23
“อาหารกลางวันอร่อยที่สุดพร้อมแล้วค๊า.......เชิญค่ะ” หญิงสาวพูดจาแย้มยิ้มพริ้มเพราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองหนุ่มก็เช่นกันเขาลุกไปนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่ายไม่ได้เฉลียวใจว่าจะมีใครมาได้ยินสิ่งที่คุยกัน
“เป็นบุญของพี่ทิวแท้ ๆ ที่ได้ชิมอาหารกลางวันอร่อยที่สุดในโลก”
“ขี้โม้มากกว่า....” ภูผาขัดคอหมอทิว ณ จุด ๆ นี้เขารู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด
“โห...ไอ้ลิ้นจระเข้” ชายหนุ่มอดหมั่นไส้ไอ้ผู้ชายขี้เก๊กปากเสียไม่ได้ มันน่าให้อดเสียให้เข็ด
“จะไปไหน ทำไมไม่นั่งลงกินด้วยกัน” ภูผาเรียกหญิงสาวเอาไว้เมื่อเห็นหล่อนทำท่าจะผละไปแถมจานข้าวยังมีแค่สองที่
“แฮร่......หญ้าแอบชิมจนพุงกางแล้วจ้ะ เชิญนายกับพี่หมอตามสบายเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาทั้งที่ใจไม่ได้ยิ้มตาม
ภูผาอยากจะเอาหัวพุ่งชนข้างฝาให้รู้แล้วรู้รอด กับเขาที่เป็นว่าที่สามีแถมยังเคยนอนกอดกันกลม ยัยเด็กแสบกลับเรียกนายทุกคำ ทีกับไอ้ทิวไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหนถึงได้เรียกพี่ได้เต็มปากเต็มคำ
“ไม่ใช่ว่ารังเกียจพี่เหรอ” หมอทิวแกล้งตัดพ้อ
“เปล่านะคะพี่หมอ หญ้าไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย”
“งั้นก็ตามใจ กินได้แล้วไอ้หมอ…..ฉันจะไม่อยู่สองสามวันฝากดูทางนี้ด้วยล่ะ” ภูผารีบตัดบท ความจริงก็ดีเหมือนกันที่กอหญ้าไม่นั่งกินข้าวด้วยไม่อย่างนั้นไอ้ทิวคงได้พูดจากวนบาทาอีกนาน
“ไม่ฝากก็ดูอยู่แล้ว ว่าแต่แกจะไปไหน”
“ฉันจะพากอหญ้าไปส่งให้หม่อมป้า ท่านสั่งให้รีบพาไปก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ คงจะเรื่องเตรียมตัวเจ้าสาวก่อนจะถึงวันงานล่ะมั้ง” ชายหนุ่มบอกตามตรงเพราะเมื่อเช้าเขาเพิ่งจะได้รับโทรเลขจากหม่อมป้าและไม่มีเหตุผลต้องขัดใจด้วยและที่สำคัญที่สุดคืออยากย้ำไอ้เพื่อนบ้ารู้ด้วยว่ากอหญ้าน่ะของใคร
“อีกตั้งเกือบเดือนไม่ใช่เหรอแล้วนายจะอยู่ที่โน่นเลยหรือเปล่า”
“เปล่า.....ตั้งใจว่าส่งกอหญ้าเสร็จก็จะกลับมาทำงานก่อนใกล้ ๆ วันงานค่อยกลับไปใหม่”
“ทำใจได้เหรอ ห่างจากเจ้าสาวตั้งเกือบเดือนเชียวนา”
“กูไม่ใช่หนุ่มคลั่งรักโว้ยไอ้ทิว”
“ฮึ ! แล้วจะคอยดู” ชายหนุ่มพูดอย่างหมั่นไส้
“มึงหึงกูหรือเปล่าวะ.....รู้สึกว่ามึงจะหงุดหงิดชอบกลตั้งแต่รู้ว่ากูจะแต่งงานเนี่ย” ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด
“เฮ้ย !....เดี๋ยวฟ้าผ่าตายห่า....ที่หงุดหงิดน่ะกูคิดว่ามึงคบซ้อนไอ้บ้า....” หมอทิวเผลอค้อนปะหลับปะเหลือกราวกับผู้หญิงยังผลให้คนที่โดนจิกกัดมาตลอดพอได้เอาคืนบ้างแถมยังทำให้อีกฝ่ายเสียอาการ ภูผาถึงกับหัวเราะลั่นบ้านอย่างชอบอกชอบใจ…..
