บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 คำเตือนของผู้เป็นอา

เชอแตมยืนนิ่งมองชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาตรงหน้าเธอ ความตกใจและความหวาดกลัวยังไม่จางหายไป ครั้นความประหลาดใจก็แทรกเข้ามาอีก ในมือของชายหนุ่มมีไม้ลิ่มแหลมคม เชอแตมคาดว่ามันคือสิ่งที่ใช้ฆาตกรรมแวมไพร์แปลกหน้าที่ร่างเพิ่งสลายไปเมื่อสักครู่

"คุณ..." เชอแตมไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรยาว ๆ เธอก็ถูกเขาขัดขึ้นมา

"อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย เพื่อนคุณบาดเจ็บ เรารีบพาเธอไปโรงพยาบาลกันดีกว่า"

เชอแตมนึกได้ก็หันไปมองป๊อบคอร์น แล้วรีบวิ่งไปดูอาการ เธอเรียกเพื่อนรักอยู่สองสามครั้ง แต่ป๊อบคอร์นกลับหลับสนิท หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาจึงอุ้มเพื่อนรักแปดหลอดที่เงียบเป็นเป่าสากไปแล้วขึ้นมา

"ทางนี้ค่ะ รถของป๊อบอยู่ทางนี้" เชอแตมนำทางไป

ก่อนจะขึ้นรถ เชอแตมฉุกคิดถึงสุนัขที่พยายามช่วยเธอสองคนไว้

"เดี๋ยวค่ะ มีอีกชีวิตที่เราต้องช่วย" เชอแตมรั้งชายหนุ่มที่กำลังจะขึ้นไปนั่งรถฝั่งคนขับ เขาชะงักแล้วมองไปตามสายตาของเชอแตม

"ใครครับ" เขาถามเมื่อไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอะไรอย่างที่เชอแตมว่า

เชอแตมประหลาดใจมากเมื่อมองไปไม่เห็นสุนัขที่ถูกแวมไพร์เขวี้ยงจนร่วงไปไกลกระแทกพื้น เธอจำได้ว่ามันสลบแน่นิ่งไป

"หายไปไหนแล้ว!" เชอแตมพึมพำกับตัวเอง

"ไปกันเถอะครับ" ชายหนุ่มเร่ง น้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีอาการตกใจใด ๆ

เมื่อป๊อบคอร์นถึงมือหมอก็ทำให้เชอแตมโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เธอหวังว่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ก่อนที่ป๊อบคอร์นจะตกลงมาบนพื้นดิน ศีรษะของเจ้าหล่อนก็ไปกระแทกกับต้นไม้ ความแรงนั้นไม่รู้มันจะมากถึงขนาดที่ทำให้ป๊อบคอร์นสูญเสียความจำหรือเลือดคั่งในสมองหรือเปล่า

ชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกายังยืนอยู่ข้าง ๆ เชอแตม ท่าทางเขานิ่งเฉย ดูไม่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

"คุณคะ" เชอแตมเรียกเขา เขาหันมามองเธอไม่เอ่ยถามอะไร

เชอแตมกำลังคิดว่า เธอจะถามอะไรเขาก่อนดี เธอรู้สึกว่าเรียงคำถามแทบไม่ถูก มีอะไรมากมายที่เธอสงสัยและอยากถาม

"คุณไปช่วยพวกเราได้ยังไง"

หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกา ถอนหายใจนิดหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ

"สวนนั่นอยู่หลัง ร.ร.เก่าของผม ผมชอบแวะไปที่นั่นบ่อย ๆ เวลาอยากสูดอากาศบริสุทธิ์"

เชอแตมหรี่ตา ใจจริงไม่อยากเชื่อว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้เชียวหรือ

"คุณเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนั้นด้วยหรือคะ"

"คุณก็คงเป็นศิษย์เก่าที่นั่นเหมือนกัน" ชายหนุ่มคาดเดา

"แต่..." เชอแตมไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะเธอไม่อยากเชื่อในคำพูดเขา แต่เขาจะโกหกทำไม "ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่คุณบังเอิญมาทันเวลา"

