บท
ตั้งค่า

Episode 02: I am pregnant with your baby!【1】

คิดถึงสาเหตุที่อาร์มาวางไข่ใส่ผมทั้งคืนจนไม่ได้นอนเลยแม้แต่งีบเดียว สรุปเอาเองได้ว่าที่อาร์ทำแบบนี้ คงเป็นเพราะเมาและเพราะจิตใต้สำนึกลึก ๆ แล้วอยากเอาชนะพ่อกวินทร์จากปมในวัยเด็กที่ครั้งหนึ่งเคยถูกพ่อกวินทร์สั่งห้ามเล่นวางไข่ เลยเผลอทำแบบนี้กับผม แต่นั่นไม่สำคัญแล้ว สำคัญที่สุดในตอนนี้คือผมจะทำยังไงกับไข่ของอาร์ที่อยู่ในตัวมากกว่า

และผมจะไม่มานั่งกลุ้มแบบนี้เลยถ้าหากว่าไข่นั่นเป็นไข่สำหรับการสร้างร่างใหม่ตามที่ชาวยูนิกมารุ่นพ่อคีธทำกันเมื่อสมัยที่ยังไม่มียาปรับสมดุลร่างกาย แต่ตอนนี้มันมีแล้วไง แค่กินยา ต่อให้อยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวไหน มันก็ไม่จำเป็นต้องวางไข่เพื่อการสร้างร่างใหม่ ยืดอายุชีวิตให้ยาวนานขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นไข่ของชาวยูนิกมาที่จะวางใส่อีกฝ่ายจะมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ...

ไข่สำหรับการสร้างทายาท

คิดไปอย่างนั้นเรียบร้อยแล้วทั้งที่จริง ไข่ที่อาร์วางมามันอาจจะเป็นไข่สำหรับการสร้างร่างใหม่ก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไง ชาวยูนิกมาก็ยังสร้างไข่ประเภทนั้นได้อยู่แม้ว่าจะเป็นลูกครึ่งก็ตาม แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้เลยด้วยไม่รู้แน่ว่าไข่นั่นมันผสมน้ำเชื้อหรือไม่ ถ้าผสม ก็เท่ากับว่าไข่ที่อยู่ในตัวผมตอนนี้คือลูกของผมกับอาร์ ยังไงก็ทำลายทิ้งไม่ได้

และยิ่งกังวลหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นคนตัวการนอนหลับอุตุ ส่งเสียงกรนคร่อกโดยไม่สนใจผมที่นั่งมองเขาอย่างเป็นกังวลจนฟ้าสางเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุด ผมก็ทนความวิตกกังวลนี้ไม่ไหว ลุกขึ้นไปค้นเอาแผ่นฟิล์มสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระมาแปะที่ขมับ หมายจะติดต่อหาพ่อคีธเพื่อขอคำปรึกษา หากแต่พอแปะแผ่นฟิล์มปุ๊บ พ่อกวินทร์ก็ดันโทรวิดีโอคอลมาเข้าโทรศัพท์ผมเสียก่อน ทำให้ผมรีบแกะแผ่นฟิล์มออก แล้วเปลี่ยนไปรับสายพ่อกวินทร์อย่างรวดเร็ว

[อรุณสวัสดิ์คีตา ชีวิตหนุ่มมหา’ลัยวันแรกเป็นไงบ้าวง]

ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเลย น้ำเสียงสดใสของพ่อกวินทร์ก็ดังขึ้นก่อนแล้ว ผมเลยรีบคว้าเอาหูฟังมาเสียบเพื่อไม่ให้เสียงนั้นรบกวนอาร์ ก่อนตอบรับไป

“ดีครับ สนุกดี”

[พูดอย่างนี้แสดงว่าเมื่อคืนมีปาร์ตีรับน้องใหม่ใช่มั้ย]

ผมพยักหน้ารับ พ่อกวินทร์เลยถามต่อ

[แล้วลูกพ่อเมาหัวทิ่มไม่เป็นท่าหรือเปล่า มีสาว ๆ มาจีบมั้ย อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนสอยสาวมหา’ลัยไปแล้ว?]

ตอนถาม พ่อกวินทร์ก็ทำหน้าดุไปด้วย ผมเลยรีบปฏิเสธด้วยไม่อยากให้เขากังวลอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ไม่เมาครับ ไม่มีสาว ๆ มายุ่งด้วย”

แต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละ ผมสนิทกับพ่อกวินทร์ แค่มองสีหน้าผม เขาก็ดูรู้แล้วว่าผมผิดปกติไป ก่อนจะเงียบ จ้องหน้าผมเขม็งแล้วถามขึ้นมาใหม่

[ถ้าไม่ได้เมา ไม่ได้หิ้วสาวไปสนุกจนหมดแรง แล้วนี่ทำไมหน้าตาดูเหนื่อย ๆ ]

ถามมาแค่นี้ก็เล่นเอาผมเสียวสันหลังวาบ ไม่กล้าพูดเลยว่าที่ดูอิดโรยอย่างนี้เป็นเพราะไม่ได้นอนทั้งคืนด้วยเอาแต่คิดมากเรื่องถูกอาร์วางไข่ หากแต่การไม่ตอบรับในทันที ทำให้พ่อกวินทร์จับผิดผมมากขึ้น ก่อนจะว่าเสียงต่ำ

[คีตา มีอะไรปิดบังพ่ออยู่]

เท่านั้น ผมก็รีบส่ายหน้าทันที พลันรีบเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีครับ ผมก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

[เรื่อยเปื่อยที่ว่าน่ะคืออะไร]

นั่นไง เผยพิรุธให้พ่อกวินทร์เห็นแล้วแหง ๆ เขาถึงได้คาดคั้นจับผิดผมอย่างนี้ ผมรีบมองหาพ่อคีธบนหน้าจอโทรศัพท์ทันควัน กะว่าจะส่งสายตาเป็นเชิงขอให้เขาช่วย ทว่าพ่อกวินทร์ก็รู้ทันว่าผมมองหน้าใคร เลยโพล่งขึ้นมาอีก

[ถ้ามองหาพ่อคีธล่ะก็ ตอนนี้ไม่อยู่หรอก เมื่อเช้าเพิ่งจะออกกองไปเอง]

นึกขึ้นมาได้ฉับพลันว่าเมื่ออาทิตย์ก่อน เห็นพ่อ ๆ พูดกันอยู่ว่าพ่อคีธรับงานสตั๊นแมนให้กองถ่ายของหนังฮอลลีวูดเรื่องหนึ่งไป ป่านนี้คงจะกำลังยุ่งอยู่ งั้นเอาไว้หาจังหวะเหมาะ ๆ แล้วค่อยหาทางติดต่อพ่อคีธไปอีกครั้งก็แล้วกัน เขาน่าจะพกแผ่นฟิล์มสื่อสารติดไปด้วย

หากแต่การที่ผมเงียบคิดแผนการติดต่อพ่อคีธอยู่นาน ทำให้พ่อกวินทร์เอียงคอมองผมอย่างจับผิดอีกครั้ง ก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

[แล้วตกลงจะบอกพ่อได้หรือยังว่าเรื่องที่คีตาคิดเรื่อยเปื่อยคืออะไร]

ผมอยากจะตอบปฏิเสธไปเหลือเกินว่าไม่มีอะไร ทว่าพ่อกวินทร์ก็แทรกขึ้นมาก่อน

[ทำหน้าตาอมทุกข์แบบนี้ พ่อเป็นห่วงนะ]

คำว่า ‘เป็นห่วง’ คำเดียว กับสายตาที่มองผมด้วยความรัก ทำให้ผมไม่อาจจะเลี่ยงเขาได้ ยอมปริปากออกไปแต่โดยดี

“ผมแค่กำลังสงสัยว่าตอนพ่อท้องผม พ่อมีอาการบ้างก็แค่นั้นน่ะครับ”

ถามไป พ่อกวินทร์ก็ทำหน้ายุ่งขึ้นมาทันตา

[อาการที่ว่า หมายถึงอาการอะไร]

“ก็...แพ้ท้องอะไรพวกนั้น”

ผมว่าเสียงเบา พ่อกวินทร์ก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก

[ถามทำไมน่ะคีตา]

ผมเงียบ ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร และที่ถามไปอย่างนั้นก็เพราะคิดว่าถ้ามีอาการอะไรแปลก ๆ ที่บ่งบอกไปในทางแพ้ท้องเกิดขึ้นกับผม ผมจะได้ทันสังเกตตัวเอง

ความเงียบของผมทำให้หัวคิ้วพ่อกวินทร์ก็ยิ่งย่นอยู่ไปใหญ่ เห็นสีหน้าไม่สบายใจของพ่อกวินทร์แล้ว ผมก็อยากจะบอกความจริงให้รู้แล้วรู้รอดว่าผมโดนอาร์ทำอะไรมา แต่ก็ยั้งปากไว้ด้วยรู้ว่าถ้าพ่อกวินทร์รู้ เรื่องราวมันจะบานปลายใหญ่โตขนาดไหน

ก็นะ ลูกชายเพิ่งจะออกจากบ้านมาใช้ชีวิตเองแค่วันเดียวก็โดนวางไข่แล้ว ยังไงพ่อกวินทร์ก็ต้องตามมาแหกอกอาร์แน่ อะไรไม่ว่า ผมล่ะกลัวพ่อกวินทร์จะสร้างความเดือดร้อนให้ราชวงศ์ยูนิกมาด้วยถ้าหากเขาพลั้งมือฆ่าอาร์ตายคามือน่ะ

ผมกะว่าจะตัดสาย อ้างว่ามีเรียนเพื่อยุติสายตาจ้องจับผิดนั้น ทว่าจู่ ๆ พ่อกวินทร์ก็ทำหน้าตกใจขึ้นมากะทันหัน ตามมาด้วยแหกปากโวยวายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

[ยะ...อย่าบอกนะว่าคีตาไปทำลูกไอ้เจ๊กมันท้อง!? คีตา! ไปอยู่ที่อื่นวันเดียวเองนะเว้ย! จะไปทำคนอื่นท้องไม่ได้ โดยเฉพาะลูกไอ้เจ๊ก อย่าไปดึงเอามันมาเป็นทองแผ่นเดียวกันสิเว้ย!]

มะ...ไม่ใช่! ลูกไอ้เจ๊กมันทำผมท้องต่างหาก!

[มึงตายแน่ไอ้ลูกเจ๊ก!]

พ่อกวินทร์ขู่สำทับมาอีก อันนี้ไม่ได้พูดกับผมหรอก เหมือนบ่นอยู่คนเดียว แต่ก็ทำให้ผมเบิกตาโพลง เสียวสันหลังวาบขึ้นมาฉับพลัน

นี่ขนาดเขาเข้าใจว่าผมไปวางไข่ใส่อาร์นะ ยังโหดได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ความจริงว่าอาร์เป็นคนวางไข่ใส่ผม ก็เตรียมเกิดสงครามอวกาศได้เลย

“พะ...พ่อ ตั้งสติก่อนนะครับ ผมกับอาร์ไม่ได้มีอะไรกัน ไม่ต้องห่วง”

ผมรีบร้องบอกเมื่อเห็นว่าพ่อกวินทร์โวยวายมาให้ได้ยินแว่ว ๆ ว่าจะบุกมามหาวิทยาลัย แล้วทำท่าจะตัดสาย เสียงของผมทำให้พ่อกวินทร์พอจะตั้งสติขึ้นมาได้ ก่อนถามผมเสียงเครียด

[คีตาแน่ใจนะว่าไม่ได้ไปทำอะไรลูกไอ้เจ๊กมัน]

“แน่ใจครับ”

[แล้วมันก็ไม่ได้มาทำอะไรหนูใช่มั้ย]

“คะ...ครับ” รอบนี้ผมตอบได้ไม่เต็มเสียงแหละ

แต่ก็สบสายตาพ่อกวินทร์ตรง ๆ เป็นเชิงว่า ‘ผมพูดจริง’ พ่อกวินทร์เลยจ้องผมได้ครู่เดียว พลันล้มเลิกความตั้งใจไป

[งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย พ่อก็นึกว่าที่ถามเรื่องอาการแพ้ท้องเป็นเพราะคีตาไปวางไข่ใส่ไอ้เด็กบ้านั่น]

“ที่ถามก็เพราะผมแค่อยากรู้เฉย ๆ น่ะ พอดีเมื่อคืนมีเพื่อนถามน่ะครับ” ผมโกหกหน้าตายเมื่อนึกข้ออ้างขึ้นมาได้ฉับพลัน

พ่อกวินทร์ก็ทำท่าไม่เชื่อไปตามประสา ทว่าพอเห็นผมยิ้มให้น้อย ๆ เขาก็ถอนหายใจ แล้วเปิดปากเล่าทุกอย่างที่ผมสงสัยออกมาเป็นฉาก ๆ

กว่าจะวางสายจากพ่อกวินทร์ได้ก็ปาไปเป็นชั่วโมง เขาเล่าเรื่องอาการแพ้ท้องตอนท้องผมให้ฟังคร่าว ๆ ที่เหลือก็บ่นโน่นนี่ไปเรื่อย มีสั่งห้ามผมอีกชุดใหญ่ว่าอยู่ที่บ้านพักนักศึกษา ห้ามผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง เอาแต่จับใจความเรื่องอาการแพ้ท้องที่พอจะสรุปได้ว่า ตอนเขาท้องผม เขามีอาการอยากกินของหวานตลอดเวลา อารมณ์แปรปรวน และที่สำคัญคือเหม็นกลิ่นตัวพ่อคีธ

ฟังดูเหมือนจะไม่หนักหนา และอาการนี้ก็ไม่ได้เกิดกับทุกคนเพราะพ่อกวินทร์บอกว่าลุงริชาร์ดไม่มีอาการอะไรตอนท้องอาร์ และพ่อกวินทร์เองก็ไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆ ด้วยตอนท้องคินน์ ซึ่งก็หมายความว่าถ้าหากผมท้องลูกของผมกับอาร์จริง ก็เป็นไปได้ว่าผมอาจจะไม่มีอาการใด ๆ คงต้องสังเกตจากหน้าท้องที่ขยายตัวอย่างเดียวแทน

แต่ชาวยูนิกมาก็ตั้งท้องตั้งเก้าเดือนเหมือนกับชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี่นา กว่าจะเห็นว่าหน้าท้องเริ่มขยาย ก็คงจะต้องรอให้ผ่านไปก่อนสามสี่เดือนล่ะมั้ง

จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ผมควรปรึกษากับพ่อคีธต่างหาก

เท่านั้น ผมก็ไม่รอช้า รีบคว้าแผ่นฟิล์มมาแปะขมับ ติดต่อหาพ่อคีธทันที แต่อย่างที่รู้กันว่าพ่อคีธไปทำงาน เขาจึงไม่ตอบรับสัญญาณของผมเลยแม้แต่น้อย ติดต่ออยู่หลายครั้งจนชักหัวเสีย หงุดหงิดกับความเป็นลูกครึ่งยูนิกมาของตัวเองที่ความสามารถพิเศษในการฟังมีเพียงครึ่งหากเทียบกับยูนิกมาแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงจะคุยกับพ่อคีธผ่านการฟังในระยะไกลไปนานแล้ว

พยายามติดต่อพ่อคีธจนกระทั่งอาร์ซึ่งนอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา เห็นอย่างนั้น ผมเลยเก็บแผ่นฟิล์มลงใต้หมอน สายตาจับจ้องไปยังอาร์ที่ยกมือขึ้นคลึงศีรษะ ปรือตาขึ้นมองผมด้วยสายตางัวเงีย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel