บท
ตั้งค่า

Episode 01: The egg from the prince【2】

อาร์จัดการแซนด์วิซโดยเวลาไม่กี่นาที ดูท่าทางจะหิวมาก กินเสร็จก็เดินไปล้างมือ แล้วก็ทำท่าจะเดินกลับขึ้นห้องไปอีกครั้งโดยไม่แม้แต่จะขอบคุณผมสักนิด ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เจ้าชายนี่นะ มีเจ้าชายที่ไหนขอบคุณข้าราชบริพารบ้างล่ะ ยิ่งกับเจ้าชายที่หยิ่งยโสอย่างอาร์ด้วยแล้ว ไม่ต้องไปหวังอะไรเลย

ผมเลยทำท่าจะเดินกลับไปยังโถงกลางบ้านอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักขาเมื่อหูได้ยินเสียงของลูกครึ่งคนหนึ่งที่เมาได้ที่โวยวายเสียงดัง โวยวายไม่พอ ยังเข้าไปเกาะแกะอาร์อีก ไม่ได้เกาะแกะเพราะเห็นว่าอาร์หน้าตาดีหรืออะไรด้วยนะ แต่ไปเกาะแกะอาร์เพราะเห็นว่าอาร์ไม่มาเข้าร่วมวงต่างหาก

“เฮ้ย จะไปไหน ปาร์ตียังไม่เลิกเลย จะหนีไปนอนแล้วเหรอวะ เอิ๊ก” คนเมาพูด คว้าต้นแขนอาร์ไว้อีก อาร์เลยชักสีหน้าใส่ ก่อนว่าเสียงเรียบ

“ปล่อย” แล้วก็สะบัดออก หากแต่อีกฝ่ายไม่ปล่อย ถลาเข้าไปใกล้อีกต่างหาก

“กลัวเมาล่ะซี่ แหม เป็นถึงเจ้าชายแห่งยูนิกมา มากลัวมงกลัวเมา ใจเสาะนี่หว่า ทำเป็นวางท่าสูงส่ง เฮอะ ถ้าแน่จริงก็มาดวลดวดวอดก้ากันสิ รับรองเลยว่าฉันจะถล่มนายให้คว่ำ”

เริ่มพูดจาเลอะเทอะแล้วด้วย อะไรไม่ว่า มีการดูหมิ่นเกียรติของอาร์ในฐานะเจ้าชายอีกต่างหาก ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าพูดไปเพราะเมา แต่ก็ทำให้สีหน้าของอาร์โกรธขึ้งขึ้นมาทันตา และผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบโผล่หน้าออกจากห้องครัวไปยุติเหตุการณ์นั้นในฐานะผู้พิทักษ์ทันใด ไม่ใช่ว่ากลัวอาร์จะเป็นอันตรายหรอกนะ ได้กลิ่นลูกครึ่งพวกนั้นแล้วก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นพวกรักสงบเข้าขั้นขี้ขลาด แต่กล้าพูดเพราะเมาไม่ได้สติ ผมกลัวว่าอาร์จะอาละวาดมากกว่า

ก้าวเร็ว ๆ ไปถึงยังจุดเกิดเหตุได้ ก็รีบกระชากมือของลูกครึ่งคนนั้นออกห่าง ปากก็เตรียมจะอ้า ไล่อีกฝ่ายไป ทว่าอาร์ก็แทรกขึ้นมาโดยไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว

“นายหมิ่นเกียรติของเรามากเกินไปแล้วพวกสายพันธุ์ชั้นต่ำ ได้! ในเมื่อท้าทายกันถึงขนาดนี้ ก็จะได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่ใจเสาะ”

ผมหันขวับไปมองอาร์ทันที ปากจะร้องห้ามไม่ให้อาร์ทำอะไรแบบนั้น แต่อาร์ก็ผลักผมออก ความจริงแรงผลักของเขาไม่มากพอที่จะดันผมออกจากตรงนั้นได้หรอก แต่เพราะผมไม่ยอมขยับเขยื้อน อาร์เลยว่าเสียงแข็งใส่ผม

“ถอยไปคีตา ถ้าไม่อยากให้เราโมโหไปมากกว่านี้จนบ้านนี้อยู่กันไม่เป็นสุขล่ะก็ อย่ามาขวาง”

นั่นแหละ ผมเลยต้องรีบเปิดทางให้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอาร์สร้างเรื่องให้คนอื่นปวดหัวกันยกแผง

พออาร์เข้ามาในโถงบ้านได้ ทุกคนที่ครื้นเครงอยู่ก็หยุดทุกการเคลื่อนไหวทันที พูดตรง ๆ ว่าแค่โผล่หน้าบูด ๆ มา ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร บรรยากาศก็กร่อยไปทันตาแล้ว ส่วนอาร์ เดินเข้ามาได้ก็ทรุดตัวลงนั่งลงตรงข้ามกับคนท้าคนนั้น ผมเดินไปหยุดข้างหลังอาร์ กะว่าถ้ามีอะไรนอกเหนือจากสถานการณ์ปกติเกิดขึ้นก็จะได้ห้ามทัพได้ทัน

ทุกคนดูงุนงงกันสักหน่อยว่าอาร์กับลูกครึ่งคนนั้นจะทำอะไร ทว่าจูเลียนที่มีความสามารถพิเศษในด้านประสาทสัมผัสเหมือนกันกับผมก็อธิบายให้ทุกคนฟังแล้วว่าอาร์กับลูกครึ่งนั่นจะท้าดวดวอดก้ากัน ผมเลยไม่ต้องพูดอะไร แค่ยืนดูการดวลอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

มิเกลในฐานะประธานบ้านอาสาเข้ามาเป็นกรรมการตัดสิน ก่อนอธิบายกติกาคร่าว ๆ ว่าให้ดวดวอดก้าทีละช็อตพร้อมกัน ใครดื่มได้เยอะที่สุดและไม่หลับไปก่อน คนนั้นก็เป็นผู้ชนะ ไม่กี่อึดใจ การประลองก็เริ่มขึ้น

ตอนแรกบรรยากาศของบ้านก็ดูอึมครึม แต่พออาร์เริ่มดื่มและอีกฝ่ายที่เมาได้ที่อยู่แล้วดื่มไป โวยวายไป การส่งเสียงเชียร์ก็เริ่มดังขึ้นมาเพราะคู่ต่อสู้ของอาร์นั้นได้ชื่อว่าคอแข็งพอสมควร ยิ่งเห็นว่าอาร์ที่ดื่มไป ทำหน้าปูเลี่ยนไปไม่ยอมแพ้ จากความอึมครึมก็กลายเป็นความสนุกสนานขึ้นทันตา ถึงขนาดมีการเดิมพันด้วยว่าใครจะชนะ แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นอาร์ดื่มเข้าเยอะ ๆ อย่างไม่ยอมแพ้แล้ว ผมก็เกิดกังวลขึ้นมา

ก็น่าทำให้ผมกังวลจริง ๆ แหละ เพราะพออาร์เริ่มยกช็อตที่สิบขึ้นดื่มด้วยท่าทางโงนเงนและสายตาปรือเกือบจะหลับให้ได้ เขาก็เริ่มออกอาการโวยวาย หงุดหงิดใส่ทุกคนที่เข้ามาใกล้ แค่นั้นไม่พอ ยังเที่ยวดูถูกค่อนแคะลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์อื่นไปทั่วว่าต่ำชั้นกว่า ขนาดจูเลียนยังโดนไม่เหลือ โชคดีที่คู่แข่งของอาร์ล้มฟุบไปเสียก่อน ผมเลยไม่รอช้าที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมดก่อนอาร์จะได้ด่าว่าเสียเทเสียคนอื่นไปทั่วมากกว่านี้ด้วยการพุ่งเข้าไปจับอาร์ยกขึ้นพาดบ่า ขณะที่เขาเริ่มหันมาเล่นงานผมแล้ว

“นายก็เหมือนกัน! อึ้ก! ไอ้ผู้พิทักษ์เฮงซวย เราบอกแล้วว่าไม่ต้องการ พ่อ ๆ ก็ยังจะส่งมาอีก น่ารำคาญ!”