เชอแตมพูดคล้ายจะประชดมากกว่า ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ

"แต่ดูท่าทางคุณไม่แปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลยนะคะ"

ชายหนุ่มเงียบ ไม่เสริมเติมอะไรทั้งนั้น

"คุณรู้ใช่มั้ย ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นตัวอะไร" เชอแตมเอ่ยตรงประเด็น ชายหนุ่มยังเงียบ ไม่มองหน้าเธอ

"แล้วลิ่มไม้อันนั้น มันดูเหมือนลิ่มที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะเจาะจงเลยนะคะ มันไม่เหมือนลิ่มไม้ที่หล่นลงมาจากต้นพบเห็นง่ายทั่วไปตามพื้นดิน"

เชอแตมตั้งข้อสังเกต ชายหนุ่มยังเงียบ แววตานิ่งเฉย

"คุณเป็นใครกันแน่" เชอแตมถามตรง ๆ น้ำเสียงคล้ายจะอดทนไม่ไหวแล้ว

ชายหนุ่มหันมามองเธอ สีหน้าไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกครั้งที่เจอเธอ

"เป็นศัตรูกับแวมไพร์"

เชอแตมนิ่งเงียบไปทันที เธอตกใจจนอ้าปากค้างนิดหนึ่ง ตาไม่กะพริบ ผู้ชายตรงหน้าเธอไม่ชอบแวมไพร์งั้นเหรอ ถ้าเขารู้ว่าเธอรู้จักอีธาน อีธานต้องไม่ปลอดภัยแน่ เชอแตมใช้เวลาในการนิ่งอึ้งไปไม่นาน เพราะหมอออกมาจากห้องคนไข้พอดี

"เพื่อนคุณปลอดภัยนะครับ ไม่เป็นอะไรมาก ไม่มีอะไรผิดปกติ สักพักก็กลับบ้านได้แล้ว" หมอบอก เชอแตมยิ้มกริ่มยกมือไหว้คุณหมอพร้อมกล่าวขอบคุณ

เมื่อเธอหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เธอเห็นเขากำลังเดินอยู่ห่างออกไปจากเธอพอสมควร เขากลับไปแล้ว แต่เขาไม่ปลอดภัยสำหรับอีธานเลย เชอแตมว้าวุ่นใจเมื่อรู้ว่ามีมนุษย์ที่เห็นแวมไพร์เป็นศัตรู และเป็นอีกครั้งที่เธอยังไม่ได้ถามชื่อเขา

ป๊อบคอร์นไม่ได้ความจำเสื่อมหรือเป็นอะไรมากกว่าที่เชอแตมกังวล แถมยังแว้ด ๆ ได้มากกว่าเดิม ทันทีที่หายเป็นปกติ เธอก็เท้าความถึงเรื่องราวในสวนสาธารณะนั่นขึ้นมา

"แกรอดมาได้ไง ตัวประหลาดนั่น แรงมันเยอะมากเลยนะ มีคนมาช่วยเราเหรอ"

เชอแตมถอนหายใจ เธอต้องโกหกป๊อบคอร์นไปก่อน "อื้ม มีคนผ่านมาสี่ห้าคน แล้วต่อสู้กัน ตัวประหลาดของเธอก็หนีไปเพราะคิดว่าตัวเองคงต้านไม่ไหว"

ป๊อบคอร์นถอนหายใจ ท่าทีนิ่งคิด "แรงมันเยอะมากเลยนะ ฉันจำได้ว่า มันผลักฉันแค่นิดเดียวเอง แต่ฉันกระเด็นไปไกลมากเลย ตอนนั้นคิดว่าตัวเองจะไม่รอดเสียแล้ว"

