27
“หืม......เรื่องอะไรเหรอ” คนที่เป็นดั่งพี่สาวกลับไม่คิดเช่นนั้น หล่อนเห็นว่ากอหญ้าน่าสงสารมากกว่า ไม่รู้ว่าถูกภูผาล่อลวงเอาหรือเปล่าเด็กมันยิ่งใสซื่ออยู่ด้วย
“หญ้ารู้มาว่าพี่ภูโดนหักอกใช่ไหมคะ” หญิงสาวลดเสียงทำกระซิบกระซาบ หลังจากหล่อนมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดคน
“อืม...คงอย่างนั้นนะ......เขาเล่าให้กอหญ้าฟังหรือจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ...หญ้าบังเอิญได้ยินพี่หมอ...เอ่อ...เพื่อนพี่ภูน่ะค่ะเขาคุยกัน”
“ก็ประมาณนั้นแหละ ว่าแต่กอหญ้าเถอะ รู้อย่างนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“หญ้าสงสารอยากให้พี่ภูหายเศร้าเร็ว ๆ ค่ะ”
“หืม.....พี่ภูเขาเศร้ามากเลยเหรอ”
“หญ้าไม่เคยเห็นหรอกค่ะ หญ้าว่าเขาเก็บอาการไว้หรือไม่ก็อาจจะแอบไปร้องไห้คนเดียวก็ได้” สาวแสนรู้คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ
บัวบูชามองหน้าเด็กสาวเห็นแต่ความปรารถนาดี เป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงใจแล้วก็อดนึกห่วงเจ้าตัวไม่ได้ หากวันใดต้องผิดหวังเสียความรู้สึกขึ้นมาไม่รู้ว่ากอหญ้าจะเป็นยังไง.....แต่อะไรก็ไม่แน่นอน บางทีกอหญ้าอาจจะพบกับความสุขที่สุดในชีวิตก็ได้ซึ่งหล่อนเอาใจช่วยขอให้เป็นอย่างหลัง
“งั้นกอหญ้าก็ช่วยเยียวยาพี่ภูให้หายไว ๆ สิจ๊ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ตอนที่กอหญ้าเสียใจนายภูยังปลอบแล้วก็ยอมอุทิศเสื้อตัวใหม่ให้หญ้าเช็ดน้ำมูกน้ำตาไม่บ่นว่าสักคำ” หญิงสาวทำหน้าซาบซึ้งใจสุด ๆ
เด็กหนอเด็ก.....บัวบูชามองใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลางคิดว่า บางทีกอหญ้าอาจจะรู้สึกแบบปั๊บปี้เลิฟทำนองนั้น แต่ยังไงก็เอาใจช่วยขออย่าได้เจออุปสรรคขัดขวาง ขอให้ทั้งคู่มีความรักที่ราบรื่นตลอดไป
กว่าสองสาวจะจัดการกับดอกไม้เสร็จก็เย็นมากแล้ว บัวบูชาจึงให้กอหญ้าขึ้นไปดูภูผาเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว
กอหญ้าเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือที่สุดเกรงจะรบกวนคนนอน หลับแล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ พี่ภูขาของหล่อนยังนอนหลับสนิทถ้ามองไม่ผิดหล่อนเห็นเขายังนุ่งผ้าขนหนูอยู่ เสื้อแสงไม่ใส่...ต๊าย !....หญิงสาวอุทานเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปหวังจะมองใกล้ ๆ ว่าไอ้ที่เห็นวับ ๆ แวม ๆ ตามรอยแยกของผ้าขนหนูน่ะมันคืออะไรกันแน่.......
“จ๊ากกก.. !!...” เรือนร่างอรชรล้มลงไปนอนอยู่บนหน้าอกเปลือยเปล่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่แน่ว่าตกใจจนลุกไม่ขึ้นหรือเพราะได้สัมผัสกับเนื้อแท้ ๆ กลิ่นกายเพศชายกันแน่ ถึงได้อยากนอนแช่อยู่อย่างนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับกับใจตัวเอง กอหญ้าได้แต่ดิ้นขลุกขลักกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนตัวหนอนหมดแรง
“ทำลับ ๆ ล่อ ๆ จะขโมยอะไรหึ....” ภูผากอดกอหญ้าไว้หลวม ๆ พลางหลุบตาลงมองคนที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาอยู่บนอกกว้างเหมือนอยากจะหนี แต่ก็มีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มหน้าราวกับรอเวลาแบบนี้มานาน......เฮอะ !.....ไอ้เด็กแก่แดดมันน่าเขกกะโหลกยัยตัวแสบสักทีทะลึ่งเกินหญิงจริง ๆ
“ขโมยจริงแหละ....ขโมยหัวใจไง้......” กอหญ้าเงยหน้ามายิ้มหวานนัยน์ตาเต้นระริกเหมือนรื่นเริงบันเทิงใจที่ได้เกี้ยวพาราสีสามีของตัวเอง....... บอกเลยเมื่อก่อนอาจจะไม่กล้า แต่ตอนนี้ไอ้หญ้าจะเดินหน้าจีบพี่ภูเต็มตัวแล้วน๊า.....จะดามอกที่เดาะไม่ให้เหลือร่องลอยสักนิดเดียว
“โอ้โห.....ไอ้หญ้าไปจำมุขน้ำเน่าจากไหนมาวะเนี่ย” รูปร่างหน้าตาก็สวยสดหมดจดดีหรอก แต่ยัยเด็กบ้ามันสามารถทำให้ภูผาหมดอารมณ์ได้ก็เพราะความทะลึ่งทะเล้นนี่แหละ อ้อมกอดคลายออกทันทีเขาไม่ผลักลงไปก็บุญแล้ว
“เฮ้อ ! เซ็ง......” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ เรือนกายหนาที่ยังนอนแผ่หลาอย่างเบื่อหน่าย
“เป็นอะไร โดนว่าแค่นี้ทำหน้าเบื่อโลกเลยหรือไง” มือใหญ่เอื้อมไปสะกิดไหล่โดยที่อีกฝ่ายทำเป็นสะบัดสะบิ้งหวงตัวไม่ให้แตะแล้วก็อดขำไม่ได้...อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกินแม่คุณเอ้ย.....
“ก็พี่ภูขาพูดจาบาดหูน้องหญ้าขานี่คะ.....หาความหวานไม่เจอเลยนี่นา” หญิงสาวหันมาจีบปากจีบคอต่อว่าทำตาปะหลับปะเหลือก
“อ๋อ...อยากฟังแบบหวาน ๆ”
“เป็นสามีภรรยาก็ต้องพูดกันหวาน ๆ กันป่ะล่ะ พี่ภูเคยดูหนังป่ะเนี่ยถามจริง”
“มันใช่เหรอวะ.....” ที่แท้เจ้าหล่อนจำมาจากหนัง....ความรู้สึกตอนนี้เหมือนนอนคุยกับเด็กประถมหาใช่ผู้หญิงที่จะทำหน้าที่เมีย..เฮ้อ ! ยัยแม่มด.....
“.....น้องหญ้าขา.ขา..ขา........” ชายหนุ่มแกล้งพูดขึ้นมาเสียงยานคางหลังจากนิ่งคิดอยู่นาน หนังไทยก็ไม่ค่อยได้ดูเสียด้วย
“อูยยยยยย.......ขนลุกหมดแล้วจ้านี่อย่าบอกนะว่ายืนรออยู่ที่ท่าน้ำ..... พอ ๆ แบบนี้ไม่ต้องหวานก็ได้เหอะ” ขอแบบธรรมชาติดีกว่า เกิดพี่ภูขาชินปากละเมอเรียกตอนดึกสงัดล่ะก็ได้วิ่งป่าราบ
“งั้นก็เลิกเรียกฉันว่าพี่ภูขาได้แล้ว” ยิ่งคุยก็ยิ่งตามเด็กไม่ทัน ไม่รู้ว่าสรรหาอะไรมาคุยเอาเป็นว่ายื่นข้อเสนอเลยก็แล้วกัน
“ได้ค่ะได้....งั้นเรียกพี่ภูของหญ้าเป็นไงคะ” หญิงสาวยิ้ม ทำตาวาวๆ
“หึหึ......กล้าเหรอ”
หญิงสาวหันมายิ้มแฉ่งก่อนจะส่ายหน้าทำท่าสยดสยอง
“อื้อ........”
ด้วยความมันเขี้ยว ภูผาอดไม่ได้ที่จะดึงคนช่างยั่วลงมานอนอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาพลิกเรือนร่างบอบบางลงข้างล่างกักกดไว้ด้วยเรือนร่างหนาโดยลืมไปว่าผ้าขนหนูผืนเดียวนั้นมันแหวกผ่าไม่อยู่ในที่ทางที่ควรจะเป็น
“เดี๋ยวก่อนนนนน.......พี่ภูงู....งูของพี่ภูมัน...อร๊าย !!.....”
