บทที่ 6 ไปต่อกันไหม?
Cher talk :
ฉันโดนลากจากริมถนนมาจนถึงที่จอดรถด้านหน้าผับ แม้จะพยายามสะบัดข้อมือออกจากมือหนาที่กุมอยู่ยังไงก็สะบัดไม่ออก ร่างสูงตรงหน้าออกแรงกระชากฉันมากกว่าเดิมเมื่อเรามาถึงรถ Aston Martin สีดำที่จอดอยู่
“ปล่อย! ฉันเจ็บนะ! เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย! นายจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม?!” คิดเหมือนฉันไหม? ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันประหลาดเป็นบ้า! ทำไมถึงต้องเข้ามายุ่งกับฉันด้วย?
“...” เขาไม่ตอบอะไร ทำเพียงหันมามองหน้าฉัน ก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วจับฉันยัดลงไปที่เบาะข้างฉันขับ
“อื้อ! ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่ไปกับนาย! ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน!!! ฉันจะกลับบ้าน!” ฉันพยายามขัดขืน แต่ก็สู้แรงควายของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาเอาตัวเองมาขวางทางหนีของฉัน ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาใกล้
“เธอมีปัญญาพาตัวเองกลับบ้านด้วยสภาพนี้หรือไง? เมื่อกี้ก็เกือบตายไปแล้ว! ยังไม่เข็ดอีกเหรอวะ?”
“...” และแน่นอนว่าฉันตอบเขาไม่ได้ เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า เพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองเมามากจริงๆ
“นั่งเงียบๆ ฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้าน...อย่างปลอดภัย...!” เขากระแทกน้ำเสียงประชดประชันใส่ฉัน ก่อนปิดประตูใส่หน้าฉันแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถที่ฝั่งคนขับ
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่ากลับกับนายแล้วจะปลอดภัย? ฉันไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ!” ฉันจ้องหน้าเขาไม่วาง ขณะที่เขาเริ่มขับรถออกจากผับ
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่ะ...ไม่แม้แต่จะคิดเลย” น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง และฉันก็รู้สึกว่าเขากำลังปฏิเสธฉัน และแววตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังด่าว่าฉันหลงตัวเอง
“หึ! งั้นแล้วนายมายุ่งกับฉันทำไม? ก่อนหน้านี้นายก็เพิ่งขอเบอร์ฉันไปนี่! แถมยังชวนฉันไปต่ออีก!” ฉันสู้ตาย รับรองงานนี้ฉันไม่มีทางแพ้แน่ๆ
“ฉันอาจจะแค่สงสารเธอก็ได้” แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ฉันนิ่งไปในทันที นี่รังสีชีวิตรักล้มเหลวของฉันมันแผ่กระจายออกไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ฉะ...ฉันน่าสงสารตรงไหน?! เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ! นายจะมาสงสารฉันทำไม? อย่ามาทำเหมือนว่านายรู้จักฉันดีเลยน่ะ!” ฉันถลึงตาใส่เขา
“หึ...เธออาจจะไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักเธอ เฌอร์มารี” ตาฉันโตขึ้นมาเมื่อเขาเอ่ยช่ือของฉัน และเมื่อเราสบตากัน...ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน
“จะ...จอดรถเดี๋ยวนี้เลย! นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง? นี่นายเป็นพวกโรคจิตที่ชอบตามผู้หญิงใช่ไหม?! จอดรถเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ฉันไม่ได้พิศวาสเธอเลย จะตามเธอเพื่อ?” เขาเลิกคิ้วถามกลับ
“ก็แล้วนายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?! ฉันจำได้ว่ายังไม่ได้บอกชื่อนายด้วยซ้ำ!”
“ก็ฉันเพิ่งพูดไปไง! ว่าฉันรู้จักเธอ! ฉันรู้เรื่องของเธอ! รู้ว่าเธอเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเวชชลธี รู้ว่าเธออกหักเพราะแฟนนอกใจ! ฉันรู้ว่าที่เธอมาเมาที่ผับเพราะอยากจะลืม...หรือไม่ก็แค่อยากจะประชดชีวิตเฮงซวยของตัวเอง! เธอไม่ได้น่าสงสาร...เธอมันก็แค่น่าสมเพชที่โง่ไปรักผู้ชายห่วยๆแบบนั้น! แต่เอาเถอะ! ถ้าเธออยากจะกลับบ้านเองก็ตามใจ!” เขาตะโกนเสียงดัง แต่ละคำที่พูดออกมามันทำให้ฉันอึ้งจนพูดไม่ออก
เอี๊ยยยยยด!
แล้วเขาก็จอดรถที่ข้างทาง...ข้างทางที่มืดไปหมด รถสักคันที่สวนมายังไม่มี ไฟทางก็กะพริบติดๆดับๆ
“ลงไป...” เขาไล่ฉัน
“...” ฉันกัดปากตัวเองแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ลงไป!” เขาไล่ฉันอีกครั้ง
“ใช่...ฉันมันน่าสมเพช ฉันเสียใจที่ถูกแฟนนอกใจ...ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายรู้เรื่องของฉันได้ยังไง...! แต่นายคิดหรือเปล่า? ว่าฉันไม่เคยอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! แล้วฉันผิดหรือไง...ที่ถึงจะรู้ว่าผู้ชายมันห่วยยังไง แต่ฉันก็ยังตัดใจไม่ได้ และยังเสียใจอยู่!” บ้าจริง! น้ำตาฉันมันดันไหลออกมาต่อหน้าเขา แค่นี้ยังน่าสมเพชไม่พอหรือไง ฉันรีบปาดน้ำตาแล้วรีบลงจากรถ ไม่ลืมที่จะกระแทกปิดประตูอย่างแรง
บึ๊นนนน!
แล้วเขาก็เหยียบคันเร่งออกไปในทันที...
“เหอะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?! ฮึก! เรื่องบ้าอะไร?! ฮือๆ” สุดท้ายฉันก็ทำได้เพียงทิ้งตัวลงนั่งยองแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนผีบ้าที่ข้างถนน
ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย...? มันเป็นเพราะฉันยังรักไอ้เวรตะไลธันวานั่นหรือเพราะไอ้ผู้ชายปากหมาคนนั้นมันด่าฉันว่าน่าสมเพชกันแน่...ฮึก! แต่ฉันเสียใจ มันรู้สึกเจ็บมากจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแพ้และโลกกำลังจะดูดฉันลงไปฝังทั้งเป็นที่ใต้ดิน
...แต่เดี๋ยวนะ ไม่สิ...มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ...
ฉันแพ้ไม่ได้...เฌอร์มารีไม่เคยแพ้ ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาหรือดินจะทลาย ฉันก็จะไม่แพ้ ต่อให้ต้องแอบร้องไห้คนเดียวก่อนนอน แต่เมื่อถึงเช้าวันใหม่ฉันก็จะยังยิ้มและออกไปใช้ชีวิตได้ ผู้ชายเลวๆพวกนั้น พวกผู้ชายเฮงซวยพวกนั้น ไม่มีทางมาทำให้ชีวิตฉันจบเห่ได้หรอก!
ฉันยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ปาดน้ำตาจนไม่มีสักหยดที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า ฉันต้องกลับบ้าน...ต้องโบกแท็กซี่อีกครั้ง ถึงบ้านเมื่อไหร่ ฉันจะปลอกแอปเปิลกิน ถ้าได้น้ำตาลมาเลี้ยงสมองสักหน่อย...ฉันจะยิ้มได้อีกครั้ง
...แต่...
พอตั้งสติได้ ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่ามือถือของฉันอยู่ในกระเป๋า กระเป๋าเงิน คีย์การ์ดคอนโดก็อยู่ในกระเป๋า...แล้วกระเป๋าของฉันก็อยู่ในรถของไอ้บ้านั่น!!!
“Shit!!!” ฉันสบถคำหยาบ...ใช่ เมื่อต้องเจอสถานการณ์คับขันฉันมักจะสบถออกมา
ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลย...ถึงจะเรียกแท็กซี่ได้ ฉันก็ไม่มีเงินจ่าย ถึงจะไปถึงคอนโดได้ ฉันก็เข้าห้องไม่ได้อยู่ดี แล้วฉันควรทำยังไง?!
หรือฉันควรเรียกแท็กซี่ไปหาลิปดา...ใช่ ฉันควรทำแบบนั้น ตอนนี้มีแค่เขาที่ช่วยฉันได้...แต่บ้าจริง! ถนนแถวนี้ไม่มีรถเลย อย่าว่าแต่แท็กซี่ รถบรรทุกสักคันยังไม่มี
เอี๊ยยยยยด!
ในตอนที่ฉันกำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นตกที่นั่งลำบากจริงๆ รถ Aston Martin ของไอ้บ้านั่นก็วิ่งมาจอดที่ตรงหน้าฉัน ร่างสูงลงจากรถมาอย่างรวดเร็ว เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ...พ่นสารก่อมะเร็งใส่หน้าฉัน เห็นแก่ตัว! ไร้จริยธรรม! ถ้าฉันตายเพราะมะเร็งฉันจะตามจองล้างจองผลาญเขา
“กลับมาทำไม?!” ฉันจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเกลียดชัง
“เอากระเป๋ามาคืนเธอไง...” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแบบคนขี้เก๊ก ขณะที่ปลายสายตาไปยังรถ เพื่อจะบอกว่ากระเป๋าของฉันอยู่ในนั้น
“เหอะ!” ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็รีบไปเปิดประตู หยิบกระเป๋าของเขาตัวเองมากอดไว้แน่น
“นี่...”
“อะไร?!”
“ขอโทษ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และมันทำให้ฉันตกใจเล็กน้อย
“ขอโทษฉันเรื่องอะไร?”
“ฉันพูดแรงไปหน่อย เรื่อง...ที่เธออกหักประชดชีวิต...แล้วก็ที่ว่าเธอน่าสมเพช” เขาหลุบตามองต่ำในตอนที่พูดออกมา บางทีเขาอาจจะรู้สึกผิดจริงๆก็ได้
“ฉันก็ไม่อยากจะถือสาหรอก ยังไงเราก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว โกรธนายไปจะเป็นบาปเปล่าๆ” ฉันคิดแบบที่พูดจริงๆนะ
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก?” คราวนี้เขาขมวดคิ้วเป็นปมแล้วจ้องหน้าฉันอย่างสงสัย
“แล้วเราจะมาเจอกันทำไม? หรือนายอยากจะเจอฉันอีก?” เอาจริงๆ ฉันถามเพราะอยากจะกวนประสาทเขาเฉยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าคำตอบที่ได้นั้นจะทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก
“อืม...ไปต่อกันไหม? ฉันมีที่ดื่มดีๆ”
“!!?”
“แค่ดื่ม...ฉันเลี้ยงเอง ถือเป็นการขอโทษที่ว่าเธอแรงๆ”
Cher end.