เชอแตมรู้สึกเป็นกังวล วันนี้เพื่อนรักของเธอโดนแวมไพร์ทำร้าย วันต่อไปเพื่อนของเธอจะโดนอะไรอีกไหม ชีวิตของป๊อบคอร์นชักจะไม่ปลอดภัยถ้ายังอยู่ใกล้เธอ

"ว่าแต่สุนัขที่ช่วยเราล่ะ มันเป็นไงบ้าง ฉันเห็นมันนิ่งไป แกพามันมาโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า"

เชอแตมส่ายหน้าเบา ๆ "มันแน่นิ่งไปฉันก็เห็นเหมือนกับแก แต่พอหันไปดูมันอีกที มันไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว มันหายไปไหนก็ไม่รู้แก"

ป๊อบคอร์นนิ่งคิด "แปลกจัง หรือว่ามันเป็นเฉาก๊วยจริง ๆ แต่เป็นวิญญาณเฉาก๊วย"

ป๊อบคอร์นพูดเล่นด้วยซ้ำไป เพราะตัวเองก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องวิญญาณหมาอะไรพวกนี้ แต่เมื่อพยายามหาข้อสรุปอื่น ๆ ก็คิดไม่ออก เชอแตมก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เหมือนกัน และมันก็กลายเป็นปริศนาที่ไม่มีใครมาให้คำตอบกับพวกเธอได้

เชอแตมกลับมานั่งรออีธานที่ห้องตั้งแต่ห้าโมงเย็น หลังจากไปส่งป๊อบคอร์นถึงที่บ้านแล้ว แม้ว่าคนที่ขับรถจะเป็นป๊อบคอร์นก็ตามที เธอไม่ไว้ใจว่าป๊อบคอร์นจะไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร อย่างน้อยนั่งรถไปเป็นเพื่อนให้ถึงบ้านก็ยังดี

อีธานมาหาเธอในเวลาหนึ่งทุ่มตรง เขาแทบไม่ต้องถามอะไรก็รู้เรื่องราวจากความคิดเธอหมดแล้ว แต่จะเอ่ยถามออกไปก็ไม่ได้ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าเขาอ่านใจเธอได้

"ดูคุณเหนื่อย ๆ นะวันนี้" อีธานตั้งข้อสังเกตเพื่อให้เธอเข้าเรื่องที่เจอมาวันนี้

"อีธาน ที่คุณเคยบอกว่าอย่าให้ฉันประมาทเรื่องแวมไพร์ในเวลากลางวัน วันนี้ฉันเพิ่งเจอมันมาเลยค่ะ"

"มันทำอะไรคุณหรือเปล่า" เขาจำเป็นต้องถามเพื่อให้ดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้เรื่องราวมาก่อน แต่เขาก็แสดงไม่ค่อยสมบทบาทตรงที่ไม่แสดงสีหน้าตกใจอะไรเลย

"ยังหรอกค่ะ มีคนมาช่วยไว้ทัน"

อีธานไม่เอ่ยถามอะไรต่อจากนั้น เขากำลังอยู่กับความคิดตัวเอง สำหรับเชอแตมเรื่องเธอถูกทำร้ายมันไม่น่ากลัวเท่ากับสิ่งที่เธอจะพูดกับเขาต่อไปนี้

"อีธาน นอกจากพวกแวมไพร์ด้วยกันคุณมีศัตรูเป็นมนุษย์บ้างหรือเปล่า"

อีธานเลิกคิ้วให้เธอ "ทำไมหรือ"

เชอแตมส่งสายตามองเขาด้วยความห่วงใย เธอรู้สึกเป็นกังวล หวาดกลัวจนร้อนรุ่มกลุ้มใจอย่างบอกไม่ถูก เธอแทบไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้เธอเลย

สายตานั้นมันทำให้อีธานแทบอยากดึงเธอเข้ามากอด

"คนที่มาช่วยฉัน เขาเป็นศัตรูกับแวมไพร์ค่ะ"

