17
“ฮึ !...ลูกน้องสุดที่รักนี่แหละหวดถนัดดีนัก” ชายหนุ่มหิ้วคอเสื้อกอหญ้าขึ้นมาพยายามจะจับหมุนให้หันมาหาทำอย่างกับเป็นถุงแกง โดยหลีกเลี่ยงการที่จะสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่ายอย่างเต็มที่
“ก็หญ้าบอกว่าพูดเล่นไงจ๊ะ ไม่ได้ท้าทายสักหน่อย สักน้อยก็ไม่ได้คิด” หญิงสาวทำเสียงเล็กเสียงน้อยพลางหันมายิ้มประจบเต็มที่
“นายภู !.....กอหญ้า...” กลุ่มคนงานหญิงนำมาด้วยนางบัวคำถือไม้กวาด ตะหลิว กระทะอะไรก็ตามแต่ที่พอจะเป็นอาวุธได้แต่พอเห็นว่าผู้ชายเป็นใคร พวกหล่อนถึงกับอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นคนในข่าวซุบซิบแถมยังกำลังหยอกล้อกัน เท่ากับยืนยันว่าข่าวที่ได้น่าจะเป็นข่าวจริง ทำให้ต่างก็รู้สึกกันหลากหลาย
ภูผาปล่อยมือจากคอเสื้อของกอหญ้าเอาไปล้วงกระเป๋ากางเกงไว้แทน สีหน้านิ่งสนิทมาก ในขณะที่กอหญ้ามองพวกป้า ๆ วางหน้าไม่ถูกเหมือนกัน หล่อนเดาว่าสาวเหลือน้อยกลุ่มนี้คงจะบริโภคข่าวลือกันไปจนอิ่มแปล้ ไม่รู้จะแก้ไขยังไงนอกจากส่งยิ้มให้ แต่มันฝืดเฝื่อนเต็มที
“จะไปไหนกัน” ภูผาเอ่ยทักเสียงเรียบ
“เอ่อ...พวกฉันได้ยินเสียงนัง...เอ่อ....คุณ...เอ่อ....กอหญ้าร้องโวยวายเลยคิดว่าโดนใครทำร้าย ถ้าไม่เป็นอะไรงั้นพวกฉันกลับกันเลยนะจ๊ะ” นางบัวคำเป็นคนตอบ พอเห็นแบบนี้แล้วทำให้วางตัวไม่ถูกเมื่อคิดว่าสถานะของกอหญ้าคงเปลี่ยนไปแล้ว
“ขอบใจมาก ไม่มีอะไรหรอกไปทำงานกันเถอะ”
นางบัวคำนำทีมกลับโรงครัวแต่ก็ได้ยินสียงกระซิบกันให้แซ่ดในกลุ่มนั้น แต่แล้วนางบัวคำก็เดินย้อนกลับมาคนเดียว
“นายภูจ๊ะ อย่าหาว่าคนแก่ยุ่งเลยนะในเมื่อผิดผีไปแล้วก็ควรจะทำให้ถูกต้อง กอหญ้าน่ะกำพร้าแม่ไม่มีใครดูแลปกป้องขืนปล่อยไว้แบบนี้จะยิ่งเป็นขี้ปากชาวบ้าน” เห็นเป็นลูกเป็นหลาน หากนางไม่พูดให้ก็คงไม่มีใครพูด
“อืม.....ขอบใจ” ภูผาพูดสั้น ๆ ส่วนนางบัวคำก็ดูเหมือนจะพอใจจึงได้กลับออกไป
“นายอ่ะ เป็นเรื่องจนได้” กอหญ้าหันมากล่าวหาทั้งที่ตนเองเป็นต้นเหตุแท้ ๆ แต่มันเขินนี่นา ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“เพราะฉัน?” ภูผาเลิกคิ้ว
“ก็ได้ เพราะไอ้หญ้าเองที่ปากพล่อย” ด้วยพื้นฐานไม่ใช่คนพาล หล่อนจึงยอมรับแต่โดยดี
“วันนี้คงลือกันสนั่น”
“นายภูก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือคะ” กอหญ้าถามอย่างแปลกใจไม่คิดว่าเขาจะรู้ข่าวมาจากทางไหน จะมีใครกล้าเม้าส์เรื่องแบบนี้กับเจ้านายอย่างเขากันนะ
“อืม.....ฉันว่าอยู่กับฉันยังไงเธอก็เสียหาย”
กอหญ้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าเขาจะให้หล่อนกลับไปอยู่บ้านกับพ่อจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น.....หรือจะไปขออาศัยกับป้าบัวคำดี ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกเลี้ยงของแกยังอยู่หรือเปล่า ถ้ารายนั้นยังอยู่ยิ่งแย่ใหญ่ผู้ชายไม่เอาถ่าน.....
“ไหน ๆ ก็ผิดผีไปแล้ว ทำอย่างที่ป้าบัวคำบอกก็ดีนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาหนักแน่น เพราะปัญหาดูจะลุกลามไปมากกว่าที่คิด
“มะ...หมายความว่าไงคะนาย” กอหญ้าผงะไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับคำพูดของป้าบัวคำเพราะนายภูผาเป็นคนเมืองกรุงเขาไม่น่าจะต้องมากังวลกับเรื่องที่เป็นความเชื่อของคนที่นี่
“ก็วันนั้นเรากอดกันกลมดิ๊ก มันยิ่งกว่าจับมือถือแขนไม่ใช่เหรอ” ภูผารู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่คราวที่เกิดเรื่องระหว่างพรานบุญมีกับผกา ตอนนั้นผู้คนต่างก็พูดกันไปต่าง ๆ นา ๆ นำไปสู่การขอขมาและแต่งงานกันของทั้งคู่นัยว่าถ้าหากปล่อยผ่านไปเฉย ๆ จะทำให้บรรพบุรุษลงโทษเกิดความวิบัติฉิบหายแก่คนในตระกูล ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่นี่เชื่อและถือปฏิบัติกันอย่างนั้น......
“แต่นายไม่ใช่คนที่นี่ ไม่จำเป็นต้องทำตามความเชื่อนี้ก็ได้ค่ะ” กอหญ้าบอกตามตรง เพราะตัวหล่อนเองก็มีความเชื่อในเรื่องนี้เจือจางลงไปมากแล้ว เพราะความที่ได้ไปรู้เห็นโลกกว้างเข้าไปเรียนโรงเรียนฝรั่งในเมืองกรุงตั้งหลายปีก็ย่อมเอนเอียงไปบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ยังรักรากเหง้าความเป็นตัวตนของสาวชาวบ้านป่าอยู่ไม่น้อย
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะไปจากที่นี่เสียหน่อย อย่างนี้เรียกว่าคนที่นี่ได้หรือยัง”
“เฮ้อ ! เอาที่เจ้านายสบายใจเลยเจ้าค่ะ....แต่ยังไงหญ้าก็คิดว่าเราไม่ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ขนาดพ่อเห็นคาตาอย่างนั้นยังไม่พูดถึงเรื่องนี้สักคำ” หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรู้สึกน้อยใจด้วย......
“ถามจริงเหอะ......ไม่อยากเอาชนะผกาหรือไง”
กอหญ้าเจอคำถามนี้เข้าไปถึงกับชะงัก ยอมรับว่าไม่เคยคิดจะเอาชนะนังผกาเลย ไม่ใช่เพราะน้ำจิตน้ำใจที่ดีงามแต่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนั้นมากกว่า คนพาลยังไงก็พาล.....
“ถ้าแต่งงานกับฉันนี่ เธอชนะขาดลอยเลยนะกอหญ้า” ภูผาถามยิ้ม ๆ เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาสับสนของอีกฝ่าย...นึกอยากแกล้งชอบที่หล่อนแสดงอารมณ์ออกมาซื่อ ๆ ชอบ โกรธ ลังเลก็แสดงออกมาอย่างนั้น.....ว่าแต่เหตุผลแค่นั้นใช่ไหมวะไอ้ภูถึงได้เซ้าซี้หล่อนอยู่เนี่ย......เอาเถอะ ! จะรู้สึกยังไงกับยัยตัวแสบก็ช่างถึงยังไงเขาก็ควรจะต้องรับผิดชอบเจ้าหล่อนอยู่ดี การมีกอหญ้าในชีวิตแค่ไม่กี่วันที่ผ่านก็ไม่ได้แย่เสียหน่อย ……
“แล้วนายล่ะคะ จะได้อะไร”
“อย่างน้อยใครก็จะไม่มาว่าได้ว่าฉันไร้ความรับผิดชอบ” ชายหนุ่มรู้ว่าคำตอบที่พูดออกไปไม่ได้ตรงกับความรู้สึกจริง ๆ ในใจ แต่มันพูดไม่ถูก.....
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ หญ้าจะกู้ชื่อเสียงของนายให้เอง คนอย่างไอ้หญ้ากล้าทำกล้ารับ” หญิงสาวยืดตัวตบอกพลางพยักหน้าให้กับคนตรงหน้าเรียกความมั่นใจ
“เดี๋ยวนะ.....เธอหมายความว่าไง ต้องเป็นเธอหรือเปล่าที่เรียกร้องความรับผิดชอบจากฉัน” ภูผาเริ่มงงสับสนกับยัยตัวแสบ ที่เขาคิดว่าหล่อนแสดงออกมาซื่อ ๆ อ่านง่ายคงไม่ใช่แล้วแหละ ยังไงกันแน่วะ......
“ก็ตามนั้นแหละนายภู...ตกลงว่าจะกินข้าวเหนียวหมูทอดที่หญ้าห่อมาหรือจะไปโรงครัวคะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น