กอหญ้าหลบลงมาทำแปลงเตรียมปลูกพืชผักสวนครัว หล่อนตั้งใจทำแปลงเพาะเล็กๆ ก่อนจะขยายพันธุ์ปลูกให้เต็มพื้นที่เพื่อจะได้มีผักสด ๆ กินทุกวันไม่ได้ทำเพื่อเอาใจใคร แต่มันเป็นนิสัยที่ชอบเล่นดินเล่นทรายมาแต่เด็ก ๆ
ชายหนุ่มยืนมองคนที่กำลังง่วนกับการพรวนดินในแปลงให้ร่วนซุยก่อนที่จะเก็บวัชพืชออกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหว่านเมล็ดพันธุ์ต่อไป ใบหน้ากระจ่างใสมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพราวพวงแก้มและปลายจมูกปากแดงระเรื่อจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวของยามบ่าย
“บ้าแดดขึ้นมาหรือไง ทำไมไม่รอแดดร่มลมตกถึงค่อยมาทำ” ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยตำหนิตรง ๆ ยัยนี่ท่าจะห่ามเกินไปแล้ว
“ใครบอกคะ หญ้าทำเพื่อไม่ให้บ้าต่างหากล่ะ...”
“พูดอย่างกับแบกโลกเอาไว้อย่างนั้น ว่าแต่ใครทำอะไรให้เสียใจหรือไง” ถึงแม้เด็กแสบยังยิ้มให้ แต่แววตาเศร้าสร้อยแปลก ๆ ภูผาจึงย่อตัวลงนั่งคุยกัน
หญิงสาวหันมามองไม่คิดว่าเขาจะเข้ามานั่งใกล้ ๆ นายของกอหญ้าถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่ก็ใจดีน๊า....เสียดายจังคุณหญิงอะไรนั่นทำไมถึงมองไม่เห็น หญิงสาวเห็นใจคนเป็นนายทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งอกหักดังเป๊าะที่ห้ามใจไม่ทันหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิดเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
“เปล๊า !.....ใครจะกล้าไอ้หญ้าซะอย่าง....” หญิงสาวทำเป็นเก่งคุยโอ่ แต่พูดไม่ได้ว่านายภูนั่นแหละเป็นคนทำยังไม่รู้ตัวอีก.....
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นก็ไปเตรียมตัวพรุ่งนี้เราจะต้องไปถึงกรุงเทพฯก่อนเที่ยง เพราะฉะนั้นต้องออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือไปปาดเหงื่อบนหน้าผากให้หญิงสาวราวกับมันเกะกะลูกตาเขาเสียเหลือเกินเป็นผลให้อีกฝ่ายกลั้นหายใจตัวแข็งทื่อ....นายภูจะเขย่าหัวใจไอ้หญ้าไปถึงไหนกัน...บอกกันดี ๆ ก็ได้อยากให้หญ้าทำอะไรให้ ไม่ว่าจะดามหัวใจเป็นตัวแทนของใครหรือแม้แต่ให้แสดงละครก็พร้อมจะร่วมมือด้วยถ้ามันจะช่วยเยียวยาจิตใจของนายภูผาที่แสนดีของไอ้หญ้าคนนี้ได้..……
“เป็นอะไร...ไม่ต้องมาทำเคลิ้มกลางแดดเลย ไป...ไป๊ขึ้นบ้านไปเดี๋ยวฉันจะออกไปที่สำนักงานก่อน เผื่อจะต้องหยุดหลายวัน” ชายหนุ่มพูดจบก็ลุกขึ้นเดินดุ่ม ๆ ออกไปที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักเหมือนจะหนีอะไรสักอย่าง.....