อีธานเอามือกอดอก มองหน้าเชอแตม

"คุณไม่ใช่มนุษย์คนเดียวที่รู้จักแวมไพร์ ก่อนหน้าคุณก็มีมนุษย์อีกหลายคนที่รู้จักแวมไพร์ ทั้งที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ และก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะชอบแวมไพร์เหมือนคุณ"

คำพูดของอีธานทำให้เชอแตมสะอึกไปครู่หนึ่ง เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอชอบแวมไพร์ ถ้าพูดให้ถูกเธอชอบเขาตนเดียวมากกว่า และอีธานก็เห็นความคิดนั้น

"แต่คนที่ฉันรู้จัก ดูเหมือนเขาจะรู้จักแวมไพร์ดีเลยนะคะ ท่าทางเขาไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เหมือนอาฆาตแค้นเลยมากกว่า"

อีธานยิ้มมุมปากให้เธอ "ทำไม เป็นห่วงผมเหรอ"

เชอแตมสะดุ้ง เขาเดาถูก "ก็...มีแค่คุณคนเดียวที่จะช่วยฉันจากออสการ์ได้ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง"

อีธานหัวเราะ "อาจจะไม่ใช่ผมคนเดียวที่ช่วยคุณได้ก็ได้"

เชอแตมไม่รู้ว่าเขาพูดจริงไหม เธอไม่สนว่าจะมีคนที่ช่วยเธอได้จริง ๆ อย่างที่เขาว่าหรือเปล่า ที่เธอสนอย่างเดียวตอนนี้คือ เธอต้องการเขาแค่คนเดียวที่ดูแลเธอ เธอไม่อยากได้คนอื่น

อีธานยิ้มมุมปากให้กับความคิดนั้น "เด็กน้อย" เขาว่าเธอในใจ

"ฉันไม่เอาคนอื่น ได้มั้ย" เชอแตมพูดขึ้นมา สีหน้าแห้ง ๆ คล้ายจะร้องไห้

"คุณเลือกไม่ได้หรอก" อีธานพูดจริง แต่ในใจกลับเอ็นดูเธอจับใจ

เชอแตมนิ่งมองอีธานครู่หนึ่ง เธอรู้สึกใจหาย คำพูดเขามันทำให้เธอกลัวว่าจะเสียเขาไป ไม่เอาหรอก ยังไงเธอก็ต้องการแค่เขาที่ดูแลเธอ เชอแตมทำในสิ่งที่อีธานไม่คาดคิดคือ พุ่งเข้าไปกอดเขาไว้จนเขาต้องเอามือลงมาแนบลำตัว เธอกอดเขาแน่นราวกับว่าถ้าเธอปล่อย เขาจะหายไปไม่กลับมาอีก อีธานหัวเราะนิด ๆ ยิ้มมุมปากกับตัวเอง มือเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ศีรษะของเธอซบอยู่ที่อกใต้คางเขาพอดี

"เป็นอะไร ฮึ" เขาถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้ว

"ฉันไม่เอาแวมไพร์ตัวอื่น"

อีธานเอามือข้างขวาออกมาจากกระเป๋าไปลูบศีรษะของเชอแตมเบา ๆ

"แล้วคิดว่าผมจะยอมให้แวมไพร์ตัวอื่นมาดูแลคุณแทนผมเหรอ"

เชอแตมขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ขณะที่กำลังซบอกเขาอยู่ เธอหูตึงอีกแล้วหรือเปล่านะ ทำไมเวลาเขาพูดในสิ่งที่ทำให้ใจเธอเต้นแรง หูเธอมักจะหนวกไปเป็นการชั่วคราวทุกที

เธอคลายกอดจากเขาแล้วมายืนมองหน้าเขาแววตาเป็นคำถาม

"ทำไม หูตึงอีกแล้วล่ะสิ" อีธานถามสีหน้ากวน ๆ เชอแตมถอนหายใจ ไม่รู้สึกขัดใจอย่างที่ผ่านมา

"จริงหรือเปล่าคะ ที่แวมไพร์ตัวอื่นอาจจะมาดูแลฉันแทนคุณได้"

อีธานทำท่าเหมือนถอนหายใจ เขาหันหลังให้เธอแล้วไปยืนชิดประตูระเบียงที่เปิดแง้มไว้นิดหนึ่ง เขามองออกไปข้างนอก

"ความจริงแล้วเผ่าพันธุ์ของผมต้องการอยู่ร่วมกับมนุษย์บนโลกใบนี้ได้อย่างเปิดเผย แต่มันคงเป็นแค่อุดมคติ เพราะในความเป็นจริง ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่ยอมรับเรา" เชอแตมเดินเข้ามายืนเคียงข้างเขา เธอไม่ได้มองออกไปนอกประตูระเบียง แต่เธอยืนมองด้านข้างของเขา

"ในเมื่อเป็นแบบนั้น เราจึงจำเป็นต้องปกปิดตัวเองไม่ให้ใครได้รู้ ว่าพวกเราเป็นแวมไพร์ และมันก็ยากหากต้องมาอาศัยร่วมกับมนุษย์ พวกเราจึงค้นหาสถานที่ที่ไกลจากมนุษย์ออกไป สร้างอาณาจักร และใช้ชีวิตมาจนกระทั่งปัจจุบัน แม้พวกเราจะมีอาหารหลักคือเลือด แต่พวกเราก็เคารพมนุษย์โดยการตั้งกฎหมายขึ้นมาให้แวมไพร์ทุกตนไม่เบียดเบียนมนุษย์ ไม่ดูดเลือดมนุษย์พร่ำเพรื่อ หากจำเป็นจริง ๆ มนุษย์ที่มีพฤติกรรมชั่ว หรือเป็นมนุษย์ต้องโทษเท่านั้นที่พวกเราละเมิดได้ เหตุที่ต้องตั้งกฎหมายขึ้นมาแบบนี้ ก็เพราะพวกเราคิดว่าวันหนึ่ง มนุษย์จะยอมรับพวกเรา แม้มนุษย์ไม่รู้ว่าพวกเรามีกฎหมายที่เอื้อต่อพวกเขา แต่สวรรค์รู้"

เชอแตมยิ้มให้เขา

"แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่น เมื่อในสังคมนั้นมีแวมไพร์อาศัยอยู่ด้วยกันร้อยพ่อพันธุ์แม่ ต่างคนต่างความคิด มีเห็นด้วย ก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วย และแน่นอนมีพวกที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ของแวมไพร์ อาณาจักรแวมไพร์จึงถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่อยู่ภายใต้กฎหมาย กับฝ่ายที่ต่อต้านกฎหมาย"

อีธานหันมามองเชอแตม "ดังนั้น หากมนุษย์คนหนึ่งถูกแวมไพร์ปองร้าย โดยที่มนุษย์คนนั้นไม่เคยมีพฤติกรรมชั่วมาก่อน แวมไพร์ที่อยู่ภายใต้กฎหมายก็ย่อมจะทำหน้าที่ของตัวเองคือดูแลเขาคนนั้นให้เต็มที่"

เชอแตมมองหน้าอีธานนิ่ง "คุณได้รับคำสั่งให้มาดูแลฉันอย่างนั้นหรือคะ"

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้" อีธานตอบ

เชอแตมรู้สึกผิดหวังนิด ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าผิดหวังเรื่องอะไร

"แล้วแบบนี้คุณมีหน้าที่ต้องดูแลมนุษย์คนไหน นอกจากฉันอีกมั้ยคะ"

ถ้าเขาตอบว่ามี เธอจะไม่ยอมจริง ๆ ด้วยนะ ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้

อีธานยิ้มมุมปาก "คุณคนเดียวผมก็แทบไม่เป็นอันได้ทำอย่างอื่นแล้ว จะมีมนุษย์อีกคนให้ดูแล คงไม่ไหว"

