20
เรือนกายแกร่งขยับเดินเข้ามาใกล้หลังจากยืนมองอยู่ไกล ๆ มาพักใหญ่จนรู้สึกขัดใจกับท่าทางซังกะตายของยัยเด็กแสบ เห็นแล้วมันช่างบั่นทอนความมั่นใจหรือว่ากูจะแก่เกินไปวะเด็กมันถึงไม่อยากได้......ไม่น่าจะใช่ด้วยวัยแค่สามสิบหกบอกเลยว่ายังแซ่บ !!... กำลังเผ็ดได้ที่ด้วยซ้ำชายหนุ่มย้ำกับตัวเองก่อนจะเอ่ยปากถามหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าถึงสิบสี่ปี......อืม...กูหลอกเด็ก ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองอย่างหน้าชื่นตาบาน
“เป็นอะไรนักหนา กอหญ้า”
“ก็นายน่ะสิ เล่นอะไรก็ไม่รู้ดูจะบานปลายไปกันใหญ่แล้วนะคะ”
ภูผาทอดสายตามองคนที่ลอยหน้ากล่าวหาเขาพร้อมกับทำตาปะหลับปะเหลือกน่าตลก
“ก็ไหนว่า...คนอย่างไอ้หญ้ากล้าทำกล้ารับ....ไหนใครจะกู้ชื่อเสียงให้ฉันไม่แน่จริงนี่หว่า” ภูผาแกล้งตบอกเลียนแบบทั้งน้ำเสียงและท่าทางของกอหญ้าในวันนั้น วันที่หล่อนบอกว่าจะรับผิดชอบเขา.....
“หญ้าน่ะมีแต่ได้กับได้ ถือว่าเตือนแล้วน๊า.....” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริง สำหรับกอหญ้ามีแต่คำว่าไม่คู่ควรเต็มไปหมด หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยใจให้นิยมชมชอบ...เอิ่ม.....ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วล่ะ ก็เจ้านายของกอหญ้าเท่ห์ระเบิดระเบ้อเลยนี่นา.....
“เออ...ฉันยอมเสีย” ชายหนุ่มบอกอย่างคนใจป้ำ
“เสียอะไรบ้างละจ๊ะหนุ่มน้อย.....” กอหญ้าดัดเสียงทำตากรุ้มกริ่มพลางมองเรือนร่างสูงพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกับผู้ร้ายในหนังไทยตอนจะปล้ำนางเอกยังไงยังงั้น
“แก่แดด....” ภูผาไม่พูดเปล่ายังยกมะเหงกขึ้นเขกกะโหลกเด็กทะลึ่งที่ทำเป็นหื่นห่าม ตกลงว่าใครหลอกใครกันแน่วะ.....
“อูยยยยยย.......คนใจร้ายยยย” มือบางยกขึ้นคลำหัวป้อย ๆ พร้อมกับทำหน้างอเป็นตวักตักแกงทำท่าจะเดินหนี แต่โดนอ้อมแขนแกร่งรั้งรัดเอาไว้จนยากจะขยับ
“อุ้ย ! นายปล่อยนะเดี๋ยวผีผลัก” แทนที่จะตกใจหญิงสาวกลับยิ้มแฉ่ง หล่อนเริ่มรู้นิสัยอีกอย่างของเขาคือชอบแกล้งเป็นที่หนึ่งจึงได้ทำเป็นไม่เดือดเนื้อร้อนใจแกล้งกลับไปบ้าง
“หืม.....ไม่เขิน......อายแบบผู้หญิงเป็นไหมไอ้หญ้า” เมื่อไม่เป็นไปตามคาดก็ขัดใจเล็กน้อย
“ทำไมหญ้าต้องอาย นายต่างหากมากอดหญ้าทำไมหรือว่าอยากจะ.....อยากจะ....” กอหญ้าชูนิ้วชี้สองข้างขึ้นมาเสียดสีนัวเนียกันตรงหน้าแทบจะทิ่มตานายภูผาเสียเลยแถมยังทำเป็นมองเขาตาเล็กตาน้อยทั้งที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดแต่หล่อนพยายามข่มความตื่นเต้นโดยทำเป็นทะเล้นกลบเกลื่อน
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่ก้มมองมองหน้าคนในอ้อมกอดนิ่งนาน ด้วยระยะห่างกันแค่นิดเดียว ทีแรกเจ้าหล่อนก็ยังทำเป็นเก่งยังยิ้มหน้าเป็นสู้แต่สุดท้ายก็ต้องหลบตาแก้มแดงปลั่ง.....เฮ้อ !.... ค่อยยังชั่วหน่อย ชายหนุ่มโล่งอกอย่างน้อยกอหญ้าก็ยังมีความรู้สึกแบบผู้หญิงล่ะวะ...เดี๋ยวเถอะ.....แต่งงานกันเมื่อไหร่ไม่ว่ายัยตัวแสบจะชอบหญิงหรือชาย หล่อนจะต้องร้องเรียกหาแต่ผู้ชายที่ชื่อภูผาคนเดียวเท่านั้น คนตกหลุมดันมาชอบทอมบอยคิดหมายมาดในใจ
“ไง...คนเก่งหลบตาทำไม”
“เปล่าหลบ.......ง่วงแล้วต่างหาก” ปากบอกอย่างนั้นแต่ก็ไม่ยอม เงยหน้าขึ้นพูดด้วย ยังคงตอบอู้อี้อยู่กับอก
“อ้าวเหรอ...งั้นไปนอนด้วยกันฉันกำลังอยาก....นอนเหมือนกัน” คำพูดสองแง่สองง่ามเอ่ยออกมาพร้อมกับคลายอ้อมกอดเปลี่ยนไปจับข้อมือแทนทำเหมือนจะจับจูงกันเข้าไปนอนเจตนาสร้างความคลุมเครือเหมือนหมาหยอกไก่ ถ้าสาวเจ้ายอมก็เอาจริงนะนั่น.....ไหน ๆ ก็จะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ได้หลอกฟันฟรีเสียเมื่อไหร่อะไรสอนกันได้ก็ควรทำแต่เนิ่น ๆ .....จู่ ๆ คนใจร้อนอยากมีครอบครัวแบบพี่ชายก็ทำท่าจะรอไม่ได้อยากมีเจ้าหนู ยัยหนูกับเขาบ้าง
กอหญ้าสะบัดมือหลุดก่อนจะวิ่งปรู๊ดห่างไปสามช่วงแขนแล้วจึงหันกลับมาทำหน้าตกใจชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งเหนือศีรษะของคนเป็นนายท่าทางตื่นตระหนกราวกับเจอตัวประหลาด “เป็นอะไรกอหญ้า” ภูผาถามพลางหันมองรอบกายเลิ่กลั่ก
“งู......งูหัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเลยนาย” พูดจบก็หันหลังวิ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจนกระทั่งหายเข้าไปในห้อง
“ไอ้หญ้า !...ไอ้ตัวแสบ” ชายหนุ่มได้แต่ตะโกนตามหลังก่อนจะส่ายหน้ายิ้ม ๆ จากนั้นจึงกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ขนาดตัวเขาเองยังแปลกใจทำไมกูหายเศร้าเร็วจังเลยวะ....เพิ่งถูกบอกเลิกเมื่อไม่กี่วันมิหนำซ้ำแฟนเก่ายังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้อีกต่างหาก.....
บทที่ 7
เช้าวันนี้กอหญ้าปั่นจักรยานที่นายภูผาหามาไว้ให้ใช้ตั้งแต่วันก่อนจุดหมายปลายทางคือปางช้าง เส้นทางอันแสนคุ้นเคยที่หล่อนใช้เป็นประจำตั้งแต่เด็ก ๆ ระหว่างทางบนถนนลูกรังบดอัดแน่นมีเพียงจักรยานของหญิงสาวอยู่คันเดียวหล่อนจึงได้ชมนกชมไม้อย่างสบายอารมณ์เพราะสองข้างทางเป็นป่าสักที่มีดอกไม้ใบหญ้านานาชนิดขึ้นแซมเพิ่มสีสันผสมผสานกลมกลืนยืนท้าหมู่ภมร ผีเสื้อหลากสีหลากสายพันธุ์บินว่อนเวียนวนร่อนถลาหวังชื่นชมให้สมใจ
....ปริ๊น....ปริ๊น....
“ว้าย !!.ตาเถร....” เสียงแตรรถที่ดังแหวกอากาศท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่กำลังเผลอปล่อยใจไปกับธรรมชาติอันงดงามถึงกับตกอกตกใจถลาลงข้างทางพร้อมกับจักรยานคันใหม่เอี่ยมลงไปนอนเค้เก้อยู่อย่างงุนงง....ลงมานอนข้างทางทำไมวะเนี่ย
“กอหญ้า !.....” หมอทิวกระโดดลงจากรถ วิ่งเข้าไปหาหญิงสาวที่เขาจำหล่อนได้ดีอย่างรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้หญิงสาวต้องเจ็บตัว
“อูย...พี่หมอนี่เองนึกว่าใคร”
