บทที่ 10 หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกา 1
แสงแดดยามเช้าสาดทอลอดช่องประตูกระจกที่ถูกแง้มไว้นิด ๆ เข้ามา ทำให้เชอแตมต้องหยีตารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในยามเช้า เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เข้ามาอยู่ในสมองเป็นอย่างแรกก็คือ อีธาน
เมื่อคืนเขายืนอยู่ที่ริมระเบียง โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขายืนอยู่แบบนั้นทั้งคืนหรือเปล่า และไม่รู้เลยว่าเขากลับไปตอนไหน แต่ครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะไม่รู้สึกตัวคือ เธอจำได้ว่ายังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ
เชอแตมอมยิ้มเมื่อกำลังจินตนาการว่าเขาอุ้มเธอมานอนที่เตียง แต่เมื่อคิดอีกทีอย่างเขานี่หรือจะอุ้มเธอ เขาน่าจะหิ้วปีกเธอมาโยนไว้บนเตียงเสียมากกว่า แต่พอนึกอีกที อีธานไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนั้นหรอก
เป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่เห็นเขาเลยในเวลากลางวัน โดยส่วนใหญ่แล้วทั้งเขาและออสการ์จะโผล่มาหาเธอเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น พอนึกดี ๆ เชอแตมก็สงสัยขึ้นมาว่าแวมไพร์ไม่ใช้ชีวิตในเวลากลางวันเลยหรือ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ใช้ชีวิตได้แค่เวลากลางคืนล่ะสิ มันเป็นเรื่องจริงหรือที่แวมไพร์กลัวแสงแดดอย่างที่ตำนานกล่าวไว้ เธอได้คำถามที่จะถามเขาคืนนี้อีกคำถามแล้ว
เชอแตมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มองดูเสื้อนักศึกษาในถุงที่อีธานคาดคั้นคำตอบจากเธอเมื่อคืน เธอแอบเข้าข้างตัวเองว่า เขาสนใจเสื้อตัวนี้ทำไมนะ เขาหึงเธอหรือเปล่า ส่วนลึกเธออยากให้มันเป็นแบบนั้น
เชอแตมส่ายหัวแล้วเดินทางไปมหาวิทยาลัยทันที
เป็นอีกวันที่เชอแตมมาขลุกอยู่ในห้องสมุดหลังจากหมดคาบเรียน และวันนี้ป๊อบคอร์นก็มานั่งด้วย เธอสนใจเรื่องหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาของเชอแตมมาก เชอแตมรู้สึกคิดผิดถนัดที่เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนรักหวีดสยองของเธอฟัง เธอน่าจะฉุกคิดได้สักนิดว่าเพื่อนรักของเธอจ้องแต่จะหาหนุ่ม ๆ มาประเคนให้เธออยู่แล้ว ยิ่งเธอเจอหนุ่มหล่อลากดินขนาดนี้ ซ้ำเธอยังมารอเขาขนาดนี้ ยัยเพื่อนรักก็เข้าใจผิดไปใหญ่ ว่าอย่างน้อยเธอต้องมีใจ
"ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขา" เชอแตมปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อป๊อบคอร์นจ้องหน้าคาดคั้น
"อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลย แกมุ่งมั่นมากเลยนะที่จะคืนเสื้อให้พ่อหนุ่มคนนั้นให้ได้ เป็นฉันนะ ถ้าไม่หล่อไม่น่าสนใจ ฉันปล่อยผ่าน เลิกคิดที่จะไถ่โทษตั้งแต่วันนั้นละ"
"ก็แกมันคนไม่มีจิตสำนึกน่ะสิ" เชอแตมแขวะ ป๊อบคอร์นเบ้ปาก
"ถ้าฉันเป็นคนมีจิตสำนึก ฉันจะคบแกได้ไงล่ะ"
เชอแตมย่นคิ้ว "นี่แกแอบด่าฉันเหรอ"