"แล้วการที่คุณต้องมาดูแลฉันแบบนี้ แวมไพร์ตัวอื่นรู้มั้ยคะ"

อีธานเงียบไปครู่หนึ่ง เขากำลังสองจิตสองใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับเธอดีไหม แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกแค่ครึ่งหนึ่ง

"ความจริง เรื่องของคุณมันเป็นความลับ มีแวมไพร์เพียงไม่กี่ตนที่รู้ว่าผมต้องมาดูแลคุณ"

ไม่กี่ตนของอีธานคือ สองตนเท่านั้น แต่ตอนนี้ออสการ์รู้แล้วคงทำให้พวกของมันรู้ด้วย

เชอแตมอึ้งไปนิดหนึ่ง "ทำไมมันถึงเป็นความลับล่ะคะ"

"ไม่รู้สิ ผมมีหน้าที่แค่ดูแลเท่านั้น" อีธานจำเป็นต้องโกหก ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องรู้เรื่องราวมากกว่านี้

"ก่อนหน้าที่คุณต้องมาดูแลฉัน คุณเคยดูแลใครมาก่อนหรือเปล่า" เชอแตมยังไม่เปลี่ยนบทสนทนาไปไหน อีธานรู้ว่าเธอเกิดอาการหวงเขาขึ้นมา เขาก็ยิ้มกรุ้มกริ่มกับตัวเอง

"เคย" เขาตอบสั้น ๆ ให้เธอได้ร้อนรุ่มเล่น ๆ

และมันก็สำเร็จ เธอเบิกตาโตไม่พอใจ "ใครคะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย"

อีธานยิ้มมุมปาก "ผู้หญิง" เขาตอบตามความจริง พอแง้มดูสีหน้าของสาวเจ้าข้าง ๆ ตัว เขาก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา สีหน้าและแววตาไม่พอใจราวกับจะให้เขาย้อนอดีตกลับไปแก้ไขมันใหม่

"แต่คุณเป็นมนุษย์ผู้หญิงคนแรก ที่รู้ว่าผมเป็นแวมไพร์ และเป็นคนแรกที่ได้ใกล้ชิดผมขนาดนี้" เขาหวังว่าคำพูดนี้คงทำให้เธอโล่งอกขึ้นมาได้ และมันจริงอย่างที่เขาคิด เชอแตมอมยิ้มจนแก้มแทบระเบิดออกมา

อีธานหันไปมองหน้าเธอ "ไง สบายใจมั้ย" เขาถาม เชอแตมมองตาเขาแล้วหุบยิ้ม เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นเมินเฉย ราวกับว่าเรื่องที่เขาพูดไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเธอสักนิด

"ทำไมต้องสบายใจ ฉันก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรนี่"

อีธานยิ้มมุมปาก เขาไม่ตอบโต้เธอ เพราะรู้ว่าเธอกำลังปากแข็ง

"อาบน้ำนอนได้ละ" เขาเอ่ยไล่เธอ ราวกับพ่อกำลังสั่งลูก เชอแตมแบนปากให้เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย

อารมณ์ของเชอแตมมันดีแค่ไหนสังเกตได้จากเธอร้องเพลงไปด้วยขณะอาบน้ำ และเธอไม่รู้เลยว่า อีธานมายืนแอบฟังเงียบ ๆ พร้อมกับหัวเราะเพียงคนเดียว

เชอแตมเข้านอนตอนห้าทุ่มเศษ ซึ่งมันเร็วกว่าปกติ อาจจะเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากเรื่องที่เพิ่งเจอมาวันนี้ อีธานนั่งมองเธอหลับไปจนสนิทบนเตียง แล้วเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปยังระเบียง

เขาประหลาดใจมากเมื่อเจอใครบางคนมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเชอแตม ในท่าที่กำลังหันหลังให้เขา อีธานจำได้ดีแม้จะเป็นแค่ข้างหลัง

"สวัสดีครับอา ไม่เจอกันนานเลยนะครับ"

