8
ภูผาช่วยหญิงสาวหิ้วกระเป๋าขึ้นบันไดบ้านพักที่เป็นบ้านไม้สองชั้นตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานแต่มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน พอเปิดประตูบ้านพักเข้ามาเขาก็บอกให้หล่อนพักในห้องเล็กด้านซ้ายส่วนห้องใหญ่ด้านขวาเป็นของเขาตรงกลางเว้นช่องทางเดินเข้าประมาณสองเมตรตรงไปเป็นห้องโถงพื้นที่ใช้สอยร่วมกันแต่ก็ไม่กว้างมากนัก ส่วนระเบียงด้านหลังเป็นครัวเล็ก ๆ กับห้องน้ำอยู่คนละฝั่ง บ้านนี้มีแค่สองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำไม่ได้กว้างขวางใหญ่โตแต่ก็พออยู่ได้สบาย ๆ ถึงอย่างไรกอหญ้ารู้สึกเกรงใจเจ้าของบ้านอยู่ดี เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยขยับขยายก็แล้วกัน บางทีหล่อนอาจจะกลับไปขอทำงานกับหม่อมเนื้อทองแล้วไม่ต้องกลับมาเห็นภาพบาดใจอีกเพราะตอนนี้หล่อนคงไม่สำคัญกับชีวิตพ่ออีกแล้ว.....
“ไหวไหมกอหญ้า” ภูผานึกเห็นใจรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามทำเป็นเข้มแข็งอดกลั้นไม่ยอมแสดงออกมา
กอหญ้ายังจมดิ่งอยู่กับความจริงที่เพิ่งจะรับรู้ หล่อนไม่ได้เสียใจที่พ่อแต่งงานใหม่แต่เพราะคนคนนั้นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างผกาจะให้รู้สึกยอมรับง่าย ๆ มันก็กระไรอยู่
“หญ้าไม่เป็นไรค่ะนาย แค่แปลกใจนิดหน่อย” หญิงสาวพยายามเก็บกดความเศร้าลงไปในส่วนลึก ถึงตอนนี้คร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์
“พ่อไม่ได้เขียนจดหมายไปบอกเราเหรอ”
“พ่อคงเห็นว่าไม่จำเป็น”
“อืม...โตแล้วนี่เนอะถ้าเด็ก ๆ ก็ว่าไปอย่าง” เรือนร่างสูงใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้จนหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเหลือตัวนิดเดียว มือใหญ่วางลงบนศีรษะโยกน้อย ๆ ทำให้หัวใจที่สั่นไหวอุ่นวาบขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“นายหิวหรือยังเดี๋ยวหญ้าไปหุงข้าวเลยดีกว่า” หญิงสาวรู้สึกแปลก ๆ ที่เขายืนอยู่ใกล้ ๆ จนรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างกายแกร่งจึงขยับตัวเล็กน้อยและเอ่ยถามเพื่อทำลายความรู้สึกประดักประเดิดชอบกล
“อืม....ลองไปหาดูเถอะในครัวมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ในลังนั่นอีกไม่รู้ว่าหม่อมป้าจัดอะไรมาให้ ถ้าไม่มีเดี๋ยวออกไปหากินในเมืองก็ได้ฉันขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
“หญ้าว่าทำอะไรง่าย ๆ กินกันตายไปก่อนดีกว่านะนาย ขับรถกลับไปกลับมาเหนื่อยตายเลย”
“ตามใจ ฉันกินได้ทุกอย่าง”
พูดจบภูผาก็เดินกลับเข้าห้องนอน ไม่นานหล่อนก็เห็นเขาออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เดินเข้าห้องน้ำไป ทำให้กอหญ้ารีบหันหลังให้เพื่อเตรียมอาหารอย่างที่บอกเขาไว้....ตาย ๆ ถึงนายจะคิดว่าหญ้าเป็นทอมก็ห้ามประเจิดประเจ้อนะหัวใจจะวาย....หญิงสาวได้แต่บ่นในใจใครจะกล้ามีปัญหากับเจ้าของบ้านล่ะ
กอหญ้าค้นหาเจอข้าวสารอาหารแห้งก็ง่ายแล้วอย่างน้อยมื้อนี้ก็รอด ในขณะที่หล่อนได้ยินเสียงอาบน้ำจากห้องข้าง ๆ ทำให้กอหญ้าเร่งมือไม่นานก็เสร็จรอข้าวสุกอย่างเดียว ตลอดเวลาหล่อนยืนหันหน้ามองท้องฟ้ามืดข้างนอก รู้สึกว่านายภูอาบน้ำเสร็จเดินผ่านไปแค่ได้กลิ่นหอมสดชื่นของสบู่กับแชมพูสระผมก็รู้สึกแปลก ๆ
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวได้มากินข้าวพร้อมกัน”
“......” กอหญ้าไม่ตอบได้แต่พยักหน้าโดยไม่หันกลับมา อีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจหล่อนรอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องนอนจึงได้รีบวิ่งแจ้นไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเข้าไปอาบน้ำก่อนที่นายภูจะออกมาจากห้องอีกครั้ง.....โอยกว่าจะได้กลับไปหาหม่อมท่านจะหัวใจวายตายก่อนหรือเปล่าวะเนี่ย......
“กอหญ้ามานั่งนี่สิไม่หิวหรือไง” ภูผาเห็นอาหารวางเรียงรายบนโต๊ะสี่เหลี่ยมข้างหน้าต่าง ส่วนกอหญ้านั่งห่างออกไป
“นายกินเหอะเดี๋ยวหญ้ากินทีหลัง” หญิงสาวพยักพเยิดบอกเขาอย่างจริงจัง เขาเป็นเจ้านายไม่ควรที่หล่อนจะไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อตีเสมออย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
“บอกให้มานี่” ภูผาบอกเสียงเข้มทำให้คนตัวเล็กขยับเข้ามาอย่างเกรงใจ
ทั้งคู่นั่งกินอาหารที่กอหญ้าทำขึ้นมาง่าย ๆ อย่างไข่เจียว ต้มจืดหมูสับกับผักกาดกระป๋องพอให้มีน้ำซุปร้อน ๆ ให้คล่องคอกับแกงเผ็ดเนื้อเค็มรสชาติจัดจ้าน เท่านี้ก็สร้างความประหลาดใจให้กับภูผาที่คาดหวังว่าคงจะได้กินแค่ข้าวไข่เจียวก็หรูแล้วเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในตู้เย็นมีอะไรแช่ไว้บ้างเพราะปกติเจ้ากระเจียวเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีจะเป็นคนมาจัดการให้ทุกวันเขาก็แค่จ่ายเงินเท่านั้น
“เป็นไง สบายใจขึ้นหรือยัง” ภูผาถามคนที่เงียบสงบเสงี่ยมเกินเหตุจากที่เคยพูดเจื้อยแจ้วมาทั้งวัน
“หญ้าคิดว่าจะกลับไปขอทำงานกับหม่อมท่านดีไหมคะนาย” หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับปรึกษาในสิ่งที่หล่อนเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นทางเลือกที่ดีหรือไม่
“ทำไมล่ะ โกรธที่พ่อมีเมีย?” ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้เจ้าตัวถึงกับจะหนีกลับกรุงเทพฯ
“ก็ไม่เชิง”
“ยังไง”
“นังผกามันเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของหญ้าค่ะ”
“แค้นฝังหุ่นว่างั้นเถอะ”
“ก็ตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยดีกันเลย”
“ก็แค่เรื่องเด็ก ๆ รึเปล่า”
“แต่...ช่างเหอะพ่อมีคนดูแลแล้วอีกไม่นานก็มีลูกใหม่ หญ้าคงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ” หญิงสาวหน้าเศร้าพูดเหมือนไม่ได้เสียใจแต่ปลายเสียงเบาหวิวความรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลก พ่อไม่ใช่ของหล่อนอีกต่อไปยิ่งมีน้องด้วยแล้วหล่อนเหมือนกลายเป็นคนนอกไปโดยปริยาย
“เอาน่าลองดูสักพัก ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ฉันจะไปส่งเอง”
“ไม่เป็นไรนาย หญ้าไปเองได้” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ
“ฉันคงดูคนผิดไปสินะ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเป็นพวกขี้แพ้ อ่อนแอใจเสาะ” ภูผาพูดเรียบๆ แต่สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าเล็ก ๆ ปลายจมูกแดงเรื่อคงจะแอบร้องไห้มาแน่ๆ เด็กเอ๋ยเด็กโตแต่ตัวแท้ ๆ
“แพ้อะไรกันเล่าก็แค่หมดห่วง” คนกลัวเสียฟอร์มไม่ยอมรับเถียงข้าง ๆ คู ๆ