ป๊อบคอร์นทำปากจู๋ "แก ฉันปวดฉี่ว่ะ ไปห้องน้ำแป๊บนะ ถ้าเจอพ่อหนุ่มคนนั้น แกอย่าเพิ่งให้เขาไปก่อนที่ฉันจะได้เจอนะ"
เชอแตมยิ้มมุมปาก "อืม ไปเถอะ" ป๊อบคอร์นจ้องหน้าเพื่อนรักแววตารู้ทัน
"หึ อย่ามาทำเป็นรับปากง่าย ๆ ฉันรู้หรอกนา ว่าแกคิดอะไรอยู่"
เชอแตมเลิกคิ้วสีหน้ายั่วยวน "จ้ะ กลับมาให้ทันนะ เผื่อบังเอิญฉันเจอเขา"
ป๊อบคอร์นแลบลิ้นตรงมุมปากให้เชอแตมก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปห้องน้ำ เชอแตมส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมหัวเราะนิด ๆ ให้กับเพื่อนรัก เธอจะบอกให้หนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นรอป๊อบคอร์นให้โง่สิ ถ้าป๊อบคอร์นได้เจอเขามีหวัง เขาต้องอยู่ไม่สุขแน่ เพราะยัยเพื่อนรักแปดหลอด จะต้องตามรังควานอ้อนวอน ทำทุกวิถีทางให้หนุ่มคนนี้มาจีบเธอให้ได้แน่ คิดแล้วก็นึกไปถึงอีธาน ต่อให้ใครหน้าตาดีแสนดีแค่ไหน ก็สู้แวมไพร์โหดมาดเท่ห์คนนี้ไม่ได้เลย
มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียนี่กระไร เมื่อชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นเดินผ่านหน้าเชอแตมมาพอดี หลังจากป๊อบคอร์นออกไปได้สิบวินาที
"คุณคะ! " เชอแตมรีบเรียกเขาไว้ทันที พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหาเขาแสดงสีหน้าดีใจราวกับว่าเจอขุมทรัพท์ล้ำค่า เขาหันมามองเธอ แล้วยิ้มให้
"คุณนั่นเอง" เขาเอ่ยออกมา เชอแตมแปลกใจที่เขายังจำเธอได้ คิดว่าลืมกันไปเสียแล้ว เธอดีใจที่ไม่ต้องเท้าความอะไรมากมาย เชอแตมไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอไปหยิบถุงเสื้อมา แล้วยื่นให้เขา
"นี่ค่ะ เสื้อคุณ ฉันพยายามหาไซส์ที่คิดว่าเป็นไซส์ของคุณนะคะ หวังว่าคุณคงใส่ได้"
เขารับเสื้อมา แล้วมองมันด้วยแววตาประหลาดใจ "โห ผมนับถือคุณจริง ๆ เลย ไม่ต้องถึงกับซื้อให้ก็ได้นะครับ ผมบอกแล้วผมมีหลายตัว"
"ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ฉันได้คืนเสื้อให้คุณแล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งแล้วล่ะค่ะ"
ชายหนุ่มมองหน้าเชอแตมแล้วยิ้มให้ไม่แบบไม่เห็นฟัน เขายิ้มหวานซะจนเชอแตมนึกถึงป๊อบคอร์นขึ้นมา ไม่ได้แล้ว ผู้ชายคนนี้ต้องรีบไปไม่งั้น เขาจะรู้สึกโชคร้ายไปตลอดชีวิต
"เอ่อ ฉันไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่าค่ะ"
เชอแตมเอ่ย หวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่พูดอะไรยืดเยื้อต่อ
"ครับ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ"
"โอ๋ย! อย่าถึงขนาดนั้นเลยค่ะ อย่าเจอกันอีกเลยดีกว่า ฉันเป็นห่วงคุณ"
แม้จะคิดในใจแบบนั้น แต่เชอแตมก็ตอบอีกอย่างว่า "ค่ะ"
"แล้วเจอกันนะครับ" ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนที่เขาจะเดินจากไป
แล้วมันช่างบังเอิญอีกแล้วเมื่อป๊อบคอร์นเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี และสวนทางกับเขาพอดี แต่โชคดีมากที่ทั้งคู่ไม่ได้มองหน้ากันเลย ป๊อบคอร์นมองเลยมาที่เชอแตม เชอแตมเห็นดังนั้นจึงพยายามยิ้มให้แบบเป็นที่สะดุดตาที่สุด
ป๊อบคอร์นมาถึงก็หรี่ตาใส่เพื่อนรัก "แกยิ้มแปลก ๆ ป่ะวะ" ป๊อบคอร์นสังเกต แล้วเบิกตากว้างอ้าปากค้าง "นี่แกเจอพ่อหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาของแกแล้วใช่มั้ย! "
เชอแตมอมยิ้มให้ป๊อบคอร์น แล้วจุ๊ปากเบา ๆ เพราะทั้งคู่กำลังอยู่ในห้องสมุด ป๊อบคอร์นมองไปรอบ ๆ ตัวเพราะเมื่อสักครู่เธอเสียงดังไปจริง ๆ โชคดีที่มีคนมานั่งอ่านหนังสือไม่เยอะ สายตาที่มองมาเลยไม่เยอะจนน่ากลัวสักเท่าไหร่
"แล้วเขาไปไหนแล้ว แกนี่นะ จริง ๆ เลย"
"เขาสวนกับแกไปตะกี๊นี้เอง"
ป๊อบคอร์นอ้าปากค้าง "คนไหนวะ" เจ้าหล่อนไม่รอคำตอบ กลับวิ่งเบา ๆ ไปยังทางที่คิดว่าชายหนุ่มจะออกไป และพยายามกวาดสายตาหาจนทั่ว เผื่อเจอคนหน้าตาดีอย่างที่เชอแตมเคยเล่าให้ฟัง
ป๊อบคอร์นกลับมาหาเพื่อนรักเมื่อไม่เจอใคร สาวเจ้าแสดงสีหน้าไม่พอใจ
"จำไว้เลยนะอิเชอ"
"จ้ะ ฉันจะจำไว้" เชอแตมตอบแล้วยิ้มกว้างหวานแหววให้เพื่อนรักแปดหลอด
เชอแตมเดินกลับห้องมาในเวลาหกโมงเย็น ระหว่างทางก็นึกขึ้นได้ว่า เธอลืมถามชื่อแซ่ของชายหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนั้นอีกแล้ว วันนี้ความคิดเธอมันช่างแปลก ๆ มีแต่เรื่องหนุ่มเสื้อเปื้อนปากกาคนนี้อยู่ตลอดเวลาเลย ทั้ง ๆ ที่เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเชิงชู้สาวกับเขาเลย ไม่มีเลยสักนิด เธอสาบานได้ แต่ทำไมเขาทำให้เธอสนใจนัก
เดินเล่น ๆ พลาง ๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนกลับมาถึงห้องในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เธอไขกุญแจห้องแล้วเปิดประตูเข้ามา อย่างแรกเลยคือเปิดไฟ ถอดรองเท้าเรียบร้อย หลังจากนั้นเงยหน้าขึ้นมาขากำลังจะก้าวเข้าห้อง
"ว้าย! " เธอร้องอุทานขึ้นมาเสียงดัง มือทาบอก เธอหายใจเอาอากาศเข้าปอดและจอดอยู่ตรงประตูครู่หนึ่ง
อีธานนอนพิงหัวเตียงขายืดยาวไขว้กัน มือสอดประสานกันตรงศีรษะ สายตามองมายังเชอแตมแบบเรียบเฉย
เมื่อคิดว่าความตกใจมันอันตรธานไปแล้วครึ่งหนึ่ง เธอก็หันมาเอ็ดชายหนุ่มที่ถือวิสาสะนอนบนเตียงเธอทันที
"มาทำไมป่านนี้ ทีหลังกรุณามาตอนที่ฉันอยู่ห้องได้มั้ยคะ มาแบบนี้ฉันหัวใจวายตายขึ้นมาทำไง"
อีธานยิ้มมุมปาก "ไม่อยากอยู่ห้อง เบื่อ เลยมานอนเล่นที่นี่เวลานี้ซะเลย"
เชอแตมเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ เอาสัมภาระวางไว้ที่โต๊ะ แล้วหันมายืนกอดอกเผชิญหน้ากับแวมไพร์โหดคนนี้ เธอกำลังกังวลเรื่องการอาบน้ำของเธอ
"เป็นคนขี้เบื่อกับเขาด้วยเหรอ"
อีธานเหล่ตามองเธอ แล้วก็เสมองตรงไป "ที่จริง คิดถึงเจ้าของห้องมากกว่า เลยรีบมา"
เชอแตมช็อกไปครู่หนึ่ง เมื่อกี๊เธอได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า "คุณว่าอะไรนะ" เธอถาม
อีธานลุกขึ้นมานั่งไขว่ห้าง มือกอดอก มองหน้าเธอแววตาหวานเยิ้ม แต่เชอแตมมองออกว่าเขาแกล้งเธอ
"ไปหาหมอละยัง" เขาถาม เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น
"หาหมอ หาหมอทำไม"
"ก็หูคุณมันยังตึงอยู่ไม่ใช่เหรอ" อีธานแขวะเธออีกแล้ว เชอแตมเม้มปากแน่น ถอนหายใจ เธอควรหาวิธีใหม่เพื่อรับมือกับปากที่มีสุนัขอาศัยอยู่หลายตัวแบบนี้ของเขา
"แหม คิดถึงฉัน แสดงว่า...หลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ" เชอแตมเล่นหูเล่นตากลับไปบ้าง ในเมื่อเขามาในรูปแบบที่จะทำให้เธออาย เธอก็จะตอกกลับไปแบบเกลือจิ้มเกลือบ้าง
อีธานยิ้มมุมปาก เธอมาแบบนี้เข้าทางเขามากกว่า
"ผมคิดถึง...จูบคุณเมื่อคืนน่ะ" อีธานพูดช้า ๆ เนิบ ๆ ให้คนฟังรู้สึกอายขึ้นมาทีละนิด ๆ เชอแตมยอมรับ เขาเก่งในเรื่องที่ทำให้เธออายม้วนต่อหน้าเขาได้จริง ๆ เธอพ่นลมหายใจ แล้วพร้อมยิ้มอีกครั้ง
"อันที่จริงน่ะ นั่นไม่ได้เรียกว่าจูบนะคะ มันเรียกว่าแตะต่างหาก"
อีธานส่งสายตาแพรวพราวให้เธอ "งั้นดีเลย วันหลังผมจะสอน...จูบให้คุณเอง"
เชอแตมคิดว่าเธอไปไม่รอดด้านนี้แล้วล่ะ เธอควรเงียบไม่พูดอะไรดีกว่า เธอกลัวเขาจริง ๆ เขามักจะทำอะไรที่เธอคาดไม่ถึงเสมอ และมันก็ทำให้ใจเธอเต้นแรงทุกครั้ง อย่างตอนนี้แม้เขาจะไม่ได้จูบจริง แต่แค่เธอจินตนาการมันก็รู้สึกร้อนผะผ่าวไปหมดแล้ว
อีธานยิ้มมุมปาก เขาเห็นภาพจินตนาการนั้นของเธอ และแทบจะหัวเราะก๊ากออกมา
"จะทำอะไรก็ทำไปนะ ฉันไม่ยุ่งกับคุณแล้ว ในเมื่อคุณบอกว่ามาทำหน้าที่เฝ้าฉัน ก็แค่เฝ้านะคะ อย่าคิดทำอย่างอื่น แล้วฉันกำลังจะไปอาบน้ำ ห้ามคุณโผล่พรวดเข้าไปในนั้นโดยที่ฉันไม่อนุญาตนะ ไม่งั้น ฉันจะโกรธคุณจริง ๆ ด้วย ต่อให้คุณพาฉันไปยืนบนตึกเอมไพร์สเตทหรือบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดีอะไรก็แล้วแต่ ฉันก็ไม่มีวันหายโกรธคุณ"
อีธานยิ้มมุมปากแววตาขบขันให้เธอ "ผมคิดว่าเวลาที่คุณใส่เสื้อผ้ามันน่าดูกว่านะ"
เชอแตมกัดฟันกรอด พูดแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิงมันคือการดูถูกกันชัด ๆ เชอแตมสะบัดหน้าพรืด เดินกระทืบเท้าตึง ๆ และก็เจ็บเท้าเปล่า ๆ เพราะมันเป็นพื้นซีเมนต์ ไปหยิบผ้าขนหนู เสื้อผ้า เสื้อชั้นใน กางเกงใน ทุกอย่างแล้วหายไปในห้องน้ำ อีธานได้แต่หัวเราะหึหึ ให้กับท่าทางแสนงอนของเธอ
เขาคิดถึงเธอจริง ๆ อย่างที่ปากบอกนั่นแหละ แต่ที่มากกว่านั้นคือ เขาคิดว่าออสการ์คงพยายามอย่างหนักที่จะมาเอาตัวเธอไป มันคงไม่โผล่มาตอนเที่ยงคืนอีกแล้ว ต่อไปนี้มันอาจจะโผล่มาเวลาแบบนี้ และเมื่อเขารู้ทันมัน มันก็จะหาวิธีต่อไปอีก ที่เขากลัวมากตอนนี้คือ กลัวมันทำในสิ่งที่แวมไพร์ไม่กล้าทำกันกับเวลากลางวัน
เชอแตมออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่ผมเปียก ใส่ชุดนอนแบบเสื้อกางเกงลายขวางขาวสลับดำตัวหลวมโคร่ง เธอเช็ดผมพลางขณะเดินออกมา อีธานไม่ได้นั่งอยู่บนเตียงเธอแล้ว และเขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย
เชอแตมชะเง้อคอมองออกไปที่นอกระเบียง เธอถอนหายใจโล่งอกเขายืนอยู่ตรงนั้น เธอกำลังจะหันหลังกลับเพื่อไปนั่งเช็ดผมให้แห้งที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ตึก!
เธอชนเข้ากับหน้าอกของอีธานจนตัวเองรู้สึกมึนหัวนิด ๆ เชอแตมไม่ได้ชนแรงจนถึงขั้นต้องล้มลงไป แต่เพราะอกเขามันแน่นและแข็งซะเหลือเกิน เธอเลยต้องเอามือแตะหน้าผากตัวเองลูบป้อย ๆ ด้วยความมึน
เมื่อกี๊เธอเห็นเขายืนอยู่ที่ระเบียงอยู่เลย จู่ ๆ ก็มายืนข้างหลังเธอในเสี้ยววินาทีได้ยังไง เหนือมนุษย์จริง ๆ
เชอแตมจิ๊ปาก สีหน้าหงุดหงิด "เข้ามาก็อย่ามาขวางกันแบบนี้สิ ฉันมึนนะรู้มั้ย"
อีธานยิ้มมุมปาก "หอมจัง"
อีธานพูดในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือยังลูบป้อย ๆ อยู่ที่หน้าผากอยู่เลย เธอเงยหน้ามองเขางุนงง
"อะไรหอมคะ" เธอถาม แววตาไร้เดียงสามาก
อีธานไม่ตอบ เขามองหน้าเธอนิ่ง ผู้หญิงเวลาเพิ่งอาบน้ำเสร็จมันดูน่ารักไปอีกแบบ เชอแตมมองแววตาเขาแล้วรู้สึกร้อนผะผ่าว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งอาบน้ำมา
"คุณมองอะไรของคุณน่ะ" เชอแตมถาม สีหน้าระแวดระวัง
อีธานไม่ตอบอีก เขายักไหล่ แล้วเดินไปนั่งที่เตียงของเธอ เชอแตมมองตามหลังแล้วขมวดคิ้วมุ่น "อะไรของเขา"
เธอไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดพัดลมเป่าผมพร้อมเช็ดไปด้วยแทนการไดร์ แน่นอนว่าไม่ใช่พัดลมตัวเก่าที่เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตัวที่ป๊อบคอร์นสั่งให้เปิดบ่อย ๆ เวลาโทร.มาหาเธอตอนเที่ยงคืนแน่ ๆ หากเปิดตัวนี้มีหวัง อีธานได้แพ่นกบาลเธอ สาเหตุเพราะมันเสียดแทงแก้วหูเขา
อีธานนอนยาวอยู่บนเตียงเธอ สายตามองข้างหลังสาวเจ้านิ่งเฉย หากแต่ความคิดแล่นพล่านไปหมด เชอแตมไม่ได้สนใจเขานัก เพราะเธอนั่งหันหลังให้ เธอมีสมาธิกับการเช็ดผมของตัวเองมากกว่า
"อีธาน แวมไพร์กลัวแสงแดดเป็นเรื่องจริงเหรอคะ" เชอแตมถามขณะที่ตัวเองยังเช็ดผม
"อื้ม" เขาตอบในลำคอ สายตายังไม่ไปไหน
"งั้นแสดงว่ากลางวันคุณก็ออกไปไหนไม่ได้ล่ะสิ"
"ไม่เชิงหรอก"
"ฉันไม่เข้าใจ"
"จริง ๆ แล้วแวมไพร์โดนแสงแดดไม่ได้น่ะ เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เพราะแสงแดดจะเผาไหม้เราจนตายหรอกนะ แต่แสงแดดทำให้ผิวหนังของเราไหม้เกรียม พุพอง คล้าย ๆ กับมนุษย์ที่แพ้แสงแดดมากจนผิวหนังเปื่อยยุ่ยนั่นแหละ และที่เขาบอกว่าแสงแดดเผาแวมไพร์จนตายไม่ใช่ตายในเสี้ยววินาทีที่โดนแสงแดด หากแต่ค่อย ๆ ตายช้า ๆ หากเราโดนแสงแดดบ่อย ๆ และที่มากกว่านั้น มันเสี่ยงกับการถูกมนุษย์จับได้ว่าเราเป็นแวมไพร์ จากที่เราอยู่กันแบบสงบ ๆ มันก็จะไม่สงบอีกต่อไป"
เชอแตมฟังพลางเช็ดผมพลาง เธอพยักหน้าช้า ๆ เข้าใจ "แล้วมีวิธีป้องกันตัวจากการโดนแสงแดดมั้ยคะ แบบใส่เสื้อผ้ามิดชิดอะไรพวกนี้"
"เสื้อผ้าไม่ได้ช่วยให้เรารอดพ้นอาการปวดแสบปวดร้อนจากแสงแดดได้หรอก และก็ยังไม่มีแวมไพร์ตนไหนคิดค้นเสื้อผ้าที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ด้วย"
"แล้วมันมีวิธีอื่นมั้ยคะ ที่ทำให้แวมไพร์ใช้ชีวิตในเวลากลางวันได้"
"อาจจะมี แต่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในหมู่แวมไพร์หรอก หรือถ้าสรุปง่าย ๆ ถึงมีก็เหมือนไม่มี"
เชอแตมหยุดเช็ดผมไปครู่หนึ่ง เธอมองไปที่เขา เขากำลังมองเธออยู่เช่นกัน และเธอไม่รู้ว่าเขามองอยู่ตลอดเวลาที่อธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง
"งั้นแสดงว่า ทั้งคุณและออสการ์ ก็ไม่เคยออกมาเดินเล่น ไปไหนมาไหนตอนกลางวันเลยสิคะ"
"ไม่ใช่แค่ผมและเขา แวมไพร์ทุกตนเลยต่างหาก ที่จริงควรจะพูดว่า พวกเราไม่อยากเสี่ยงตายโดยการออกไปไหนมาไหนในเวลากลางวันดีกว่า เพราะมันไม่คุ้มเลยแม้แต่นิดเดียว เสี่ยงทั้งผิวหนังไหม้เกรียมทีละนิด ๆ เสี่ยงทั้งโดนมนุษย์จับได้"
เชอแตมพยักหน้าเข้าใจ เธอเช็ดผมต่อ
"แล้วถ้ามีแวมไพร์ที่บ้าบิ่นออกมาเดินในเวลากลางวันล่ะคะ"
"แสงแดดไม่ปราณีพวกเราหรอก แวมไพร์ที่ออกมาเดินไปไหนมาไหนกลางวัน พวกเขาจะรู้ด้วยสัญชาตญาณเองว่า อย่ามาเดินดีกว่า"
"แบบนี้สินะ คุณถึงได้ชอบเดินเล่นเวลากลางคืน เพราะคุณไปไหนมาไหนเวลากลางวันไม่ได้"
เชอแตมถามหันไปมองหน้าเขาครึ่งตัว มือยังเช็ดผมอยู่ อีธานเว้นระยะการตอบครู่หนึ่ง
"จริง ๆ แล้วผมไม่ใช่แวมไพร์ที่ชอบเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืนอย่างที่ออสการ์มันว่านั่นแหละ"
"คงอย่างงั้น" เขาตอบ
"อย่างน้อยฉันก็สบายใจไปเปราะหนึ่งนะคะ ออสการ์มันเล่นงานฉันตอนกลางวันไม่ได้" เชอแตมพูดแล้วยิ้มกว้าง
อีธานยิ้มมุมปาก "อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย"
เชอแตมหุบยิ้มทันที เอามือลงมาวางไว้บนตักฉับ "อ้าว! ก็ไหนคุณบอกว่าแวมไพร์จะไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรตอนกลางวันหรอก ไม่ใช่เหรอคะ"
"มันไม่เอาตัวเองมาเสี่ยงน่ะใช่ แต่ก็ใช่ว่ามันจะหาเหยื่อล่อไม่ได้นี่"
เชอแตมขมวดคิ้วมุ่น "แต่เท่าที่ผ่านมา ฉันก็ปลอดภัยดีในเวลากลางวันนะคะ"
"คุณอย่าประมาทหน่อยเลย"
"แล้วอย่างนี้ ฉันต้องระวังตัวยังไงล่ะ คุณเองก็ออกมาในเวลากลางวันไม่ได้"
คุณพระคุณเจ้าล่ะมั้งที่อาจจะช่วยคุณได้"
เชอแตมไม่รู้ว่าอีธานพูดจริงหรือเปล่า หากเกิดอะไรขึ้นในเวลากลางวัน เขาไม่สามารถมาช่วยเธอได้ แล้วมันจะไม่มีวิธีไหนที่เขาสามารถออกมาได้เลยเหรอ
เชอแตมถอนหายใจ ทำไมแวมไพร์ต้องมีข้อจำกัดเรื่องเวลาด้วยนะ ถ้าโลกนี้ไม่มีแสงแดด เธอก็จะได้เจอเขาได้ตลอด แต่ในทางกลับกันชีวิตของเธอและมนุษย์โลกก็จะมืดมนไปตลอดกาล
อีธานไม่ได้พูดจริง เขาพูดไปเพราะไม่อยากตอบอะไรที่ทำให้เธอมีความมั่นใจในตัวเขาขึ้นมา เพราะหากเขาทำไม่ได้อย่างที่บอก เธอก็จะผิดหวัง เขายอมที่จะไม่บอกและค่อยทำให้เธอเห็นเองจะดีกว่า
เชอแตมเช็ดผมจนเกือบแห้งสนิทดีแล้ว เธอก็ปิดพัดลมเอาผ้าขนหนูไปเก็บ อีธานก็ลุกขึ้นจากเตียงมายืนพิงโต๊ะอ่านหนังสือของเชอแตมแทนอย่างกับคนรู้งาน เพราะเขาอ่านใจเชอแตมได้ว่า เช็ดผมเสร็จก็จะนอนแล้ว
เชอแตมหันมาก็รู้สึกประหลาดใจที่เขาลุกจากเตียงเธอเองโดยที่เธอไม่ต้องไล่ เธอเดินมายืนข้างเตียงมองหน้าเขา
"อีธาน" เชอแตมเรียกเขา น้ำเสียงอ่อนโยน อีธานสังเกตท่าทางเธอก็รู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เขาหัวเราะเธอก็ได้ เพราะเธออึกอักที่จะพูดออกมา
"ครับ" อีธานขานรับ เชอแตมมองเขานิ่งอึ้ง คำพูดที่กำลังจะพูด มันหายไปชั่วขณะเพียงเพราะคำขานรับของเขาว่า ครับ
มันแทบไม่ใช่เขา เขาไม่น่าสุภาพกับเธอได้ขนาดนี้
"ไหน จะพูดอะไร รออยู่นานแล้วนะ" อีธานเตือน เชอแตมตื่นจากภวังค์ก็รีบเอ่ยออกมา
"คือว่า ฉัน...ขอบคุณนะคะ ที่คุณคอยดูแลฉันแบบนี้ทุกคืน"
เชอแตมอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่สำหรับคนอย่างเขา หากเธอร่ายยาวมากกว่านี้ มันก็ไม่ต่างกับเธอแทบไม่พูดอะไรเลย เพราะเขาจะรับเอาคำพูดของเธอไปเพียงสองสามคำเท่านั้น เพราะสิ่งที่เธอจะได้รับกลับมา ก็อาจจะเป็นคำกวน ๆ จากเขาที่ทำให้เธอหงุดหงิดก็ได้
อีธานยิ้มมุมปาก เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ยืดตัวยืนตรง
"ผมเก็บค่าตอบแทนอยู่แล้ว"
เชอแตมอ้าปากค้าง นั่นไง โชคดีที่ไม่พูดมากกว่านี้
"ค่าตอบแทน อะไร เงินเหรอ"
อีธานยิ้มมุมปากส่ายหน้ากวน ๆ ช้า ๆ พร้อมกับเดินเอื่อย ๆ เข้ามาหาเธอ เชอแตมก็ถอยหลังไม่ได้ซะด้วยสิ เพราะข้างหลังเธอเป็นเตียง
