ไอดินกลิ่นหญ้า

101.0K · จบแล้ว
ละอองดิน01
68
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อถึงคราวต้องเลือกภูผายอมเจ็บหนักเรื่องรักคงต้องพักยาวแต่แล้วเจ้ากรรมนายเวรก็เข้ามาในรูปของตัวกวนป่วนหัวใจ...... ...................................... “มานั่งทำอะไรตรงนี้” ชายหนุ่มอ่อนใจที่เห็นยัยเด็กแสบสะพายย่ามนั่งยิ้มแป้นพิงล้อรถสงสัยกลัวอดไปดูช้าง เมื่อเช้ามืดเขาได้ยินเสียงกุกกักในครัวแสดงว่าเจ้าหล่อนคงรีบตื่นมาเตรียมตัวในย่ามนั่นก็คงไม่พ้นอาหารกลางวัน...อืม...ก็รอบคอบใช้ได้ภูผานึกชื่นชมอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปเกรงว่าเจ้าหล่อนจะคุยฟุ้งอวดโอ่จนหนวกหู “รอนายค่ะ ......สงสัยมัวแต่งหล่อไปอวดแม่ช้างถึงได้ช้า” ประโยคหลังกอหญ้าพูดเบา ๆ เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าแต่คนหูดีดันได้ยินถึงได้ถลึงตากลับมา “วอนอดไปแล้วนะไอ้หญ้า” “โธ่ นายจ๋าหญ้าล้อเล่น” เรือนร่างปราดเปรียวในชุดเสื้อกางเกงม่อฮ่อมอย่างที่หล่อนชอบใส่พร้อมกับผ้าโพกหัวสีสดใส กระโดดแผล็วขึ้นไปนั่งประจำข้างคนขับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถึงขนาดนี้แล้วไอ้หญ้าไม่ยอมโดนทิ้งเด็ดขาด ภูผาส่ายหน้ายิ้ม ๆ เห็นสภาพแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเจ้าหล่อนจบจากโรงเรียนฝรั่งชื่อดังในกรุงเทพฯ มองยังไงก็เด็กบ้านป่าชัด ๆ ...อืม....หรือว่าเพราะเขาชอบป่า ชอบทุกอย่างที่เป็นป่าจึงได้เอ็นดูกอหญ้าเป็นพิเศษเขารู้สึกสนิทใจแล้วก็..........ไม่มีทางเขาไม่ได้ชอบกอหญ้าแบบชู้สาว ชายหนุ่มรีบปัดความคิดนอกลู่นอกทางออกจากสมองอย่างเร็ว........

คนต่ำต้อยผู้ชายอบอุ่นพลิกชีวิตยุค70นิยายรักโรแมนติกนิยายรัก

1

พุทธศักราช 2507

“กะ...กรี๊ดดดดดด..........อุ๊บ....” คนตัวเล็กยืนเอากำปั้นอุดปากตัวเองหลังจากเผลอส่งเสียงกรีดร้องออกไป.....ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้า คนอย่างกอหญ้าเกิดมาจนครบยี่สิบสองปีก็เพิ่งจะเคยเห็นภาพชัด ๆ ก็คราวนี้.............คนอะไรวะตัวใหญ่ขนดกอย่างกับหมี......

ชายหนุ่มที่ถูกเปรียบเป็นหมีเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เขายังไม่สร่างเมาดีเลยด้วยซ้ำ พอเห็นเด็กมันกรี๊ดใส่ก็ได้แต่ก้มลงมองตัวเองอย่างงง ๆ ...ก็ไม่ได้โป๊นี่หว่าท่อนล่างก็พันผ้าขนหนูเอาไว้เรียบร้อย เปลือยก็แต่ช่วงบนทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยวะ…..

“เป็นกะเทยหรือไงวะไอ้หนุ่ม ทำเป็นกรี๊ดกร๊าดอย่างกับผู้หญิง” ภูผาถามเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าคางแทบจะชิดอกหัวหูโพกผ้าน่าเกะกะ รูปร่างอ้อนแอ้นหน้าใสๆ ผิวขาว ๆ มองผ่าน ๆ ก็เหมือนผู้หญิงจริงแหละ ถ้านุ่งซิ่นแทนกางเกงม่อฮ่อมคงได้เข้าใจผิดกันบ้าง......ชายหนุ่มคิดอย่างขำ ๆ เขาไม่ได้พิจารณาอีกฝ่ายมากมายนัก ถ้าเป็นสาว ๆ ก็ว่าไปอย่าง.......ภูผาส่ายหน้าก่อนจะเดินหนีไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วจึงเอื้อมหยิบเสื้อโปโลมาสวมลวก ๆ จากนั้นก็กวาดตาหากางเกงตัวเก่งพอได้แล้วก็ทำท่าจะสลัดผ้าขนหนูทิ้ง แต่เสียงไอ้หนุ่มขี้ตกใจดันขัดขึ้นมาก่อน

“หม่อมท่านให้มาตาม” กอหญ้าพูดเสียงต่ำยั้งคำว่าค่ะเอาไว้ ไหน ๆ เขาก็นึกว่าหล่อนเป็นผู้ชายก็สวมรอยเสียเลย พอบอกไปแล้วก็รีบหมุนตัวกลับลงบันไดไปอย่างรวดเร็วถือว่าหมดหน้าที่แล้วจะอยู่รอดูอีตาพี่หมีโป๊ให้หัวใจวายทำไมกันเล่า....คนบ้าอะไร.....ใจคอจะแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นโดยไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือยังไง

“อะไรของมันวะ สงสัยจะเพี้ยน” ภูผารีบสวมกางเกงชั้นในชั้นนอกไม่ได้พิถีพิถันนักตามประสาคนทำงานในป่าจนชินไม่รู้จะแต่งตัวไปให้ใครดู......ไอ้หนูเมื่อกี้เป็นใครหว่า....จู่ ๆ ก็อยากรู้ทั้งที่นาน ๆ เขาจะออกจากป่ามาค้างที่นี่สักครั้งคนที่ทำงานในบ้านนี้มีใครบ้างเขาไม่เคยคิดจะจดจำด้วยซ้ำ......

เรือนร่างสูงใหญ่ก้าวเดินลงบันไดมาอย่างช้า ๆ เขาเห็นญาติผู้พี่อย่างคุณชายปฐวีกำลังนั่งหยอกล้ออยู่ท่ามกลางเมียและลูกสาวที่น่ารัก......แว่บหนึ่งเขาก็อดคิดถึงตัวเองไม่ได้.......เพราะครอบครัวของญาติผู้พี่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากมีแบบนี้เป็นของตัวเองบ้าง........แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเพราะคนที่หวังไม่ชอบทางที่เขาเดิน......

“ไง...ไอ้ภูยังตื่นไหวหรือวะ” คุณชายปฐวีหันมาเห็นน้องชายเดินเข้ามาหน้าตาไม่เบิกบานเหมือนทุกครั้งที่กลับมาบ้านสงสัยว่าเมื่อคืนจะดื่มหนัก

“ไหวสิพี่ ผมยังฟิตเปรี๊ยะไม่เหมือนใครบางคนหรอกหนีกลับตั้งแต่งานเพิ่งจะเริ่มทำอย่างกับเกรงใจคนที่บ้านอย่างนั้นแหละ” ชายหนุ่มแซวขำ ๆ เมื่อคืนพวกเขาไปงานสังสรรค์ศิษย์เก่าเจอเพื่อน ๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องรำลึกความหลังแล้วก็เมากันเละเทะ

“เบื่อคุยกับคนเมาว่ะ....กลับมาหาเมียหาลูกดีกว่าเอาไว้มึงมีเมียเป็นของตัวเองเมื่อไหร่แล้วจะรู้เอง” คุณชายยืดอกยอมรับว่าเกรงใจเมียอย่างหน้าชื่นตาบานพลางส่งตาหวาน ๆ ไปให้ศรีภรรยาที่นั่งอมยิ้มแก้มแดงเหมือนหล่อนเป็นลูกสาวคนโตมากกว่าไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ไม่เคยเบื่อกันสักทีมีแต่รักกันเหนียวแน่นมิหนำซ้ำยังมีโซ่ทองคล้องดวงใจเอาไว้ถึงสี่เส้น......

“อาภูไม่มีเมียมีลูกหรอค๊า......” หนูปริมลูกสาวแก้มยุ้ยตัวอวบวัยห้าขวบเงยหน้าจากการจดจ่อแต่งตัวให้น้องตุ๊กตา เพราะได้ยินผู้เป็นพ่อกับคุณอาพูดจากันไม่ไพเราะ แต่ความสงสัยในเรื่องของคุณอาหนุ่มมีมากกว่า

“หนูปริมลูก...ทำไมถามอาภูอย่างนั้นล่ะคะ” คุณชายปฐวีบอกลูกสาวราวกับเห็นใจคนไม่มีเมียเสียเต็มประดา แต่สายตาที่มองภูผานั้นกลับตรงกันข้ามหมั่นไส้ที่น้องชายยังทำเป็นหยิ่ง เขาแว่วว่าจะโดนผู้หญิงทิ้งอยู่รอมร่อ

“ทำไมหรอคะคุณพ่อขา คุณอาหญิงแสงดาวไม่ชอบคนมีหนวดหรอคะ เอาไว้คราวหน้าหนูปริมบอกคุณอาให้นะค๊า....ว่าคุณอาภูของหนูไม่ดุเลยค่า......” เด็กหญิงคิดและพูดออกไปอย่างไร้เดียงสาตามประสาเด็ก........น่าสงสารอาภูที่หล่อสู้พ่อดินไม่ได้.......

ภูผาหัวเราะเสียงดังแต่ฟังแล้วแปร่งหูชอบกลเหมือนเจ้าตัวจะเยาะตัวเองที่ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว แม้แต่เด็กอย่างหนูปริมยังดูออก

“หนูปริมแก่แดดใหญ่แล้วนะเด็กคนนี้” บัวบูชาปรามลูกสาววัยห้าขวบเสียงเข้ม หล่อนรู้ดีว่าเรื่องนี้ทำให้คนตรงหน้าหนักอกหนักใจไม่น้อย ภูผาพบกับคุณหญิงแสงดาวในงานฉลองมงคลสมรสของหล่อนกับคุณชายปฐวีเมื่อเกือบเจ็ดปีก่อน.......เกิดถูกตาต้องใจกันและด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ ไม่มีใครกีดกันปล่อยให้คบหาดูใจ แต่ก็อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม ทั้งคู่ควรจะได้แต่งงานกันไปตั้งนานแล้วแต่ติดปัญหาตรงที่ต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันที่จะใช้ชีวิตหลังแต่งงานอยู่ที่เดิมภูผายืนยันจะอยู่ป่าแต่ว่าคุณหญิงแสงดาวจะอยู่ในเมือง จึงทำให้เรื่องราวคาราคาซังจนถึงทุกวันนี้

“แก่แดดคืออะไรหรอคะคุณพ่อขา.....” เด็กน้อยหันไปกอดคออ้อนถามกับคนเป็นพ่อ ความจริงก็หาคนคุ้มครองนั่นแหละเพราะแม่บัวเริ่มมองตาเขียวแล้วสิ...แต่หนูปริมยังสงสัยอยู่นี่นา.......

“ก็......เป็นเด็กแต่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ไงคะ อย่างเช่นหนูปริมตั้งคำถามกับอาภูเหมือนผู้ใหญ่ถามเลยค่ะ” คุณพ่อลูกสี่อธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างระมัดระวัง

“หนูปริมพูดไม่ดีใช่ไหมคะคุณพ่อขา” เด็กหญิงถามเสียงเครือน้ำตาคลอเบ้าริมฝีปากสีแดงสดเริ่มเบะเตรียมจะร้องไห้.....ไม่รู้ว่าจะโดนแม่บัวทำโทษหรือเปล่ายังไงก็ขอเก็บคะแนนสงสารใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อนดีกว่า...เด็กน้อยเจ้าเล่ห์แสดงตามบทที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด