บทที่ 5 เอาเบอร์เธอมา ก่อนที่ฉันจะพังร้านนี้
Ironic คือผับที่นาวินมักจะมาเป็นประจำ และคืนนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ชายหนุ่มกำลังดื่มด่ำอยู่กับแอลกอฮอล์และเสียงเพลง โดยมี เรียว หนึ่งในเพื่อนสนิทนั่งอยู่ที่ตรงข้าม ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะต่างคนต่างกำลังดำดิ่งอยู่ในความคิดของตัวเอง
เรียว กำลังคิดถึงเรื่องงานที่แสนยากลำบากและน่าอึดอัดใจของตัวเอง เพราะงานของเขานอกจากจะเสี่ยงอันตรายและเสี่ยงชีวิตแล้ว มันยังเป็นความลับที่ไม่อาจเล่าให้ใครฟังได้ แม้แต่เพื่อนสนิทหรือครอบครัว ขณะที่นาวินกำลังคิดถึงผู้หญิงคนนั้น ที่เขาเจอเมื่อสามวันก่อน ผู้หญิงที่เป็นลมสลบไปในอ้อมกอดของเขา ผู้หญิงที่เขารู้จักเพียงชื่อและใบหน้า หากตราตรึงอยู่ในหัวและไม่สามารถเอาเธอออกไปจากหัวสมองได้โดยง่าย
“นั่นใครวะ? เด็ดสัด!” อยู่ๆเรียวก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สายตาของเขากำลังจับจ้องไปยังร่างบางในชุดสายเดี่ยวกับกางเกงยีนที่เดินผ่านโต๊ะของเขาไปนั่งอีกโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก
“ไหน?” นาวินมองตามที่เรียวว่า และเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับใบหน้างามของหญิงสาว หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที
“นั่นไง...หุ่นดี หน้าสวย...ดูแพง สไตล์มึงเลยไอ้วิน” เรียวเอ่ยถึงสเป็คของเพื่อน
“เฌอร์มารี” แล้วเขาก็เอ่ยชื่อของเธอออกมาช้าๆ
“รู้จักเหรอ? หรือฟาดแล้ว?” เรียวเอ่ยถาม เพราะหากนาวินจะบอกว่าได้แอ้มเธอแล้วเขาก็ไม่แปลกใจนัก เนื่องจากรับรู้ถึงนิสัยเพลย์บอยของเพื่อนเป็นอย่างดี
“ยัง” แล้วชายหนุ่มก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ยังก็จัดดิ รอเชี่ยไร?” เรียว มักจะเป็นคนที่คอยยุยงส่งเสริมให้เพื่อนทำในส่ิงที่ตัวเขาอยากทำแต่ทำไม่ได้อยู่เสมอ
“ไม่เอา...” ทว่า...นาวินกลับปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบเธอ ไม่ใช่เพราะเธอไม่ใช่สเป็ค แต่มันเป็นเพราะเธอคือเฌอร์มารี หรือหมอเฌอร์ที่เป็นเพื่อนของลิปดา ซึ่งลิปดาได้ออกปากไว้แล้วว่าเขาไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ เนื่องจากเฌอร์มารีไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะฟันแล้วทิ้งได้ เฌอร์มารีมีค่าและคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน วันนั้นเป็นวันที่นาวินรู้สึกงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาใบหน้าและน้ำตาของเฌอร์ออกไปจากหัวได้ เขาเลยโทรไปหาลิปดาที่เป็นเพื่อนของเขาและเฌอร์ นาวินอยากจะได้เบอร์ติดต่อหรืออะไรสักอย่างที่จะทำให้เขาเข้าถึงตัวเฌอร์ได้ โดยที่ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากลิปดาก็คือ... ‘ถ้ามึงเงี่ยนก็ไปหาที่ลงที่อื่นเถอะ...อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู เฌอร์ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่มึงจะฟันแล้วทิ้ง’
นาวินเลยต้องพยายามหยุดความคิดนั้น เพราะหากลองลิปดาได้เอ่ยออกมาแบบนั้น แสดงว่าคุณหมอหนุ่มไม่ต้องการให้นาวินไปข้องเกี่ยวกับคุณหมอสาวคนสวยจริงๆ และนาวินก็ต้องยอม เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะมีปัญหากับเพื่อนเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
“ถ้ามึงไม่เอา กูเอานะ” เรียวแสยะยิ้มร้าย
“เอาเหี้ยไรล่ะ? นั่นมันเพื่อนไอ้ลิป ไอ้ห่านั่นหวงเพื่อนคนนี้จะตาย...แล้วมึงอ่ะ...ยุ่งกับผู้หญิงได้หรือไง?” นาวินถลึงตาใส่เรียว เพียงเท่านั้นเรียวก็รู้ได้ทันทีว่านาวินกำลังหวงก้าง
“เพื่อนไอ้ลิปก็ดีดิ คนกันเอง คุยกันง่าย” เรียวยังไม่ยอมลดละ
“แต่มึงไม่ยุ่งกับผู้หญิงไม่ใช่หรือไง? เกิดเขารู้ว่ามึงทำงานอะไร ได้พังกันพอดี” นาวินเองก็สู้ไม่ถอย
“รู้แค่กูทำงานอะไรน่ะได้ แค่อย่ามาเสือกรู้ภารกิจกูก็พอ” ว่าแล้วเรียวก็คว้าแก้วเหล้ามากระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“อย่าหาเรื่องไอ้เรียว ไอ้ลิปดามันไม่ให้กูยุ่งกับเขาด้วยซ้ำ เพราะงั้นกับมึงมันก็คงไม่ให้”
“แสดงว่ามึงอยากได้เขา แต่ที่ไม่ทำอะไรเพราะเกรงใจไอ้ลิป...แค่นั้นเนี่ยนะ?” เรียวส่งสายตาไม่เชื่อไปยังเพื่อน
“กูบอกตอนไหนว่าอยากได้?” นาวินแกล้งทำปากไม่ตรงกับใจ
“งั้นก็เรื่องของมึง...คนนี้ของกูก็แล้วกัน...จะเปลี่ยนใจมาแย่งทีหลังไม่ได้แล้วนะไอ้สัด!” เรียวจ้องหน้าเพื่อนอย่างรู้ทัน
“มึงจะทำเหี้ยไร? นั่นเพื่อนไอ้ลิป!”
“เพื่อนไอ้ลิปแล้วไงวะ?! ไม่ใช่เพื่อนกูสักหน่อย...” ตอบคำถามนั้นจบ เรียวก็ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหาหมอเฌอร์ที่กำลังงุ่นง่านอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
Cher talk :
หลังจากที่ฉันเข้ามาในผับบ้านี่ สั่งเครื่องดื่มไปชุดใหญ่ หวังจะเอามาเลี้ยงแก๊งพยาบาลของแก้ว ฉันก็ได้รับข้อความไลน์จากแก้วว่า ผับที่แก้วไปนั้นชื่อ Irene ไม่ใช่ Ironic
นั่นแปลว่าฉันมาผิดที่ น่าหงุดหงิดดีไหมล่ะ แต่ใครจะสน...ที่จริงฉันไม่อยากจะไปแดนซ์กับใครทั้งนั้น ฉันก็แค่อยากจะเมา เมาให้ลืมความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
พอพนักงานเขาเครื่องดื่มสำหรับห้าคนมาเสิร์ฟ ฉันก็เริ่มกระหน่ำดื่มน้ำอย่างหนัก อยากจะรีบเมาแล้วรีบกลับ เพราะฉันไม่ชอบสายตาของพวกผู้ชายหื่นกามที่เอาแต่จ้องฉันเสียเลย ใช่...ฉันรู้ว่ามีหลายสายตาที่จับจ้องฉันอยู่ ไม่รู้ก็บ้าแล้ว...เพราะพวกเขาจ้องฉันราวกับว่าตัวเองเป็นเสือและฉันเป็นเหยื่อ หึ! ประมาทฉันต่ำเกินไปแล้ว...ถึงฉันจะไม่ใช่สาวนักเที่ยว แต่ฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวอ่อนที่จะเมาแล้วใครจะหิ้วไปไหนมาไหนได้ง่ายๆหรอก
แต่ตอนนี้ฉันก็เริ่มเมาแล้วล่ะ...และพอเมา สติและหลักการหรือตรรกะเหตุผลมันก็ทำงานช้าลง ไร้ประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ฉันเลยคว้ามือถือขึ้นมา ส่งข้อความไปด่าไอ้เลวธันวา ฉันสาปแช่งมัน...ใช้คำด่าทอมากมาย คำหยาบที่คิดได้ในหัว ฉันก็พิมพ์ลงไปหมด
และมันก็อ่าน...ก็แค่อ่าน แต่ไม่ตอบโต้อะไร ฉันเลยหงุดหงิดมากกว่าเดิม กระดกเหล้าสลับกับเบียร์ ทำไปทั้งๆที่รู้ตัว แล้วตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ด่าไอ้ธันวาต่อไป จนกระทั่ง...
“มาดื่มคนเดียวเหรอ?” ผู้ชายหน้าตาดี หน่วยก้านดี ถ้าไม่ใช่เพิ่งออกจากกรม ก็คง...ทำงานเกี่ยวกับตำรวจหรือทหาร ฉันเดาเอาจากทรงผมและมัดกร้ามของเขา...เอ๊ะ? หรือเขาจะเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสส์ จะมาขายคอร์สฉันหรือไง?
“เห็นว่ามากี่คนล่ะ?” ฉันเลิกคิ้วถามเขากลับ เงยหน้าขึ้นจ้องหน้าเขานิ่ง จะบอกนะ...ว่าฉันน่ะว่าที่จิตแพทย์ เรื่องจิตวิทยาและการสู้ตาคนน่ะ ฉันไม่เป็นสองรองใคร
“หึ...ปากดีใช้ได้” เขาแสยะยิ้ม ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามฉัน
“ลุกขึ้น...ฉันไม่ได้เชิญให้นายนั่ง นี่เป็นโต๊ะของฉัน นายไม่มีสิทธิ์” อืม...ฉันไม่ชอบผู้ชายสายรุกเอาเสียเลย ดูไม่มีศิลปะ
“ฮ่ะๆ เธอแม่งเอาเรื่องเลยนะ น่าสนใจดี” เขาหัวเราะ ดูเหมือนจะไม่มีเสียเซลฟ์เลยสักนิดนิดกับคำพูดของฉัน แสดงว่าไอ้หมอนี่หน้าด้านใช้ได้เลยล่ะ
“...” ฉันยกแขนขึ้นกอดอก จ้องหน้าเขานิ่ง ดูสิ...ว่าเขาจะทำอะไรต่อ
“มาดื่มคนเดียวแบบนี้ ถ้าไม่ใช่นักเที่ยว ก็คงไม่พ้นอกหัก แต่ดูทรงเธอไม่เหมือนคนอกหักเลยนะ อีกอย่าง...ผู้ชายคนที่ไหนที่หักอกเธอได้ คงโง่น่าดู” ไอ้บ้ากามนี่ทำเป็นวิเคราะห์สถานการณ์ของฉัน
“ส่วนนาย...เป็นเทรนเนอร์เหรอ? ฉันไม่มีเวลาว่างออกกำลังกายหรอก เพราะงั้นไม่ต้องคิดที่จะขายคอร์สให้ฉัน” พูดไปงั้นแหละ หลังจากที่คุยไม่กี่ประโยค ฉันก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ ฉันเห็นรอยแผลเล็กๆที่ใต้คาง เห็นรอยแผลเป็นที่แขนและมือของเขา สายตาของเขาดูระแวดระวัง เวลาที่ฉันถอนหายใจเขาจะมองหน้าฉัน เหมือนว่าได้ยินมัน ทั้งๆที่ผับเสียงดังจะตาย นั่นแปลว่าเขามีทักษะการรับรู้ที่ดี และดูจากการแต่งตัว...เขาเลือกที่จะใส่หมวกมาเที่ยวผับ ราวกับว่าต้องการอำพรางตัวเอง ถ้าไม่ใช่ดารา เขาคงเป็นโจร...แต่ถ้าเป็นโจรเขาคงไม่เข้ามาหาฉัน งั้นฉันฟันธง! ผู้ชายคนนี้...ถ้าไม่ใช่ตำรวจ เขาต้องเป็นทหาร และถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้...เขาก็ต้องทำงานอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับการต่อสู้และการอำพรางตัวแน่ๆ
“ฮ่ะๆ ฉันไม่ใช่เทรนเนอร์ แต่ถ้าอยากให้เทรน..ก็บอกได้นะ” เขาหัวเราะแต่พอหัวเราะจบหน้าก็นิ่งทันที เขาไม่เผลอยิ้ม เพียงแต่จะมีบางครั้งที่แสยะยิ้มออกมาซึ่งที่จริงเขาไม่ได้จะยิ้ม นึกออกใช่ไหมว่าแสยะยิ้มกับยิ้มมันไม่เหมือนกัน และเขาดูจะถอนหายใจออกมามากกว่าฉันเสียอีก...มันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าหมอนี่มีภาวะเครียดสั่งสม
“ฉันแข็งแรงได้จากโภชนาการ เรื่องออกกำลังกายไม่ค่อยถนัด ว่าแต่นายเถอะ...นอนไม่ค่อยหลับล่ะสิ...” ฉันเลยถามออกไปตามประสาหมอ
“รู้ได้ไง?”
“มองตาก็รู้แล้ว...นายน่ะ อย่างดีก็นอนได้ไม่เกินสองชั่วโมง กระสับกระส่ายเพราะคิดมากตลอดทั้งคืน จะได้นอนอีกทีก็เกือบเช้า แล้วก็...เบื่ออาหาร ไม่อยากจะกิน...บางครั้งก็อ้วกออกมาเป็นน้ำย่อย” ฉันแกล้งทำเป็นวิเคราะห์อาการของเขา
“เธอเป็นหมอสินะ” ฉันเห็นเขาแสยะยิ้มอีกแล้ว
“ใช่...”
“ขอเบอร์เธอหน่อยสิ เธอน่าสนใจดีนะ” คราวนี้เป็นฉันที่ยิ้ม อยู่ๆก็นึกตลกที่ผู้ชายตรงหน้าไม่มีศิลปะเลยจริงๆ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะพูดอะไรก็พูด
“ไม่ให้ เพราะฉันไม่ได้สนใจนาย...” ฉันปฏิเสธเขาทันควัน ล้วงเข้าไปหยิบนามบัตรแพทย์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา
“อะไร?” เขาจ้องหน้าฉัน
“ฉันเป็นจิตแพทย์ อีกเดือนเดียวก็จะได้รักษาโรคจิตเวชแล้ว...ถ้านายอยากลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการนอนไม่หลับ ก็ลองไปที่โรงพยาบาลดูสิ”
“นี่เธอคิดว่าฉันบ้าเหรอ?!”
“เปล่า...อย่าคิดแบบนั้น นายแค่มีภาวะเครียดสั่งสมน่ะ ยังไม่ถึงกับบ้าหรอก ฉันจะลุกไปเข้าห้องน้ำนะ กลับมาคิดว่านายคงจะไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว...” พูดจบฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนที่จะหัวเราะออกมา เพราะใบหน้าตกใจของเขามันตลกเป็นบ้าเลย!
Cher end.
เรียวเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ที่ซึ่งนาวินกำลังนั่งรอฟังเหตุการณ์อยู่อย่างใจจดใจจ่อ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์ โยนนามบัตรที่เพิ่งได้มาลงที่โต๊ะ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้ามากระดกดื่ม
“อะไรวะ?” นาวินหยิบนามบัตรขึ้นมาดู
“ยัยบ้านั่นแม่งหาว่ากูเป็นโรคจิต ไม่ให้เบอร์แต่กลับให้นามบัตรมาแทน แล้วบอกให้กูไปพบแพทย์ รักษาภาวะเครียดสั่งสม น่าจับถ่วงน้ำฉิบหาย! ข้อหากวนตีนเก่ง!” เรียวโมโหจัด
“ฮ่ะๆๆ สมน้ำหน้ามึง! กูบอกแล้วไง...ว่าอย่าไปยุ่ง ผู้หญิงคนนั้นไม่ปกติหรอก ดูทรงก็รู้แล้ว” นาวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ อย่างน้อยก็โล่งใจที่เรียวไม่ได้เบอร์ของเธอ เพราะนามบัตรนั้นเบอร์ที่แปะอยู่ก็เป็นเบอร์ของโรงพยาบาล
“น่าหงุดหงิดสัด! เพราะยัยนั่นแม่งกวนประสาทแบบนี้ไง ไอ้เชี่ยลิปถึงไม่ได้เคยมาให้เรารู้จัก” เรียวยังคงหัวเสีย
“ใจเย็นๆ กูไม่บอกใครหรอกว่ามึงโดนผู้หญิงเทกระจาดใส่ ฮ่ะๆๆ” ผิดกับนาวินที่ดูเหมือนจะมีความสุขไม่น้อย
“เทกระจาดพ่อง!”
ครืดๆ ครืดๆ ครืดๆ
แล้วในตอนนั้น...เสียงมือถือของเรียวก็ดังขึ้นมา เขารีบรับสายทันทีเมื่อได้เห็นว่าเป็นสายของหน่วย
“นินจาไฟว์...” เขารับสายด้วยรหัสลับของตัวเอง
[มีภาระกิจด่วนที่ชายแดน ฮ. กำลังจะลงจอดที่ชั้นจอด ฮ. ของโรงแรม Hillson ตรงข้ามผับ]
“รับทราบ พร้อมปฏิบัติภารกิจ”
เรียววางสาย ก่อนจะหันไปมองหน้านาวินที่ส่งสายตารับรู้มาให้
“กูต้องไปแล้ว”
“โชคดี รักษาตัวด้วย”
“แล้วเจอกัน” แล้วร่างสูงก็หายลับเข้าไปในฝูงคน รวดเร็ว เงียบสงัดและพลิ้วไหวดั่งนินจา
หลังจากที่เรียวออกไปปฏิบัติภารกิจลับ นาวินก็ยังคงนั่งอยู่ที่ผับ เขายังคงเฝ้ามองหมอเฌอร์อยู่เงียบๆ และก็ได้เห็นว่ามีผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เข้าไปคุยกับเธอ อยากจะไปทำความรู้จัก ขอเบอร์ หรือชวนไปต่อที่อื่น แต่แล้วพวกเขากลับถูกเธอปฏิเสธเสียหมด
“ถ้าไม่คิดจะให้เบอร์ใคร แล้วจะมาเมาคนเดียวเพื่ออะไรวะ? ใครๆมองก็คิดว่ามาอ่อยเหยื่อ...” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่เวลานี้เริ่มเมาฟุบโต๊ะ
แล้วขณะที่นาวินกำลังชั่งใจว่าเขาควรจะโทรหาลิปดาหรือเข้าไปหาหมอเฌอร์ด้วยตัวเองดี อยู่ๆผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้าไปหยุดที่ตรงหน้าเธอ นาวินมองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร...เขาก็คือปวิณ นายแบบชื่อดังที่มีข่าวเรื่องชู้สาวนับไม่ถ้วน
“คุณครับ...ผมขอนั่งด้วยได้หรือเปล่า?” นายแบบหนุ่มเอ่ยถามกลับหมอเฌอร์ที่เวลานี้กำลังเมาหนัก
“ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นของกู” แล้วนาวินที่ทนไม่ไหวก็รีบเข้าไปทันที
“อะไรวะ?” ปวิณขมวดคิ้วมองหน้านาวินอย่างไม่สบอารมณ์
“หรือมึงอยากเสียชื่อ? ถอยไป! ผู้หญิงคนนี้กูจองแล้ว!” นาวินตะคอกเสียงดัง จนหมอเฌอร์ที่กำลังจะหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“อะไรอีก?!” เธอรีบตั้งสติ มองดูผู้ชายสองคนที่กำลังประจันหน้ากันอยู่
“เมาแล้วก็กลับบ้านไปสิ! หรือจะรอให้ผู้ชายพวกนั้นมาอุ้มเธอ?!” นาวินหันกลับมาจ้องหน้าเฌอร์อย่างหัวเสีย เมื่อปวิณเดินออกไปจากตรงนั้น
“ฉันยังไม่เมา แล้วนายยุ่งอะไรด้วย?!” หมอเฌอร์นิ่วหน้ามองนาวิน
“หึ! ยุ่งอะไรด้วยงั้นเหรอ? นี่ฉันกำลังช่วยเธออยู่นะยัยบื้อ!”
“ช่วย? นายมาช่วยฉันทำไม? ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย!”
“ก็เธอมาเมาอ่อยเหยื่ออยู่ไง! ถามจริงเถอะ...นี่เธออยากให้ผู้ชายพวกนั้นมาหิ้วเธอกลับห้องนักหรือไง?”
“เหอะ! ทีพวกนายมาเมา ฉันยังไม่คิดว่าพวกนายมาอ่อยเหยื่อเลย...แล้วทำไมทีฉันเมา พวกนายถึงได้คิดอะไรเลวๆแบบนั้น! ฉันก็แค่อยากเมา! แค่อยากเมาให้ลืมสิ่งที่อยู่ในหัวสมองนี่! ไม่ได้จะมาอ่อยใครทั้งนั้น!” หมอเฌอร์เมาจนขาดสติ จิ้มขมับตัวเองสองสามทีอย่างขุ่นเคืองใจ
“พวกผู้ชายอย่างฉัน...มาเมาก็เพราะต้องการล่าเหยื่อ แล้วผู้หญิงอย่างเธอนี่แหละที่เป็นเหยื่อชั้นดี ถ้าไม่อยากเสียตัวให้คนแปลกหน้าก็กลับบ้านไปซะ!” แม้กระทั่งตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกไป นาวินยังคงคิดอยู่ในใจว่าเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นี่มันไม่ใช่วิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมฉันต้องทำตามที่นายพูด! สมัยนี้ชายหญิงเท่าเทียมกันหมด! ฉันจะไปเมาที่ไหนตอนไหนก็ได้ และผู้ชายก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งหรือพาฉันไปไหนโดยที่ฉันไม่ยินยอม!” หมอเฌอร์จ้องหน้านาวินไม่วางตา ก่อนที่อยู่ๆเธอจะรู้สึกว่าคุ้นหน้าเขาขึ้นมา
“งั้นก็เรื่องของเธอ...อยากจะเมาอยู่ที่นี่ก็ตามใจ” นาวินสูดหายใจเข้าปอดลึก พยายามจะสงบสติอามณ์ของตัวเอง
“เดี๋ยว...! เรารู้จักกันหรือเปล่า? ที่นายเข้ามาวุ่นวายกับฉันมันเป็นเพราะเรารู้จักกันใช่ไหม?”
“...” นาวินนิ่งไป เพราะเขาเป็นฝ่ายเดียวที่รู้จักเธอ ส่วนเธอนั้น...ไม่รู้จักเขาแน่
“หรือนายก็แค่อยากจะเขามาขอเบอร์ฉัน ชวนฉันไปต่อที่ห้องเหมือนคนอื่นๆ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย แล้วตอนนั้นนาวินก็นึกสงสัยบางอย่างขึ้นมาเหมือนกัน เขาเองก็อยากรู้...ว่าเธอจะให้เบอร์เขาหรือเปล่า
“ใช่...ฉันจะเข้ามาขอเบอร์เธอ สนใจไปต่อกับฉันไหมล่ะ?”
“เหอะ! เหลือเชื่อเลย!” และดูจากวี่แววแล้ว ความเป็นไปได้ที่เฌอร์จะให้เบอร์ของเธอกับนาวินนั้นมีต่ำมาก และชายหนุ่มเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมา
“เอาเบอร์เธอมา ก่อนที่ฉันจะพังร้านนี้!” เขาก็เลยขู่เธอด้วยลูกไม้ตื้นๆ เบอร์เธอน่ะหายได้ง่ายดาย เพียงแต่เขาไม่อยากตกไปอยู่ลำดับชั้นของคนที่ถูกปฏิเสธ เช่นเดียวกับเรียวและคนอื่นๆ
“เหอะ!” หมอเฌอร์ยิ้มอย่างคาดไม่ถึง วันนี้มีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์เธอไม่ต่ำว่าสิบคน
“ผู้ชายพวกนี้เป็นบ้าอะไรกันไปหมด! อยากได้เบอร์ฉันนักก็เอาไป!” เธอเลยตัดความรำคาญ คว้ามือถือมาปลดล็อกหน้าจอ ยื่นไปให้ชายหนุ่ม...ซึ่งเขาก็ยกยิ้มออกมาอย่างรู้สึกถึงชัยชนะ รีบเอามือถือของเธอมากดเบอร์เขาแล้วโทรออกทันที เพียงเท่านี้เขาก็ได้เบอร์ของเธอแล้ว
“จบนะ ไม่ต้องตามฉันมาล่ะ คิดผิดสุดๆเลยที่ฉันออกมาผับเฮงซวยนี่!” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินกระแทกไหล่ชายหนุ่มออกไปที่ด้านนอกผับอย่างรวดเร็ว
Cher talk :
บอกตรงๆว่าฉันเมามาก ต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการจะพยุงตัวเองให้เดินออกมาที่หน้าผับ ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องหาแท็กซี่ ต้องรีบกลับแล้ว...ขืนอยู่ต่อนานกว่านี้ฉันได้โดนหิ้วไปจริงๆแน่
“แท็กซี่!” ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่ริมถนน แล้วโบกแท็กซี่ แต่กลับไม่มีแท็กซี่คันไหนจอดให้ฉันขึ้นเลยสักคัน
“แท็กซี่!!! จอด!!! ฉันไม่อ้วกใส่รถหรอกน่ะ!” ฉันทั้งโบกไม้โบกมือแล้วกระโดดให้คราวเดียวกัน
และเพราะฉันเมา แถมยังกระโดดไปมาอยู่ตรงขอบทางเท้า ในตอนนั้น...ตอนที่ฉันเห็นว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ตอนนั้นฉันก็พลาดท่า...กระโดดจนข้อเท้าพลิก...และกำลังจะร่วงตกจากทางเท้า
“กรี๊ดดดดดด!!!” ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เพียงเสี้ยววินาทีนั้น ฉันรู้ว่าหากฉันล้มลงไปที่พื้น รถคันนั้นต้องวิ่งเข้ามาเหยีบร่างฉันแน่ๆ เพราะเวลามันกระชั้นชิดจนไม่ทางที่เขาจะเบรกทัน
ปี๊นนนนนนนน!!!
เสียงแตรรถดังสนั่น สร้างความตกใจให้ฉันยิ่งทำตัวไม่ถูก ฉันตายแน่ๆ ตายจริงไม่อิงนิยายแล้ว...!
หมั่บ!
“ฮึก!”
ฉันหลับตาปี๋ คิดว่าตัวเองคงไม่รอดพ้นจากความตาย แต่อยู่ๆฉันกรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดและกลิ่นตัวแสนคุ้นของใครบางคนที่นึกไม่ออกว่าใคร
“เธออยากตายหรือไง?! ถ้าฉันมาไม่ทัน!! เธอตายแน่ยัยบ้าเอ๊ย!!!” ร่างสูงตรงหน้าผลักฉันออกจากอ้อมกอดอย่างแรง ก่อนที่จะต่อว่าฉันอย่างเดือดดาล
“ฉะ...ฉันขอโทษ ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองตกใจจนช็อก เวลานี้สั่นไปหมดทั้งร่าง
“เธอจะขอโทษฉันทำไม?! เธอทำอะไรผิดต่อฉันหรือไง?!”
นั่นสิ...ฉันจะไปขอโทษเขาทำไม ฉันต้องขอบคุณที่เขามาช่วยฉันไว้ต่างหาก
“ขอบคุณนะ...ที่ช่วยฉัน” ฉันมองหน้าผู้ชายที่ฉันเพิ่งจะให้เบอร์ไป แล้วบอกว่าห้ามเขาตามฉันมา
“บ้านเธออยู่ไหน?!” เขาไม่ตอบรับคำขอบคุณของฉัน แต่กลับเข้ามาคว้าข้อมือฉันอย่างแรงแล้วลากออกไปตรงนั้น...