เริ่มเสียงดังแล้วด้วย ผมเลยมองไปทางจูเลียนเป็นเชิงว่าขอตัวก่อน ขณะที่จูเลียนโบกมือไล่ให้ผมรีบ ๆ พาอาร์ไป ผมเลยหมุนตัว ขึ้นไปยังชั้นสองทันที

เข้ามาในห้องได้ก็จัดการวางอาร์ลงบนเตียง อาร์ยังคงก่นด่าผมไม่หยุด จากที่ว่าผมเป็นผู้พิทักษ์เฮงซวย ตอนนี้เริ่มลามไปค่อนขอดพ่อกวินทร์ละ ก็รู้อยู่แหละว่าอาร์กับพ่อกวินทร์ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว แต่มาว่าพ่อกวินทร์ไม่หยุดปากแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน สุดท้ายเลยต้องออกปากดุจนได้

“อาร์ พูดแบบนี้ไม่โอเคเลยนะ นั่นพ่อฉัน”

อาร์เหมือนจะยังมีสติอยู่ ตวัดดวงตาเรียวเล็กมามองผม แล้วว่าเสียงแข็ง

“ก็เราพูดเรื่องจริง พ่อกวินทร์ของนาย อะไร ๆ ก็ว่าเรา ยังไม่ได้ทำอะไรให้ก็ว่า พูดความจริงแล้วนายจะทำไม เป็นแค่ผู้พิทักษ์ มีปัญหาอะไรไม่ทราบ!” เริ่มเสียงดังอีกแล้ว

ซึ่ง... ที่อาร์ว่ามามันก็ถูกแหละ พ่อกวินทร์ก็ชอบว่าอาร์โดยไม่มีเหตุผลเท่าไหร่เหมือนกัน แต่ยังไงพ่อกวินทร์ก็อายุมากกว่านี่นา ถึงจะเป็นเจ้าชาย ยังไงก็ต้องให้ความเคารพอยู่ดี

ผมเลยเดินเข้าไปใกล้อาร์ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วว่าอย่างใจเย็น

“แต่ถึงอย่างนั้น นายก็ไม่ควรมาพูดอย่างนี้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นพ่อของฉัน แล้วฉันก็เป็นลูกด้วย ได้ยินแล้วมันก็ไม่โอเคเท่าไหร่ อีกอย่าง นายเป็นถึงเจ้าชาย เจ้าชายเค้าไม่มาพูดว่าใครไปทั่วอย่างที่นายทำหรอก”

ให้เหตุผลไป หวังว่าอาร์คงจะเข้าใจ เอาเรื่องฐานะมาพูดด้วย แต่อาร์กลับไม่หยุด ดันตัวขึ้นนั่ง คว้าคอเสื้อผมเข้ามาใกล้ แล้วว่าเสียงห้วน

“แต่พ่อของนาย...อึ้ก พ่อของนายก็ต้องตระหนักด้วยว่าเราเป็นใคร เราไม่ใช่คนที่พ่อของนายจะมาพูดจาละลาบละล้วงได้ เข้าใจมั้ย”

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าที่พ่อกวินทร์ค่อนแคะอาร์ทันใด ก็นะ ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่อาร์ก็เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของพ่อกวินทร์นี่นา พ่อกวินทร์เลยไม่ได้สนใจอะไร

อย่าว่าแต่ไม่สนใจอาร์เลย กับคนอื่นก็ไม่สนใจเถอะ อย่างลุงแอสตันที่ตอนนี้เป็นถึงกษัตริย์แห่งยูนิกมา พ่อกวินทร์ยังไม่สนเลย กษัตริย์แห่งเซนไทน์ยังไม่สน ไหนจะคนอื่น ๆ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ญาติผู้ใหญ่ของอาร์อีก แล้วประสาอะไรกับอาร์ล่ะ

ผมเลยตั้งท่าจะอธิบายว่าทำไมพ่อกวินทร์ถึงพูดจาแบบนั้น แบบว่า...นิสัยของพ่อกวินทร์เป็นแบบนั้นน่ะ มันแก้ไม่ได้

ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร อาร์ที่ดึงผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม จ้องตาผมเขม็งแล้วพึมพำออกมา

“เพราะพ่อกวินทร์ของนาย เราเลยไม่ได้วางไข่นายเลยเห็นมั้ย”

“วางไข่?” ผมเผลอย่นคิ้วทันควัน นึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่ผมเลยเล่นวางไข่กับอาร์แล้วถูกพ่อกวินทร์ขวางทันที

อย่าบอกนะว่าที่อาร์เริ่มไม่ถูกกับพ่อกวินทร์เป็นเพราะเรื่องตอนนั้น?

แต่มันก็สมควรที่พ่อกวินทร์จะห้ามแล้วล่ะ ถ้าพลาดขึ้นมา มีหวัง ผมกับอาร์ได้เดือดร้อนแน่ถ้าต้องเป็นคุณพ่อตั้งแต่อายุสิบขวบ

เป็นคุณพ่อวัยใสตั้งแต่อายุเท่านั้น ยังไงมันก็ไม่โอเคอยู่แล้วล่ะ

แม้แต่ตอนนี้ที่อายุสิบแปดแล้ว มันก็ไม่โอเค ยังเรียนอยู่อย่างนี้ ถ้าพลาดเรื่องอย่างนั้น มีหวังพ่อกวินทร์ได้เฉาะหัวผมแน่

ทว่าการที่ผมไม่ได้เอะใจกับคำพูดของอาร์ เอาแต่เงียบ ทำให้อาร์ได้พูดขึ้นมาอีก

“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เราได้เป็นเจ้าของนายไปตั้งนานแล้ว”

ผมไม่เข้าใจว่าอาร์หมายถึงอะไร และอาร์ก็ไม่ปล่อยให้ผมใช้เวลาทำความเข้าใจด้วย แค่พูดจบ ก็เลื่อนใบหน้ามาจูบผมเสียอย่างนั้น ด้วยความที่ผมตกใจ ผมเลยไม่ได้ตอบรับการจูบของอาร์ ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างอึ้งงัน ไม่คิดว่าอาร์จะทำแบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอาร์ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัว ประคองใบหน้าผมจูบอย่างดูดดื่มไปเรียบร้อยแล้ว

รสจูบของอาร์ที่เจือไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์กระตุ้นให้ความกำหนัดของผมพวยพุ่งขึ้นมาตามประสาชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาและความมีเสน่ห์ของคนตรงหน้าทำให้ผมยอมอีกฝ่ายโดยไม่ยาก แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมจูบกับผู้ชายด้วยกันก็ตาม แต่ความจริง ผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องจูบกับเพศไหน เพศไหนผมก็จูบได้ทั้งนั้นถ้าหากว่าผมรักหรือชอบ แต่สำหรับอาร์นี่พูดไม่ถูกว่าชอบหรือเปล่า ก็นิสัยอย่างนี้ แถมไม่ได้เจอกันตั้งนาน ความผูกพันมันก็ลดน้อยถอยลงไปตามเวลาอยู่แล้ว ที่รู้ตอนนี้มีอย่างเดียวคือ...

จูบของอาร์ให้ความรู้สึกดีชะมัด

พอเริ่มได้สติ จากฝ่ายที่เป็นยอมให้จูบก็เริ่มตอบสนองอาร์บ้างแล้ว ผมต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการไม่จับอาร์พลิกให้นอนราบบนเตียง แล้วทำอะไรต่อมิอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ และเพราะผมไม่ทำ อาร์ก็เลยจะการดันผมลงนอนแทน ซ้ำยังเลิกชายเสื้อฮู้ดผมขึ้น สอดมือเข้าไปลูบไล้ยอดอกใต้เสื้ออีกต่างหาก

ผม...ผมว่าผมชักไม่ไหวแล้วแฮะ ถึงจะเป็นผู้พิทักษ์ มีหน้าที่ดูแลเจ้าชาย แต่ถูกเจ้าชายทำแบบนี้ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันนะ

มือที่อยู่เฉย ๆ เลยไปเคล้นคลึงบั้นท้ายของอาร์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาร์สะดุ้งเล็กน้อย ลืมตาจ้องผมเขม็งทั้งที่ยังจูบอยู่ ก่อนจะผละริมฝีปากออก แล้วว่าดุ ๆ

“นายไม่มีสิทธิแตะต้องตัวเรา เราเท่านั้นที่มีสิทธิแตะต้องตัวนาย นายต้องเป็นฝ่ายรับรองเราเท่านั้น”

ได้ยินอย่างนี้ คำพูดของพ่อคีธที่ครั้งหนึ่งเคยบอกผมว่า ‘คีตาต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น’ ก็แวบเข้ามาในหัวทันที ผมก็ไม่อยากเป็นนักหรอกฝ่ายรับรองอะไรนั่นน่ะ ดูท่าทางไม่สนุกเลย อีกอย่าง ขนาดตัวผมก็ไม่เหมาะให้เป็นฝ่ายรับด้วย ตัวใหญ่กว่าอาร์ขนาดนี้ อาร์จะมากอดผมทั้งตัวได้ยังไง สำคัญกว่านั้นคือ ถ้าผมยอม เราจะต้องมีอะไรเลยเถิดกันแน่ ซึ่งมันก็คือการผูกพัน

กฎของชาวยูนิกมาคือ ผูกพันได้แค่คนเดียวเท่านั้น และจะเป็นคนเดียวตลอดชีวิต!

การตระหนักได้ถึงกฎข้อนั้นทำให้ผมคืนสติ เก็บความต้องการตามธรรมชาติลงไปเป็นพัลวัน

ก็ใครมันจะยอมให้อาร์ผูกพันกับผมล่ะ ถ้าผมยอม มีหวังพ่อกวินทร์ได้ทำราชวงศ์ยูนิกมาล่มสลายแน่ นี่ไม่ได้กลัวว่าอาร์จะต้องผูกพันกับผมเพราะไม่ได้ตั้งใจเลยนะ กลัวพ่อกวินทร์ล้วน ๆ

ผมเลยรีบดึงมือของอาร์ที่วุ่นวายอยู่ใต้เสื้อผมออก ปากจะบอกแล้วว่าเราไม่ควรทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ แต่อาร์ก็ทำให้ผมต้องกลืนคำพูดที่ตั้งใจจะพูดลงไป ก่อนเขาจะว่าออกมา

“นายจะต้องเป็นของเราคีตา เป็นของเรา เราจะไม่ยอมให้พ่อกวินทร์ของนายมาขัดขวางอีกแล้ว”

สิ้นเสียง ก็ประกบปากจูบผมอีกครั้ง ผมยังไม่เข้าใจว่าอาร์ต้องการอะไร แล้วก็คิดไม่ออกหนักไปใหญ่เมื่อจูบของอาร์เริ่มรุนแรงมากขึ้น ชวนให้ผมเคลิ้มไปครู่หนึ่ง ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของวัตถุทรงกลมขนาดเล็กที่ส่งเข้ามาในปาก จิตใต้สำนึกของผมบอกทันทีว่ามันคือไข่

ไข่จากอาร์!

เท่านั้นผมก็รีบผุดลุก จะผลักอาร์แล้วคายไข่ทิ้งทันใด ทว่าอาร์รู้ทัน สวนหมัดเข้ามาที่หน้าท้องผมเสียเต็มแรง แรงปะทะแบบไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่แรงพอทำให้ผมเจ็บ แต่ก็ทำให้ตกใจจนเผลอกลืนไข่ลงไปได้

ผมเบิกตาค้าง ขณะที่อาร์ถอนริมฝีปากออกมา ว่าพึมพำพร้อมด้วยตาปรือ ๆ

“เป็นของเราซะคีตา...เป็นของเรา”

จากนั้นก็ฟุบหลับบนตัวผมไปเลย ทิ้งให้ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจู่ ๆ จะถูกอาร์ทำแบบนี้

หะ...ให้ตาย อะไรเนี่ย! ทำไมจู่ ๆ มาวางไข่ใส่ผม

ทะ...ทำไมกัน!?!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel