15
เกือบสามทุ่มคืนนั้น กอหญ้านั่งกอดเข่ามองอาหารที่เตรียมพร้อมเอาไว้จนเย็นชืดหมดแล้ว นายภูผาไปไหนของเขานะ...หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ใช่เรื่องที่หล่อนจะไปรู้สึกอะไรกับการอยู่หรือไปของเขา ไม่ได้เป็นเมียสักหน่อย......หญิงสาวได้แต่ทอดถอนใจ หรือว่าหล่อนควรจะกลับไปอยู่กับพ่อดีเพราะอยู่แบบนี้มันก็สมควรที่จะให้คนนินทา....ลำพังแต่หล่อนนั้นไม่เป็นไร ยังไงก็โดนตัดสินไปแล้วว่าร่าน น่าไม่อาย แต่กับเจ้านายเขาจะขายไม่ออกเอา......
ภูผากลับเข้าบ้านมาเกือบเที่ยงคืนเมื่อเห็นว่าที่นั่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเขากลับขึ้นบ้านมาเงียบ ๆ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกอหญ้านั่งกอดเข่าพิงข้างฝาแถมยังหลับตาพริ้มอีกต่างหาก....บนโต๊ะมีฝาชีครอบอาหารเอาไว้ นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าหล่อนรอเขากินข้าว
“กอหญ้า ลุกไปนอนดี ๆ”
“อือ.....”
“กอหญ้า !”
“คะ...นายกลับมาแล้วเหรอ” หญิงสาวตกใจขยับนั่งตัวตรงแหนว
“ทำไมไม่เข้าห้องนอนดี ๆ มานั่งตรงนี้ทำไม”
“เอ่อ...หญ้ารอนายภูอยู่ค่ะ เลยเผลอหลับไป นายกินข้าวมาหรือยังคะ”
“ไม่ล่ะ เที่ยงคืนแล้วเอาไว้กินพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน” ภูผาจะเดินเข้าห้องของตัวเองแต่เหลือบมองหญิงสาวที่ทำหน้าผิดหวัง ไหล่ห่อคอตก....
“ฉันไปดูช้างตกลูกมา ก็เลยอยู่เป็นเพื่อหมอทิวเฝ้าลูกช้าง” ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอธิบายให้เจ้าหล่อนฟังทั้งที่ไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำ
“เหรอคะ ลูกช้างน่ารักไหมนายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายแล้วตัวใหญ่รึเปล่า.....” กอหญ้ามีอาการกระตือรือร้นหายหงอยเป็นปลิดทิ้ง วันนี้หล่อนไม่ได้ติดตามนายภูออกไปด้วยเลยพลาดนาทีตื่นเต้นไปอย่างน่าเสียดาย
“ไม่รู้สิ ก็เหมือนช้าง”
“โห...นาย....ไม่เห็นความน่ารักของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เลยเหรอ”
“อยากรู้ไปดูเองไหมล่ะ”
“ไปค่ะ พรุ่งนี้รอหญ้าด้วยน๊า....” หญิงสาวรีบรับคำอย่างดีใจ
“ตื่นให้ทันแล้วกัน” ภูผาตัดบทเตรียมตัวอาบน้ำไม่อย่างนั้นคงจะถูกถามเกี่ยวกับลูกช้างทั้งคืน......
เช้าวันรุ่งขึ้น
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” ชายหนุ่มอ่อนใจที่เห็นยัยเด็กแสบสะพายย่ามนั่งยิ้มแป้นพิงล้อรถสงสัยกลัวอดไปดูช้าง เมื่อเช้ามืดเขาได้ยินเสียงกุกกักในครัวแสดงว่าเจ้าหล่อนคงรีบตื่นมาเตรียมตัวในย่ามนั่นก็คงไม่พ้นอาหารกลางวัน...อืม...ก็รอบคอบใช้ได้ภูผานึกชื่นชมอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปเกรงว่าเจ้าหล่อนจะคุยฟุ้งอวดโอ่จนหนวกหู
“รอนายค่ะ ......สงสัยมัวแต่งหล่อไปอวดแม่ช้างถึงได้ช้า” ประโยคหลังกอหญ้าพูดเบา ๆ เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าแต่คนหูดีดันได้ยินถึงได้ถลึงตากลับมา
“วอนอดไปแล้วนะไอ้หญ้า”
“โธ่ นายจ๋าหญ้าล้อเล่น” เรือนร่างปราดเปรียวในชุดเสื้อกางเกงม่อฮ่อมอย่างที่หล่อนชอบใส่พร้อมกับผ้าโพกหัวสีสดใส กระโดดแผล็วขึ้นไปนั่งประจำข้างคนขับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถึงขนาดนี้แล้วไอ้หญ้าไม่ยอมโดนทิ้งเด็ดขาด
ภูผาส่ายหน้ายิ้ม ๆ เห็นสภาพแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเจ้าหล่อนจบจากโรงเรียนฝรั่งชื่อดังในกรุงเทพฯ มองยังไงก็เด็กบ้านป่าชัด ๆ ...อืม....หรือว่าเพราะเขาชอบป่า ชอบทุกอย่างที่เป็นป่าจึงได้เอ็นดูกอหญ้าเป็นพิเศษเขารู้สึกสนิทใจแล้วก็..........ไม่มีทางเขาไม่ได้ชอบกอหญ้าแบบชู้สาว ชายหนุ่มรีบปัดความคิดนอกลู่นอกทางออกจากสมองอย่างเร็ว........
“โอ้โห ! ทำไมโรงเลี้ยงช้างมันใหญ่โตมากขนาดนี้ล่ะนาย เมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้นี่นา” กอหญ้ากระโดดลงจากรถได้ก็ตื่นเต้นใหญ่ เพราะสภาพโรงเลี้ยงช้างที่เปลี่ยนไปกว้างขวางสะอาดสะอ้านมิหนำซ้ำยังรวมส่วนที่เป็นต้นไม้ใหญ่เข้าไปด้วยเรียกว่าเปิดโอกาสให้ช้างทั้งหลายได้เลือกว่าอยากอยู่แบบมีหลังคาหรือว่าจะอยู่ใต้ท้องฟ้าและเงาไม้
“หึหึ....ชอบล่ะสิ....”
“ชอบมากค่ะ.......นายดูสิคะพี่ช้างเขามีความสุขกันมากเลย” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี หล่อนแลดูตื่นตาตื่นใจราวกับนั่งอยู่ในโรงละครโอเปร่าก่อนจะวิ่งไปเกาะคอกแยกที่แม่กับลูกช้างเกิดใหม่อยู่ด้วยกัน ในนั้นยังมีลุงช้างควาญเก่าแก่ที่กอหญ้ารู้จักดีกับผู้ชายอีกสองคนนั้นหล่อนไม่รู้จัก ทั้งสามกำลังช่วยกันจัดท่าให้เจ้าตัวเล็กได้ดูดนมแม่...
“ลุงช้างขอหญ้าเข้าไปได้ไหมจ๊ะ” หญิงสาวตะโกนถามไม่ดังนัก
“อ้าว ! ไอ้หญ้าหรือวะ” ลุงช้างเขม้นมองอยู่อึดใจจึงได้ส่งเสียงทักทายอย่างจำได้เพราะตอนเด็ก ๆ กอหญ้าตามพรานบุญมีมาที่นี่บ่อย ๆ
“จ้ะลุง หญ้าจะเข้าไปแล้วนะ” เอ่ยปากขออนุญาตทั้งที่ตัวเองกำลังปีนเหย็ง ๆ จนกระทั่งกระโดดลงไปยืนด้านในเรียบร้อย
“เออ...ระวัง ๆ ล่ะอย่าเสียงดัง”
กอหญ้าย่อตัวลงค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างกลมกลืนอ้อมไปยืนข้างหลังลุงช้างก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสสะโพกลูกช้างเบา ๆ และเมื่อไม่มีการต่อต้านหล่อนจึงยืนลูบและเข้าใกล้เรื่อย ๆ
“นายแน่มากภูผา....เมื่อวานเขาลือกันให้แซ่ดวันนี้พามาโชว์เลย....เจ๋งว่ะ...” หมอทิวเดินมาข้างนอกที่เพื่อนยืนกอดอกมองอยู่ และเอ่ยถามยิ้ม ๆ แววตาล้อเลียน
“ไอ้บ้า ไม่ใช่โว้ย”
“ไม่ใช่แล้วทำไมมึงต้องเขิน”
หมอทิวเห็นกับตาว่าโหนกแก้มสีเข้มขึ้น แถมยังการขึ้นเสียงแปลก ๆ แบบนี้มีพิรุธชัด ๆ
“เออ ๆ ๆ ถ้าไม่ใช่งั้นกูจีบนะ...ชอบว่ะน่ารักดี” หมอทิวบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่มแววตาเป็นประกาย
“ไอ้ห่าทิวเดี๋ยวโดนถีบ” ด่าออกไปชนิดที่ตะครุบคำพูดไม่ทัน.....จึงได้แต่ตีหน้านิ่ง
“เอ๊า ! มีหวง....หวงก้างนี่หว่า” หมอหนุ่มหัวเราะร่วน เมื่อวานเขาไม่ค่อยเชื่อข่าวลือเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างชวนให้สงสัย...น่าสงสารเด็กมันถ้าจะถูกเสือขย้ำแล้วทิ้งขว้าง สำนึกของคนดีเริ่มทำงาน อยากเข้าไปขวางใจจะขาดแต่ติดตรงที่เจ้าหล่อนอยู่ในถ้ำเสือนี่แหละ...เวรกรรมจริง ๆ ......