น่าแปลกใจไม่น้อยที่ผู้เป็นอา น้องชายคนเดียวของบิดาเขามาหาเขาถึงห้องของเชอแตม อาคนนี้มีงานที่ต้องทำเยอะแยะมากมาย หากอามาหาเขาแบบนี้ได้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญ

"แม่หนูคนนั้นเป็นยังไงบ้าง" อาพูดกับเขาทั้งที่ยังหันหลังให้แบบนั้น

"ตอนนี้ไม่น่าเป็นห่วงครับ แต่อนาคตไม่แน่ ผมคิดว่าเฮนรี่กับออสการ์คงกำลังหาวิธีอย่างหนักเพื่อเอาตัวเธอให้ได้"

"หลานต้องดูแลเธอให้ดี เธอเป็นกุญแจเพียงดอกเดียวของเหล่าแวมไพร์ ถ้าเธอหลุดไปอยู่ในมือของฝ่ายเฮนรี่ได้ ถึงเวลานั้นพวกเราก็อาจจะสูญสิ้น และที่แย่กว่านั้น มนุษย์ก็อาจจะเดือดร้อนเช่นกัน"

"ครับอา"

ความเงียบปกคลุมทั้งคู่อึดใจ ก่อนที่อีธานจะเอ่ยออกมาว่า

"ผมคิดว่า วันหนึ่งเฮนรี่มันต้องใช้วิธีนั้นแน่ ๆ ครับอา เพราะวิธีวันนี้มันคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่สำหรับพวกมัน"

อีธานกำลังพูดถึงแวมไพร์ที่บุกไปจับตัวเชอแตมกลางวันแสก ๆ เขาเดาว่าออสการ์คงจะบังคับแวมไพร์ลูกสมุนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง จนมันต้องฝืนใจฝ่าดงแสงแดดมาเอาตัวเธอ อย่างออสการ์คงข่มขู่แวมไพร์ตัวนั้นถึงชีวิต มันถึงได้กล้าฝ่าดงแสงแดดมาขนาดนั้น ชีวิตของมันคงไม่มีทางเลือก ไม่ทำก็ตาย ถ้าทำก็อาจจะแค่มีแผลพุพองติดตัวไปตลอด แต่รักษาให้หายได้หากใช้เวลาพักฟื้น ซึ่งมันนานทีเดียว

"มันต้องใช้วิธีนั้นแน่ ๆ แค่มันรอเวลาแห่งความกล้าของมัน" ผู้เป็นอาพูด ทั้งคู่ก็เข้าสู่โหมดความคิดของตัวเองก่อนที่ผู้เป็นอาจะทำลายความเงียบ

"อีธาน" แวมไพร์ผู้อาวุโสกว่าเรียกเขา

"ครับอา" อีธานขานรับ

"หลานคงไม่ได้กำลังหวั่นไหวกับแม่หนูคนนี้หรอกใช่ไหม"

ผู้เป็นอาเอ่ยถามตรง ๆ อีธานนิ่งเงียบไปทันที เขาไม่ตอบแต่มันกลับเป็นคำตอบที่แสนจะชัดเจนให้กับผู้เป็นอา

"หลานน่าจะรู้จุดจบมันจะเป็นยังไง"

อีธานเงียบไป ไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น จริง ๆ เขารู้ดี รู้มาตลอด และพยายามมาตลอด และก็แพ้ใจตัวเองตลอด

"อาเป็นห่วงหลานนะ" ผู้เป็นอาพูดจบก็หายตัวไปทันที ทิ้งให้อีธานยืนโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง เขาเป็นแวมไพร์ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีหัวใจ แต่ทำไมเขารู้สึกเจ็บราวกับมีหัวใจเต้นอยู่ข้างในตัวเขาเอง และมันเต้นแบบที่ทำให้เขาตายได้โดยไม่ต้องใช้ลิ่มแหลม ๆ แทงทะลุเข้ามา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel