24
สองหนุ่มสาวออกเดินทางตั้งแต่ก่อนตีสี่ ภูผาขับรถมาราวกับพายุทำให้กอหญ้าที่ปกติจะนั่งคุยเจื้อยแจ้วถึงกับพูดไม่ออก นั่งหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง หลายครั้งที่เกร็งขาราวจะช่วยเบรกตอนที่รถเบียดแซงคันหน้าอย่างเฉียดฉิว...โอยหัวใจจะปลิดปลิวเสียให้ได้...เจ้าประคู๊ณขอให้ไอ้หญ้ากับนายภูผามีชีวิตรอดด้วยเถอะ...สาธุ......หญิงสาวได้แต่นั่งภาวนาไปตลอดทาง
ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงบ้านเจ้าสัวโดยสวัสดิภาพจะด้วยบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือฝีมือคนขับก็ไม่อาจทราบได้ ถึงกระนั้นหญิงสาวก็แทบจะหัวใจวายเสียหลายครั้งถึงแม้ว่ารถจะจอดสนิทแล้วแต่ใจก็ยังสั่น....
“เอ้า ! ลงมาสิ”
“นะ...นาย....” หญิงสาวได้สติ ทุบไปบนท่อนขาที่แข็งเกร็งของตัวเองหน้าตาเหยเก
ภูผาเห็นแล้วอยากขำก็ขำไม่ออก เขาไม่ได้แกล้งเจ้าหล่อนเสียหน่อยแต่ก็ยังดีที่ครั้งนี้ไม่อ้วกแตกแต่หน้าตาเหมือนยังหลอนไม่หาย
“ว้าย !” กอหญ้าร้องอย่างตกใจพลางกอดลำคอแกร่งอย่างแน่นหนา เมื่อนายภูผาช้อนอุ้มจนตัวลอยลงมาวางที่พื้นแต่ก็ยังกอดประคองเอาไว้รอดูว่าหล่อนจะก้าวเดินได้หรือเปล่าจึงมองเหมือนยืนกอดกันทำให้คนที่ทำงานอยู่แถวนั้นก้มหน้าซ่อนยิ้มกันเป็นแถว เพราะใคร ๆ ก็รู้จักทั้งคู่ต่างก็ยินดีเมื่อรู้ข่าวว่าจะมีงานแต่งงานของหลานชายเจ้าสัวกับกอหญ้าอดีตเด็กสาวใจซื่อแสนซนของคนทั้งบ้าน
“เลิกกอดได้หรือยัง ชอบแต๊ะอั๋งเหมือนกันนะเราน่ะ”
แม้เสียงเตือนจะราบเรียบแต่เล่นเอากอหญ้าอยากจะเอาหน้าซุกกลับไปในรถเสียเหลือเกินที่ตัวเองทำเป็นยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกอดคอเขาเสียแน่น.....สาบานว่าลืมจริงจริ๊งงงงงง.......
“ขามันซู่ซ่าไปหมดเลยค่ะนาย ฉี่ไม่ราดก็บุญแล้ว” ทำเป็นตลกแก้เขินนั่นแหละทางถนัดของไอ้หญ้า
“อะไรจะขนาดนั้น”
“ฮึ ! นายลองมาเป็นคนนั่งดูมั่งดิ....เสียวจะตายอยู่แล้วแข้งขาจิกเกร็งไปหมดเลยเนี่ย”
“เหรอ...เสียวมากเลยเหรอไอ้หญ้า” คนตัวโตก้มหน้าไปถามยิ้ม ๆ นัยน์ตาพริบพราว
“นายอ่ะ.....” แก้มพอง ๆ นั่นแดงก่ำ....โอ้ยอะไรกันเนี่ยจะทำให้อายไปถึงไหน.....
“ทำไม....ฉันทำไมหึ”
“ไม่พูดแล้ว.......เข้าบ้านเถอะค่ะหม่อมท่านคงจะรอนานแล้ว” หญิงสาวยืดตัวตรงขยับแขนขยับขาเห็นว่าดีขึ้นแล้วจึงก้าวเดินหนีไปด้วยความอายหน้าร้อนจนจะไหม้แล้วมั้ง...... แต่แล้วก็ต้องหยุดยืนรีรออยู่ที่ประตูอยู่ดีเพราะใจไม่กล้าพอที่จะลุยเดี่ยวเข้าไปข้างใน
“ทำไมไม่รีบเข้าไป” ภูผาที่เดินตามมาแปลกใจที่จู่ ๆ ยัยตัวแสบก็หยุดเดิน
“คนเยอะแยะเลยนายภู..........” หญิงสาวทำตาโตกระซิบกระซาบไม่ยอมเป็นหน่วยกล้าตาย ถือคติเดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัดดีกว่า
“แล้ว?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“นายนำไปก่อนสิคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึก่อนจะเดินนำเข้าไปอย่างมั่นคง ภูผาตั้งใจจะมาให้ทันก่อนเที่ยงซึ่งก็เฉียดฉิวพอดี แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องรับแขกโดยมีกอหญ้าเดินตามหลังมาติด ๆ ชายหนุ่มแลเห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งผู้ชายท่าทางภูมิฐานที่ไม่คุ้นเคยไม่รู้ว่าเป็นญาติฝ่ายไหนก็รวมอยู่ด้วย......
“เอ่อ...หม่อมท่านจัดงานอะไรหรือคะนาย” กอหญ้ากระตุกชายเสื้อคนเป็นนายพร้อมกับกระซิบถามพลางกวาดตามองภายในห้องรับแขกอย่างหวั่นวิตกเกรงว่าหม่อมเนื้อทองจะโกรธหาว่าหล่อนมักใหญ่ใฝ่สูงจับหลานชายของท่านทำสามี
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ ก็มาพร้อมกัน” ภูผาสังหรณ์ว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวกับเขาแน่ ๆ แต่ยังนิ่งเฉยอย่างคนที่รับมือกับทุกสถานการณ์ได้ดีไม่ตื่นดกตกใจเหมือนคนข้างหลังพอหันไปมองก็เห็นว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปแล้ว จะเป็นลมหรือเปล่าวะ……ภูผาเห็นอย่างนั้นจึงคว้ามือบางมาจับเอาไว้เผื่อเป็นลมเป็นแล้งจะได้ช่วยทัน
คนในห้องโดยเฉพาะหม่อมเนื้อทองยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจที่เห็นภาพแสดงความห่วงใยกันเช่นนั้น
“โชคดีนะเนี่ยมากันทันเวลาพอดีเลยลูก” หม่อมเนื้อทองเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ภูผาและกอหญ้าไหว้ทักทายทุกคนและนั่งลงข้างกันอย่างเรียบร้อย
“ทันเวลาอะไรกันครับหม่อมป้า”
“ก็ฤกษ์แต่งงานน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งพูดเลยรีบเซ็นชื่อลงไปในทะเบียนสมรสก่อนเดี๋ยวจะเลยเวลา แล้วป้าจะอธิบายให้ฟัง”
“ห๊ะ !” กอหญ้าเผลออุทานออกมาหน้าตาตื่น ในขณะที่ภูผานั่งหน้านิ่งสมชื่อ และเมื่อเห็นทุกคนมองมาที่หล่อนจึงได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยน ๆ ขยับตัวเบียดเข้าหาคนข้าง ๆ อย่างลืมตัวราวกับต้องการยึดเป็นที่พึ่งโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก......
หม่อมเนื้อทองพยักหน้าให้คนนำทะเบียนสมรสที่ตระเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีมาให้ทั้งคู่ โดยที่ภูผาคว้าปากกามาเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิด ในขณะที่กอหญ้าทำตามอย่างงง ๆ ก่อนจะส่งกลับไปให้และนายทะเบียนลงนามเป็นคนสุดท้ายเป็นอันว่าเรียบร้อย.....ทั้งคู่ได้เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายไปแบบงง ๆ แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิดส่วนกอหญ้าน่ะเหรอจะบอกอย่างไรดี .....ที่แน่ ๆ ไม่ได้เสียใจ แต่จะให้ดีใจก็ดีใจได้ไม่สุดกลัวจะเก้อ ไม่อยากเพ้อเจ้อไปคนเดียวเพราะรู้ดีว่าเป็นแค่ตัวแทนของใครบางคนเท่านั้น
