14
“ฮึ ! ป้าก็รู้นี่ว่าที่บ้านหญ้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หนูไม่มีวันอยู่ร่วมชายคากับนังผกามันเด็ดขาด...นังปีศาจชัด ๆ ....” หญิงสาวตอบเสียงแข็งพูดถึงแล้วยังเจ็บใจไม่หายแม้แต่พ่อก็หลงเข้าข้างมัน
“งั้นข้าขอถามเอ็งตรง ๆ เลยก็แล้วกัน.......คือว่า....วันนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่าเอ็งน่ะเป็นนางบำเรอของนายจริงไหมวะ” นางบัวคำอดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามตรงไปตรงมาพร้อมกับจ้องหน้ารอคอยคำตอบตาเขม็ง
“นังผกามันคงป่าวประกาศไปทั่วแล้วมั้ง” กอหญ้าไม่แปลกใจ รู้อยู่แล้วว่าผกาไม่มีทางปล่อยโอกาสงาม ๆ ที่จะทำลายชื่อเสียงของหล่อนให้หลุดลอยไปแน่นอน
“แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อมันเสียที่ไหน คนเก่า ๆ ที่นี่ส่วนใหญ่เขาก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าใครเป็นยังไง” นางบัวคำพูดตามที่คิด
“ตอนนี้ไม่มีอะไรหรอกป้า ต่อไปก็ไม่แน่” กอหญ้าพูดยิ้ม ๆ
นางบัวคำตบเข่าฉาด พลางหัวร่ออย่างชอบใจ
“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิวะ...แต่ไม่เอาแค่นางบำเรอนะ ต้องเป็นนายหญิงให้ได้อย่ายอมแพ้มัน”
“อ้าว ! นึกว่าป้าจะห้ามหนูเสียอีก”
“ห้ามเหิ้มทำไม เป็นคุณนายไปเลยไอ้หญ้าป้าสนับสนุน”
“วุ้ย ! ป้าอย่าพูดไปเดี๋ยวขี้กลากขึ้นหัวหนู ไม่กล้าคิดหรอกป้าขืนทำรุ่มร่ามมีหวังได้ไปเก็บขี้ช้าง ไม่เอาจ้ะหญ้าไม่เอาด้วยหรอกทำงานบ้านให้นายแบบนี้แหละดีแล้ว ถ้าเรื่องเยอะนักหญ้าก็ว่าจะไปทำงานกับหม่อมท่านที่กรุงเทพฯ”
“เฮ้ย ! อย่างนั้นก็แพ้สิวะ” นางบัวคำชักไม่สนุก ไม่ทันไรนางเอกก็จะหนีเสียแล้ว
“ความจริงหญ้าก็ไม่ได้อยากเอาชนะใครหรอกจ้ะป้า แค่เห็นว่าพ่อมีคนดูแลก็หมดห่วงแล้ว”
“เฮอะ ! นังผกาน่ะเหรอจะดูแลพ่อเอ็ง” บัวคำลงเสียงหนักค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อยเปื่อย
“ทำไมป้าคิดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” กอหญ้ารู้สึกว่าป้าบัวคำต้องกำความลับอะไรไว้
“ก็ความจริงมันต้องการจะจับนายภูต่างหาก แต่ดันพลาดกลายเป็นพ่อเอ็งน่ะสิ”
“หืม ? เรื่องมันเป็นยังไงล่ะป้า” กอหญ้ารุกถามต่อ
“ก็คืนนั้นน่ะมีงานเลี้ยงใหญ่ นายเมามากพวกคนงานก็เมาแต่ก็ช่วยกันพานายกลับมาส่งบ้านแล้วก็เมาหลับเฝ้าหน้าห้องกันอยู่แถวนี้แหละ ส่วนพ่อเอ็งน่ะไม่รู้เรื่องรู้ราวดันเข้าไปนอนแทนที่นายก็เลยโดนนังผกามันมุดมุ้งเข้าให้ล่ะสิ” นางบัวคำเล่าอย่างออกรส
“อืม อย่างนี้นี่เอง พ่อถึงต้องรับผิดชอบนังผกาใช่ไหมป้า”
“ก็ตามนั้นแหละ ข้าว่าคลอดลูกเมื่อไหร่ นังผกามันคงบินปร๋อแน่ไม่มีทางที่ผู้หญิงอย่างมันจะจบลงที่ผัวแก่หรอก”
“งั้นพ่อก็คงไม่ได้รักนังผกาสินะ...”
“อันนี้ข้าก็ไม่รู้”
กอหญ้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา บางทีอาจเป็นหล่อนที่ไม่ยอมฟังพ่อเลยก็ได้....เฮ้อ....คิดแล้วหนักใจเหมือนใครเอาหินมาถ่วงทับสักร้อยกิโล........ตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะทำยังต่อดี.....
ทางด้านภูผาแวะเข้าไปตรวจงานที่โรงเลี้ยงช้างในช่วงเย็น พอดีเจอเข้ากับเหตุการณ์แม่ช้างตกลูกจึงได้โกลาหลกันใหญ่เพราะเหมือนจะเร็วกว่าที่สัตวแพทย์คาดการณ์เอาไว้แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ภูผากับหมอทิวสัตวแพทย์ประจำที่นี่ นั่งจิบกาแฟกันข้าง ๆ กองไฟเพราะยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็นทั้งคู่อยู่ไม่ไกลจากโรงเลี้ยงช้างนักเพราะต้องเฝ้าดูอาการของทั้งแม่และลูกเผื่อว่ามีอาการผิดปกติจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที
“เป็นไง.....ได้ข่าวว่ามึงมีของดีเก็บไว้ที่บ้านเหรอวะ” หมอทิวสัพยอกเพื่อนสนิท ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายช่างเม้าส์ แต่ข่าวลือวันนี้มันแพร่สะพัดรวดเร็วลุกลามไปทุกหย่อมหญ้าของปางไม้แห่งนี้....ก็เรื่องคาว ๆ ใคร ๆ ก็ชอบพูดและยิ่งเป็นเรื่องของนายใหญ่ของที่นี่ด้วยแล้ว แทบจะไม่เป็นอันทำงานทำการกันเลยทีเดียวโดยเฉพาะในหมู่คนงานหญิง
“มึงพูดเรื่องอะไร” คิ้วเข้มขมวดมุ่นหันมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่รู้จริง ๆ หรือว่าปกปิด”
“ไอ้หมอ ถ้าจะพูดก็พูดมาให้หมด ไม่อย่างนั้นก็หุบปากไปเลยรำคาญ”
“ก็เรื่องที่มึงซุกเด็กไว้ที่บ้านพัก ไม่กลัวแฟนที่กรุงเทพฯรู้หรือวะ” หมอทิวถามโดยไม่รู้ว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาไม่เคยเจอกับคุณหญิงแสงดาวแต่ก็รู้ว่าเพื่อนคบแบบจริงจังหวังแต่งงานกับสาคนนี้แน่นนอน
“ไอ้ห่า.....พูดเรื่องอะไรของมึง”
“ก็วันนี้เขาพูดกันให้แซ่ดจนหูกูจะแตกแล้วเนี่ย”
“อ๋อ....ลูกสาวพรานบุญมี” เพราะมีงานยุ่งทั้งวันจึงลืมเรื่องเมื่อเช้าเสียสนิท แต่ที่แปลกใจทำไมถึงได้แพร่ออกไปรวดเร็วเหลือเกิน
“ห๊า......นี่มึงทำอะไรลงไป รู้ไหมว่าฝีมืออย่างพรานบุญมีหาไม่ได้ง่าย ๆ นะเว้ย วอนเสียคนเก่งไปแล้วนะมึง”
“ไอ้บ้า ! ไม่มีอะไรทั้งนั้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“กูไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือถูก แต่ตอนนี้เด็กมึงชื่อเสียงป่นปี้”
“บอกว่าไม่ใช่เด็กกู หม่อมป้าฝากให้มาทำงานเท่านั้น” อืม...เท่านั้นจริง ๆ ถ้าหล่อนเหมือนผู้หญิงทั่วไปก็ว่าไปอย่าง.....
“เออ....กูก็แค่เล่าเท่าที่ได้ยินมา” หมอทิวไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากจิบกาแฟอีกหลายอึก ก่อนจะคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป......
