จากลา
เกร็ดความรู้ก่อนเข้าอ่าน: ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งหมดมาจากสมัยราชวงศ์ฮั่น ถ้าทุกคนมีสิ่งที่ติชมก็สามารถคอมเม้นกลับมาได้เลยนะคะ และก็ไรท์ไม่ได้มีความรู้เรื่องราชวงศ์จีนสักเท่าไหร่การตั้งชื่อของเชื้อพระวงศ์หรือผู้ปกครองอาจจะทำให้ผู้อ่านไม่พอใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
-------------------------------------------------------------------
ร้านอาหารของแบงก์
เสียงกระดิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างบางของสโนว์เดินเข้ามาในร้าน อ้ายที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็ออกมาต้อนรับด้วยความยินดี เพราะเขาไม่ได้เห็นหน้าน้องรหัสบวกตำแหน่งเพื่อนแฟนมานานกว่าเดือนแล้ว
"สโนว์ เป็นยังไงบ้างไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนาน สบายดีไหม" สโนว์ผละออกมาจากกอดพี่รหัส ก่อนที่พี่อ้ายจะกอดรัดเขาแน่นไปกว่านี้
"สบายดีครับ แล้วพี่ล่ะครับสบายดีไหม"
" สบายดีจ้า แล้วก็นักรบเขามารอน่ะ" อ้ายบอก
"อ่า....ครับ" สโนว์ เดินไปที่โต๊ะ ที่นักรบนั่งรอเขาอยู่
"นักรบ รอนานไหม" ร่างสูง เงยหน้าขึ้นมา ทำให้ร่างบางได้เห็นหน้าของนักรบชัดขึ้น นักรบ ดูโตขึ้นเยอะเลย ดูสุขุมมากขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
"สโนว์ มาแล้วหรอ" ไม่ได้เจอหน้าร่างบางตั้งหลายปีทำให้นักรบประหม่าไม่น้อย
" ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ" สโนว์เริ่มบทสนทนาระหว่างพวกเรา
" สโนว์ก็เหมือนกัน ไม่เปลี่ยนไปเลย" จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากพวกเขา บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอึดอัดจนคนในร้านอึดอัดแทน
"แบงก์"
"ครับ" แบงค์ขานรับคำเรียก ของแฟนหนุ่ม
" แบงก์ว่าสองคนนั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม" อ้ายถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเขาก็อยากให้ทั้งสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมตลอด
" ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสองคนแหละครับ ว่าจะพูดคำนั้นออกมาตอนไหน" คำนั้นที่แบงก์หมายถึงก็คือคำว่ารักที่ทั้งสองคนเก็บมันเอาไว้
" งั้นก็คงยาก เพราะปากหนักทั้งคู่" ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างหนักใจ
" ออกไปคุยกันข้างนอกไหม" นักรบที่ทนความอึดอัดไม่ไหวพูดขึ้น
"ได้สิ แถวนี้มีสวนสาธารณะพวกเราไปคุยกันที่นั่นก็ได้" พูดจบทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปที่สวนสาธารณะ
"ที่นี่เปลี่ยนไปจน เราแทบจำไม่ได้เลย"
" ก็นักรบไปเรียนอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีอะไรๆมันก็เปลี่ยนไป นักรบอาจจะแปลกตาไปบ้าง"
" เหมือนพวกเราสองคนหรอ" สโนว์ถึงกับเดินชะงัก แล้วหันมาพูดกับนักรบว่า
"ใช่ เหมือนพวกเราสองคน" ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันในสวนสาธารณะ แต่แล้วเสียงบางอย่างก็ทำ ทำลายความเงียบรอบตัวของพวกเขา
"เฮ้ย! หยุดนะเว้ย!!" เป็นเสียงของวัยรุ่นคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา นักรบดูยูนิฟอร์มของทั้งสองกลุ่มแล้วดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาต่างสถาบันกัน
" ไปกันเถอะเดี๋ยวโดนลูกหลง" สโนว์ ก็เห็นด้วยจึงรีบวิ่งออกไปจากที่นี่เพราะสถานการณ์ไม่ดีแล้ว แต่.......
ปัง! ร่างทั้งร่างทรุดลง นักรบแทบจะรับสโนว์ไว้ไม่ทัน
ตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงพูดเลยสโนว์เจ็บจนพูดไม่ออก
"สโนว์ อย่าเพิ่งหลับนะ สโนว์!" ตอนนี้นักรบใจร่วงลงไปหมดแล้ว ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจของเขา
"สโนว์ อย่าหลับนะ!" คนรอบข้างเมื่อเห็นคนเจ็บก็รีบโทรหาโรงพยาบาลทันที
"แข็งใจไว้นะ " นักรบพูดเสียงสั่น
'เราไม่ไหวแล้ว' ร่างบางได้ยินที่นักรบพูดทุกคำแต่ไม่มีแรงจะพูด เขาได้แต่พูดขึ้นในใจ
"เราเพิ่งได้เจอกันเอง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ "
'อ..อย่าร้องไห้สิ' สโนว์พยายามเอื้อมมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้นักรบที่ไหลออกมา นักรบกุมมือบางเอาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าคนในอ้อมกอดเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
"สโนว์ ตอนนี้พ่อกับแม่ของนักรบอนุญาตให้เราอยู่ด้วยกันแล้วนะ...ฮึก... ดีใจมั้ย" สโนว์ยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
'ดีใจสิ'
"นักรบรักสโนว์....ฮึก...ไม่...ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่หยุดรัก" ร่างสูงพูดสิ่งที่ตนอยากพูดพลางอุ้มร่างบางขึ้นรถ ให้เพื่อนสนิทอย่างแบงค์ไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะเขารอรถไปโรงพยาบาลไม่ไหว
" นักรบรักสโนว์"
'เราก็รักนาย'
"เราใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวสโนว์ก็จะไม่เป็นอะไรแล้วนะ"
'แต่เราไม่ไหวแล้ว นักรบ'
"เมื่อหายดีแล้วเราเป็นแฟนกันนะ" สโนว์น้ำตาไหลเพราะคิดว่าตนอยู่ไม่ถึงตอนนั้นแน่ๆ
"นักรบถึงโรงพยาบาลแล้ว" เมื่อได้ยินเสียงของแบงค์นักรบก็รีบพาคนเจ็บลงจากรถพลางร้องเรียกหมอ
พยาบาลและบุรุษพยาบาลเอาเตียงคนไข้มารับคนเจ็บแล้วเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน นักรบกุมมือสโนว์ตลอดเวลา
'นักรบ ขอโทษนะ ร..เราเป็นแฟนกับนักรบไม่ได้แล้ว ขอโทษ รักนะ' สโนว์ พูดในใจเพื่อที่จะให้เสียงพูดของเขาส่งไปถึงคนที่เขารัก พร้อมกับลมหายใจที่หมดลงของสโนว์
สามเดือนผ่านไป
นักรบเหมือนฟ้าผ่ากลางหัวใจของร่างสูงทันทีที่ได้ยินว่า สโนว์ไม่อยู่แล้ว ตอนนั้นเขาแทบเป็นบ้าแล้วไม่ยอมรับความจริงไหว้เจ้าหิมะของเขาไม่อยู่แล้ว เขากอดรูปของสโนว์เอาไว้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินจะนอน หลอกตัวเองว่าคนรักของเขายังอยู่ ยังอยู่ใกล้ๆเขา
"เรารักสโนว์ นักรบรักสโนว์" ร่างสูงที่ทรุดโทรมไปมาก เอ่ยคำว่ารักออกมาอยู่ตลอดเวลา มีแต่ตอนนี้ร่างสูงได้สร้างโลกของตัวเองขึ้น โลกของเขากับสโนว์
"สโนว์ เราเป็นแฟนกันนะ"
"อืม" ในโลกของเขา เขากับคนรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ทำอะไรด้วยกันไม่ว่าจะไปเที่ยวจะไปที่ไหนพวกเขาก็ไปกันสองคน ไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเขาได้อีก
แต่ในโลกของความเป็นจริงนักรบนั่งกอดรูปของคนรัก นั่งอยู่ในห้องของสโนว์ที่คอนโด ครอบครัวของร่างสูงยืนมองนักรบที่อยู่ในโลกของตัวเอง ด้วยความเสียใจที่เคยขัดขวางความรักของน้อง ของลูก
"คุณจะไปให้เป็นแบบนี้จริงๆหรอคะ" คนเป็นแม่แทบจะรับไม่ได้กับสภาพของโลกในตอนนี้ นักรบในตอนนี้ไม่มีสติรับรู้ในโลกของความเป็นจริงอยู่เลย
"คุณ ลูกเจ็บปวดมากพอแล้ว ปล่อยให้เขาอยู่ในโลกของเขาเถอะนะ"
ผ่านไป1ปี
นักรบก็กลับมาพูดคุยกับครอบครัวและเพื่อน และเขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดของสโนว์ และทำเหมือนว่าสโนว์ยังอยู่กับเขา เพราะเขาเห็นว่าสโนว์อยู่กับเขา
"สโนว์ วันนี้นักรบทำของโปรดให้ด้วยนะ มากินด้วยกันสิ" นักรบทำแบบนี้ทุกวันหลังจากทำงาน หลังจากที่นักรบกลับมาทำงานได้อย่างปกติ แต่เวลาอยู่คอนโดของเขา นักรบก็อยู่ในโลกของตัวเอง โดยไม่มีใครกล้าขัดเลยสักนิด
"นักรบรักสโนว์นะ" นักรบรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วบอกรักสโนว์แบบนี้ทุกวัน
"สโนว์ก็รักนักรบ" ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นักรบจะกลับมายอมรับความจริงได้ว่าคนรักของเขาได้ตายจากไปแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่านักรบจะรับความจริงข้อนี้ได้ไหม เพราะทุกวันนี้เวลากลับมาจากทำงานนักรบก็จะมาที่นี่มาอยู่ในโลกของเขา
.....โลกของเขากับคนรักแค่สองคน......
อีกมิติในจักรวาล
แคว้นจินหลง
มีผู้ปกครองแคว้นโดยฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ฮุ่ยหลงหวงตี้ พระองค์มีพระชนพรรษา 30ปี ขึ้นปกครองแคว้นจินหลงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ชาวบ้านนอกกำแพงวังต่างเล่าขานว่า ฮุ่ยหลงหวงตี้ทรงมีพระปรีชาสามารถในการบริหารบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเก่งด้านการรบ วรยุทธของพระองค์ต่างเป็นที่เล่าขานและพระองค์มีพระอนุชาร่วมอุทรหนึ่งพระองค์ คือ จ้าวชินอ๋อง พระองค์ร่วมกับฮ่องเต้ปราบกบฏเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เนื่องด้วยฮ่องเต้รัชกาลก่อนนั้นทรงมัวเมาอยู่กับลาภยศสรรเสริญ กิเลสราคะ และสาวงาม ไม่ออกว่าราชการทำให้ชาวเมืองตอนนั้นโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นองค์ฮ่องเต้ยังเป็นองค์ชายใหญ่ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทและและชินอ๋องในตอนนั้นยังเป็นแค่องค์ชายสามผู้ซึ่งถูกบิดาไม่เหลียวแล นานวันเข้าห้องเต้รัชกาลก่อนก็ทรงลุ่มหลงพระสนมองค์นึง ชาวบ้านเล่าลือกันว่าพระสนมองค์นี้คือปีศาจจิ้งจอกที่คอยชี้แนะทำให้ฮ่องเต้รัชกาลก่อนทรงไม่เอาการเอางานอะไรทั้งสิ้นและข่าวลือก็เพิ่มทวีคูณมากเลยเรื่อยๆ แต่ฮ่องเต้ราชการก่อนก็ไม่ได้ใส่พระทัยมากนัก แต่มีอยู่วันนึงฮ่องเต้รัชกาลก่อนมีรับสั่งให้ประหารขุนนางตงฉินทุกตำแหน่งนั่นทำให้ประชาชนก่อนสงครามกลางเมืองกับเหล่าขุนนางกังฉิน การจราจลทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆชาวบ้านล้มตายมากขึ้น จนสุดท้ายองค์รัชทายาทก็ทนไม่ไหวจึงควรล้มบัลลังก์ของบิดาของพระองค์เอง และสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ และชินอ๋องซึ่งในตอนนั้นสิริอายุรวม15ปี ก็ขึ้นเป็นดำรงยศ ชินอ๋อง เนื่องด้วยมีความดีความชอบปราบขุนนางโกงกินบ้านเมืองจนหมดสิ้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชินอ๋องได้หายตัวไปอย่างลึกลับทำให้องค์ฮ่องเต้สั่งให้องครักษ์และทหารกระจายตามหาตัวแต่ก็ไม่พบ จนล่วงเลยเวลามาถึง 5 ปีแล้ว แต่พระองค์ก็ยังไม่หมดหวังที่จะตา หาน้องชายของพระองค์ต่อไป
จวนสกุลโจว
จวนสกุลโจวมีประมุขจวนชื่อว่า โจวหวังเล่ย เป็นขุนนางที่มีความสำคัญรองจากขุนนางใหญ่ ดำรงตำแหน่งคือต้าซือหนง (大司农) มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเสบียง การเงิน และคลังหลวง ไต้เท้าโจว มีฮูหยิน 2คน คือ ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินรอง มีบุตรด้วยกันรวม 3 คน คือ คุณชายใหญ่โจวหย่งเจิ้ง คุณชายรองโจวเสวี่ยหลิน คุณหนูเล็กโจวเหมยจู
คุณชายใหญ่กับคุณหนูเล็กเกิดจากฮูหยินรอง
คุณชายรองเกิดจากฮูหยินใหญ่ ถึงแม้คุณชายรองจะเกิดมาไร้เส้นลมปราณแต่ว่าก็เป็นที่เคารพรักของบ่าวไพร่ในจวน แต่น่าเศร้าที่ฮูหยินใหญ่ด่วนจากไปด้วยโรคร้ายเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วตั้งแต่วันนั้นคุณชายรองก็เก็บตัวเงียบไม่พูดคุยแล้วสุงสิงกับใครอีกเลย
