความอัดอั้นตันใจให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว รู้ดีกว่าเจ้าของคำตอบอีก
"อย่ารักผมเลย เพราะผมรักใครไม่ได้หรอก โดยเฉพาะมนุษย์"
เชอแตมเพิ่งรู้สึกได้ก็วันนี้ว่าคำพูดที่เหมือนโดนตบหน้ามันเป็นยังไง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเธอรักเขาจริง ๆ หรือเปล่า แต่ส่วนลึกมันตะโกนว่าใช่ แต่เขากลับตอบแทนความรู้สึกของเธอด้วยคำพูดนี้ เขาทำให้สติสัมปชัญญะของเชอแตมไปหมดแล้ว
น้ำตาเธอไหลลงมาอีกระลอก แต่คราวนี้มันไร้เสียงสะอื้น เชอแตมพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงย้ำกับตัวเองว่าเขาพูดอะไรออกมา ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากัน
"เป็นมนุษย์แล้วมันน่ารังเกียจมากเลยเหรอ สำหรับแวมไพร์ มนุษย์น่ารังเกียจใช่ไหม"
อีธานเม้มปากเบา ๆ หันศีรษะด้านข้างให้เธอ เสมองไปทางอื่น เขารู้ว่าเธอกำลังพาลและไร้เหตุผล
"คุณน่าจะรู้ดีกว่าผม ว่าใครกันแน่เป็นที่รังเกียจของใคร" เขาสวนกลับไม่ยอมลงให้เธอง่าย ๆ
"แต่คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าฉันไม่ได้รังเกียจคุณ" เชอแตมสวนกลับไปทันทีที่เขาสวนมา
"แต่ผมอยากให้คุณเกลียดผมซะ!" อีธานสวนกลับด้วยความไวปานรถไฟชินคันเซน
เชอแตมสะดุ้งเหมือนโดนใครปาไข่มาใส่หน้า เธอเงียบไปอีกครั้ง มองหน้า อีธานที่อารมณ์มาคุ เขาเม้มปากราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้
"ได้" เชอแตมเอ่ยขึ้นมาในที่สุด "ถ้าต้องการแบบนี้"
อีธานกลอกตา รู้สึกขัดใจตัวเองประหลาด ๆ เมื่อได้ยินเธอตอบแบบนี้ เลยทำให้เขารู้ว่า เขาชอบให้เธอดื้อดึงใส่มากกว่า ชอบให้เธอรั้งเขาไว้ ชอบให้เธอไม่ยอมปล่อยเขาไป ชอบให้เธอคิดอะไรในใจที่เป็นเรื่องของเขา
"แต่คุณก็ต้องให้ความร่วมมือกับฉัน" เชอแตมเอ่ยออกมาน้ำเสียงจริงจัง น้ำตาไม่ไหลอีกต่อไปแล้ว
อีธานหันมามองเธอ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกสนุกและไม่อยากอ่านความคิดของเธอ
"ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า เพราะการเห็นคุณ มันยิ่งทำให้ฉัน..." เชอแตมชะงักไปไม่พูดต่อ เธอหายใจเข้าอีกครั้งแล้วทำท่าทางเหมือนเริ่มพูดใหม่ "เอาเป็นว่า ถ้าคุณมีหน้าที่เฝ้าฉัน ก็เฝ้าไกล ๆ ห้องฉัน ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ไม่ต้องให้ฉันเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวเสื้อผ้าของคุณ"
สาวเจ้าพูดไปด้วยน้ำตาที่ตกใน แต่ต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกอ่อนแอไว้ ให้เขาเห็นว่าเธอก็ไม่คิดจะง้อเขาเหมือนกัน
และอีธานก็ช่างเป็นแวมไพร์ที่เลือดเย็นจริง ๆ เพราะคำตอบของเขามันทำให้เธอแทบทรุด
"ผมก็พยายามทำแบบนั้นมาตลอด"
เทพบุตรของเชอแตมไม่พูดเปล่า เขายังหายวับไปต่อหน้าต่อตาเธอ ทิ้งให้ เชอแตมอ้าปากค้างเข่าอ่อนจนทรุดนั่งลงไปกับพื้น รู้สึกหัวใจแหลกสลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี
"ทำไมรู้สึกใจหายแบบนี้" เชอแตมเอามือกุมไปที่อกข้างซ้ายตรงก้อนเนื้อเล็ก ๆ แต่ดิ้นแรงมีอิทธิพลถึงขนาดทำให้ทุกส่วนของร่างกายชาไปหมด
หญิงสาวร่างแบบบางนั่งเท้าคางถอนหายใจ ช้อนกินข้าวในมือจิ้ม ๆ ข้าวสวยที่มีไข่ดาววางทับอยู่แบบไม่ใส่ใจ เธอกำลังมองเพื่อนรักที่กำลังแสดงอาการราวกับคนอกหักขั้นโคม่า
ป๊อบคอร์นพยายามพาเชอแตมออกมาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อให้เพื่อนสาวมีอาการสดใสขึ้นมาบ้างหลังจากที่เห็นเจ้าหล่อนนิ่งเงียบไปแบบไม่ปกติมาสองวันเต็ม
เชอแตมไม่ได้รับรู้เลยว่าคนรอบข้างเธอทำอะไร พูดอะไร มีสีหน้ายังไง เพราะมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นในสมองและหัวใจตอนนี้คือ อีธาน
คืนที่ผ่านมาเชอแตมแทบจะลงแดงลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นห้อง เพียงเพราะการหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ออกไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืน เธอพยายามเตือนตัวเองว่าเธอไม่อยากเจอเขา เธอไม่อยากออกไปเดินเล่น แต่เปล่าเลยความรู้สึกจริง ๆ มันตรงกันข้ามไปหมด ผลก็คือเธอต้องมานั่งหงอยเป็นหมาไร้เจ้าของตรงหน้าป๊อบคอร์นแบบนี้
และเขาไม่มาให้เธอเห็นหน้าอย่างที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้จริง ๆ ว่าไม่อยากเจอเธอ ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ ทำนบกั้นน้ำตาก็แทบจะพังทลายลงมาต่อหน้าเพื่อนรักให้ได้สงสัยขึ้นไปอีก
เชอแตมพอมีสติที่จะกลั้นมันไว้ได้ หากแต่ทรมานเหลือเกิน
อีธาน แวมไพร์ตัวนั้นใจร้ายกับเธอขนาดนี้ แต่ทำไมเธอยังคิดถึงเขาอยู่ได้
"บ้าชะมัด!" เชอแตมสบถในใจ
"ฉันจะไม่ถามแกนะ ว่าแกเป็นอะไร ฉันจะพยายามพาแกไปในที่ที่แกชอบ ที่ที่แกพอจะสดใสขึ้นมาได้บ้าง แกอยากไปที่ไหน บอกฉันมายัยแตม"
ป๊อบคอร์นรู้สึกเหนื่อยใจ จนหน่ายที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากคนที่ใจหลุดลอยไปไกลแสนไกลอย่างเพื่อนรักของเธอแล้ว ไม่ว่าถามไปเท่าไหร่เธอมักจะได้กลับมาแค่สีหน้าอย่างกับคนลาโลกไปแล้วทุกที
เชอแตมส่ายหน้าไร้ซึ่งน้ำเสียงตอบกลับมา
"ไปนั่งที่สวนสาธารณะหลังโรงเรียนเก่าไหม" ป๊อบคอร์นถามพยายามสร้างสีหน้าร่าเริงเพื่อกระตุ้นให้เพื่อนร่าเริงตาม
เชอแตมยังคงส่ายหน้าเบา ๆ ช้า ๆ และป๊อบคอร์นก็ถอนหายใจแรงเอามือเท้าคางปากบูดเบี้ยวอีกครั้ง
"คืนนี้ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหม" ป๊อบคอร์นเอ่ยออกมาเนือย ๆ ด้วยจนปัญญาจะทำอะไรแล้ว
"ไม่เป็นไร อย่าลำบากมาเลย" โชคดีที่เชอแตมยังพูดได้อยู่
ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งคู่อีกครั้ง
เชอแตมนั่งมองจานข้าวตัวเองตรงหน้าราวกับว่าอีธานอาจจะโผล่ขึ้นมา ในยามที่รู้ตัวว่าสมองและหัวใจคิดถึงอีธานเธอก็พยายามปัดเป่าภาพเหล่านั้นด้วยการกระทำที่เปลี่ยนไป เช่นการเคลื่อนสายตามองไปยังมุมใหม่ อย่างตอนนี้ที่เธอกำลังมองด้านหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่แสนจะคุ้นตายืนสั่งอาหารกับแม่ค้าร้านเดียวกันกับเธอ
เพราะอาการที่เซื่องซึมจนส่งผลให้สมองทำงานไม่รวดเร็ว กว่าเธอจะระลึกได้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร เขาก็เดินออกไปจากร้านอาหารไกลออกไปเกือบสุดสายตาแล้ว
ผู้ชายที่เป็นศัตรูกับแวมไพร์!
ต่อให้พยายามตัดใจไม่อยากพบอยากเจอ ไม่อยากคิดถึงอีธานแค่ไหน แต่ความเป็นห่วงที่ซุกซ่อนอยู่ลึก ๆ ก็ยังทำงานตามปกติแบบที่เจ้าตัวก็ห้ามไม่ได้
เชอแตมลุกพรวดจนเก้าอี้ถลาไปด้านหลังล้มตึงลงไป โดยที่ตัวเองไม่ใส่ใจจะหันหลังกลับมาหยิบมันให้ยืนขึ้นแบบเดิม ป๊อบคอร์นสำลักน้ำเพราะตกใจกับอาการที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเพื่อนรัก เธอเอ่ยถามไม่ทัน เพราะเชอแตมกำลังวิ่งหน้าตั้งไปไหนเธอก็ไม่รู้ ครั้นจะตามไป มันก็เหมือนกับเธอวิ่งไล่ตามผู้ร้าย และมันคงไม่ทันแน่ ๆ
เชอแตมปั่นฝีเท้ารัวเร็ว ในใจตั้งความหวังว่าต้องทันเขาเท่านั้น โชคดีที่เขาไม่ได้วิ่ง ไม่งั้นเธอคงได้แต่ยืนมองข้างหลังเขาด้วยความเสียดาย
เกือบแล้วเธอเกือบจะทันเขาแล้ว
"โอ๊ย!" อย่างกับละครน้ำเน่าที่นางเอกกำลังวิ่งหนีอยู่ในป่ากับพระเอกแล้วเผลอสะดุดตอไม้ล้มลงไปจนตัวร้ายไล่ตามมาทัน
"ก้อนหินบ้าไรเนี่ย!" เชอแตมสบถ สีหน้าหงุดหงิดมองก้อนหินลูกเท่าผลแตงโมโตไม่เต็มที่วางเกะกะขวางทางเธออยู่ ถ้ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเชอแตมคงด่ากราดเข้าให้แล้ว
แต่เธอไม่มีเวลาพอมานั่งเคืองขุ่นก้อนหินก้อนนั้น เพราะเมื่อเงยหน้ามาอีกที ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาผู้เป็นศัตรูกับแวมไพร์ก็หายไปแล้ว
"บ้าชิบ!" เชอแตมสบถอีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจร้อนรุ่ม พอยืนขึ้นมาเท่านั้นเธอถึงรู้ว่าการสะดุดก้อนหินไปเมื่อสักครู่มันทำให้เท้าเธอมีแผลเพราะอาการเจ็บมันแสดงออกมาหลังจากที่เธอลุกขึ้นเดิน
เชอแตมถอนหายใจเพียงลำพังกับโต๊ะอ่านหนังสือในห้องของตัวเอง เธอเคยชอบเคยโหยหาเวลาเที่ยงคืนมาตลอด แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นอยู่ แต่มันยังน้อยกว่าความเจ็บปวดที่ต้องพยายามผ่านเที่ยงคืนทุกคืนที่จะไม่ได้เจอหน้าอีธานให้ได้
เช่นคืนนี้อีกคืนที่เธอต้องผ่านมันไป มันช่างทรมาน
เชอแตมเดินมายังมหาวิทยาลัยในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยท่าทางกะเผลก ๆ หากแต่สีหน้าของเธอก็ยังเหมือนเดิมคือไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมกับบรรยากาศดี ๆ รอบข้าง
แต่อารมณ์ของเธออาจจจะเปลี่ยนไปเมื่อเพื่อนรักผู้หวังดีกับเธอที่สุดทำอะไรบางอย่างที่แสนจะกวนต่อมแจกมะเหงกของเชอแตมแบบขีดสุด
"แก" ป๊อบคอร์นวิ่งหน้าตาตื่น กระโดดเหยง ๆ ยิ้มแต้มเต็มใบหน้าเข้ามาเกาะแขนเกาะไหล่เพื่อนรัก สาวเจ้าไม่สนใจใบหน้าไร้อารมณ์ของเพื่อนเลยสักนิด เชอแตมมองเพื่อนรักด้วยแววตาหวาด ๆ หน้าตาแบบนี้ต้องทำอะไรที่พยายามช่วยเธอจนคาดไม่ถึงอีกแน่ ๆ
ขณะที่เพื่อนรักแปดหลอดกำลังบีบไหล่เบา ๆ ให้ เชอแตมก็สบตาเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตามป๊อบคอร์นมา เขายิ้มนุ่ม ๆ ให้กับเธอ แววตามองเธอเป็นประกายเปิดเผยว่ามีอะไรที่น่าขนลุกสำหรับเธอซ่อนอยู่
เชอแตมจำได้ว่าเขาคือรุ่นพี่ต่างคณะในมหาวิทยาลัย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งสายตาเกี้ยวพาราสีให้เธอ ครั้นต่อมาเขารู้ว่าเธอไม่สนใจ เขาก็ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเธออีกเลย
เชอแตมมองไปยังเพื่อนรักแปดหลอดที่ส่งสายตาแป๋ว ๆ มาให้แบบที่เธออยากลากไปหลังพุ่มไม้แล้วบิดให้เนื้อเขียว ต่อด้วยเอาใบไม้แห้งถมทับให้นอนแผ่หราอยู่ตรงนั้นจนลุกไปเชื้อเชิญหนุ่มที่ไหนมาประเคนเธอแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ป๊อบคอร์นต้องไปพูดอะไรบางอย่างกับพี่คนนี้ จนเขามีความหวังว่าเธออาจจะสนใจขึ้นมา ไม่งั้นเขาคงไม่เดินมาหาเธอด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยมด้วยความหวังทั้งที่เคยผิดหวังไปกับการจีบเธอครั้งหนึ่งแล้ว
ร้ายมากป๊อบคอร์น!
"แก ทำแบบนี้ทำไม" เชอแตมกระซิบกระซาบกับเพื่อนรัก แววตาดุมาก
"โธ่! แก ฉันขอร้องล่ะ แกคุยกับพี่เขาหน่อยเถอะ เขาอุตส่าห์มาหาแกนะ" ป๊อบคอร์นยังมีหน้ามาขอร้อง ปากยังคงแย้มยิ้ม
"แกพาพี่เขามามากกว่า ไม่ใช่พี่เขาอยากมาเองหรอก นี่แกไปพูดกับพี่เขาอีท่าไหน" เชอแตมยังไม่เปลี่ยนสีหน้าให้ใจดี
"ท่านี้ไงแก" ป๊อบคอร์นไม่พูดเปล่า ยังทำท่ายกมือไหว้สีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้ดู
"ฉันไม่ว่างละ มีงานที่ชมรม แกช่วยดูแลพี่เขาหน่อยนะ ฉันไปล่ะ"
ป๊อบคอร์นมัดมือชก มีอย่างที่ไหนให้คนที่กำลังยังไม่ฟื้นจากอาการเซื่องซึมดูแลคนที่ตัวเองพามาจีบ เชอแตมถอนหายใจสายตามองไปที่ผู้ชายตรงหน้า แม้ข้างนอกจะยิ้มให้เขาตามมารยาทแต่ในใจแสนจะเบื่อหน่ายจนบอกไม่ถูก
และแม้แต่แรงจะคิดหาวิธีไล่เขาไปแบบนุ่มนวลก็ไม่มี เชอแตมเลยทำได้แค่ตามน้ำ
"เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะแตม ตั้งแต่วันนั้น" ชายหนุ่มพูดให้เชอแตมย้อนนึกไปถึงวันที่เธอยังเรียนชั้นปีที่หนึ่ง
เชอแตมย้อนนึกไปในวันที่ฝนตกหนัก ในมือถือร่มกำลังเดินกลับหอพัก เบื้องหน้ามีนักศึกษาผู้ชายที่กำลังเดินตากฝนเปียกโชก สำนึกดีในตัวก็กระตุ้นให้ทำอะไรบางอย่าง เชอแตมวิ่งเข้าไปเอาร่มบังฝนให้กับเขา เมื่อรู้สึกราวกับว่าฝนหยุดตกไปแบบดื้อ ๆ ชายหนุ่มเลยเงยหน้าที่ก้มเพราะหลบกระแสฝนมามองว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็พบกับหญิงสาวที่กำลังยิ้มกว้างให้เขาอย่างน่ารัก
วินาทีนั้นเขาตกหลุมรักเธอทันที
ถึงจะหน้าตาดีแถมนิสัยก็ดีด้วย แต่เชอแตมกลับไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลยสักนิด และสาบานได้ว่าเธอรู้สึกดีกับเขาแบบพี่น้อง
เชอแตมไม่อยากทำร้ายเขาซ้ำสองด้วยการบอกว่า ไม่สนใจเขาอีก แต่ป๊อบคอร์นยังจะลากเขามาให้เธอเชือดอีกจนได้
อาจจะเพราะมีผู้ชายมายืนอยู่ตรงหน้า ภาพของอีธานเลยลอยเข้ามาอีกครั้ง ในเมื่อเขากับเธอเป็นไปไม่ได้ แล้วเธอยังจะรู้สึกคิดถึงเขาอีกทำไม จู่ ๆ ความคิดที่ไม่เคยคิดจะคิดมาก่อนของเชอแตมก็ปรากฏขึ้นมา
เธอน่าจะคบใครสักคนไว้บ้างก็ดีนะ
"คืนนี้ไปดูหนังกันไหมคะ พี่กรุ๊ป"
เชอแตมเอ่ยออกมาเองโดยที่ไม่ได้เผลอไผลหรือคิดจะประชดใคร
